คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 402 ไอดีนี้เป็นของใคร

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 402 ไอดีนี้เป็นของใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 402 ไอดีนี้เป็นของใคร

นับตั้งแต่วินาทีแรกที่อิ๋งเย่ว์เซวียนเข้ามาในห้องโถงใหญ่ เครื่องมือตรวจจับก็บอกเธอว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในตัวอิ๋งเย่ว์เซวียนกำลังปล่อยสัญญาณอยู่

อิ๋งจื่อจินจึงคอยสังเกต

เสื้อผ้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนไม่มีช่องกระเป๋า แต่เธอพบว่ามือของอิ๋งเย่ว์เซวียนถูตรงชายเสื้อ

ตรงชายเสื้อมีแผ่นเหล็กกลมๆ ที่ไม่สะดุดตาหนึ่งชิ้น

เหมือนแฟลชไดร์ฟจิ๋วไร้สายที่จั่วหลีให้เธอไม่มีผิด

ถ่ายโอนข้อมูลระยะไกล อีกทั้งยังห่างแค่หนึ่งเมตร เรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก

ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้สวมถุงมือก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลต่อลายนิ้วมือ

ขณะที่อิ๋งเย่ว์เซวียนยังอยากพูดอะไรต่อ เจ้าหน้าที่สองคนก็จับเธอใส่กุญแจมือแล้วเอาตัวออกไปจากห้องโถงใหญ่แล้ว

ที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นยังไม่ไปไหน

พอเห็นทีมสืบสวนคุมตัวอิ๋งเย่ว์เซวียนออกมาก็พากันมองไปทางนั้น

มีทั้งสายตาสงสัยและรังเกียจ

“เธอเป็นใครน่ะ ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าขายหน้าจริงๆ”

“เห็นทีจะคนนี้แหละที่ขโมยข้อมูลการทดลอง ทำพวกเราที่เป็นผู้เข้าแข่งขันขายหน้าจริงๆ”

“เธอหน้าคล้ายผู้เข้าแข่งขันที่หน้าตาดีคนนั้นอยู่นะ แต่ก็ยังด้อยกว่าเยอะ จึ๊ๆ แล้วนี่ยังจะนิสัยแย่อีก”

มีสารพัดคำพูดดังอยู่รอบหูของอิ๋งเย่ว์เซวียนจนหูเกือบอื้อไม่ได้ยินอะไร

เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้น มองจากด้านหลังดูจนตรอกหมดสภาพ

เถิงอวิ้นเมิ่งที่อยู่ด้านหลังพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โชคดีที่จื่อจินมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นคงถูกปรักปรำไปแล้ว”

ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่เอาแฟลชไดร์ฟไร้สายออกมา ลำพังแค่พวกข้อมูลการทดลองที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของเธอก็เพียงพอให้ทีมสืบสวนเอาตัวเธอไปขังได้แล้ว

อิ๋งจื่อจินพูด “เธอวางแผนไว้แบบนั้น”

“ชั้นต่ำสิ้นดี” เถิงอวิ้นเมิ่งยังโมโหไม่หาย “ก็ไม่รู้ว่าใครสั่งสอนมาจนกลายเป็นแบบนี้”

คิดแล้วก็ถามต่อ “ฉันได้ยินมาว่าอาจารย์หลัวหยิ่งมาก จื่อจิน ทำไมเธอดูสนิทกับอาจารย์หลัวจังล่ะ”

“อืม…” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อย “เธอเป็นภรรยาของศาสตราจารย์จั่วหลี”

เถิงอวิ้นเมิ่งตะลึง “จริงเหรอ”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ใช่ แต่หลายคนไม่รู้”

ดังนั้นหลังจากที่จั่วหลีซื้อแผ่นมาร์คหน้าขาวใสไปจากเธอ เธอก็เลยได้รู้จักอาจารย์หลัว

ไม่อย่างนั้นเรื่องในวันนี้คงยุ่งยากนิดหน่อย

ภายในโรงแรมห้าดาวอีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่ฟู่อวิ๋นเซินอ่านข้อความวีแชท ดวงตาดอกท้อก็หรี่ลงเล็กน้อย

