คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 424 ลูกศิษย์คนที่สาม จอมยุทธ์อันดับหนึ่ง!

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 424 ลูกศิษย์คนที่สาม จอมยุทธ์อันดับหนึ่ง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 424 ลูกศิษย์คนที่สาม จอมยุทธ์อันดับหนึ่ง!

บนหน้าจอใหญ่มีชื่อของสองผู้ลงทุนเขียนไว้อย่างชัดเจน รวมถึงจำนวนเงินสนับสนุน

วีนัสกรุ๊ป สองแสนล้าน

ตระกูลลอเรนท์ หนึ่งแสนล้าน

รวมทั้งสิ้น สามแสนล้าน

ด้านล่างยังมีแจกแจงการจัดสรรเงินสามแสนล้าน

โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลเป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่มาก ลำพังแค่พวกค่าใช้จ่ายของนักวิจัยในห้องทดลองก็เป็นส่วนที่เยอะมากแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังจำเป็นต้องซื้อวัสดุโลหะต่างๆ ที่หาได้ยากอีก

ยานอวกาศข้ามจักรวาลที่เกอร์เวนเสนอนี้ไม่เหมือนยานอวกาศสมัยนี้

ความเร็วของมันถึงระดับความเร็วแสงอย่างแท้จริง สามารถเดินทางไปยังกาแล็กซีที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นล้านปีแสง ไม่ต่างจากที่ในภาพยนตร์ไซไฟบรรยายไว้

สามารถโลดแล่นไปในอวกาศผ่านการควบคุมทางปุ่ม เดินทางไปได้ไกลโพ้น

แต่ระดับเทคโนโลยีในตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้ยานอวกาศข้ามจักรวาลถือกำเนิดขึ้นได้

อย่างน้อยต้องรอพัฒนาไปอีกห้าสิบปี

ด้วยเหตุนี้ชายวัยกลางคนถึงปฏิเสธที่จะลงทุน เพราะนี่คือหุบเหวที่มองไม่เห็นก้นเหว

แต่ตอนนี้จำนวนเงินสามแสนล้านปรากฏอยู่บนหน้าจอ ประหนึ่งตบหน้าเขาอย่างจัง

ชายวัยกลางคนหน้าบึ้ง

วีนัสกรุ๊ปยังพอเข้าใจได้ แต่ตระกูลลอเรนท์ทำเพื่ออะไร

“…”

ทุกเสียงต่างหยุดลงที่ตรงนี้

ไม่ว่าจะตระกูลลอเรนท์หรือวีนัสกรุ๊ป สองชื่อนี้เปรียบเหมือนระเบิดลูกใหญ่สำหรับยุโรป

บรรดาสื่อต่างลืมกดถ่ายภาพ ชาวเน็ตที่รับชมถ่ายทอดสดอยู่ต่างก็ฮือฮา

[นักทำนายเมื่อวานล่ะ รีบออกมาสิ สุดมาก ศาสตราจารย์เกอร์เวนเชิญตระกูลลอเรนท์กับวีนัสกรุ๊ปมาลงทุนได้จริงๆ]

[พอเชิญทีได้ถึงสอง! เกอร์เวนโคตรเจ๋ง!]

[ขำเป็นบ้า ทุกคนเห็นหรือเปล่า คนของตระกูลแพชช์หน้าเขียวปึ๊ดเลย เกอร์เวนก็ไม่แคร์เงินทุนของพวกเขาหรอก มีตระกูลลอเรนท์อยู่]

[เมื่อก่อนถึงแม้วีนัสกรุ๊ปก็เคยลงทุนในโปรเจ็กต์วิจัยเทคโนโลยี แต่ยังไม่เคยลงเงินเยอะขนาดนี้ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนวีนัสกรุ๊ปกำลังขิงแข่งกับตระกูลลอเรนท์ก็ไม่รู้]

[ภายนอกของฉัน “ทุกคนอย่าสู้กันเลย” ภายในของฉัน “เอาเลย ขิงกันให้สุด!”]

