คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 375 สะเทือนวงการจอมยุทธ์ คู่จิ้นยาวิเศษออกโรงคู่

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 375 สะเทือนวงการจอมยุทธ์ คู่จิ้นยาวิเศษออกโรงคู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 375 สะเทือนวงการจอมยุทธ์ คู่จิ้นยาวิเศษออกโรงคู่

คางถูกหักแบบนี้ ความเจ็บปวดยิ่งทวีความรุนแรง

ดวงตาของชายวัยกลางคนเบิกโพลงในทันที แทบจะสลบไปอีกครั้ง

แต่มืออีกข้างของอิ๋งจื่อจินจับบ่าเขาไว้ กำลังภายในที่เบามากถูกถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของเขาเพื่อบีบให้เขามีสติขึ้นมา สลบไปไม่ได้

ชายวัยกลางคนจำต้องฝืนทอต่อความเจ็บปวดอันรุนแรงนี้ ความเจ็บปวดบนร่างกายย่อมสู้ความสิ้นหวังที่ถูกทำลายจิตใจไม่ได้

ถึงแม้ขาของเขาจะถูกฟู่อวิ๋นเซินหักแล้ว แต่กำลังภายในของเขายังอยู่

ชายวัยกลางคนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ถึงแม้กำลังภายในของเด็กสาวจะแผ่วเบา แต่กลับทรงพลังมาก

แตกต่างกับผู้ชายคนนั้นที่เมื่อครู่หักขาของเขา เขาสัมผัสไม่ได้แม้กระทั่งว่าวิทยายุทธของคนพวกนี้ล้ำเลิศเพียงใด

เป็นทั้งจอมยุทธและหมอแผนโบราณงั้นเหรอ!

สีหน้าของชายวัยกลางคนตื่นตะลึงสุดขีด ดวงตาเบิกโพลงยิ่งกว่าเดิม จนแทบถลนออกมา

คนที่เป็นทั้งจอมยุทธและหมอแผนโบราณมีน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี

แต่ในบรรดาคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่โดดเด่น

ถ้าไม่กำลังภายในปั่นป่วน วิทยายุทธ์ถดถอย ลมปราณแตกซ่าน เพราะต้องฝึกทั้งจอมยุทธกับการรักษาแผนโบราณ

ไม่ก็ฝึกทั้งสองอย่างได้แค่ขั้นธรรมดา

บางครั้งการเก่งรอบด้านก็หมายถึงความไม่มีอะไรพิเศษ

เพราะกำลังของมนุษย์มีขีดจำกัด เว้นเสียแต่จะเป็นอัจฉริยะ พรสวรรค์สูงส่ง

ในเวลายี่สิบกว่าปีมานี้ก็มีแค่ตระกูลหลินที่ปรากฏอัจฉริยะอย่างหลินชิงจยา ถูกตระกูลจอมยุทธกับตระกูลแพทย์แผนโบราณใหญ่ๆ ยกไว้เป็นของล้ำค่า

ตระกูลอวี๋เป็นหนึ่งในตระกูลใต้อาณัติของตระกูลหลิน ชายวัยกลางคนย่อมเคยมีบุญได้เจอหลินชิงจยา

เด็กสาวตรงหน้าเขาคนนี้ก็ฝึกเป็นทั้งจอมยุทธกับหมอแผนโบราณงั้นเหรอ

แถมยังเก่งกว่าด้วย!

นี่ถ้าถูกวงการจอมยุทธกับวงการแพทย์แผนโบราณรู้เข้าจะสะเทือนเลือนลั่นขนาดไหน

“กะ…แกก็เป็นจอมยุทธด้วย!”

ยากำลังออกฤทธิ์ที่อวัยวะภายในของเขา ชายวัยกลางคนส่งเสียงร้องใจจะขาด

“ทำไมแกต้องช่วยคนธรรมดาด้วย!”

จอมยุทธฆ่าคนล้างแค้น ไม่ว่าภายในจะขัดแย้งกันเพียงใด แต่ท่าทีที่มีต่อคนนอกกลับเหมือนกัน

เขาผ่านจุดอิ่มตัวมาได้เมื่อสองปีก่อน ถึงได้กลายเป็นหัวหน้าทีมคุ้มกันของตระกูลอวี๋

เขาได้รับสิ่งตอบแทนที่มากกว่า ฝีมือก็สูงขึ้น

อย่าว่าแต่พวกคนธรรมดาที่อยู่นอกวงการจอมยุทธเลย แม้แต่จอมยุทธที่ฝีมือด้อยกว่าเขา เขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา เหม็นขี้หน้าก็จับฆ่าทิ้งหมด นานมากแล้วที่เขาไม่เคยโดนหยามศักดิ์ศรีแบบนี้

“ก็แค่ผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ยไม่ใช่เหรอ” ดวงตาของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง

“เขาเป็นคนธรรมดา ตายแล้วก็ตายไปสิ จำเป็นต้องมาทำกันถึงขั้นนี้เลยเหรอ!”