เขานั่งพิงโซฟา ขายาวงออยู่

มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ กดหาเบอร์ที่เก็บมานานในสมุดโทรศัพท์แล้วกดโทรออก

ปลายสายเป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ที่เคยมาบ้านครอบครัวเวินเพื่อชวนเวินทิงหลานเข้าสาขาคอมพิวเตอร์

“ทำไมอยู่ๆ นายก็โทรหาฉัน” ศาสตราจารย์สูงวัยตกใจกึ่งรู้สึกเซอร์ไพรส์ “หรือว่าคิดดีแล้ว อยากมาเข้าสาขาคอมพิวเตอร์ของพวกเรา”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ให้แม้แต่โอกาสให้เขาได้วาดฝัน พูดเสียงเนือย “เปล่าครับ”

“งั้นเรื่องอะไร” ศาสตราจารย์สูงวัยชักหงุดหงิด “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะมาสวัสดีปีใหม่ย้อนหลัง”

ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเล็กน้อย “รู้จักศาสตราจารย์ที่ชื่อหลี่เหยียนไหมครับ”

“หลี่เหยียนเหรอ” ศาสตราจารย์สูงวัยอึ้ง “ต้องรู้จักอยู่แล้ว เขามุ่งมั่นเรื่องบ่มเพาะเด็กรุ่นหลังที่เก่งๆ มาตลอด เมล็ดพันธุ์ชั้นดีหลายคนก็ฝีมือเขาหามาทั้งนั้น”

“ตอนนี้เขามีนักเรียนคนหนึ่งที่ชื่ออิ๋งเย่ว์เซวียน” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “เป็นตัวเลือกที่จะเข้าไปทำงานในห้องทดลองของเขา อีกทั้งยังเป็นผู้เข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของไอเอสซี”

“อิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ” ศาสตราจารย์สูงวัยดันแว่นตา “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ฉันจะไปเช็กดู นายอยากให้ฉันดูแลเธอเป็นพิเศษเหรอ”

ศาสตราจารย์สาขาคอมพิวเตอร์มีหลายสิบคน แต่ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์มีแค่คนเดียว

ศาสตราจารย์หลี่เป็นแค่คนรุ่นหลังของศาสตราจารย์สูงวัยคนนี้

สองคนที่ศาสตราจารย์สูงวัยเก็บเอามาใส่ใจที่สุด นอกจากฟู่อวิ๋นเซินแล้วก็มีแค่เวินทิงหลาน

ฟู่อวิ๋นเซินพูด “เธอขโมยข้อมูลการทดลองของศูนย์วิจัยในเมืองมหาวิทยาลัยของยุโรป ทั้งยังโยนความผิดให้คนอื่น”

“ว่าไงนะ!” ศาสตราจารย์สูงวัยได้ฟังก็สีหน้าเปลี่ยน “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

วงการวิชาการถือสาเรื่องอะไร

การปลอมแปลง

แต่เรื่องขโมยมันรุนแรงยิ่งกว่าการปลอมแปลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใส่ความคนอื่นเลย

“คณะกรรมการไอเอสซีกับศูนย์วิจัยกำลังจัดการเรื่องนี้” ฟู่อวิ๋นเซินพูดต่อ “ผมโทรมาบอกก่อน สาขาคอมพิวเตอร์จะได้ไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงครับ”

“เข้าใจแล้ว” ศาสตราจารย์สูงวัยก็โมโหอยู่ไม่น้อย “ฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

“งั้นผมก็ขอขอบคุณศาสตราจารย์เซวียกั๋วหวาล่วงหน้าครับ” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก “ไว้ผมไปตี้ตูจะขอเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ”

“คิดว่าฉันอยากให้นายมาเลี้ยงข้าวเหรอ” เซวียกั๋วหวาอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง “นายเก่งคอมพิวเตอร์ขนาดนี้ทำไมต้องหนีไปเป็นประธานอะไรนั่นด้วย นายต้องอ่านนิยายมากไปแน่ๆ”

ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาปวดใจขนาดไหนหลังจากเห็นรูปกับบทความที่เกี่ยวกับฟู่อวิ๋นเซินในนิตยสารการเงิน