เกอร์เวนมองปฏิกิริยาของสื่อและคนอื่นๆ ที่อยู่ล่างเวที แอบถามเบาๆ “ดูสิ พวกเขาหน้าหงายเลยไหมล่ะ”

ผู้ช่วยอารมณ์ดีมาก “ช็อกไปแล้วครับ”

อาจารย์อิ๋งก็ยังเป็นอาจารย์อิ๋งอยู่วันยังค่ำ พอออกโรงก็สยบเรียบ

ตอนแรกสุดวีนัสกรุ๊ปแค่คิดจะลงทุนสามหมื่นล้าน แต่ต่อมาอยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ

สองแสนล้าน!

ผู้ช่วยถามถึงสาเหตุ อีกฝ่ายบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน พูดแค่ว่าเบื้องบนมีคำสั่งลงมา

แต่ผู้ช่วยก็แน่ใจว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนหาเงินทุนพวกนี้เข้ามา

ผู้ช่วยยิ้มอย่างอ่อนโยน “ทุกท่านมีอะไรจะถามอีกไหมครับ”

“ขะ ขอถามศาสตราจารย์เกอร์เวนครับ” มีนักข่าวคนหนึ่งถามอย่างตะกุกตะกัก “นักวิจัยท่านนี้คือใครเหรอครับ”

โปรเจ็กต์ระดับยานอวกาศข้ามจักรวาล นักวิจัยของห้องทดลองจะถูกปกปิดข้อมูลส่วนตัว ต่อให้ไปสืบก็สืบไม่พบ

ต้องรอโปรเจ็กต์ประสบความสำเร็จเท่านั้นถึงจะประกาศนักวิจัยทั้งหมดที่ร่วมสร้างคุณูปการ

“ขอโทษด้วยครับ พวกเราเปิดเผยไม่ได้” ผู้ช่วยส่ายหน้า ยิ้มพลางพูด “บอกได้เรื่องเดียวคือ เธอเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งนอกเหนือจากศาสตราจารย์เกอร์เวนครับ”

นักวิจัยอันดับหนึ่ง!

คำนี้ทำให้บรรดาสื่อตะลึงกันหมด

เพราะเมื่อยานอวกาศข้ามจักรวาลคิดค้นสำเร็จออกมา นักวิจัยคนนี้ก็จะเป็นที่จดจำของทั่วทั้งโลกแน่นอน

ในสมองของพวกเขาเริ่มไล่หารายชื่อนักฟิสิกส์หลายคน

“ดังนั้นคุณแพชช์วางใจได้ครับ ห้องทดลองจะยังคงเปิดต่อไปได้” คราวนี้เกอร์เวนเป็นคนพูดเอง สายตาของเขามองไปที่ชายวัยกลางคน “เมื่อยานอวกาศข้ามจักรวาลสำเร็จ พวกเราจะถามความต้องการของตระกูลลอเรนท์กับวีนัสกรุ๊ปครับ”

“ดูว่าพอถึงตอนนั้นจะให้ตั๋วขึ้นยานกับคุณแพชช์หรือเปล่า”

ปกติเกอร์เวนมีนิสัยสุภาพอ่อนโยน ไม่มีทางถือสาหาความใคร

แต่ครั้งนี้ตระกูลแพชช์กลับต้องการเล่นงานห้องทดลองของเขา

ถ้าไม่ได้ตระกูลลอเรนท์กับวีนัสกรุ๊ปมาลงทุนได้ทันเวลา ต่อให้ทางห้องทดลองยังมีเงินเหลืออยู่ ตระกูลแพชช์ก็จะเล่นงานกดดันอยู่ดี

นี่เป็นเรื่องที่เกอร์เวนยอมไม่ได้

คราวนี้กล้องที่อยู่ในมือสื่อต่างหันไปที่ชายวัยกลางคน เริ่มแย่งเข้าไปยิงคำถามใส่

“คุณแพชช์ครับ คุณถอนทุนออกไป แต่ตระกูลลอเรนท์กลับเข้าลงทุนแสนล้าน นี่เป็นข้อพิสูจน์หรือเปล่าครับว่าพวกเขามองว่าโปรเจ็กต์นี้ดี แต่สายตาพวกคุณไม่ดีเอง”