ชีวิตของคนธรรมดาจะมาเทียบกับจอมยุทธอย่างเขาได้ยังไง

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ แววตายังคงเย็นชา

เธอยกมือหยิบอีกขวดหนึ่งแล้วเทยาออกมาหนึ่งเม็ด ทั้งยังพูดอย่างใจเย็นด้วยว่า “รสช็อกโกแลต หวังว่าจะชอบนะ”

ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ยังไม่ทุเลา ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าถูกกรีดหัวใจก็แล่นเข้ามา

“อ๊าก!” ชายวัยกลางคนกรีดร้องอีกครั้ง ลงไปดิ้นทุรนทุรายบนพื้นไม่หยุด

พอกินยาเม็ดนี้ลงไป ผิวของเขาก็แตกอย่างต่อเนื่อง

ผิวแตกเห็นเนื้อด้านในอย่างแท้จริง

เวลานี้อิ๋งจื่อจินถึงพูดขึ้น น้ำเสียงราบเรียบ

“เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นเพื่อนฉัน”

ชายวัยกลางคนกลับไม่ได้ยินแล้ว มีเลือดแดงสดไหลออกมาจากหู

เนี่ยอี้จัดการทีมคุ้มกันอีกทีมหนึ่งเสร็จก็ได้ยินเสียงจากทางนี้ จึงเดินเข้ามา

พอเห็นเหตุการณ์ แม้แต่เขาก็ยังอดตะลึงไม่ได้ “อวิ๋นเซิน คุณอิ๋งเธอ…”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ

เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มองอิ๋งจื่อจิน แววตาเริ่มขรึมลง ดำมืดดุจราตรี

เขาไม่เคยเห็นอิ๋งจื่อจินในแบบนี้มาก่อน

แม้แต่เวลาเธอบาดเจ็บเอง เธอก็ไม่เป็นแบบนี้

แต่ถ้าคนรอบตัวถูกรังแก แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่มีทางออมมือให้

เธอเคยผ่านอะไรมากันแน่ ถึงได้เย็นชาถึงขั้นไม่รู้สึกอะไรต่อสรรพสิ่งภายนอก แถมยังฆ่าคนหน้านิ่งได้ขนาดนี้

เขาจินตนาการไม่ออก

แค่รู้สึกเจ็บปวด

“อวิ๋นเซิน ฉันได้ยินเสวี่ยเซิงบอกว่า ช่วงหนึ่งปีที่คุณอิ๋งอยู่ในบ้านตระกูลอิ๋งได้รับความทุกข์ทรมานทางจิตใจอยู่ไม่น้อย” เนี่ยอี้พูดเสียงเบา “ต่อไปให้เธอทำเรื่องแบบนี้น้อยหน่อยดีกว่า ไม่งั้นอาการอาจกลับมาได้”

“ฉันรู้” ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับ แสยะยิ้ม “มันก็ต้องระบายออกมาบ้าง เดี๋ยวจะอัดอั้นเกินไป”

เนี่ยอี้เงียบ

เขารู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ฟู่อวิ๋นเซินอยู่ในโลกจอมยุทธก็ต่อสู้ผ่านความเป็นความตายมาอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อควบคุมอารมณ์

อาศัยความเจ็บปวดทางร่างกายมาข่มอารมณ์ความรู้สึก ประคองให้มีสติอยู่เสมอ

ด้วยเหตุนี้เขาถึงไปเฉียดความตายครั้งแล้วครั้งเล่า

สองคนนี้คล้ายกันมาก แต่กลับเติมเต็มให้กันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ถูกกรอกยาเม็ดแล้วเม็ดเล่า ชายวัยกลางคนสติแตกอย่างสิ้นเชิงแล้ว

คราวนี้ต่อให้มีกำลังภายในของอิ๋งจื่อจินบังคับให้เขามีสติ เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ชายวัยกลางคนสลบไป เหลือเพียงลมหายใจรวยริน

อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ยืนขึ้น

เธอสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ถึงระงับความโกรธภายในจิตใจได้

จากนั้นเธอก็ถอดถุงมือทิ้ง โยนใส่หน้าชายวัยกลางคน “ไร้ค่าจริงๆ”

พวกยาที่เธอพกมานี้ไม่ถือเป็นยาพิษ แต่ก็เพียงพอให้ทรมานคน

ยาพิษที่นักปรุงยาพิษทำออกมายังมีฤทธิ์รุนแรงกว่ายาพวกนี้ด้วยซ้ำ

บนเว็บบอร์ดเอ็นโอเคยังมีอีกชาร์ตอันดับที่เกี่ยวข้องกับยาพิษ

อันที่จริงบอกว่าเป็นชาร์ตอันดับก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะยาพิษชั้นยอดแบบนี้ไม่มีใครแยกแยะได้ว่าอันไหนมีฤทธิ์รุนแรงกว่ากัน

พิษประหลาดเจ็ดชนิดบนโลก

มีสี่ชนิดที่ตอนนั้นเธอคิดค้นออกมาได้

แต่ละชนิดสามารถทำลายแผ่นดินใหญ่ได้อย่างง่ายดาย อันตรายเต็มพิกัด

ด้วยเหตุนี้ก่อนที่เธอจะไปจากโลกนี้ครั้งก่อน เธอถึงได้ทำลายพิษสี่ชนิดนี้ที่เธอทำขึ้นมาหมดแล้ว รวมถึงสมุนไพรที่ปรุงพิษสี่ชนิดนี้ด้วย

ส่วนพิษอีกสามชนิดที่เหลือถูกคิดค้นออกมาโดยนักปรุงยาพิษคนอื่นหลังจากที่เธอไปแล้ว

นักปรุงยาพิษอันดับสามที่ไปขายครีมกันแดดอยู่แถวชายหาดของตระกูลเบวินก็ถือครองอยู่หนึ่งชนิด

นักปรุงยาพิษอันดับสอง จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่พบร่องรอย

อิ๋งจื่อจินไม่มองชายวัยกลางคนอีก เธอเดินเข้าไป “ยังมีอีกสามคนใช่ไหม”