ครั้งนี้ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรแบบที่เห็นได้ยาก

เขาเงียบไปชั่วครู่ มือยันหน้าผาก หัวเราะเสียงเบา “ขอโทษด้วยครับศาสตราจารย์เซวีย ผมตั้งกฎกับตัวเองไว้ว่าจะไม่แตะต้องคอมพิวเตอร์อีกถ้าไม่มีเรื่องที่ล้ำเส้นของผม”

“ว่าไงนะ” เซวียกั๋วหวาได้ฟังก็อึ้ง “นี่มันกฎบ้าบออะไร เพ้อเจ้อใช่ไหม”

“เกี่ยวพันถึงเรื่องส่วนตัวครับ” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง “ไม่สะดวกบอก”

“เอาเถอะ ไม่สะดวกก็ไม่ต้องบอก” เซวียกั๋วหวาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงลำบากใจ “ยังไงก็ขอบใจนายที่โทรมาบอกเรื่องนี้ แค่นี้นะ ฉันจะไปหาหลี่เหยียน”

คุยเสร็จฟู่อวิ๋นเซินก็เอาโทรศัพท์มือถือวางไว้ด้านข้าง ลุกเดินไปที่หน้าต่าง

แสงแดดกำลังดี เจิดจ้าแต่ไม่แยงตา

คล้ายกับว่ามีเพียงการอยู่ภายใต้แสงแดดเท่านั้นถึงจะสามารถหลีกหนีจากความมืดมิดได้

ฟู่อวิ๋นเซินมองมือตัวเองแล้วเงียบไปอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าวันเวลาที่สงบแบบนี้จะคงอยู่ไปได้อีกนานเท่าไร

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งแล้วส่งข้อความวีแชท

[เยาเยา เที่ยงนี้อยากกินอะไร]

อิ๋งจื่อจินตอบกลับมาสั้นๆ

[หมาล่าทั่ง][1]

ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า ยิ้มเล็กน้อย

[ได้ ว่าที่แฟนสาว อีกเดี๋ยวว่าที่แฟนหนุ่มจะไปหา]

เวลานี้อิ๋งเย่ว์เซวียนถูกเอาตัวไปที่ห้องสอบสวนแล้ว

ทีมสืบสวนไม่อยู่ ไปหารองผู้อำนวยการก่อน

เหลือแค่เผยเทียนอี้

เผยเทียนอี้ขอไว้ เขาต้องการคุยกับอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นการส่วนตัว

อิ๋งเย่ว์เซวียนที่ถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าซีดเซียวเหมือนกระดาษ

“อิ๋งเย่ว์เซวียน เธอทำให้พี่ผิดหวังมาก” เผยเทียนอี้เงียบไปนานกว่าจะพูดขึ้น “พี่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะกลายเป็นแบบนี้”

คำพูดนี้จี้โดนจุดเจ็บปวด

ริมฝีปากของอิ๋งเย่ว์เซวียนสั่นอย่างรุนแรง “รุ่นพี่จะเข้าใจอะไร ไม่รู้เหรอคะว่าเธอเป็นภัยต่อฉันมาก”

สิ่งที่ได้มาแล้ว ทำไมเธอต้องมาสูญเสียไปอีก

ขอแค่ไม่มีอิ๋งจื่อจิน เธอก็จะยังคงเป็นคุณหนูใหญ่เพียงคนเดียวของตระกูลอิ๋ง

ต่อให้วันหน้าจงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงรู้เรื่องเส้นสายที่อิ๋งจื่อจินมีก็จะจนปัญญาแล้ว

เธอก็แค่คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะมีจุดจบแบบนี้

เธอไม่ได้เพิ่งวางแผนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

เมื่อตอนต้นปีหลังจากเธอเจออิ๋งจื่อจินในห้องทดลองที่สร้างขึ้นใหม่ของมหาวิทยาลัยตี้ตู เธอก็เริ่มวางแผน

เธอแอบถามเผยเทียนอี้แบบอ้อมๆ เรื่องการทดลองของพวกเขา เลยรู้ว่าข้อมูลการทดลองกับแผนวิจัยของพวกเขาสำคัญขนาดไหน

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตู จึงยังไม่มีสิทธิ์ซื้อแฟลชไดร์ฟจิ๋วไร้สายที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่นี้