“ได้ยินว่าตระกูลลอเรนท์กับบรรพบุรุษของตระกูลแพชช์มีความแค้นที่ฝังลึกต่อกัน คุณแพชช์คิดว่าตระกูลลอเรนท์ตั้งใจเอาคืนคุณหรือเปล่าครับ”

“คุณแพชช์คะ…”

คนดูแลก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก

เดิมทีพวกเขามาเพื่อกดดันเกอร์เวน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเป้าหมายที่โดนหยามเหยียด

ชายวัยกลางคนหน้าบึ้ง ผลักผู้สื่อข่าวคนหนึ่งที่ขวางอยู่ตรงหน้าแล้วกัดฟันพูด “กลับบ้าน”

โลกจอมยุทธ์

บ้านตระกูลเยี่ย

ตระกูลเยี่ยไม่ถือเป็นตระกูลใหญ่ในโลกจอมยุทธ์ เล็กกว่าตระกูลหลิงนิดหน่อย แต่ก็ถือเป็นผู้นำของตระกูลขนาดกลาง

จุดเด่นที่ชัดที่สุดของตระกูลเยี่ยคือความขัดแย้งน้อย ค่อนข้างปลอดภัย เหมาะแก่การมารักษาตัว

อวิ๋นซานถูกฟู่อวิ๋นเซินส่งมาติดตามอยู่ข้างกายอิ๋งจื่อจิน ไปที่บ้านตระกูลเยี่ยด้วยกัน

นายใหญ่ตระกูลเยี่ยทราบข่าวอยู่ก่อนแล้ว จึงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

ภายในห้องรับแขกยังมีคุณนายเยี่ย ลูกหลานตระกูลเยี่ย รวมถึงคนคุ้มกันจำนวนหนึ่ง

พอเห็นอิ๋งจื่อจินเดินเข้ามาต่างก็มองไป และก็ต้องตะลึง

แน่นอนว่าก็แค่ตะลึงในความงาม

ไม่ได้มีความสนใจอื่นอีก พวกลูกหลานพากันละสายตากลับมาอย่างหมดความสนใจ

โลกจอมยุทธ์ให้ความสำคัญที่ความสามารถมากที่สุด

เงินทอง ตำแหน่ง หน้าตา สิ่งฉาบฉวยเหล่านี้ ขอเพียงแต่มีวิทยายุทธ์ที่ล้ำเลิศมากก็สามารถครอบครองได้อย่างง่ายดาย จึงดูไม่ได้มีค่าเท่าใดนัก

แต่คุณนายเยี่ยมองอยู่ตลอด ยิ่งพินิจก็ยิ่งชอบ

“คุณอิ๋ง ยินดีต้อนรับครับ” นายใหญ่ตระกูลเยี่ยดีใจมาก “เตรียมห้องไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว อยากพักอยู่ที่นี่นานเท่าไรก็ได้เลยครับ”

“ถ้าขาดเหลืออะไรบอกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ ผมจะรีบเตรียมให้ทันที”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “รบกวนด้วยค่ะ”

“ไม่รบกวนเลยครับ ไม่รบกวนเลยสักนิด ผมควรทำให้อยู่แล้วครับ” นายใหญ่ตระกูลเยี่ยหันไปสั่ง “เยี่ยหลิง พาคุณอิ๋งไปเดินเล่น ดูแลเธอให้ดีด้วย”

“คุณอิ๋งเป็นคนธรรมดา อย่าพาไปตรงแถวสนามฝึก”

โดยทั่วไปจอมยุทธ์ห้ามลงมือกับคนธรรมดา

แต่การต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์กับจอมยุทธ์ด้วยกัน ขอเพียงแต่กำลังภายในแผ่ซ่านทั่วทุกสารทิศก็จะทำให้คนธรรมดาบาดเจ็บสาหัสได้ง่าย

