คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 374 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘ฉันไม่ต้องการหลักฐาน’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 374 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘ฉันไม่ต้องการหลักฐาน’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 374 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘ฉันไม่ต้องการหลักฐาน’

หัวหน้าทีมคุ้มกันตระกูลถึงกับลงมือด้วยตัวเอง ก็มีแค่นายใหญ่เท่านั้นที่สั่งได้

คนบงการเรื่องนี้ก็คือนายใหญ่ตระกูลอวี๋

เนี่ยอี้รู้ว่าอิ๋งจื่อจินมีฝีมือการรักษาที่สูงมาก ดังนั้นหลังจากที่เขาได้ข่าวกรองจึงล่วงหน้าไปที่โลกจอมยุทธ์ก่อน

ผู้เฒ่าเนี่ยจับที่เท้าแขนแน่น เล่าเรื่องในวันนั้นให้ฟัง พูดเสียงขรึม “เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลหลินด้วย!”

ทำไมถึงบังเอิญขนาดนั้น พอพ่อบ้านตระกูลหลินมา เนี่ยเฉาก็ถูกคนของตระกูลอวี๋ทำร้าย

“ตระกูลหลิน” ฟู่อวิ๋นเซินนึกไม่ถึงว่าจะมีจุดนี้ด้วย ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “ตระกูลหลินอีกแล้ว”

ตระกูลหลินเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของโลกจอมยุทธ์ อยู่เหนือกว่าตระกูลหลิงหนึ่งขั้น และไม่ใช่ตระกูลที่ตระกูลอวี๋จะมาเทียบได้

อย่าว่าแต่ตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่เลย ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่อีกสองตระกูลของโลกจอมยุทธ์ก็ไม่มีทางงัดข้อกับตระกูลหลิน

โดยเฉพาะการที่ตระกูลหลินมีหลินชิงจยา

ด้วยเหตุนี้ในโลกจอมยุทธ์ ตระกูลหลินถึงได้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุดกับพวกตระกูลแพทย์แผนโบราณ

ตระกูลหลินก็เลยพลอยยิ่งใหญ่ที่สุดไปด้วย อีกสองตระกูลที่เหลือจึงต้องเลี่ยงความขัดแย้ง

“ไปตระกูลอวี๋ก่อน แล้วค่อยไปตระกูลหลิน” ฟู่อวิ๋นเซินไม่สูบบุหรี่ แต่จุดไว้หนึ่งมวน

ประกายไฟสะท้อนอยู่ในดวงตาสีอำพันของเขา เย็นชาวูบไหว

เขาพูด “สืบต่อ ยังมีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก ห้ามปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว”

ฟู่อวิ๋นเซินก็พอเดาได้ว่าตระกูลอวี๋มาเพราะยาเม็ดนั้น พูดให้ถูกก็คือ พุ่งเป้ามาที่อิ๋งจื่อจิน

ตระกูลหลินก็เจ้าเล่ห์ ไม่เลือกที่จะลงมือเอง แต่กลับแกล้งปล่อยข้อมูลให้พวกตระกูลในใต้อาณัติรู้

ไม่ว่าจะทำร้ายเนี่ยเฉาหรือพุ่งเป้ามาที่อิ๋งจื่อจิน จะอันไหนก็ล้วนล้ำเส้นเขา

ผู้เฒ่าเนี่ยส่ายหน้า สีหน้าเหนื่อยใจ “แต่พวกเราไม่มีหลักฐาน”

ฟู่อวิ๋นเซินได้ฟังก็ยิ้มเล็กน้อย

เขาดับบุหรี่ที่เพิ่งจุด พูดอย่างสบายๆ “ผมจำเป็นต้องมีหลักฐานด้วยเหรอครับ”

พอได้ยินแบบนี้ผู้เฒ่าเนี่ยก็ตกใจ “นาย…”

ถูกต้อง

ในโลกจอมยุทธ์ ความสามารถต่างหากที่เป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียว

“วงการจอมยุทธ์จัดการกันยังไงก็ทำตามกฎของที่นั่น” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก น้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนปกติ “ใครทำเพื่อนของผมก็ต้องรับผิดชอบ”

วงการจอมยุทธ์มีการห้ำหั่นกันมากมาย ต่อสู้ฆ่าแกงกันได้ทุกวัน มีตระกูลที่ถูกทำลายทุกเดือน คนตายเป็นเรื่องปกติ

บางครั้งความขัดแย้งเล็กน้อยของสองตระกูลใหญ่ยังโหดเหี้ยมยิ่งกว่าสงครามยุคโบราณ

และก็เพราะสภาพแวดล้อมแบบนี้ถึงหล่อหลอมให้จอมยุทธ์ส่วนใหญ่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต นิสัยบุ่มบ่ามทำอะไรไม่เกรงกลัว

ในสายตาของจอมยุทธ์ ชีวิตคนไม่มีค่าสักแดงเดียว

ผู้เฒ่าเนี่ยก็รู้สึกโชคดีที่เนี่ยอี้อยู่ในวงการจอมยุทธ์มานานขนาดนี้แต่นิสัยกลับไม่ผิดเพี้ยน

อิ๋งจื่อจินที่อยู่ข้างๆ พักผ่อนไปหลายนาทีก็ลุกขึ้น “ไปด้วยกันเถอะ”

“เยาเยา อย่าดื้อ เธอเพิ่งหมดแรง รออยู่ที่นี่แหละ” แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง “พี่ชายจะจัดการเรื่องนี้เอง”

“ฉันไม่ลงมือ” อิ๋งจื่อจินพูด “ฉันจะเอายาไปให้พวกเขา”

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก รู้แล้วว่าเธอจะใช้วิธีไหน

เขาลูบศีรษะเธอ สายตาอ่อนโยน “งั้นก็ไปด้วยกัน”

โลกจอมยุทธ์

ตระกูลอวี๋

“นายใหญ่” ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พูดอย่างนอบน้อม “ทำตามที่สั่งเสร็จแล้วครับ เพียงแต่ระหว่างเอาเลือดได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น”

เขาเล่าเรื่องที่พลาดให้ฟัง

นายใหญ่ตระกูลอวี๋ฟังจบก็ขมวดคิ้ว แต่ก็คลายออกในเวลาอันรวดเร็ว ส่ายมือแบบที่ไม่เห็นด้วย “เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนเอาเลือดไปวิจัย”

ชายวัยกลางคนคารวะแล้วออกไป

ถึงแม้เขาจะเผลอทำร้ายเนี่ยเฉาจนสาหัส แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเก็บเลือดมา

ถ้าสามารถวิจัยออกมาได้ว่ายาที่เนี่ยเฉากินมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง ตระกูลอวี๋ก็จะยิ่งพัฒนาฝีมือได้สูงขึ้น

พอชายวัยกลางคนออกไปแล้วนายใหญ่ตระกูลอวี๋ก็แสยะยิ้ม

ต่อให้ตระกูลอวี๋ของพวกเขาจะด้อยกว่าตระกูลหลินมาก แต่ก็เป็นตระกูลที่มีสมาชิกร้อยกว่าคน รวมพวกลูกน้องกับคนคุ้มกันก็เกินห้าร้อยแล้ว

นอกจากผู้หญิงกับเด็กเล็ก คนที่เหลือต่างเป็นจอมยุทธ์

ผู้อาวุโสตระกูลอวี๋ที่วิทยายุทธ์ล้ำเลิศที่สุดได้ฝึกฝนมาแปดสิบปีแล้ว

ตระกูลเนี่ยทำธุรกิจ เป็นตระกูลปุถุชน ลำพังแค่เนี่ยอี้จะมาสู้อะไรได้

ต่อให้เนี่ยอี้จะเป็นจอมยุทธ์ที่เก่งแค่ไหน พรสวรรค์สูงเพียงใด ก็ไม่มีทางบุกเดี่ยวมาล้างแค้นที่ตระกูลอวี๋