ด้วยเหตุนี้เมื่อเดือนที่แล้วเธอถึงไปตี้ตูอีกครั้งแล้วหยิบมาจากคลังเก็บของของมหาวิทยาลัยตี้ตูหนึ่งชิ้น

แฟลชไดร์ฟจิ๋วไร้สายมีขนาดเล็กมาก เป็นแค่แผ่นเหล็กบางๆ ทั้งยังสามารถเอาติดเสื้อผ้าได้ พกพาสะดวก

จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าทำไมแฟลชไดร์ฟจิ๋วของเธอถึงไปอยู่ในมืออิ๋งจื่อจินได้

อิ๋งเย่ว์เซวียนกัดริมฝีปากแน่น

ขอแค่เธอทำสำเร็จ ชีวิตอิ๋งจื่อจินก็จะถูกทำลาย

พลาดไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

เธอพลาดตรงไหนกันแน่

“เย่ว์เซวียน คนเราไม่เหมือนกัน ทำไมเธอต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นให้ได้” เผยเทียนอี้ผิดหวังยิ่งกว่าเดิม “อารมณ์อิจฉาริษยาเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่การลงไม้ลงมือมันจะยิ่งน่าขยะแขยงแล้ว”

คำว่าขยะแขยงทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีดลงไปอีก

เผยเทียนอี้ไม่เคยพูดกับเธอด้วยถ้อยคำรุนแรงมาก่อน

“เธอจัดการเอาเองแล้วกัน” เผยเทียนอี้เม้มริมฝีปาก ข่มความโกรธ “คราวนี้พี่ช่วยเธอไม่ได้แล้ว”

“ไม่ ควรพูดว่าเธอมันไม่คู่ควร คนอย่างเธอ ไม่คู่ควรมีเพื่อน”

เผยเทียนอี้รู้สึกแค่ว่ามันน่าตลกสิ้นดี

เมื่อวานเขายังพูดอย่างมั่นใจกับรองผู้อำนวยการอยู่ว่าไม่มีทางเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียนแน่นอน ทั้งยังรับประกันให้เธอ

ความจริงในวันนี้ได้ตบหน้าเขาเต็มๆ

เชื่อใจคนสนิทมากเกินไปก็ถือว่ากรรมตามสนองเขาแล้ว

เขากลับไปอยู่ที่ศูนย์วิจัยไม่ได้แล้ว

เรื่องนี้เป็นสิ่งย้ำเตือนเขาตลอดเวลา

เผยเทียนอี้ไม่มองอิ๋งเย่ว์เซวียนอีก เขาเดินออกไป

อิ๋งเย่ว์เซวียนยังคงนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น

เธอรู้ว่าครั้งนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ!

หลังจากเผยเทียนอี้ออกจากห้องสอบสวนก็ไปจัดการสะสางธุระที่ศูนย์วิจัย

เขาเก็บของส่วนตัวทั้งหมดออกจากส่วนทดลอง

ตอนที่จะออกไปมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งทักทายเขา “คุณเผย เกิดอะไรขึ้นครับ”

เจ้าหน้าที่มีหน้าที่แค่เฝ้าตรงประตูทางเข้าออก ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโซนใจกลาง

เผยเทียนอี้ยิ้มเศร้า “กรรมตามสนองครับ ต่อไปคงไม่มาอีกแล้ว”

เจ้าหน้าที่อึ้ง ส่ายหน้า ไม่พูดอะไรอีก

เผยเทียนอี้ยื่นบัตรสำหรับผ่านประตูคืน ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบเห็นสมุดรายชื่อบนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ

บรรทัดสุดท้ายเขียนข้อมูลไว้อย่างชัดเจน

วันที่ 10 พฤษภาคม ระดับเอ คนชี้ทาง

สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่คำหลังสุด ไม่เคลื่อนไปไหน

เผยเทียนอี้วางของในมือลงทันที เขาชี้สมุดรายชื่อ ลมหายใจถี่เร็ว “ไอดีนี้เป็นของใครครับ”

[1]หมาล่าทั่ง ซุปเผ็ดที่มีการใส่ผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ คล้ายสุกี้ แต่ทำเป็นชามเดี่ยว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 402 ไอดีนี้เป็นของใคร

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 402 ไอดีนี้เป็นของใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 402 ไอดีนี้เป็นของใคร

