คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 381 กระชากหน้ากากของอิ๋งเย่ว์เซวียน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 381 กระชากหน้ากากของอิ๋งเย่ว์เซวียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 381 กระชากหน้ากากของอิ๋งเย่ว์เซวียน

“…”

ภายในห้องจัดเลี้ยงเกิดความเงียบขึ้นมาทันที

บรรดาคุณหนูคุณชายที่อยู่รอบๆ ต่างมองอิ๋งจื่อจินด้วยสีหน้าตกใจ

ที่นี่เป็นงานเลี้ยงของตระกูลเนี่ย อีกทั้งผู้เฒ่าเนี่ยยังเป็นคนจัดด้วยตัวเอง ใครกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่

คุณหนูคุณชายส่วนหนึ่งรู้จักอิ๋งจื่อจินก็เพราะช่วงหลายวันมานี้โด่งดังในเน็ตมาก

คุณหนูหลายคนในนี้ยังได้ดูรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อีกด้วย

ต่อให้คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก สายตาก็มองตามอิ๋งจื่อจินอยู่ตลอด

อิ๋งเย่ว์เซวียนเอามือจับหน้า ยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกเหลือเชื่อ น้ำเสียงที่อ่อนโยนมาตลอดของเธอเวลานี้ได้เย็นชาลง “อิ๋งจื่อจิน เธอ…”

ขาดอีกแค่นิดเดียว

แต่กลับถูกอิ๋งจื่อจินตบขัดจังหวะเสียก่อน

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก หมดความอดทน แต่การอบรมเลี้ยงดูทำให้เธอจำได้ว่าไม่ควรโวยวายเสียงดัง เธอถามกลับ

“อิ๋งจื่อจิน หมายความว่าไง อยู่ๆ ก็ใช้กำลัง ถูกสั่งสอนมาแบบนี้เหรอ”

อิ๋งจื่อจินถอดถุงมือออกแล้วโยนทิ้งใส่ถังขยะที่ห่างออกไปสิบเมตร

ท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนรับไม่ได้ “เธอหาว่าฉันสกปรกเหรอ”

อิ๋งจื่อจินกอดอก ท่าทางเหนื่อยหน่าย แววตาเย็นชาเล็กน้อย “ช่วยล้างปากให้”

“บอส” เนี่ยเฉาวิ่งเข้ามา ได้ยินคำพูดของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ทำสีหน้ารังเกียจ

“เพราะความอิจฉาก็เลยชอบให้ร้ายคนอื่นลับหลัง ไม่มีมารยาท”

คราวนี้พวกคุณหนูคุณชายที่อยู่รอบๆ ต่างไม่มีใครออกหน้าช่วยอิ๋งเย่ว์เซวียนแล้ว

เมื่อก่อนเนี่ยเฉาเป็นคุณชายเสเพลที่เอาแต่เที่ยวเล่น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว

นี่คือผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ย!

“ว่าคนอื่นลับหลังไร้มารยาทจริงๆ” คุณหนูที่พาอิ๋งเย่ว์เซวียนเข้ามาขยับตัวออกห่าง “คนชั้นต่ำ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนกำมือแน่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดเต็มหลัง แม้แต่รอยยิ้มที่ริมฝีปากก็รักษาไว้ไม่อยู่แล้ว

“ยาม มาเอาตัวคนนี้ออกไป” เนี่ยเฉาเรียกยามมาสองคนพลางชี้อิ๋งเย่ว์เซวียน “เธอไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อแขก เข้ามาไม่ได้”

“ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ ต่อไปถ้าตระกูลเนี่ยจัดงานอะไรก็ห้ามคนคนนี้เข้ามาในงาน”

อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีด “พวกคุณ…”

เธอยังไม่ทันพูดจบก็ถูกยามสองคนลากตัวออกไปข้างนอก

หลังจากเดินออกจากห้องจัดงานเลี้ยงก็โยนเธอทิ้งไว้ในสวนหย่อม

อิ๋งเย่ว์เซวียนสวมแค่ชุดเดรสบางๆ แม้แต่เสื้อกันหนาวขนเป็ดก็ไม่ได้หยิบ ลมหนาวของฤดูหนาวพัดผ่าน เธอหนาวจนสั่นไปทั้งตัว

แต่นี่ก็ยังเทียบไม่ได้กับความกระวนกระวายในจิตใจ

ช่วงหลายวันมานี้ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกถึงท่าทีของจงมั่นหวาที่เปลี่ยนไป

ถึงจะยังคงดูเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาใจใส่เท่าเมื่อก่อนแล้ว

เธอรู้ว่าจงมั่นหวาเกิดความคิดที่อยากรับอิ๋งจื่อจินกลับไป

อิ๋งจื่อจินเป็นคนเก่ง ต่อให้เธอเจตนาปิดบังก็ปิดบังไม่ได้มาก

แต่อิ๋งจื่อจินมีคนให้พึ่งพามากขนาดนั้น ทั้งฟู่อวิ๋นเซิน ตระกูลเนี่ย และยังมีตระกูลจง

แต่เธอมีแค่ตระกูลอิ๋ง

ถ้าเธอไปจากตระกูลอิ๋ง เธอก็ทำได้แค่ไปอยู่กับจิ่งหงเจิน ใช้ชีวิตธรรมดาๆ

อิ๋งจื่อจินยังจะแย่งเธออีกเหรอ

เล็บของอิ๋งเย่ว์เซวียนจิกเข้าไปในฝ่ามือ บังคับให้ตัวเองมีสติ

เธอรู้ว่าแผนครั้งนี้ล้มเหลวแล้ว

ขณะที่การสะกดจิตของเธอกำลังจะขึ้นถึงจุดสูงสุดได้ถูกตบนั้นของอิ๋งจื่อจินขัดจังหวะ

พอเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่เธอจะสะกดจิตคุณชายคุณหนูพวกนั้นไม่สำเร็จ กลับทำให้ระบบประสาทของตัวเองพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