เนี่ยอี้พยักหน้า “จัดการสามคนนั้นไปแล้ว”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็ดี”

พอพูดจบอยู่ๆ เธอก็ไอออกมา สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

แต่เธอยังคงใจเย็น “ถือว่าได้แก้แค้นให้เขาแล้ว”

“เยาเยา” สองมือของฟู่อวิ๋นเซินจับบ่าของเธอ เขาพูดอีกครั้ง

“ฟังนะ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ”

ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เอาแต่เงียบ

ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“เด็กน้อย อย่าปล่อยให้คนอื่นครอบงำความรู้สึกของเธอได้ พวกเขายังไม่คู่ควร”

ทันใดนั้นมีเสียงตวาดดังขึ้น

“ใครกล้ามาทำตัวกำเริบเสิบสานในบ้านตระกูลอวี๋ของฉัน!”

พอนายใหญ่ตระกูลอวี๋ออกมาก็ต้องตะลึง แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

ตระกูลอวี๋มีคนคุ้มกันทั้งหมดหนึ่งร้อยคน สลบหมดทุกคนไม่มีใครโชคดีแม้แต่คนเดียว

“เนี่ยอี้!” นายใหญ่ตระกูลอวี๋มองเห็นเนี่ยอี้ตั้งแต่แวบแรก เขาโมโหยิ่งกว่าเดิม “แกมันช่างกล้านัก!”

เนี่ยอี้เงยหน้า สายตาโกรธแค้น “ตระกูลอวี๋ต่างหากที่กล้าเหลือเกิน”

“ก็แค่ทำน้องชายของแกพิการไม่ใช่เหรอ หรือว่าเป็นผักไปแล้ว” นายใหญ่ตระกูลอวี๋แสยะยิ้ม

“ทำไม ใครใช้ให้ตระกูลเนี่ยของพวกแกเป็นตระกูลนักธุรกิจทั่วไปล่ะ รนหาที่เองไม่ใช่เหรอ”

เขาไม่กลัวสักนิด

ต่อให้ไม่มีคนคุ้มกัน แต่ผู้อาวุโสตระกูลอวี๋ยังอยู่

สามคนนี้อายุน้อยขนาดนี้ ต่อให้เก่งจะเก่งได้สักแค่ไหนกัน

ทำร้ายคนคุ้มกันของเขามากขนาดนี้ เขาไม่มีทางปล่อยเนี่ยอี้ไว้แน่

ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ปล่อยเนี่ยอี้ ยังจะทำลายตระกูลเนี่ยด้วย

“ผู้อาวุโส สามคนนี้ทำร้ายคนคุ้มกันของตระกูลอวี๋จำนวนนับไม่ถ้วน” นายใหญ่ตระกูลอวี๋แสยะยิ้ม หันไปคารวะตรงจุดที่อยู่ไกลๆ ด้วยความนอบน้อม เขาตะโกน “ขอผู้อาวุโสโปรดออกโรงด้วยครับ!”

พอเขาพูดจบก็มีเงาของใครคนหนึ่งโผล่ฟึ่บมาอยู่ข้างนายใหญ่ตระกูลอวี๋

เป็นชายชรา ผมหงอกคิ้วหงอก ใบหน้าน่าเกรงขาม

เขาเหลือบมองนายใหญ่ตระกูลอวี๋แวบหนึ่ง “พวกเขาสามคนนี้รึ”

นายใหญ่ตระกูลอวี๋มั่นใจ นอบน้อมยิ่งกว่าเดิม “ครับผู้อาวุโส พวกเขาครับ”

“ได้” ผู้อาวุโสตอบ “รังแกตระกูลอวี๋สมควรตาย”

แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าดุจปีศาจของฟู่อวิ๋นเซิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

วินาทีถัดมา นายใหญ่ตระกูลอวี๋ยังไม่ทันตั้งตัว ผู้อาวุโสก็เหาะหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดพล่ามทำเพลงสักคำ

“…”

เกิดความเงียบขึ้นมาทันที

นายใหญ่ตระกูลอวี๋ตาโตนิ่งอึ้ง แต่ที่มากกว่าคือความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด

ขนาดผู้อาวุโสยังหนี งั้นเขาจะทำไงดี

นายใหญ่ตระกูลอวี๋เริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรง

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “เมื่อกี้ทำอะไร พี่ชาย”

เธอรู้ว่าความสามารถของจอมยุทธเกี่ยวข้องกับจำนวนปีที่ฝึก แต่ไม่รวมคนอัจฉริยะ

ก็เหมือนกับเนี่ยอี้ ถึงแม้จะฝึกมายี่สิบปีแล้วตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ แต่ความสามารถที่แท้จริงของเขาสามารถเทียบได้กับจอมยุทธที่ฝึกมาสี่สิบปี

อันที่จริงฝีมือของผู้อาวุโสตระกูลอวี๋คนนี้ก็ไม่ได้แย่

“หืม?” พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เลิกคิ้ว ยิ้มทะเล้น น้ำเสียงไม่จริงจัง

“พี่ชายทำแค่สองเรื่อง แกล้งทำตัวเสเพลกับเลี้ยงดูเธอ”

พอพูดคำหลังเสร็จเขาก็ถูกเหยียบเท้า

ไร้เยื่อใย โหดมาก

“ความคิดแกเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินมองนายใหญ่ตระกูลอวี๋ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ดีมาก”

“ไม่…ไม่ๆ!” นายใหญ่ตระกูลอวี๋ขาหมดแรง ทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น

“ฉันเปล่านะ! ไม่ใช่ฉัน! ตระกูลหลินต่างหาก…ใช่ พวกเขานั่นแหละ!”

เมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย นายใหญ่ตระกูลอวี๋ก็ขายตระกูลหลินทันที ไม่มีปิดบัง พูดออกมาหมด

“พ่อบ้านตระกูลหลิน เขาให้ลูกน้องมาบอกพวกเราว่า เนี่ยเฉากินยาไปหนึ่งเม็ด ยาเม็ดนี้ช่วยจอมยุทธได้มาก แค่สูดดมก็ผ่านพ้นจุดอิ่มตัวได้!”

“ด้วยความหน้ามืดตามัวฉันก็เลยเผลอทำผิดไป ไว้ชีวิตเถอะนะ ไว้ชีวิตฉันเถอะ!”

นายใหญ่ตระกูลอวี๋หวาดกลัวขั้นสุด คำนับไม่หยุดจนหัวแตก

ฟู่อวิ๋นเซินกลับไม่รู้สึกเห็นใจ

เขายกมือขึ้น ปล่อยกำลังภายใน จัดการถอนกำลังภายในของนายใหญ่ตระกูลอวี๋

จากนั้นก็หันไปบอกเนี่ยอี้ “ยกให้นาย”

เนี่ยอี้เดินเข้าไปลากตัวนายใหญ่ตระกูลอวี๋ขึ้นมา

“เยาเยา กลับตี้ตูไปพร้อมเนี่ยอี้ก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะของเธออีกครั้ง พูดอย่างใจเย็น

“พี่ชายจะไปหาตระกูลหลินหน่อย เธอเหนื่อยแล้ว ไปนอนพักผ่อนให้สบาย พรุ่งนี้เธอต้องไปขึ้นเวทีแสดงไม่ใช่เหรอ”

อิ๋งจื่อจินหาว แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดลง เหลือบมองเขา “ฉันไม่ใช่เด็กเล็ก”

“หืม?”

“ดังนั้นอย่ามาใช้น้ำเสียงแบบนั้นกล่อมฉัน”

ยังจะมาเป็นแม่เธออีกเหรอ

“งั้นจะให้กล่อมยังไง” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขาครุ่นคิด

“ก็จริง อีกเดือนกว่าเธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องเปลี่ยนวิธี”

“คุณหุบปากเอาได้นะ”

“…”

“ได้” ฟู่อวิ๋นเซินจำต้องยอม เขายิ้มมุมปาก “รีบกลับเถอะ”

บ้านตระกูลหลิน

เวลานี้หลายคนนอนไปแล้วยกเว้นจอมยุทธที่กำลังฝึกอยู่

รวมถึงหลินจิ่นอวิ๋น

จนกระทั่งเขารู้สึกได้ว่ามีคลื่นพลังลูกใหญ่เข้ามาภายในบ้านตระกูลหลิน เขาจึงมีสติขึ้นมาในทันที

หลินจิ่นอวิ๋นรีบสวมเสื้อคลุมแล้วไปที่ห้องโถงใหญ่

ไฟในห้องโถงใหญ่สว่างอยู่ แต่บรรยากาศกลับอึมครึมมาก มีชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างโต๊ะ หันหลังให้เขา น้ำเสียงเย็นชา “อธิบายมา”

หลินจิ่นอวิ๋นอึ้งเล็กน้อย มองพ่อบ้านหลินที่อยู่ด้านข้าง เขาขมวดคิ้วพลางพูด “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

พ่อบ้านหลินก็ตกใจเหมือนกัน “นายใหญ่ ช่วงนี้ในบ้านปกติดีครับ”

ฟู่อวิ๋นเซินหันมา โยนป้ายคำสั่งของตระกูลอวี๋ออกไป

“ตุบ” ตกลงตรงหน้าพ่อบ้านหลิน

พอเห็นอักษร ‘อวี๋’ ที่อยู่บนป้าย สีหน้าของพ่อบ้านหลินก็เปลี่ยนไปมาก เริ่มหวาดกลัว

ตระกูลจอมยุทธ์มีป้ายคำสั่งแบบนี้กันทุกตระกูล โดยนายใหญ่จะเป็นคนเก็บไว้ และเป็นเครื่องแสดงตัวตน

ป้ายคำสั่งตระกูลอวี๋ทำไมถึงอยู่ในมือคนอื่น!

หน้าผากของพ่อบ้านหลินมีเหงื่อผุด

คงไม่ใช่ว่าถูกตามมาล้างแค้นเพราะตระกูลอวี๋ลงมือกับตระกูลเนี่ยหรอกนะ

ตระกูลปุถุชนจะมาเทียบชั้นกับตระกูลจอมยุทธได้ยังไง

พ่อบ้านหลินไม่รู้จักฟู่อวิ๋นเซิน ดังนั้นเขาถึงไม่ได้คิดไปในเชิงลึก

แต่สีหน้าของหลินจิ่นอวิ๋นกลับเปลี่ยนไปทันที

เหตุการณ์กะทันหันนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย

ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้ ตระกูลที่ขนาดไม่เล็กตระกูลหนึ่งของวงการจอมยุทธได้ถูกทำลายลง

“หลินจิ่นอวิ๋น พ่อบ้านคนนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ” ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงเก้าอี้พลางพูด

“ตอนนี้เพื่อนฉันอยู่โรงพยาบาลเพราะความโลภของเขา เป็นตายยังไม่รู้”