นับตั้งแต่วินาทีแรกที่อิ๋งเย่ว์เซวียนเข้ามาในห้องโถงใหญ่ เครื่องมือตรวจจับก็บอกเธอว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในตัวอิ๋งเย่ว์เซวียนกำลังปล่อยสัญญาณอยู่

อิ๋งจื่อจินจึงคอยสังเกต

เสื้อผ้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนไม่มีช่องกระเป๋า แต่เธอพบว่ามือของอิ๋งเย่ว์เซวียนถูตรงชายเสื้อ

ตรงชายเสื้อมีแผ่นเหล็กกลมๆ ที่ไม่สะดุดตาหนึ่งชิ้น

เหมือนแฟลชไดร์ฟจิ๋วไร้สายที่จั่วหลีให้เธอไม่มีผิด

ถ่ายโอนข้อมูลระยะไกล อีกทั้งยังห่างแค่หนึ่งเมตร เรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก

ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้สวมถุงมือก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลต่อลายนิ้วมือ

ขณะที่อิ๋งเย่ว์เซวียนยังอยากพูดอะไรต่อ เจ้าหน้าที่สองคนก็จับเธอใส่กุญแจมือแล้วเอาตัวออกไปจากห้องโถงใหญ่แล้ว

ที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นยังไม่ไปไหน

พอเห็นทีมสืบสวนคุมตัวอิ๋งเย่ว์เซวียนออกมาก็พากันมองไปทางนั้น

มีทั้งสายตาสงสัยและรังเกียจ

“เธอเป็นใครน่ะ ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็น่าขายหน้าจริงๆ”

“เห็นทีจะคนนี้แหละที่ขโมยข้อมูลการทดลอง ทำพวกเราที่เป็นผู้เข้าแข่งขันขายหน้าจริงๆ”

“เธอหน้าคล้ายผู้เข้าแข่งขันที่หน้าตาดีคนนั้นอยู่นะ แต่ก็ยังด้อยกว่าเยอะ จึ๊ๆ แล้วนี่ยังจะนิสัยแย่อีก”

มีสารพัดคำพูดดังอยู่รอบหูของอิ๋งเย่ว์เซวียนจนหูเกือบอื้อไม่ได้ยินอะไร

เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้น มองจากด้านหลังดูจนตรอกหมดสภาพ

เถิงอวิ้นเมิ่งที่อยู่ด้านหลังพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โชคดีที่จื่อจินมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นคงถูกปรักปรำไปแล้ว”

ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่เอาแฟลชไดร์ฟไร้สายออกมา ลำพังแค่พวกข้อมูลการทดลองที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของเธอก็เพียงพอให้ทีมสืบสวนเอาตัวเธอไปขังได้แล้ว

อิ๋งจื่อจินพูด “เธอวางแผนไว้แบบนั้น”

“ชั้นต่ำสิ้นดี” เถิงอวิ้นเมิ่งยังโมโหไม่หาย “ก็ไม่รู้ว่าใครสั่งสอนมาจนกลายเป็นแบบนี้”

คิดแล้วก็ถามต่อ “ฉันได้ยินมาว่าอาจารย์หลัวหยิ่งมาก จื่อจิน ทำไมเธอดูสนิทกับอาจารย์หลัวจังล่ะ”

“อืม…” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดเล็กน้อย “เธอเป็นภรรยาของศาสตราจารย์จั่วหลี”

เถิงอวิ้นเมิ่งตะลึง “จริงเหรอ”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “ใช่ แต่หลายคนไม่รู้”

ดังนั้นหลังจากที่จั่วหลีซื้อแผ่นมาร์คหน้าขาวใสไปจากเธอ เธอก็เลยได้รู้จักอาจารย์หลัว

ไม่อย่างนั้นเรื่องในวันนี้คงยุ่งยากนิดหน่อย

ภายในโรงแรมห้าดาวอีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่ฟู่อวิ๋นเซินอ่านข้อความวีแชท ดวงตาดอกท้อก็หรี่ลงเล็กน้อย

เขานั่งพิงโซฟา ขายาวงออยู่

มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ กดหาเบอร์ที่เก็บมานานในสมุดโทรศัพท์แล้วกดโทรออก