เมื่อครู่เธอเกือบหมดสติไป

สะกดจิตล้มเหลวก็จะมีผลสะท้อนกลับแบบนี้

โดยเฉพาะเวลาที่สะกดจิตคนจำนวนมาก

เธอลองครั้งแรกยังไม่สำเร็จก็ถูกทำลาย

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่าอิ๋งจื่อจินไม่มีความรู้เรื่องสะกดจิต เธอก็เกือบสงสัยแล้วว่าอิ๋งจื่อจินจงใจตบเธอตอนนั้นพอดี

อิ๋งเย่ว์เซวียนยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวอยู่สักพักแล้วออกจากคฤหาสน์ตระกูลเนี่ยทั้งที่ตัวสั่น

เมิ่งหรูย่อมไม่มีทางรออยู่ข้างนอก

ตระกูลหยวนจองโต๊ะในภัตตาคารห้าดาวที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคฤหาสน์ตระกูลเนี่ย หยวนจยาเฉิงก็อยู่ด้วย และยังมีญาติคนอื่นๆ ในตระกูลหยวน

อิ๋งเย่ว์เซวียนไปซื้อเสื้อกันหนาวที่ร้านเสื้อผ้าข้างๆ แล้วถึงขึ้นไป

เมิ่งหรูกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ พอเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ขมวดคิ้ว “ทำไมออกมาแล้วล่ะ”

“หนูไม่ค่อยสบายค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนก้มหน้า

“คุณนายหยวน ขอโทษจริงๆ ค่ะ หนูต้องไปโรงพยาบาล”

เธอไม่กล้าบอกเมิ่งหรูว่า เธอปิดตายเส้นทางเข้าหาตระกูลเนี่ยแล้ว

“ช่างเถอะ” เมิ่งหรูเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีด เหงื่อก็ออกไม่หยุด จึงไม่พูดตำหนิอะไร

“ให้จยาเฉิงไปเป็นเพื่อนแล้วกัน”

“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูดเสียงเบา “หนูไปเองได้ค่ะ”

เมิ่งหรูก็ไม่บังคับ

อิ๋งเย่ว์เซวียนรีบร้อนออกไป

เมิ่งหรูขมวดคิ้วอีกครั้ง

ไม่รู้ทำไม วันนี้เธอรู้สึกเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนแล้วขัดหูขัดตาชอบกล

แต่ไม่นานเมิ่งหรูก็ทิ้งความคิดนี้ไว้ข้างหลัง เริ่มคุยกับคุณนายคนอื่นในตระกูลหยวนต่อ

ภายในห้องจัดงานเลี้ยง

“อัปมงคล” เนี่ยเฉาทำเสียงฮึดฮัด “เผลอแปบเดียวแมลงวันบินเข้ามาได้”

อิ๋งจื่อจินหันมา “นายจะบอกว่าฉันตบแมลงวันเหรอ”

“เปล่าๆ” เนี่ยเฉารีบส่ายมือ พูดชม “บอสใช่ไม้ตบแมลงวันที่ไหนกัน อย่างบอสน่ะย่าฆ่าแมลง!”

“…”

อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

เธอไม่รู้จริงๆ ว่าอีคิวของสองพี่น้องตระกูลเนี่ยถูกใครกินไปหมด

ชักเข้าใจความกลุ้มของหลิงเหมียนซีแล้ว

เนี่ยเฉาก็รีบเดินตามไป ทิ้งพ่อบ้านเนี่ยไว้ต้อนรับแขก

พอเขาเดินไปแบบนี้ คุณหนูที่พาอิ๋งเย่ว์เซวียนเข้ามาก็สีหน้าเปลี่ยน

“คุณชายเนี่ยเฉา ฉัน…”

พ่อบ้านเนี่ยที่อยู่ด้านหลังหยุดลง ยิ้มพลางพูด

“คุณชายเนี่ยเฉาพูดแล้วครับว่า คุณหนูเลี่ยวก็ไม่รู้จักนิสัยใจคอถึงได้หลงคารมพาเข้ามา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณหนูเลี่ยวครับ”

ฟังถึงตรงนี้คุณหนูเลี่ยวถึงได้โล่งอก แต่ก็รู้สึกผิดมาก

“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันรับรองว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”

พ่อบ้านพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วไปจัดการตรงอื่นต่อ

คุณหนูเลี่ยวยังยืนอยู่ที่เดิม อึ้งเล็กน้อย

เธอเองก็รู้สึกแปลกใจ ถึงแม้ตระกูลของเธอจะเทียบไม่ได้กับตระกูลเนี่ยตระกูลมู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ถือเป็นตระกูลระดับรองลงมาของตี้ตู

ครั้งนี้ถูกเชิญมางานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของตระกูลเนี่ยก็ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

ถึงแม้เธอกับอิ๋งเย่ว์เซวียนจะเข้ากันได้ดี และเธอก็รู้สึกชอบอิ๋งเย่ว์เซวียนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางที่เธอจะพาคนนอกเข้ามาด้วย