ถ้าเนี่ยอี้มา เขาก็ไม่ถือสาที่จะเก็บเนี่ยอี้เสียที่นี่

นายใหญ่ตระกูลอวี๋ไม่ได้เก็บเรื่องนี้เอามาใส่ใจ เขาดื่มชาหนึ่งถ้วยแล้วเตรียมไปพักผ่อน

แต่ทันใดนั้นเองลูกน้องในบ้านก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาคุกเข่า “นายใหญ่ เกิดเรื่องแล้วครับ มีคนบุกเข้ามาแล้ว”

นายใหญ่ตระกูลอวี๋มือสั่น สีหน้าเปลี่ยน “ว่าไงนะ!”

“เนี่ยอี้ครับ!” ลูกน้องพูดเสียงสั่น “เนี่ยอี้บุกเข้ามาครับ!”

พอได้ยินชื่อนี้นายใหญ่ตระกูลอวี๋ก็ใจเย็นลง “ฉันก็คิดว่าใคร แค่เขาเหรอ ส่งพวกหัวหน้าทีมคุ้มกันไปสิ”

ปีนี้เนี่ยอี้อายุยี่สิบเจ็ดปี หลังจากเขาเข้าวงการจอมยุทธ์ตอนเจ็ดขวบก็ฝึกกำลังภายใน ฝึกมาแล้วยี่สิบปี

แต่เขาแค่คนเดียวจะสู้พวกหัวหน้าทีมคุ้มกันหลายคนได้อย่างไร

“มะ…ไม่ใช่แค่เขาครับ!” ลูกน้องปากสั่นฟันกระทบกัน “นายใหญ่ออกไปดูหน่อยเถอะครับ”

นายใหญ่ตระกูลอวี๋หมดความอดทน “ต่อให้ไม่ใช่แค่เนี่ยอี้มา รวมกับคนอื่นในตระกูลเนี่ย มันจะมีเรื่องอะไรได้”

คิดว่าจะทำอะไรตระกูลอวี๋ได้จริงๆ เหรอ

ไร้เดียงสา

แต่เขาคิดแล้วสุดท้ายก็เดินออกไป

ที่ด้านนอก

คนคุ้มกันของตระกูลอวี๋นอนกองอยู่บนพื้น

ชายวัยกลางคนคุกเข่า ตัวสั่น เขามองผู้ชายที่สวมชุดกันลมสีดำด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

เนี่ยอี้รู้จักจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

แต่ว่าผู้ชายคนนี้อายุแค่ยี่สิบต้นๆ เองนะ!

วิทยายุทธ์ล้ำเลิศขนาดนี้เลยเหรอ

แต่พอเขาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้กลับไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่น้อย ใช้ไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว

“ท่าน…ท่านหมายความว่าไงครับ” ชายวัยกลางคนรับไม่ได้ เขาแสร้งทำเป็นอวดดี “ทำไมต้องทำร้ายคนคุ้มกันของตระกูลอวี๋ด้วย!”

แววตาของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชา “แกใช่ไหม”

ชายวัยกลางคนตัวเกร็ง ยืนกรานปากแข็ง “มีหลักฐานอะไรครับ”

เพิ่งจะผ่านมานานเท่าไรเอง

อย่างมากก็หกชั่วโมง

พวกเขาลบร่องรอยทิ้งไปหมดแล้ว ตระกูลเนี่ยจะสืบเจอได้อย่างไร

ไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่

ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ฉันไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐาน”

ประโยคนี้ทำให้หัวใจของชายวัยกลางคนหล่นวูบ

ในขณะที่เขากำลังจะสติแตก ฟู่อวิ๋นเซินกลับปล่อยเขาให้หลุดจากการถูกควบคุม

ชายวัยกลางคนดีใจ หันตัวจะวิ่งหนี

แต่ทันใดนั้นเอง

กร๊อบ

กร๊อบๆ!