ปลายสายเป็นศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ที่เคยมาบ้านครอบครัวเวินเพื่อชวนเวินทิงหลานเข้าสาขาคอมพิวเตอร์

“ทำไมอยู่ๆ นายก็โทรหาฉัน” ศาสตราจารย์สูงวัยตกใจกึ่งรู้สึกเซอร์ไพรส์ “หรือว่าคิดดีแล้ว อยากมาเข้าสาขาคอมพิวเตอร์ของพวกเรา”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ให้แม้แต่โอกาสให้เขาได้วาดฝัน พูดเสียงเนือย “เปล่าครับ”

“งั้นเรื่องอะไร” ศาสตราจารย์สูงวัยชักหงุดหงิด “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะมาสวัสดีปีใหม่ย้อนหลัง”

ฟู่อวิ๋นเซินหยุดเล็กน้อย “รู้จักศาสตราจารย์ที่ชื่อหลี่เหยียนไหมครับ”

“หลี่เหยียนเหรอ” ศาสตราจารย์สูงวัยอึ้ง “ต้องรู้จักอยู่แล้ว เขามุ่งมั่นเรื่องบ่มเพาะเด็กรุ่นหลังที่เก่งๆ มาตลอด เมล็ดพันธุ์ชั้นดีหลายคนก็ฝีมือเขาหามาทั้งนั้น”

“ตอนนี้เขามีนักเรียนคนหนึ่งที่ชื่ออิ๋งเย่ว์เซวียน” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “เป็นตัวเลือกที่จะเข้าไปทำงานในห้องทดลองของเขา อีกทั้งยังเป็นผู้เข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของไอเอสซี”

“อิ๋งเย่ว์เซวียนเหรอ” ศาสตราจารย์สูงวัยดันแว่นตา “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ฉันจะไปเช็กดู นายอยากให้ฉันดูแลเธอเป็นพิเศษเหรอ”

ศาสตราจารย์สาขาคอมพิวเตอร์มีหลายสิบคน แต่ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์มีแค่คนเดียว

ศาสตราจารย์หลี่เป็นแค่คนรุ่นหลังของศาสตราจารย์สูงวัยคนนี้

สองคนที่ศาสตราจารย์สูงวัยเก็บเอามาใส่ใจที่สุด นอกจากฟู่อวิ๋นเซินแล้วก็มีแค่เวินทิงหลาน

ฟู่อวิ๋นเซินพูด “เธอขโมยข้อมูลการทดลองของศูนย์วิจัยในเมืองมหาวิทยาลัยของยุโรป ทั้งยังโยนความผิดให้คนอื่น”

“ว่าไงนะ!” ศาสตราจารย์สูงวัยได้ฟังก็สีหน้าเปลี่ยน “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

วงการวิชาการถือสาเรื่องอะไร

การปลอมแปลง

แต่เรื่องขโมยมันรุนแรงยิ่งกว่าการปลอมแปลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใส่ความคนอื่นเลย

“คณะกรรมการไอเอสซีกับศูนย์วิจัยกำลังจัดการเรื่องนี้” ฟู่อวิ๋นเซินพูดต่อ “ผมโทรมาบอกก่อน สาขาคอมพิวเตอร์จะได้ไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงครับ”

“เข้าใจแล้ว” ศาสตราจารย์สูงวัยก็โมโหอยู่ไม่น้อย “ฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

“งั้นผมก็ขอขอบคุณศาสตราจารย์เซวียกั๋วหวาล่วงหน้าครับ” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปาก “ไว้ผมไปตี้ตูจะขอเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ”

“คิดว่าฉันอยากให้นายมาเลี้ยงข้าวเหรอ” เซวียกั๋วหวาอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง “นายเก่งคอมพิวเตอร์ขนาดนี้ทำไมต้องหนีไปเป็นประธานอะไรนั่นด้วย นายต้องอ่านนิยายมากไปแน่ๆ”

ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาปวดใจขนาดไหนหลังจากเห็นรูปกับบทความที่เกี่ยวกับฟู่อวิ๋นเซินในนิตยสารการเงิน