คุณหนูเลี่ยวคิดแล้วคิดอีกก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้

เธอตัดสินใจแล้วว่าอีกหน่อยเธอจะรักษาระยะห่างกับอิ๋งเย่ว์เซวียน

อิ๋งเย่ว์เซวียนล่วงเกินผู้สืบทอดตระกูลเนี่ยก็ถือว่าเสียไปแล้วครึ่งวงการไฮโซของตี้ตู

คุณหนูเลี่ยวส่ายหน้า

ทำตัวเองทั้งนั้น

อีกด้านหนึ่ง

ฟู่อวิ๋นเซินเดินออกมาจากห้องครัวด้านหลัง ถือขนมเค้กสองชิ้นที่ตั้งใจทำโดยเฉพาะยื่นให้อิ๋งจื่อจิน

“ไปขัดจังหวะการสะกดจิตมาเหรอ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ธรรมดา”

เธอพบว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนสะกดจิตเป็นก็เพราะตอนนั้นที่เวินทิงหลานเกิดเรื่อง ตอนเธอไปหาที่คลาสเด็กอัจฉริยะ

เธอถึงได้บอกซิวอวี่ว่า อย่ามองตาของอิ๋งเย่ว์เซวียน

การสะกดจิตมีหลายแบบ อิ๋งเย่ว์เซวียนชินกับการใช้วิธีจ้องตาร่วมกับการพูดโน้มน้าว ก็จะสามารถดำเนินการสะกดจิตได้

เพียงแต่วิธีสะกดจิตที่อิ๋งเย่ว์เซวียนใช้เป็นนี้ ฝีมือก็ไม่ต่างกับศิลปินข้างถนนแถวยุโรป

การสะกดจิตเป็นการโน้มน้าวจิตใจอย่างหนึ่ง คนที่จิตใจอ่อนแอจะถูกสะกดจิตได้ง่าย

อิ๋งเย่ว์เซวียนสามารถทำให้คนรู้สึกมีความใกล้ชิดสนิทสนมมาก สาเหตุส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอสะกดจิตเป็นอยู่บ้าง

เนี่ยเฉาก็รู้สึกเหลือเชื่อ “บอส งั้นพวกคนตระกูลอิ๋งคงไม่ได้…”

“คิดอะไรน่ะ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยิ้มพลางพูด

“นายคิดว่าเธอเป็นพวกนักสะกดจิตติดอันดับหรือไง การสะกดจิตของเธอเป็นการคล้อยไปตามความต้องการของคนอื่น ฝีมือเด็กๆ ก็เหมือนกับพวกโฆษณาในทีวี ถ้านายไม่ต้องการจริงๆ โฆษณาให้ตาย โน้มน้าวจิตใจนายขนาดไหน นายก็ไม่มีทางซื้อ”

เนี่ยเฉาเกาหัว แอบบ่น “ทัศนคติฉันพังทลายอีกแล้ว”

ตระกูลเนี่ยมีแอคเคาท์เว็บบอร์ดเอ็นโอเคที่สามารถเข้าสมาพันธ์ลับได้อยู่แค่แอคเคาท์เดียว นายใหญ่แต่ละรุ่นจะเป็นคนถือไว้ เพียงแต่ระดับไม่สูงมาก อยู่แค่ระดับเอ

แอคเคาท์ที่อยู่ในมือเนี่ยอี้เป็นแอคเคาท์ที่เขาหามาได้เอง

หลังจากที่เนี่ยเฉารับแอคเคาท์ต่อจากผู้เฒ่าเนี่ย เขาก็ลองเข้าไปในพื้นที่ปิดดูแล้ว

พอท่องดูในนั้นเสร็จเขาถึงได้รู้ว่าโลกที่เขาเคยรู้จักมันเป็นแค่เสี้ยวเดียวของภูเขาน้ำแข็ง

ฟู่อวิ๋นเซินรออิ๋งจื่อจินกินเสร็จ จากนั้นเขาก็ยื่นกระดาษหนึ่งแผ่นแล้วถึงยื่นมือ

อิ๋งจื่อจินเช็ดมือ “ทำอะไร”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “บอกไว้แล้ว สอนเธอเต้นรำ เยาเยา ให้เกียรติพี่ชายได้ไหม”

ถึงแม้จะไม่ชอบเต้นรำ แต่อิ๋งจื่อจินก็ยังคงวางมือลงไป

อยู่ๆ เนี่ยเฉาก็รู้สึกขนลุก “ฉันๆ ไปต้อนรับแขกแล้วกัน”

เขาดึงชุดเข้ามากระชับแล้วออกไปทันที

เขากลัวว่าถ้ายังไม่ไปจะถูกลอบฆ่าได้

เพราะอิ๋งจื่อจิน ผู้เฒ่าจงกับอิ๋งเทียนลี่ว์ก็เลยได้รับเชิญด้วย

ผู้เฒ่าจงตั้งใจเปิดโอกาสให้อิ๋งเทียนลี่ว์สร้างความสัมพันธ์และผูกมิตร จึงให้เขาไปพูดคุยกับพวกคุณชายตระกูลอื่น

ส่วนรุ่นอาวุโสอยู่ชั้นบนไม่ได้ลงไป ตั้งโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอกกัน

“สวัสดีครับ” ผู้เฒ่าเนี่ยกับผู้เฒ่าจงจับมือกัน ทั้งยังโค้งให้กัน “คุณมีหลานสาวที่ยอดเยี่ยมมากครับ ช่วยชีวิตเฉาเอ๋อร์ไว้ ผมไม่รู้ว่าจะขอบคุณเธอยังไงดี”

“เธอเองก็ช่วยชีวิตผมกับหลานชายของผมไว้ครับ” มู่เฮ่อชิงก็พูดด้วย เขาถอนหายใจ

“ไม่อย่างนั้นปีที่แล้วตาแก่อย่างผมคงได้หลับยาวอยู่ที่ฮู่เฉิงแล้ว”

เนื่องจากตี้อู่ชวนเดินเหินไม่สะดวกจึงต้องนั่งบนเก้าอี้รถเข็น

“ปรมา…คุณอิ๋งก็ช่วยชีวิตเย่ว์เย่ว์ไว้ครับ ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก”

มือของผู้เฒ่าจงถูกจับโยกไม่หยุด เขานี่ช็อกไปแล้ว

คนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือใคร

นายใหญ่ของตระกูลชั้นยอดในตี้ตูทั้งนั้น!