“แกว่าฉันควรทำไงดี หืม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 375 สะเทือนวงการจอมยุทธ์ คู่จิ้นยาวิเศษออกโรงคู่

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 375 สะเทือนวงการจอมยุทธ์ คู่จิ้นยาวิเศษออกโรงคู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 375 สะเทือนวงการจอมยุทธ์ คู่จิ้นยาวิเศษออกโรงคู่

คางถูกหักแบบนี้ ความเจ็บปวดยิ่งทวีความรุนแรง

ดวงตาของชายวัยกลางคนเบิกโพลงในทันที แทบจะสลบไปอีกครั้ง

แต่มืออีกข้างของอิ๋งจื่อจินจับบ่าเขาไว้ กำลังภายในที่เบามากถูกถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของเขาเพื่อบีบให้เขามีสติขึ้นมา สลบไปไม่ได้

ชายวัยกลางคนจำต้องฝืนทอต่อความเจ็บปวดอันรุนแรงนี้ ความเจ็บปวดบนร่างกายย่อมสู้ความสิ้นหวังที่ถูกทำลายจิตใจไม่ได้

ถึงแม้ขาของเขาจะถูกฟู่อวิ๋นเซินหักแล้ว แต่กำลังภายในของเขายังอยู่

ชายวัยกลางคนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ถึงแม้กำลังภายในของเด็กสาวจะแผ่วเบา แต่กลับทรงพลังมาก

แตกต่างกับผู้ชายคนนั้นที่เมื่อครู่หักขาของเขา เขาสัมผัสไม่ได้แม้กระทั่งว่าวิทยายุทธของคนพวกนี้ล้ำเลิศเพียงใด

เป็นทั้งจอมยุทธและหมอแผนโบราณงั้นเหรอ!

สีหน้าของชายวัยกลางคนตื่นตะลึงสุดขีด ดวงตาเบิกโพลงยิ่งกว่าเดิม จนแทบถลนออกมา

คนที่เป็นทั้งจอมยุทธและหมอแผนโบราณมีน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี

แต่ในบรรดาคนเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่โดดเด่น

ถ้าไม่กำลังภายในปั่นป่วน วิทยายุทธ์ถดถอย ลมปราณแตกซ่าน เพราะต้องฝึกทั้งจอมยุทธกับการรักษาแผนโบราณ

ไม่ก็ฝึกทั้งสองอย่างได้แค่ขั้นธรรมดา

บางครั้งการเก่งรอบด้านก็หมายถึงความไม่มีอะไรพิเศษ

เพราะกำลังของมนุษย์มีขีดจำกัด เว้นเสียแต่จะเป็นอัจฉริยะ พรสวรรค์สูงส่ง

ในเวลายี่สิบกว่าปีมานี้ก็มีแค่ตระกูลหลินที่ปรากฏอัจฉริยะอย่างหลินชิงจยา ถูกตระกูลจอมยุทธกับตระกูลแพทย์แผนโบราณใหญ่ๆ ยกไว้เป็นของล้ำค่า

ตระกูลอวี๋เป็นหนึ่งในตระกูลใต้อาณัติของตระกูลหลิน ชายวัยกลางคนย่อมเคยมีบุญได้เจอหลินชิงจยา

เด็กสาวตรงหน้าเขาคนนี้ก็ฝึกเป็นทั้งจอมยุทธกับหมอแผนโบราณงั้นเหรอ

แถมยังเก่งกว่าด้วย!

นี่ถ้าถูกวงการจอมยุทธกับวงการแพทย์แผนโบราณรู้เข้าจะสะเทือนเลือนลั่นขนาดไหน

“กะ…แกก็เป็นจอมยุทธด้วย!”

ยากำลังออกฤทธิ์ที่อวัยวะภายในของเขา ชายวัยกลางคนส่งเสียงร้องใจจะขาด

“ทำไมแกต้องช่วยคนธรรมดาด้วย!”

จอมยุทธฆ่าคนล้างแค้น ไม่ว่าภายในจะขัดแย้งกันเพียงใด แต่ท่าทีที่มีต่อคนนอกกลับเหมือนกัน

เขาผ่านจุดอิ่มตัวมาได้เมื่อสองปีก่อน ถึงได้กลายเป็นหัวหน้าทีมคุ้มกันของตระกูลอวี๋

เขาได้รับสิ่งตอบแทนที่มากกว่า ฝีมือก็สูงขึ้น

อย่าว่าแต่พวกคนธรรมดาที่อยู่นอกวงการจอมยุทธเลย แม้แต่จอมยุทธที่ฝีมือด้อยกว่าเขา เขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา เหม็นขี้หน้าก็จับฆ่าทิ้งหมด นานมากแล้วที่เขาไม่เคยโดนหยามศักดิ์ศรีแบบนี้

“ก็แค่ผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ยไม่ใช่เหรอ” ดวงตาของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง

“เขาเป็นคนธรรมดา ตายแล้วก็ตายไปสิ จำเป็นต้องมาทำกันถึงขั้นนี้เลยเหรอ!”