เสียงกระดูกร้าวแตกหัก

ในเวลาแค่วินาทีเดียว สองขาถูกหักทิ้ง

ชายวัยกลางคนตะลึงสุดขีด ใบหน้าซีดเซียว เจ็บเจียนตาย

กำลังภายในว่างเปล่า!

ฝีมือขนาดนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลอวี๋ก็ทำไม่ได้

ชายวัยกลางคนปากสั่น “แก…”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจ

เขาหันไป ความเย็นชาในตัวสลายไป กวักมือเรียก “เยาเยา มานี่”

อิ๋งจื่อจินถือกล่องใบเล็กเดินเข้าไป

ชายวัยกลางคนยังอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดแสนสาหัส ใกล้หมดสติเต็มที

สมองสะลึมสะลือ หูอื้อ จนกระทั่งได้ยินคำพูดหนึ่ง

“อยากได้ยาของฉันไม่ใช่เหรอ” อิ๋งจื่อจินย่อตัวลง แสยะยิ้ม “พอดี ฉันเอามาด้วย อยากกินเท่าไรก็ได้”

ชายวัยกลางคนสีหน้าเปลี่ยน “แก แก…”

ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะแปลงโฉมแล้ว แต่ไม่ได้แปลงโฉมให้ดูอายุมาก

แม้แพทย์แผนโบราณจะคงความเยาว์ได้ แต่ก็ไม่อาจฝืนธรรมชาติ ย่อมมีข้อจำกัด

ชายวัยกลางคนคิดว่า หมอแผนโบราณที่ปรุงยาแบบนี้ออกมาได้ อายุจะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยปีแน่นอน

หมอแผนโบราณอายุเท่านี้ ต่อให้ใช้ยาคงความเยาว์ อย่างมากก็แค่ทำให้ใบหน้ากับน้ำเสียงของตัวเองหยุดที่อายุยี่สิบห้า

แต่เด็กสาวคนนี้อายุไม่น่าเกินยี่สิบปีด้วยซ้ำ!

นี่ต้องเป็นหมอแผนโบราณที่เก่งขนาดไหน

ไม่เคยได้ยินมาก่อน!

อิ๋งจื่อจินสวมถุงมือ เธอเปิดกล่องที่พกมาด้วย

ในนั้นมีขวดกับกระปุกวางอยู่เต็มไปหมด ละลานตา

สายตาของอิ๋งจื่อจินกวาดตามองขวดพวกนั้นแล้วยกมือหยิบขวดหยกสีขาวขึ้นมาก่อน ดึงจุกออก

จากนั้นก็เหลือบตาขึ้น ยิ้มอีกครั้ง พูดเสียงเบา “ฉันป้อนให้ดีไหม”

ชายวัยกลางคนรู้สึกขนลุก แทบสติแตก “ไม่…ไม่!”

เขาแทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าในขวดใบนั้นไม่ได้มีของดีอะไรแน่นอน

ถึงแม้หมอแผนโบราณจะต่อสู้ไม่เก่ง แต่พวกเขาก็มีวิธีมากมายที่จะทำให้จอมยุทธ์ตายทั้งเป็น

ชายวัยกลางคนอยากวิ่งหนี แต่เขาเพิ่งถูกฟู่อวิ๋นเซินหักขา แม้แต่แรงจะยืนยังไม่มี

เขามองเด็กสาว ใกล้หมดหวังเต็มที “ไม่เอา ฉันไม่กิน!”

แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์

ในดวงตาที่หวาดกลัวของชายวัยกลางคน สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเย็นชา แววตาโหดเหี้ยมดุจคมมีด

เธอออกแรงที่มือ ใช้วิธีหักกระดูกดังกร๊อบ บิดคางของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 374 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘ฉันไม่ต้องการหลักฐาน’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 374 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘ฉันไม่ต้องการหลักฐาน’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 374 ฟู่อวิ๋นเซิน ‘ฉันไม่ต้องการหลักฐาน’

หัวหน้าทีมคุ้มกันตระกูลถึงกับลงมือด้วยตัวเอง ก็มีแค่นายใหญ่เท่านั้นที่สั่งได้

คนบงการเรื่องนี้ก็คือนายใหญ่ตระกูลอวี๋

เนี่ยอี้รู้ว่าอิ๋งจื่อจินมีฝีมือการรักษาที่สูงมาก ดังนั้นหลังจากที่เขาได้ข่าวกรองจึงล่วงหน้าไปที่โลกจอมยุทธ์ก่อน

ผู้เฒ่าเนี่ยจับที่เท้าแขนแน่น เล่าเรื่องในวันนั้นให้ฟัง พูดเสียงขรึม “เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลหลินด้วย!”

ทำไมถึงบังเอิญขนาดนั้น พอพ่อบ้านตระกูลหลินมา เนี่ยเฉาก็ถูกคนของตระกูลอวี๋ทำร้าย

“ตระกูลหลิน” ฟู่อวิ๋นเซินนึกไม่ถึงว่าจะมีจุดนี้ด้วย ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “ตระกูลหลินอีกแล้ว”

ตระกูลหลินเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของโลกจอมยุทธ์ อยู่เหนือกว่าตระกูลหลิงหนึ่งขั้น และไม่ใช่ตระกูลที่ตระกูลอวี๋จะมาเทียบได้

อย่าว่าแต่ตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่เลย ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่อีกสองตระกูลของโลกจอมยุทธ์ก็ไม่มีทางงัดข้อกับตระกูลหลิน

โดยเฉพาะการที่ตระกูลหลินมีหลินชิงจยา

ด้วยเหตุนี้ในโลกจอมยุทธ์ ตระกูลหลินถึงได้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุดกับพวกตระกูลแพทย์แผนโบราณ

ตระกูลหลินก็เลยพลอยยิ่งใหญ่ที่สุดไปด้วย อีกสองตระกูลที่เหลือจึงต้องเลี่ยงความขัดแย้ง

“ไปตระกูลอวี๋ก่อน แล้วค่อยไปตระกูลหลิน” ฟู่อวิ๋นเซินไม่สูบบุหรี่ แต่จุดไว้หนึ่งมวน

ประกายไฟสะท้อนอยู่ในดวงตาสีอำพันของเขา เย็นชาวูบไหว

เขาพูด “สืบต่อ ยังมีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก ห้ามปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว”

ฟู่อวิ๋นเซินก็พอเดาได้ว่าตระกูลอวี๋มาเพราะยาเม็ดนั้น พูดให้ถูกก็คือ พุ่งเป้ามาที่อิ๋งจื่อจิน

ตระกูลหลินก็เจ้าเล่ห์ ไม่เลือกที่จะลงมือเอง แต่กลับแกล้งปล่อยข้อมูลให้พวกตระกูลในใต้อาณัติรู้

ไม่ว่าจะทำร้ายเนี่ยเฉาหรือพุ่งเป้ามาที่อิ๋งจื่อจิน จะอันไหนก็ล้วนล้ำเส้นเขา

ผู้เฒ่าเนี่ยส่ายหน้า สีหน้าเหนื่อยใจ “แต่พวกเราไม่มีหลักฐาน”

ฟู่อวิ๋นเซินได้ฟังก็ยิ้มเล็กน้อย

เขาดับบุหรี่ที่เพิ่งจุด พูดอย่างสบายๆ “ผมจำเป็นต้องมีหลักฐานด้วยเหรอครับ”

พอได้ยินแบบนี้ผู้เฒ่าเนี่ยก็ตกใจ “นาย…”

ถูกต้อง

ในโลกจอมยุทธ์ ความสามารถต่างหากที่เป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียว

“วงการจอมยุทธ์จัดการกันยังไงก็ทำตามกฎของที่นั่น” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก น้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนปกติ “ใครทำเพื่อนของผมก็ต้องรับผิดชอบ”

วงการจอมยุทธ์มีการห้ำหั่นกันมากมาย ต่อสู้ฆ่าแกงกันได้ทุกวัน มีตระกูลที่ถูกทำลายทุกเดือน คนตายเป็นเรื่องปกติ

บางครั้งความขัดแย้งเล็กน้อยของสองตระกูลใหญ่ยังโหดเหี้ยมยิ่งกว่าสงครามยุคโบราณ

และก็เพราะสภาพแวดล้อมแบบนี้ถึงหล่อหลอมให้จอมยุทธ์ส่วนใหญ่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต นิสัยบุ่มบ่ามทำอะไรไม่เกรงกลัว

ในสายตาของจอมยุทธ์ ชีวิตคนไม่มีค่าสักแดงเดียว

ผู้เฒ่าเนี่ยก็รู้สึกโชคดีที่เนี่ยอี้อยู่ในวงการจอมยุทธ์มานานขนาดนี้แต่นิสัยกลับไม่ผิดเพี้ยน

อิ๋งจื่อจินที่อยู่ข้างๆ พักผ่อนไปหลายนาทีก็ลุกขึ้น “ไปด้วยกันเถอะ”

“เยาเยา อย่าดื้อ เธอเพิ่งหมดแรง รออยู่ที่นี่แหละ” แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง “พี่ชายจะจัดการเรื่องนี้เอง”

“ฉันไม่ลงมือ” อิ๋งจื่อจินพูด “ฉันจะเอายาไปให้พวกเขา”

สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก รู้แล้วว่าเธอจะใช้วิธีไหน

เขาลูบศีรษะเธอ สายตาอ่อนโยน “งั้นก็ไปด้วยกัน”

โลกจอมยุทธ์

ตระกูลอวี๋

“นายใหญ่” ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พูดอย่างนอบน้อม “ทำตามที่สั่งเสร็จแล้วครับ เพียงแต่ระหว่างเอาเลือดได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น”

เขาเล่าเรื่องที่พลาดให้ฟัง

นายใหญ่ตระกูลอวี๋ฟังจบก็ขมวดคิ้ว แต่ก็คลายออกในเวลาอันรวดเร็ว ส่ายมือแบบที่ไม่เห็นด้วย “เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ อีกเดี๋ยวฉันจะให้คนเอาเลือดไปวิจัย”

ชายวัยกลางคนคารวะแล้วออกไป

ถึงแม้เขาจะเผลอทำร้ายเนี่ยเฉาจนสาหัส แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเก็บเลือดมา

ถ้าสามารถวิจัยออกมาได้ว่ายาที่เนี่ยเฉากินมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง ตระกูลอวี๋ก็จะยิ่งพัฒนาฝีมือได้สูงขึ้น

พอชายวัยกลางคนออกไปแล้วนายใหญ่ตระกูลอวี๋ก็แสยะยิ้ม

ต่อให้ตระกูลอวี๋ของพวกเขาจะด้อยกว่าตระกูลหลินมาก แต่ก็เป็นตระกูลที่มีสมาชิกร้อยกว่าคน รวมพวกลูกน้องกับคนคุ้มกันก็เกินห้าร้อยแล้ว

นอกจากผู้หญิงกับเด็กเล็ก คนที่เหลือต่างเป็นจอมยุทธ์

ผู้อาวุโสตระกูลอวี๋ที่วิทยายุทธ์ล้ำเลิศที่สุดได้ฝึกฝนมาแปดสิบปีแล้ว

ตระกูลเนี่ยทำธุรกิจ เป็นตระกูลปุถุชน ลำพังแค่เนี่ยอี้จะมาสู้อะไรได้

ต่อให้เนี่ยอี้จะเป็นจอมยุทธ์ที่เก่งแค่ไหน พรสวรรค์สูงเพียงใด ก็ไม่มีทางบุกเดี่ยวมาล้างแค้นที่ตระกูลอวี๋