นี่เป็นบุคคลระดับที่สี่ตระกูลเศรษฐีของฮู่เฉิงไม่มีทางได้เข้าถึง แต่ตอนนี้ทั้งหมดกำลัง…เล่นไพ่นกกระจอกกับเขา

ที่แท้หลานสาวของเขาก็สุดยอดขนาดนี้!

ผู้เฒ่าจงจั่วมั่วๆ ได้ตัวลมเหนือ พอยกขึ้นมาดูก็หงายไพ่ที่เหลือด้วยความดีใจ

“ฮี่ ผมชนะแล้ว! เอาเงินมา!”

ผู้เฒ่าเนี่ย “…”

มู่เฮ่อชิง “…”

ตี้อู่ชวนลูบเคราของตัวเอง เผลอกระตุกออกมาหนึ่งเส้น ร้องซี้ด

สมกับเป็นคนในครอบครัวของท่านอาจารย์ ชอบเงินเป็นพิเศษเหมือนกันไม่มีผิด

หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นลง อิ๋งจื่อจินก็กลับห้องพักแขก เปิดโทรวิดีโอคอล

เดิมทีเธอก็อยากรับเวินเฟิงเหมียนมาที่ตี้ตูด้วย แต่เขาไม่ยอม บอกแค่ว่าไว้ก่อน

เธอก็เลยติดต่อมหาวิทยาลัยนอร์ตัน บอกให้พวกเขาเอาเครื่องบินส่วนตัวมารับเวินเฟิงเหมียนไป

บนหน้าจอ เวินเฟิงเหมียนกับเวินทิงหลานอยู่ด้วยกัน

“พ่อ เสี่ยวหลาน” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ “เป็นไงบ้างคะ”

“ก็ดีนะ” เวินเฟิงเหมียนยิ้ม “มามหาวิทยาลัยนอร์ตันครั้งแรก พ่อยังไม่ชินเท่าไร”

ทั้งสามคนคุยกันสักพัก บรรยากาศเงียบสงบ

พอวิดีโอคอลเสร็จ เวินเฟิงเหมียนถึงหันไปมองอาหารเต็มโต๊ะที่รองอธิการบดีตั้งใจเตรียมให้พวกเขาโดยเฉพาะ จากนั้นก็ตกอยู่ในห้วงความเงียบ

หลายปีมานี้ถึงแม้เขาจะอยู่ที่อำเภอชิงสุ่ยมาตลอด

ที่นี่เป็นพื้นที่ยากจน แม้แต่อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี แต่เขาก็จะไปซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านโดยเฉพาะ

มหาวิทยาลัยนอร์ตันเยี่ยมยอดขนาดไหน ไม่มีคนไม่รู้ เป็นสถานที่ที่นักเรียนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนแย่งกันจะเข้าไป แต่ก็เข้าไปไม่ได้

แต่ตอนนี้รองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเอาข้าวมาส่งให้พวกเขาด้วยตัวเอง ทั้งยังถามพวกเขาด้วยว่าขาดเหลืออะไรไหม เรียกได้ตลอด

เวินเฟิงเหมียนจัดวางอุปกรณ์กินอาหาร นิ่งไปเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “อวี้อวี้ พี่สาวเราน่ะ…”

เวินทิงหลานมาอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตันได้ครึ่งปีกว่าแล้ว จิตใจก็เข้มแข็งมากขึ้น

ทุกสัปดาห์รองอธิการบดีจะมาเรียกเขาไปแล้วพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนม ทั้งยังสอนบทเรียนให้เขาด้วยตัวเอง

บางครั้งเขายังรู้สึกว่ารองอธิการบดีบ้าไปแล้วจริงๆ

เวินทิงหลานเงยหน้า สีหน้าจริงจังมาก “เธอเป็นพี่สาวผม และจะเป็นตลอดไป”

ไม่ว่าตัวอิ๋งจื่อจินจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง แต่จุดนี้จะไม่มีทางเปลี่ยน

เวินเฟิงเหมียนอึ้ง ยิ้มเล็กน้อย “ลูกคิดแบบนี้ได้ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก”

หยุดเล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงที่เบาลง “อวี้อวี้ คำพูดบางอย่างอาจไม่น่าฟัง แต่ถ้าวันหนึ่งสองคนนั้นมาหาลูก ลูกจะทำยังไง”

“ไม่ทำไงครับ” สีหน้าของเวินทิงหลานเย็นชา “นั่นก็พี่สาวเพียงคนเดียวของผม แต่ผมไม่มีแม่”

ตอนนั้นเขาเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ไม่มีความทรงจำ

แต่ตอนนั้นแม่แท้ๆ ของเขาตัดสินใจเด็ดขาดเอาเงินทั้งหมดไป พาลูกสาวคนโตไป ก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีเยื่อใยกับพวกเขาแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 381 กระชากหน้ากากของอิ๋งเย่ว์เซวียน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 381 กระชากหน้ากากของอิ๋งเย่ว์เซวียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 381 กระชากหน้ากากของอิ๋งเย่ว์เซวียน