ชีวิตของคนธรรมดาจะมาเทียบกับจอมยุทธอย่างเขาได้ยังไง

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ แววตายังคงเย็นชา

เธอยกมือหยิบอีกขวดหนึ่งแล้วเทยาออกมาหนึ่งเม็ด ทั้งยังพูดอย่างใจเย็นด้วยว่า “รสช็อกโกแลต หวังว่าจะชอบนะ”

ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ยังไม่ทุเลา ความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าถูกกรีดหัวใจก็แล่นเข้ามา

“อ๊าก!” ชายวัยกลางคนกรีดร้องอีกครั้ง ลงไปดิ้นทุรนทุรายบนพื้นไม่หยุด

พอกินยาเม็ดนี้ลงไป ผิวของเขาก็แตกอย่างต่อเนื่อง

ผิวแตกเห็นเนื้อด้านในอย่างแท้จริง

เวลานี้อิ๋งจื่อจินถึงพูดขึ้น น้ำเสียงราบเรียบ

“เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นเพื่อนฉัน”

ชายวัยกลางคนกลับไม่ได้ยินแล้ว มีเลือดแดงสดไหลออกมาจากหู

เนี่ยอี้จัดการทีมคุ้มกันอีกทีมหนึ่งเสร็จก็ได้ยินเสียงจากทางนี้ จึงเดินเข้ามา

พอเห็นเหตุการณ์ แม้แต่เขาก็ยังอดตะลึงไม่ได้ “อวิ๋นเซิน คุณอิ๋งเธอ…”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ

เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มองอิ๋งจื่อจิน แววตาเริ่มขรึมลง ดำมืดดุจราตรี

เขาไม่เคยเห็นอิ๋งจื่อจินในแบบนี้มาก่อน

แม้แต่เวลาเธอบาดเจ็บเอง เธอก็ไม่เป็นแบบนี้

แต่ถ้าคนรอบตัวถูกรังแก แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่มีทางออมมือให้

เธอเคยผ่านอะไรมากันแน่ ถึงได้เย็นชาถึงขั้นไม่รู้สึกอะไรต่อสรรพสิ่งภายนอก แถมยังฆ่าคนหน้านิ่งได้ขนาดนี้

เขาจินตนาการไม่ออก

แค่รู้สึกเจ็บปวด

“อวิ๋นเซิน ฉันได้ยินเสวี่ยเซิงบอกว่า ช่วงหนึ่งปีที่คุณอิ๋งอยู่ในบ้านตระกูลอิ๋งได้รับความทุกข์ทรมานทางจิตใจอยู่ไม่น้อย” เนี่ยอี้พูดเสียงเบา “ต่อไปให้เธอทำเรื่องแบบนี้น้อยหน่อยดีกว่า ไม่งั้นอาการอาจกลับมาได้”

“ฉันรู้” ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับ แสยะยิ้ม “มันก็ต้องระบายออกมาบ้าง เดี๋ยวจะอัดอั้นเกินไป”

เนี่ยอี้เงียบ

เขารู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ฟู่อวิ๋นเซินอยู่ในโลกจอมยุทธก็ต่อสู้ผ่านความเป็นความตายมาอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อควบคุมอารมณ์

อาศัยความเจ็บปวดทางร่างกายมาข่มอารมณ์ความรู้สึก ประคองให้มีสติอยู่เสมอ

ด้วยเหตุนี้เขาถึงไปเฉียดความตายครั้งแล้วครั้งเล่า

สองคนนี้คล้ายกันมาก แต่กลับเติมเต็มให้กันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ถูกกรอกยาเม็ดแล้วเม็ดเล่า ชายวัยกลางคนสติแตกอย่างสิ้นเชิงแล้ว

คราวนี้ต่อให้มีกำลังภายในของอิ๋งจื่อจินบังคับให้เขามีสติ เขาก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ชายวัยกลางคนสลบไป เหลือเพียงลมหายใจรวยริน

อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ยืนขึ้น

เธอสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ถึงระงับความโกรธภายในจิตใจได้

จากนั้นเธอก็ถอดถุงมือทิ้ง โยนใส่หน้าชายวัยกลางคน “ไร้ค่าจริงๆ”

พวกยาที่เธอพกมานี้ไม่ถือเป็นยาพิษ แต่ก็เพียงพอให้ทรมานคน

ยาพิษที่นักปรุงยาพิษทำออกมายังมีฤทธิ์รุนแรงกว่ายาพวกนี้ด้วยซ้ำ

บนเว็บบอร์ดเอ็นโอเคยังมีอีกชาร์ตอันดับที่เกี่ยวข้องกับยาพิษ

อันที่จริงบอกว่าเป็นชาร์ตอันดับก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะยาพิษชั้นยอดแบบนี้ไม่มีใครแยกแยะได้ว่าอันไหนมีฤทธิ์รุนแรงกว่ากัน

พิษประหลาดเจ็ดชนิดบนโลก

มีสี่ชนิดที่ตอนนั้นเธอคิดค้นออกมาได้

แต่ละชนิดสามารถทำลายแผ่นดินใหญ่ได้อย่างง่ายดาย อันตรายเต็มพิกัด

ด้วยเหตุนี้ก่อนที่เธอจะไปจากโลกนี้ครั้งก่อน เธอถึงได้ทำลายพิษสี่ชนิดนี้ที่เธอทำขึ้นมาหมดแล้ว รวมถึงสมุนไพรที่ปรุงพิษสี่ชนิดนี้ด้วย

ส่วนพิษอีกสามชนิดที่เหลือถูกคิดค้นออกมาโดยนักปรุงยาพิษคนอื่นหลังจากที่เธอไปแล้ว

นักปรุงยาพิษอันดับสามที่ไปขายครีมกันแดดอยู่แถวชายหาดของตระกูลเบวินก็ถือครองอยู่หนึ่งชนิด

นักปรุงยาพิษอันดับสอง จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่พบร่องรอย

อิ๋งจื่อจินไม่มองชายวัยกลางคนอีก เธอเดินเข้าไป “ยังมีอีกสามคนใช่ไหม”