ถ้าเนี่ยอี้มา เขาก็ไม่ถือสาที่จะเก็บเนี่ยอี้เสียที่นี่

นายใหญ่ตระกูลอวี๋ไม่ได้เก็บเรื่องนี้เอามาใส่ใจ เขาดื่มชาหนึ่งถ้วยแล้วเตรียมไปพักผ่อน

แต่ทันใดนั้นเองลูกน้องในบ้านก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาคุกเข่า “นายใหญ่ เกิดเรื่องแล้วครับ มีคนบุกเข้ามาแล้ว”

นายใหญ่ตระกูลอวี๋มือสั่น สีหน้าเปลี่ยน “ว่าไงนะ!”

“เนี่ยอี้ครับ!” ลูกน้องพูดเสียงสั่น “เนี่ยอี้บุกเข้ามาครับ!”

พอได้ยินชื่อนี้นายใหญ่ตระกูลอวี๋ก็ใจเย็นลง “ฉันก็คิดว่าใคร แค่เขาเหรอ ส่งพวกหัวหน้าทีมคุ้มกันไปสิ”

ปีนี้เนี่ยอี้อายุยี่สิบเจ็ดปี หลังจากเขาเข้าวงการจอมยุทธ์ตอนเจ็ดขวบก็ฝึกกำลังภายใน ฝึกมาแล้วยี่สิบปี

แต่เขาแค่คนเดียวจะสู้พวกหัวหน้าทีมคุ้มกันหลายคนได้อย่างไร

“มะ…ไม่ใช่แค่เขาครับ!” ลูกน้องปากสั่นฟันกระทบกัน “นายใหญ่ออกไปดูหน่อยเถอะครับ”

นายใหญ่ตระกูลอวี๋หมดความอดทน “ต่อให้ไม่ใช่แค่เนี่ยอี้มา รวมกับคนอื่นในตระกูลเนี่ย มันจะมีเรื่องอะไรได้”

คิดว่าจะทำอะไรตระกูลอวี๋ได้จริงๆ เหรอ

ไร้เดียงสา

แต่เขาคิดแล้วสุดท้ายก็เดินออกไป

ที่ด้านนอก

คนคุ้มกันของตระกูลอวี๋นอนกองอยู่บนพื้น

ชายวัยกลางคนคุกเข่า ตัวสั่น เขามองผู้ชายที่สวมชุดกันลมสีดำด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

เนี่ยอี้รู้จักจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

แต่ว่าผู้ชายคนนี้อายุแค่ยี่สิบต้นๆ เองนะ!

วิทยายุทธ์ล้ำเลิศขนาดนี้เลยเหรอ

แต่พอเขาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้กลับไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่น้อย ใช้ไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว

“ท่าน…ท่านหมายความว่าไงครับ” ชายวัยกลางคนรับไม่ได้ เขาแสร้งทำเป็นอวดดี “ทำไมต้องทำร้ายคนคุ้มกันของตระกูลอวี๋ด้วย!”

แววตาของฟู่อวิ๋นเซินเย็นชา “แกใช่ไหม”

ชายวัยกลางคนตัวเกร็ง ยืนกรานปากแข็ง “มีหลักฐานอะไรครับ”

เพิ่งจะผ่านมานานเท่าไรเอง

อย่างมากก็หกชั่วโมง

พวกเขาลบร่องรอยทิ้งไปหมดแล้ว ตระกูลเนี่ยจะสืบเจอได้อย่างไร

ไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่

ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ฉันไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐาน”

ประโยคนี้ทำให้หัวใจของชายวัยกลางคนหล่นวูบ

ในขณะที่เขากำลังจะสติแตก ฟู่อวิ๋นเซินกลับปล่อยเขาให้หลุดจากการถูกควบคุม

ชายวัยกลางคนดีใจ หันตัวจะวิ่งหนี

แต่ทันใดนั้นเอง

กร๊อบ

กร๊อบๆ!