“…”

ภายในห้องจัดเลี้ยงเกิดความเงียบขึ้นมาทันที

บรรดาคุณหนูคุณชายที่อยู่รอบๆ ต่างมองอิ๋งจื่อจินด้วยสีหน้าตกใจ

ที่นี่เป็นงานเลี้ยงของตระกูลเนี่ย อีกทั้งผู้เฒ่าเนี่ยยังเป็นคนจัดด้วยตัวเอง ใครกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่

คุณหนูคุณชายส่วนหนึ่งรู้จักอิ๋งจื่อจินก็เพราะช่วงหลายวันมานี้โด่งดังในเน็ตมาก

คุณหนูหลายคนในนี้ยังได้ดูรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 อีกด้วย

ต่อให้คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก สายตาก็มองตามอิ๋งจื่อจินอยู่ตลอด

อิ๋งเย่ว์เซวียนเอามือจับหน้า ยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกเหลือเชื่อ น้ำเสียงที่อ่อนโยนมาตลอดของเธอเวลานี้ได้เย็นชาลง “อิ๋งจื่อจิน เธอ…”

ขาดอีกแค่นิดเดียว

แต่กลับถูกอิ๋งจื่อจินตบขัดจังหวะเสียก่อน

อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก หมดความอดทน แต่การอบรมเลี้ยงดูทำให้เธอจำได้ว่าไม่ควรโวยวายเสียงดัง เธอถามกลับ

“อิ๋งจื่อจิน หมายความว่าไง อยู่ๆ ก็ใช้กำลัง ถูกสั่งสอนมาแบบนี้เหรอ”

อิ๋งจื่อจินถอดถุงมือออกแล้วโยนทิ้งใส่ถังขยะที่ห่างออกไปสิบเมตร

ท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนรับไม่ได้ “เธอหาว่าฉันสกปรกเหรอ”

อิ๋งจื่อจินกอดอก ท่าทางเหนื่อยหน่าย แววตาเย็นชาเล็กน้อย “ช่วยล้างปากให้”

“บอส” เนี่ยเฉาวิ่งเข้ามา ได้ยินคำพูดของอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ทำสีหน้ารังเกียจ

“เพราะความอิจฉาก็เลยชอบให้ร้ายคนอื่นลับหลัง ไม่มีมารยาท”

คราวนี้พวกคุณหนูคุณชายที่อยู่รอบๆ ต่างไม่มีใครออกหน้าช่วยอิ๋งเย่ว์เซวียนแล้ว

เมื่อก่อนเนี่ยเฉาเป็นคุณชายเสเพลที่เอาแต่เที่ยวเล่น แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว

นี่คือผู้สืบทอดของตระกูลเนี่ย!

“ว่าคนอื่นลับหลังไร้มารยาทจริงๆ” คุณหนูที่พาอิ๋งเย่ว์เซวียนเข้ามาขยับตัวออกห่าง “คนชั้นต่ำ”

อิ๋งเย่ว์เซวียนกำมือแน่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดเต็มหลัง แม้แต่รอยยิ้มที่ริมฝีปากก็รักษาไว้ไม่อยู่แล้ว

“ยาม มาเอาตัวคนนี้ออกไป” เนี่ยเฉาเรียกยามมาสองคนพลางชี้อิ๋งเย่ว์เซวียน “เธอไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อแขก เข้ามาไม่ได้”

“ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ ต่อไปถ้าตระกูลเนี่ยจัดงานอะไรก็ห้ามคนคนนี้เข้ามาในงาน”

อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีด “พวกคุณ…”

เธอยังไม่ทันพูดจบก็ถูกยามสองคนลากตัวออกไปข้างนอก

หลังจากเดินออกจากห้องจัดงานเลี้ยงก็โยนเธอทิ้งไว้ในสวนหย่อม

อิ๋งเย่ว์เซวียนสวมแค่ชุดเดรสบางๆ แม้แต่เสื้อกันหนาวขนเป็ดก็ไม่ได้หยิบ ลมหนาวของฤดูหนาวพัดผ่าน เธอหนาวจนสั่นไปทั้งตัว

แต่นี่ก็ยังเทียบไม่ได้กับความกระวนกระวายในจิตใจ

ช่วงหลายวันมานี้ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกถึงท่าทีของจงมั่นหวาที่เปลี่ยนไป

ถึงจะยังคงดูเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาใจใส่เท่าเมื่อก่อนแล้ว

เธอรู้ว่าจงมั่นหวาเกิดความคิดที่อยากรับอิ๋งจื่อจินกลับไป

อิ๋งจื่อจินเป็นคนเก่ง ต่อให้เธอเจตนาปิดบังก็ปิดบังไม่ได้มาก

แต่อิ๋งจื่อจินมีคนให้พึ่งพามากขนาดนั้น ทั้งฟู่อวิ๋นเซิน ตระกูลเนี่ย และยังมีตระกูลจง

แต่เธอมีแค่ตระกูลอิ๋ง

ถ้าเธอไปจากตระกูลอิ๋ง เธอก็ทำได้แค่ไปอยู่กับจิ่งหงเจิน ใช้ชีวิตธรรมดาๆ

อิ๋งจื่อจินยังจะแย่งเธออีกเหรอ

เล็บของอิ๋งเย่ว์เซวียนจิกเข้าไปในฝ่ามือ บังคับให้ตัวเองมีสติ

เธอรู้ว่าแผนครั้งนี้ล้มเหลวแล้ว

ขณะที่การสะกดจิตของเธอกำลังจะขึ้นถึงจุดสูงสุดได้ถูกตบนั้นของอิ๋งจื่อจินขัดจังหวะ

พอเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่เธอจะสะกดจิตคุณชายคุณหนูพวกนั้นไม่สำเร็จ กลับทำให้ระบบประสาทของตัวเองพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