เนี่ยอี้พยักหน้า “จัดการสามคนนั้นไปแล้ว”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็ดี”

พอพูดจบอยู่ๆ เธอก็ไอออกมา สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

แต่เธอยังคงใจเย็น “ถือว่าได้แก้แค้นให้เขาแล้ว”

“เยาเยา” สองมือของฟู่อวิ๋นเซินจับบ่าของเธอ เขาพูดอีกครั้ง

“ฟังนะ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ”

ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ เอาแต่เงียบ

ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“เด็กน้อย อย่าปล่อยให้คนอื่นครอบงำความรู้สึกของเธอได้ พวกเขายังไม่คู่ควร”

ทันใดนั้นมีเสียงตวาดดังขึ้น

“ใครกล้ามาทำตัวกำเริบเสิบสานในบ้านตระกูลอวี๋ของฉัน!”

พอนายใหญ่ตระกูลอวี๋ออกมาก็ต้องตะลึง แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

ตระกูลอวี๋มีคนคุ้มกันทั้งหมดหนึ่งร้อยคน สลบหมดทุกคนไม่มีใครโชคดีแม้แต่คนเดียว

“เนี่ยอี้!” นายใหญ่ตระกูลอวี๋มองเห็นเนี่ยอี้ตั้งแต่แวบแรก เขาโมโหยิ่งกว่าเดิม “แกมันช่างกล้านัก!”

เนี่ยอี้เงยหน้า สายตาโกรธแค้น “ตระกูลอวี๋ต่างหากที่กล้าเหลือเกิน”

“ก็แค่ทำน้องชายของแกพิการไม่ใช่เหรอ หรือว่าเป็นผักไปแล้ว” นายใหญ่ตระกูลอวี๋แสยะยิ้ม

“ทำไม ใครใช้ให้ตระกูลเนี่ยของพวกแกเป็นตระกูลนักธุรกิจทั่วไปล่ะ รนหาที่เองไม่ใช่เหรอ”

เขาไม่กลัวสักนิด

ต่อให้ไม่มีคนคุ้มกัน แต่ผู้อาวุโสตระกูลอวี๋ยังอยู่

สามคนนี้อายุน้อยขนาดนี้ ต่อให้เก่งจะเก่งได้สักแค่ไหนกัน

ทำร้ายคนคุ้มกันของเขามากขนาดนี้ เขาไม่มีทางปล่อยเนี่ยอี้ไว้แน่

ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ปล่อยเนี่ยอี้ ยังจะทำลายตระกูลเนี่ยด้วย

“ผู้อาวุโส สามคนนี้ทำร้ายคนคุ้มกันของตระกูลอวี๋จำนวนนับไม่ถ้วน” นายใหญ่ตระกูลอวี๋แสยะยิ้ม หันไปคารวะตรงจุดที่อยู่ไกลๆ ด้วยความนอบน้อม เขาตะโกน “ขอผู้อาวุโสโปรดออกโรงด้วยครับ!”

พอเขาพูดจบก็มีเงาของใครคนหนึ่งโผล่ฟึ่บมาอยู่ข้างนายใหญ่ตระกูลอวี๋

เป็นชายชรา ผมหงอกคิ้วหงอก ใบหน้าน่าเกรงขาม

เขาเหลือบมองนายใหญ่ตระกูลอวี๋แวบหนึ่ง “พวกเขาสามคนนี้รึ”

นายใหญ่ตระกูลอวี๋มั่นใจ นอบน้อมยิ่งกว่าเดิม “ครับผู้อาวุโส พวกเขาครับ”

“ได้” ผู้อาวุโสตอบ “รังแกตระกูลอวี๋สมควรตาย”

แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าดุจปีศาจของฟู่อวิ๋นเซิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

วินาทีถัดมา นายใหญ่ตระกูลอวี๋ยังไม่ทันตั้งตัว ผู้อาวุโสก็เหาะหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดพล่ามทำเพลงสักคำ

“…”

เกิดความเงียบขึ้นมาทันที

นายใหญ่ตระกูลอวี๋ตาโตนิ่งอึ้ง แต่ที่มากกว่าคือความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด

ขนาดผู้อาวุโสยังหนี งั้นเขาจะทำไงดี

นายใหญ่ตระกูลอวี๋เริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรง

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “เมื่อกี้ทำอะไร พี่ชาย”

เธอรู้ว่าความสามารถของจอมยุทธเกี่ยวข้องกับจำนวนปีที่ฝึก แต่ไม่รวมคนอัจฉริยะ

ก็เหมือนกับเนี่ยอี้ ถึงแม้จะฝึกมายี่สิบปีแล้วตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ แต่ความสามารถที่แท้จริงของเขาสามารถเทียบได้กับจอมยุทธที่ฝึกมาสี่สิบปี

อันที่จริงฝีมือของผู้อาวุโสตระกูลอวี๋คนนี้ก็ไม่ได้แย่

“หืม?” พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เลิกคิ้ว ยิ้มทะเล้น น้ำเสียงไม่จริงจัง

“พี่ชายทำแค่สองเรื่อง แกล้งทำตัวเสเพลกับเลี้ยงดูเธอ”

พอพูดคำหลังเสร็จเขาก็ถูกเหยียบเท้า

ไร้เยื่อใย โหดมาก

“ความคิดแกเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินมองนายใหญ่ตระกูลอวี๋ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ดีมาก”

“ไม่…ไม่ๆ!” นายใหญ่ตระกูลอวี๋ขาหมดแรง ทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น

“ฉันเปล่านะ! ไม่ใช่ฉัน! ตระกูลหลินต่างหาก…ใช่ พวกเขานั่นแหละ!”

เมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย นายใหญ่ตระกูลอวี๋ก็ขายตระกูลหลินทันที ไม่มีปิดบัง พูดออกมาหมด

“พ่อบ้านตระกูลหลิน เขาให้ลูกน้องมาบอกพวกเราว่า เนี่ยเฉากินยาไปหนึ่งเม็ด ยาเม็ดนี้ช่วยจอมยุทธได้มาก แค่สูดดมก็ผ่านพ้นจุดอิ่มตัวได้!”

“ด้วยความหน้ามืดตามัวฉันก็เลยเผลอทำผิดไป ไว้ชีวิตเถอะนะ ไว้ชีวิตฉันเถอะ!”

นายใหญ่ตระกูลอวี๋หวาดกลัวขั้นสุด คำนับไม่หยุดจนหัวแตก

ฟู่อวิ๋นเซินกลับไม่รู้สึกเห็นใจ

เขายกมือขึ้น ปล่อยกำลังภายใน จัดการถอนกำลังภายในของนายใหญ่ตระกูลอวี๋

จากนั้นก็หันไปบอกเนี่ยอี้ “ยกให้นาย”

เนี่ยอี้เดินเข้าไปลากตัวนายใหญ่ตระกูลอวี๋ขึ้นมา

“เยาเยา กลับตี้ตูไปพร้อมเนี่ยอี้ก่อน” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะของเธออีกครั้ง พูดอย่างใจเย็น

“พี่ชายจะไปหาตระกูลหลินหน่อย เธอเหนื่อยแล้ว ไปนอนพักผ่อนให้สบาย พรุ่งนี้เธอต้องไปขึ้นเวทีแสดงไม่ใช่เหรอ”

อิ๋งจื่อจินหาว แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดลง เหลือบมองเขา “ฉันไม่ใช่เด็กเล็ก”

“หืม?”

“ดังนั้นอย่ามาใช้น้ำเสียงแบบนั้นกล่อมฉัน”

ยังจะมาเป็นแม่เธออีกเหรอ

“งั้นจะให้กล่อมยังไง” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขาครุ่นคิด

“ก็จริง อีกเดือนกว่าเธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องเปลี่ยนวิธี”

“คุณหุบปากเอาได้นะ”

“…”

“ได้” ฟู่อวิ๋นเซินจำต้องยอม เขายิ้มมุมปาก “รีบกลับเถอะ”

บ้านตระกูลหลิน

เวลานี้หลายคนนอนไปแล้วยกเว้นจอมยุทธที่กำลังฝึกอยู่

รวมถึงหลินจิ่นอวิ๋น

จนกระทั่งเขารู้สึกได้ว่ามีคลื่นพลังลูกใหญ่เข้ามาภายในบ้านตระกูลหลิน เขาจึงมีสติขึ้นมาในทันที

หลินจิ่นอวิ๋นรีบสวมเสื้อคลุมแล้วไปที่ห้องโถงใหญ่

ไฟในห้องโถงใหญ่สว่างอยู่ แต่บรรยากาศกลับอึมครึมมาก มีชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างโต๊ะ หันหลังให้เขา น้ำเสียงเย็นชา “อธิบายมา”

หลินจิ่นอวิ๋นอึ้งเล็กน้อย มองพ่อบ้านหลินที่อยู่ด้านข้าง เขาขมวดคิ้วพลางพูด “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

พ่อบ้านหลินก็ตกใจเหมือนกัน “นายใหญ่ ช่วงนี้ในบ้านปกติดีครับ”

ฟู่อวิ๋นเซินหันมา โยนป้ายคำสั่งของตระกูลอวี๋ออกไป

“ตุบ” ตกลงตรงหน้าพ่อบ้านหลิน

พอเห็นอักษร ‘อวี๋’ ที่อยู่บนป้าย สีหน้าของพ่อบ้านหลินก็เปลี่ยนไปมาก เริ่มหวาดกลัว

ตระกูลจอมยุทธ์มีป้ายคำสั่งแบบนี้กันทุกตระกูล โดยนายใหญ่จะเป็นคนเก็บไว้ และเป็นเครื่องแสดงตัวตน

ป้ายคำสั่งตระกูลอวี๋ทำไมถึงอยู่ในมือคนอื่น!

หน้าผากของพ่อบ้านหลินมีเหงื่อผุด

คงไม่ใช่ว่าถูกตามมาล้างแค้นเพราะตระกูลอวี๋ลงมือกับตระกูลเนี่ยหรอกนะ

ตระกูลปุถุชนจะมาเทียบชั้นกับตระกูลจอมยุทธได้ยังไง

พ่อบ้านหลินไม่รู้จักฟู่อวิ๋นเซิน ดังนั้นเขาถึงไม่ได้คิดไปในเชิงลึก

แต่สีหน้าของหลินจิ่นอวิ๋นกลับเปลี่ยนไปทันที

เหตุการณ์กะทันหันนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย

ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์นี้ ตระกูลที่ขนาดไม่เล็กตระกูลหนึ่งของวงการจอมยุทธได้ถูกทำลายลง

“หลินจิ่นอวิ๋น พ่อบ้านคนนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ” ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงเก้าอี้พลางพูด

“ตอนนี้เพื่อนฉันอยู่โรงพยาบาลเพราะความโลภของเขา เป็นตายยังไม่รู้”

“แกว่าฉันควรทำไงดี หืม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+