ครั้งนี้ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรแบบที่เห็นได้ยาก

เขาเงียบไปชั่วครู่ มือยันหน้าผาก หัวเราะเสียงเบา “ขอโทษด้วยครับศาสตราจารย์เซวีย ผมตั้งกฎกับตัวเองไว้ว่าจะไม่แตะต้องคอมพิวเตอร์อีกถ้าไม่มีเรื่องที่ล้ำเส้นของผม”

“ว่าไงนะ” เซวียกั๋วหวาได้ฟังก็อึ้ง “นี่มันกฎบ้าบออะไร เพ้อเจ้อใช่ไหม”

“เกี่ยวพันถึงเรื่องส่วนตัวครับ” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง “ไม่สะดวกบอก”

“เอาเถอะ ไม่สะดวกก็ไม่ต้องบอก” เซวียกั๋วหวาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงลำบากใจ “ยังไงก็ขอบใจนายที่โทรมาบอกเรื่องนี้ แค่นี้นะ ฉันจะไปหาหลี่เหยียน”

คุยเสร็จฟู่อวิ๋นเซินก็เอาโทรศัพท์มือถือวางไว้ด้านข้าง ลุกเดินไปที่หน้าต่าง

แสงแดดกำลังดี เจิดจ้าแต่ไม่แยงตา

คล้ายกับว่ามีเพียงการอยู่ภายใต้แสงแดดเท่านั้นถึงจะสามารถหลีกหนีจากความมืดมิดได้

ฟู่อวิ๋นเซินมองมือตัวเองแล้วเงียบไปอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าวันเวลาที่สงบแบบนี้จะคงอยู่ไปได้อีกนานเท่าไร

ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งแล้วส่งข้อความวีแชท

[เยาเยา เที่ยงนี้อยากกินอะไร]

อิ๋งจื่อจินตอบกลับมาสั้นๆ

[หมาล่าทั่ง][1]

ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า ยิ้มเล็กน้อย

[ได้ ว่าที่แฟนสาว อีกเดี๋ยวว่าที่แฟนหนุ่มจะไปหา]

เวลานี้อิ๋งเย่ว์เซวียนถูกเอาตัวไปที่ห้องสอบสวนแล้ว

ทีมสืบสวนไม่อยู่ ไปหารองผู้อำนวยการก่อน

เหลือแค่เผยเทียนอี้

เผยเทียนอี้ขอไว้ เขาต้องการคุยกับอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นการส่วนตัว

อิ๋งเย่ว์เซวียนที่ถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าซีดเซียวเหมือนกระดาษ

“อิ๋งเย่ว์เซวียน เธอทำให้พี่ผิดหวังมาก” เผยเทียนอี้เงียบไปนานกว่าจะพูดขึ้น “พี่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะกลายเป็นแบบนี้”

คำพูดนี้จี้โดนจุดเจ็บปวด

ริมฝีปากของอิ๋งเย่ว์เซวียนสั่นอย่างรุนแรง “รุ่นพี่จะเข้าใจอะไร ไม่รู้เหรอคะว่าเธอเป็นภัยต่อฉันมาก”

สิ่งที่ได้มาแล้ว ทำไมเธอต้องมาสูญเสียไปอีก

ขอแค่ไม่มีอิ๋งจื่อจิน เธอก็จะยังคงเป็นคุณหนูใหญ่เพียงคนเดียวของตระกูลอิ๋ง

ต่อให้วันหน้าจงมั่นหวากับอิ๋งเจิ้นถิงรู้เรื่องเส้นสายที่อิ๋งจื่อจินมีก็จะจนปัญญาแล้ว

เธอก็แค่คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะมีจุดจบแบบนี้

เธอไม่ได้เพิ่งวางแผนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

เมื่อตอนต้นปีหลังจากเธอเจออิ๋งจื่อจินในห้องทดลองที่สร้างขึ้นใหม่ของมหาวิทยาลัยตี้ตู เธอก็เริ่มวางแผน

เธอแอบถามเผยเทียนอี้แบบอ้อมๆ เรื่องการทดลองของพวกเขา เลยรู้ว่าข้อมูลการทดลองกับแผนวิจัยของพวกเขาสำคัญขนาดไหน

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตู จึงยังไม่มีสิทธิ์ซื้อแฟลชไดร์ฟจิ๋วไร้สายที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่นี้