เมื่อครู่เธอเกือบหมดสติไป

สะกดจิตล้มเหลวก็จะมีผลสะท้อนกลับแบบนี้

โดยเฉพาะเวลาที่สะกดจิตคนจำนวนมาก

เธอลองครั้งแรกยังไม่สำเร็จก็ถูกทำลาย

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่าอิ๋งจื่อจินไม่มีความรู้เรื่องสะกดจิต เธอก็เกือบสงสัยแล้วว่าอิ๋งจื่อจินจงใจตบเธอตอนนั้นพอดี

อิ๋งเย่ว์เซวียนยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวอยู่สักพักแล้วออกจากคฤหาสน์ตระกูลเนี่ยทั้งที่ตัวสั่น

เมิ่งหรูย่อมไม่มีทางรออยู่ข้างนอก

ตระกูลหยวนจองโต๊ะในภัตตาคารห้าดาวที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคฤหาสน์ตระกูลเนี่ย หยวนจยาเฉิงก็อยู่ด้วย และยังมีญาติคนอื่นๆ ในตระกูลหยวน

อิ๋งเย่ว์เซวียนไปซื้อเสื้อกันหนาวที่ร้านเสื้อผ้าข้างๆ แล้วถึงขึ้นไป

เมิ่งหรูกำลังคุยกับคนอื่นอยู่ พอเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ขมวดคิ้ว “ทำไมออกมาแล้วล่ะ”

“หนูไม่ค่อยสบายค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนก้มหน้า

“คุณนายหยวน ขอโทษจริงๆ ค่ะ หนูต้องไปโรงพยาบาล”

เธอไม่กล้าบอกเมิ่งหรูว่า เธอปิดตายเส้นทางเข้าหาตระกูลเนี่ยแล้ว

“ช่างเถอะ” เมิ่งหรูเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีด เหงื่อก็ออกไม่หยุด จึงไม่พูดตำหนิอะไร

“ให้จยาเฉิงไปเป็นเพื่อนแล้วกัน”

“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูดเสียงเบา “หนูไปเองได้ค่ะ”

เมิ่งหรูก็ไม่บังคับ

อิ๋งเย่ว์เซวียนรีบร้อนออกไป

เมิ่งหรูขมวดคิ้วอีกครั้ง

ไม่รู้ทำไม วันนี้เธอรู้สึกเห็นอิ๋งเย่ว์เซวียนแล้วขัดหูขัดตาชอบกล

แต่ไม่นานเมิ่งหรูก็ทิ้งความคิดนี้ไว้ข้างหลัง เริ่มคุยกับคุณนายคนอื่นในตระกูลหยวนต่อ

ภายในห้องจัดงานเลี้ยง

“อัปมงคล” เนี่ยเฉาทำเสียงฮึดฮัด “เผลอแปบเดียวแมลงวันบินเข้ามาได้”

อิ๋งจื่อจินหันมา “นายจะบอกว่าฉันตบแมลงวันเหรอ”

“เปล่าๆ” เนี่ยเฉารีบส่ายมือ พูดชม “บอสใช่ไม้ตบแมลงวันที่ไหนกัน อย่างบอสน่ะย่าฆ่าแมลง!”

“…”

อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

เธอไม่รู้จริงๆ ว่าอีคิวของสองพี่น้องตระกูลเนี่ยถูกใครกินไปหมด

ชักเข้าใจความกลุ้มของหลิงเหมียนซีแล้ว

เนี่ยเฉาก็รีบเดินตามไป ทิ้งพ่อบ้านเนี่ยไว้ต้อนรับแขก

พอเขาเดินไปแบบนี้ คุณหนูที่พาอิ๋งเย่ว์เซวียนเข้ามาก็สีหน้าเปลี่ยน

“คุณชายเนี่ยเฉา ฉัน…”

พ่อบ้านเนี่ยที่อยู่ด้านหลังหยุดลง ยิ้มพลางพูด

“คุณชายเนี่ยเฉาพูดแล้วครับว่า คุณหนูเลี่ยวก็ไม่รู้จักนิสัยใจคอถึงได้หลงคารมพาเข้ามา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณหนูเลี่ยวครับ”

ฟังถึงตรงนี้คุณหนูเลี่ยวถึงได้โล่งอก แต่ก็รู้สึกผิดมาก

“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันรับรองว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”

พ่อบ้านพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วไปจัดการตรงอื่นต่อ

คุณหนูเลี่ยวยังยืนอยู่ที่เดิม อึ้งเล็กน้อย

เธอเองก็รู้สึกแปลกใจ ถึงแม้ตระกูลของเธอจะเทียบไม่ได้กับตระกูลเนี่ยตระกูลมู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ถือเป็นตระกูลระดับรองลงมาของตี้ตู

ครั้งนี้ถูกเชิญมางานเลี้ยงฉลองตรุษจีนของตระกูลเนี่ยก็ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

ถึงแม้เธอกับอิ๋งเย่ว์เซวียนจะเข้ากันได้ดี และเธอก็รู้สึกชอบอิ๋งเย่ว์เซวียนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางที่เธอจะพาคนนอกเข้ามาด้วย

คุณหนูเลี่ยวคิดแล้วคิดอีกก็หาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้