อวิ๋นซานก้มหน้า พยายามกลั้นยิ้ม ไม่กล้าพูดอะไร

คนธรรมดา

เขาไม่เคยเจอคนธรรมดาที่เป็นอย่างคุณอิ๋งมาก่อน

“ค่ะพ่อ” เยี่ยหลิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ทราบแล้วค่ะ”

นายใหญ่ตระกูลเยี่ยครุ่นคิด ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาอีก “เยี่ยเหิง ตามไปด้วย คุ้มครองความปลอดภัยของคุณอิ๋ง”

พอได้ยินแบบนี้เยี่ยเหิงก็เงยหน้าแล้วพูดขึ้น “คุณพ่อก็รู้ว่าผมต้องไปที่โลกแพทย์แผนโบราณ คุณชิงจยาเธอ…”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกนายใหญ่ตระกูลเยี่ยขัด “พรุ่งนี้ก็ไปได้เหมือนกัน เรื่องนี้สำคัญกว่า”

เยี่ยเหิงกำมือแน่น หน้าผากมีเส้นเลือดปูด

เขายังคงไม่ยอม แต่ก็จำต้องตอบรับ “ครับ เข้าใจแล้ว”

“คุณอิ๋งครับ ตอนเย็นเชิญมาทานข้าวที่สุ่ยจงเย่ว์นะครับ” นายใหญ่ตระกูลเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ทานไม่ได้หรือเปล่าครับ ผมจะได้ให้พวกเขาระวังตอนทำกับข้าว”

สุ่ยจงเย่ว์เป็นศาลาเล็กๆ ในบ้านตระกูลเยี่ย อยู่กลางทะเลสาบ สามารถชมจันทร์ได้เวลากลางคืน

อิ๋งจื่อจินคิดแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่กินผักชี ถั่วงอก กระเทียม และก็หัวหอมค่ะ”

“ครับๆๆ” นายใหญ่ตระกูลเยี่ยจำไว้ “งั้นเชิญไปเดินเล่นก่อนนะครับ มีตรงไหนไม่เข้าใจถามพวกเขาได้เลยครับ”

เยี่ยหลิงเดินนำหน้า “เชิญทางนี้ค่ะคุณอิ๋ง”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ค่ะ”

อวิ๋นซานเดินตามหลัง

เยี่ยเหิงกำมือ ทำได้เพียงลุกตามไปเพราะถูกนายใหญ่ตระกูลเยี่ยเตือนด้วยสายตา

สิ่งปลูกสร้างในโลกจอมยุทธ์ไม่แตกต่างจากยุคสมัยที่มีฮ่องเต้ ยังคงเป็นแบบสมัยก่อน

อิ๋งจื่อจินจับกำแพง ดวงตาหลุบลง สายตาแน่นิ่งอยู่นาน หวนนึกถึงเรื่องในอดีต

จนกระทั่งเธอเห็นภาพเหมือนที่แขวนไว้หลังกระถางธูป

เธอเงยหน้ามอง สายตาจับจ้อง

เยี่ยหลิงย่อมสังเกตเห็นท่าทางของเธอ จึงมองไป “อันนี้เหรอคะ คุณอิ๋งสงสัยใช่ไหมคะว่าคนในรูปนี้คือใคร”

อิ๋งจื่อจินยิ้มเล็กน้อย “สงสัยนิดหน่อยค่ะ”

“คุณอิ๋งเพิ่งมาโลกจอมยุทธ์อาจจะยังไม่รู้ว่าคนในภาพเหมือนนี้คือจอมยุทธ์ที่เก่งที่สุดในตอนนี้ของโลกจอมยุทธ์ค่ะ” เยี่ยหลิงชี้คนในภาพแล้วยิ้ม “เขาไม่ได้อยู่ในตระกูลไหนและฉันเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้ทราบชื่อของเขาหรอกค่ะ”

“เขาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเราก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่”

“พวกเราเลยเรียกเขาว่าจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เขา…”

เยี่ยเหิงที่เดินมาข้างหน้าฟังแล้วชักรำคาญ

เขาหันหน้ากลับมา พูดขัดจังหวะเยี่ยหลิงด้วยสีหน้าเย็นชา “จะเล่าให้เธอฟังเยอะแยะทำไม เธอเป็นคนธรรมดา รู้เรื่องพวกนี้ไปจะมีประโยชน์อะไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 424 ลูกศิษย์คนที่สาม จอมยุทธ์อันดับหนึ่ง!