ด้วยเหตุนี้เมื่อเดือนที่แล้วเธอถึงไปตี้ตูอีกครั้งแล้วหยิบมาจากคลังเก็บของของมหาวิทยาลัยตี้ตูหนึ่งชิ้น

แฟลชไดร์ฟจิ๋วไร้สายมีขนาดเล็กมาก เป็นแค่แผ่นเหล็กบางๆ ทั้งยังสามารถเอาติดเสื้อผ้าได้ พกพาสะดวก

จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าทำไมแฟลชไดร์ฟจิ๋วของเธอถึงไปอยู่ในมืออิ๋งจื่อจินได้

อิ๋งเย่ว์เซวียนกัดริมฝีปากแน่น

ขอแค่เธอทำสำเร็จ ชีวิตอิ๋งจื่อจินก็จะถูกทำลาย

พลาดไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

เธอพลาดตรงไหนกันแน่

“เย่ว์เซวียน คนเราไม่เหมือนกัน ทำไมเธอต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นให้ได้” เผยเทียนอี้ผิดหวังยิ่งกว่าเดิม “อารมณ์อิจฉาริษยาเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่การลงไม้ลงมือมันจะยิ่งน่าขยะแขยงแล้ว”

คำว่าขยะแขยงทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีดลงไปอีก

เผยเทียนอี้ไม่เคยพูดกับเธอด้วยถ้อยคำรุนแรงมาก่อน

“เธอจัดการเอาเองแล้วกัน” เผยเทียนอี้เม้มริมฝีปาก ข่มความโกรธ “คราวนี้พี่ช่วยเธอไม่ได้แล้ว”

“ไม่ ควรพูดว่าเธอมันไม่คู่ควร คนอย่างเธอ ไม่คู่ควรมีเพื่อน”

เผยเทียนอี้รู้สึกแค่ว่ามันน่าตลกสิ้นดี

เมื่อวานเขายังพูดอย่างมั่นใจกับรองผู้อำนวยการอยู่ว่าไม่มีทางเป็นอิ๋งเย่ว์เซวียนแน่นอน ทั้งยังรับประกันให้เธอ

ความจริงในวันนี้ได้ตบหน้าเขาเต็มๆ

เชื่อใจคนสนิทมากเกินไปก็ถือว่ากรรมตามสนองเขาแล้ว

เขากลับไปอยู่ที่ศูนย์วิจัยไม่ได้แล้ว

เรื่องนี้เป็นสิ่งย้ำเตือนเขาตลอดเวลา

เผยเทียนอี้ไม่มองอิ๋งเย่ว์เซวียนอีก เขาเดินออกไป

อิ๋งเย่ว์เซวียนยังคงนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น

เธอรู้ว่าครั้งนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ!

หลังจากเผยเทียนอี้ออกจากห้องสอบสวนก็ไปจัดการสะสางธุระที่ศูนย์วิจัย

เขาเก็บของส่วนตัวทั้งหมดออกจากส่วนทดลอง

ตอนที่จะออกไปมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งทักทายเขา “คุณเผย เกิดอะไรขึ้นครับ”

เจ้าหน้าที่มีหน้าที่แค่เฝ้าตรงประตูทางเข้าออก ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโซนใจกลาง

เผยเทียนอี้ยิ้มเศร้า “กรรมตามสนองครับ ต่อไปคงไม่มาอีกแล้ว”

เจ้าหน้าที่อึ้ง ส่ายหน้า ไม่พูดอะไรอีก

เผยเทียนอี้ยื่นบัตรสำหรับผ่านประตูคืน ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบเห็นสมุดรายชื่อบนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ

บรรทัดสุดท้ายเขียนข้อมูลไว้อย่างชัดเจน

วันที่ 10 พฤษภาคม ระดับเอ คนชี้ทาง

สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่คำหลังสุด ไม่เคลื่อนไปไหน

เผยเทียนอี้วางของในมือลงทันที เขาชี้สมุดรายชื่อ ลมหายใจถี่เร็ว “ไอดีนี้เป็นของใครครับ”

[1]หมาล่าทั่ง ซุปเผ็ดที่มีการใส่ผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ คล้ายสุกี้ แต่ทำเป็นชามเดี่ยว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+