เธอตัดสินใจแล้วว่าอีกหน่อยเธอจะรักษาระยะห่างกับอิ๋งเย่ว์เซวียน

อิ๋งเย่ว์เซวียนล่วงเกินผู้สืบทอดตระกูลเนี่ยก็ถือว่าเสียไปแล้วครึ่งวงการไฮโซของตี้ตู

คุณหนูเลี่ยวส่ายหน้า

ทำตัวเองทั้งนั้น

อีกด้านหนึ่ง

ฟู่อวิ๋นเซินเดินออกมาจากห้องครัวด้านหลัง ถือขนมเค้กสองชิ้นที่ตั้งใจทำโดยเฉพาะยื่นให้อิ๋งจื่อจิน

“ไปขัดจังหวะการสะกดจิตมาเหรอ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ธรรมดา”

เธอพบว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนสะกดจิตเป็นก็เพราะตอนนั้นที่เวินทิงหลานเกิดเรื่อง ตอนเธอไปหาที่คลาสเด็กอัจฉริยะ

เธอถึงได้บอกซิวอวี่ว่า อย่ามองตาของอิ๋งเย่ว์เซวียน

การสะกดจิตมีหลายแบบ อิ๋งเย่ว์เซวียนชินกับการใช้วิธีจ้องตาร่วมกับการพูดโน้มน้าว ก็จะสามารถดำเนินการสะกดจิตได้

เพียงแต่วิธีสะกดจิตที่อิ๋งเย่ว์เซวียนใช้เป็นนี้ ฝีมือก็ไม่ต่างกับศิลปินข้างถนนแถวยุโรป

การสะกดจิตเป็นการโน้มน้าวจิตใจอย่างหนึ่ง คนที่จิตใจอ่อนแอจะถูกสะกดจิตได้ง่าย

อิ๋งเย่ว์เซวียนสามารถทำให้คนรู้สึกมีความใกล้ชิดสนิทสนมมาก สาเหตุส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอสะกดจิตเป็นอยู่บ้าง

เนี่ยเฉาก็รู้สึกเหลือเชื่อ “บอส งั้นพวกคนตระกูลอิ๋งคงไม่ได้…”

“คิดอะไรน่ะ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยิ้มพลางพูด

“นายคิดว่าเธอเป็นพวกนักสะกดจิตติดอันดับหรือไง การสะกดจิตของเธอเป็นการคล้อยไปตามความต้องการของคนอื่น ฝีมือเด็กๆ ก็เหมือนกับพวกโฆษณาในทีวี ถ้านายไม่ต้องการจริงๆ โฆษณาให้ตาย โน้มน้าวจิตใจนายขนาดไหน นายก็ไม่มีทางซื้อ”

เนี่ยเฉาเกาหัว แอบบ่น “ทัศนคติฉันพังทลายอีกแล้ว”

ตระกูลเนี่ยมีแอคเคาท์เว็บบอร์ดเอ็นโอเคที่สามารถเข้าสมาพันธ์ลับได้อยู่แค่แอคเคาท์เดียว นายใหญ่แต่ละรุ่นจะเป็นคนถือไว้ เพียงแต่ระดับไม่สูงมาก อยู่แค่ระดับเอ

แอคเคาท์ที่อยู่ในมือเนี่ยอี้เป็นแอคเคาท์ที่เขาหามาได้เอง

หลังจากที่เนี่ยเฉารับแอคเคาท์ต่อจากผู้เฒ่าเนี่ย เขาก็ลองเข้าไปในพื้นที่ปิดดูแล้ว

พอท่องดูในนั้นเสร็จเขาถึงได้รู้ว่าโลกที่เขาเคยรู้จักมันเป็นแค่เสี้ยวเดียวของภูเขาน้ำแข็ง

ฟู่อวิ๋นเซินรออิ๋งจื่อจินกินเสร็จ จากนั้นเขาก็ยื่นกระดาษหนึ่งแผ่นแล้วถึงยื่นมือ

อิ๋งจื่อจินเช็ดมือ “ทำอะไร”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “บอกไว้แล้ว สอนเธอเต้นรำ เยาเยา ให้เกียรติพี่ชายได้ไหม”

ถึงแม้จะไม่ชอบเต้นรำ แต่อิ๋งจื่อจินก็ยังคงวางมือลงไป

อยู่ๆ เนี่ยเฉาก็รู้สึกขนลุก “ฉันๆ ไปต้อนรับแขกแล้วกัน”

เขาดึงชุดเข้ามากระชับแล้วออกไปทันที

เขากลัวว่าถ้ายังไม่ไปจะถูกลอบฆ่าได้

เพราะอิ๋งจื่อจิน ผู้เฒ่าจงกับอิ๋งเทียนลี่ว์ก็เลยได้รับเชิญด้วย

ผู้เฒ่าจงตั้งใจเปิดโอกาสให้อิ๋งเทียนลี่ว์สร้างความสัมพันธ์และผูกมิตร จึงให้เขาไปพูดคุยกับพวกคุณชายตระกูลอื่น

ส่วนรุ่นอาวุโสอยู่ชั้นบนไม่ได้ลงไป ตั้งโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอกกัน

“สวัสดีครับ” ผู้เฒ่าเนี่ยกับผู้เฒ่าจงจับมือกัน ทั้งยังโค้งให้กัน “คุณมีหลานสาวที่ยอดเยี่ยมมากครับ ช่วยชีวิตเฉาเอ๋อร์ไว้ ผมไม่รู้ว่าจะขอบคุณเธอยังไงดี”

“เธอเองก็ช่วยชีวิตผมกับหลานชายของผมไว้ครับ” มู่เฮ่อชิงก็พูดด้วย เขาถอนหายใจ

“ไม่อย่างนั้นปีที่แล้วตาแก่อย่างผมคงได้หลับยาวอยู่ที่ฮู่เฉิงแล้ว”

เนื่องจากตี้อู่ชวนเดินเหินไม่สะดวกจึงต้องนั่งบนเก้าอี้รถเข็น

“ปรมา…คุณอิ๋งก็ช่วยชีวิตเย่ว์เย่ว์ไว้ครับ ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก”

มือของผู้เฒ่าจงถูกจับโยกไม่หยุด เขานี่ช็อกไปแล้ว

คนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือใคร

นายใหญ่ของตระกูลชั้นยอดในตี้ตูทั้งนั้น!