เสียงกระดูกร้าวแตกหัก

ในเวลาแค่วินาทีเดียว สองขาถูกหักทิ้ง

ชายวัยกลางคนตะลึงสุดขีด ใบหน้าซีดเซียว เจ็บเจียนตาย

กำลังภายในว่างเปล่า!

ฝีมือขนาดนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสของตระกูลอวี๋ก็ทำไม่ได้

ชายวัยกลางคนปากสั่น “แก…”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่สนใจ

เขาหันไป ความเย็นชาในตัวสลายไป กวักมือเรียก “เยาเยา มานี่”

อิ๋งจื่อจินถือกล่องใบเล็กเดินเข้าไป

ชายวัยกลางคนยังอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดแสนสาหัส ใกล้หมดสติเต็มที

สมองสะลึมสะลือ หูอื้อ จนกระทั่งได้ยินคำพูดหนึ่ง

“อยากได้ยาของฉันไม่ใช่เหรอ” อิ๋งจื่อจินย่อตัวลง แสยะยิ้ม “พอดี ฉันเอามาด้วย อยากกินเท่าไรก็ได้”

ชายวัยกลางคนสีหน้าเปลี่ยน “แก แก…”

ถึงแม้อิ๋งจื่อจินจะแปลงโฉมแล้ว แต่ไม่ได้แปลงโฉมให้ดูอายุมาก

แม้แพทย์แผนโบราณจะคงความเยาว์ได้ แต่ก็ไม่อาจฝืนธรรมชาติ ย่อมมีข้อจำกัด

ชายวัยกลางคนคิดว่า หมอแผนโบราณที่ปรุงยาแบบนี้ออกมาได้ อายุจะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยปีแน่นอน

หมอแผนโบราณอายุเท่านี้ ต่อให้ใช้ยาคงความเยาว์ อย่างมากก็แค่ทำให้ใบหน้ากับน้ำเสียงของตัวเองหยุดที่อายุยี่สิบห้า

แต่เด็กสาวคนนี้อายุไม่น่าเกินยี่สิบปีด้วยซ้ำ!

นี่ต้องเป็นหมอแผนโบราณที่เก่งขนาดไหน

ไม่เคยได้ยินมาก่อน!

อิ๋งจื่อจินสวมถุงมือ เธอเปิดกล่องที่พกมาด้วย

ในนั้นมีขวดกับกระปุกวางอยู่เต็มไปหมด ละลานตา

สายตาของอิ๋งจื่อจินกวาดตามองขวดพวกนั้นแล้วยกมือหยิบขวดหยกสีขาวขึ้นมาก่อน ดึงจุกออก

จากนั้นก็เหลือบตาขึ้น ยิ้มอีกครั้ง พูดเสียงเบา “ฉันป้อนให้ดีไหม”

ชายวัยกลางคนรู้สึกขนลุก แทบสติแตก “ไม่…ไม่!”

เขาแทบไม่ต้องเดาก็รู้ว่าในขวดใบนั้นไม่ได้มีของดีอะไรแน่นอน

ถึงแม้หมอแผนโบราณจะต่อสู้ไม่เก่ง แต่พวกเขาก็มีวิธีมากมายที่จะทำให้จอมยุทธ์ตายทั้งเป็น

ชายวัยกลางคนอยากวิ่งหนี แต่เขาเพิ่งถูกฟู่อวิ๋นเซินหักขา แม้แต่แรงจะยืนยังไม่มี

เขามองเด็กสาว ใกล้หมดหวังเต็มที “ไม่เอา ฉันไม่กิน!”

แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์

ในดวงตาที่หวาดกลัวของชายวัยกลางคน สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเย็นชา แววตาโหดเหี้ยมดุจคมมีด

เธอออกแรงที่มือ ใช้วิธีหักกระดูกดังกร๊อบ บิดคางของเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+