นี่เป็นบุคคลระดับที่สี่ตระกูลเศรษฐีของฮู่เฉิงไม่มีทางได้เข้าถึง แต่ตอนนี้ทั้งหมดกำลัง…เล่นไพ่นกกระจอกกับเขา

ที่แท้หลานสาวของเขาก็สุดยอดขนาดนี้!

ผู้เฒ่าจงจั่วมั่วๆ ได้ตัวลมเหนือ พอยกขึ้นมาดูก็หงายไพ่ที่เหลือด้วยความดีใจ

“ฮี่ ผมชนะแล้ว! เอาเงินมา!”

ผู้เฒ่าเนี่ย “…”

มู่เฮ่อชิง “…”

ตี้อู่ชวนลูบเคราของตัวเอง เผลอกระตุกออกมาหนึ่งเส้น ร้องซี้ด

สมกับเป็นคนในครอบครัวของท่านอาจารย์ ชอบเงินเป็นพิเศษเหมือนกันไม่มีผิด

หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นลง อิ๋งจื่อจินก็กลับห้องพักแขก เปิดโทรวิดีโอคอล

เดิมทีเธอก็อยากรับเวินเฟิงเหมียนมาที่ตี้ตูด้วย แต่เขาไม่ยอม บอกแค่ว่าไว้ก่อน

เธอก็เลยติดต่อมหาวิทยาลัยนอร์ตัน บอกให้พวกเขาเอาเครื่องบินส่วนตัวมารับเวินเฟิงเหมียนไป

บนหน้าจอ เวินเฟิงเหมียนกับเวินทิงหลานอยู่ด้วยกัน

“พ่อ เสี่ยวหลาน” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้ “เป็นไงบ้างคะ”

“ก็ดีนะ” เวินเฟิงเหมียนยิ้ม “มามหาวิทยาลัยนอร์ตันครั้งแรก พ่อยังไม่ชินเท่าไร”

ทั้งสามคนคุยกันสักพัก บรรยากาศเงียบสงบ

พอวิดีโอคอลเสร็จ เวินเฟิงเหมียนถึงหันไปมองอาหารเต็มโต๊ะที่รองอธิการบดีตั้งใจเตรียมให้พวกเขาโดยเฉพาะ จากนั้นก็ตกอยู่ในห้วงความเงียบ

หลายปีมานี้ถึงแม้เขาจะอยู่ที่อำเภอชิงสุ่ยมาตลอด

ที่นี่เป็นพื้นที่ยากจน แม้แต่อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี แต่เขาก็จะไปซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านโดยเฉพาะ

มหาวิทยาลัยนอร์ตันเยี่ยมยอดขนาดไหน ไม่มีคนไม่รู้ เป็นสถานที่ที่นักเรียนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนแย่งกันจะเข้าไป แต่ก็เข้าไปไม่ได้

แต่ตอนนี้รองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยนอร์ตันเอาข้าวมาส่งให้พวกเขาด้วยตัวเอง ทั้งยังถามพวกเขาด้วยว่าขาดเหลืออะไรไหม เรียกได้ตลอด

เวินเฟิงเหมียนจัดวางอุปกรณ์กินอาหาร นิ่งไปเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “อวี้อวี้ พี่สาวเราน่ะ…”

เวินทิงหลานมาอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตันได้ครึ่งปีกว่าแล้ว จิตใจก็เข้มแข็งมากขึ้น

ทุกสัปดาห์รองอธิการบดีจะมาเรียกเขาไปแล้วพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนม ทั้งยังสอนบทเรียนให้เขาด้วยตัวเอง

บางครั้งเขายังรู้สึกว่ารองอธิการบดีบ้าไปแล้วจริงๆ

เวินทิงหลานเงยหน้า สีหน้าจริงจังมาก “เธอเป็นพี่สาวผม และจะเป็นตลอดไป”

ไม่ว่าตัวอิ๋งจื่อจินจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง แต่จุดนี้จะไม่มีทางเปลี่ยน

เวินเฟิงเหมียนอึ้ง ยิ้มเล็กน้อย “ลูกคิดแบบนี้ได้ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก”

หยุดเล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงที่เบาลง “อวี้อวี้ คำพูดบางอย่างอาจไม่น่าฟัง แต่ถ้าวันหนึ่งสองคนนั้นมาหาลูก ลูกจะทำยังไง”

“ไม่ทำไงครับ” สีหน้าของเวินทิงหลานเย็นชา “นั่นก็พี่สาวเพียงคนเดียวของผม แต่ผมไม่มีแม่”

ตอนนั้นเขาเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ไม่มีความทรงจำ

แต่ตอนนั้นแม่แท้ๆ ของเขาตัดสินใจเด็ดขาดเอาเงินทั้งหมดไป พาลูกสาวคนโตไป ก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีเยื่อใยกับพวกเขาแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+