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 424 ลูกศิษย์คนที่สาม จอมยุทธ์อันดับหนึ่ง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 424 ลูกศิษย์คนที่สาม จอมยุทธ์อันดับหนึ่ง!

บนหน้าจอใหญ่มีชื่อของสองผู้ลงทุนเขียนไว้อย่างชัดเจน รวมถึงจำนวนเงินสนับสนุน

วีนัสกรุ๊ป สองแสนล้าน

ตระกูลลอเรนท์ หนึ่งแสนล้าน

รวมทั้งสิ้น สามแสนล้าน

ด้านล่างยังมีแจกแจงการจัดสรรเงินสามแสนล้าน

โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลเป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่มาก ลำพังแค่พวกค่าใช้จ่ายของนักวิจัยในห้องทดลองก็เป็นส่วนที่เยอะมากแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังจำเป็นต้องซื้อวัสดุโลหะต่างๆ ที่หาได้ยากอีก

ยานอวกาศข้ามจักรวาลที่เกอร์เวนเสนอนี้ไม่เหมือนยานอวกาศสมัยนี้

ความเร็วของมันถึงระดับความเร็วแสงอย่างแท้จริง สามารถเดินทางไปยังกาแล็กซีที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นล้านปีแสง ไม่ต่างจากที่ในภาพยนตร์ไซไฟบรรยายไว้

สามารถโลดแล่นไปในอวกาศผ่านการควบคุมทางปุ่ม เดินทางไปได้ไกลโพ้น

แต่ระดับเทคโนโลยีในตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้ยานอวกาศข้ามจักรวาลถือกำเนิดขึ้นได้

อย่างน้อยต้องรอพัฒนาไปอีกห้าสิบปี

ด้วยเหตุนี้ชายวัยกลางคนถึงปฏิเสธที่จะลงทุน เพราะนี่คือหุบเหวที่มองไม่เห็นก้นเหว

แต่ตอนนี้จำนวนเงินสามแสนล้านปรากฏอยู่บนหน้าจอ ประหนึ่งตบหน้าเขาอย่างจัง

ชายวัยกลางคนหน้าบึ้ง

วีนัสกรุ๊ปยังพอเข้าใจได้ แต่ตระกูลลอเรนท์ทำเพื่ออะไร

“…”

ทุกเสียงต่างหยุดลงที่ตรงนี้

ไม่ว่าจะตระกูลลอเรนท์หรือวีนัสกรุ๊ป สองชื่อนี้เปรียบเหมือนระเบิดลูกใหญ่สำหรับยุโรป

บรรดาสื่อต่างลืมกดถ่ายภาพ ชาวเน็ตที่รับชมถ่ายทอดสดอยู่ต่างก็ฮือฮา

[นักทำนายเมื่อวานล่ะ รีบออกมาสิ สุดมาก ศาสตราจารย์เกอร์เวนเชิญตระกูลลอเรนท์กับวีนัสกรุ๊ปมาลงทุนได้จริงๆ]

[พอเชิญทีได้ถึงสอง! เกอร์เวนโคตรเจ๋ง!]

[ขำเป็นบ้า ทุกคนเห็นหรือเปล่า คนของตระกูลแพชช์หน้าเขียวปึ๊ดเลย เกอร์เวนก็ไม่แคร์เงินทุนของพวกเขาหรอก มีตระกูลลอเรนท์อยู่]

[เมื่อก่อนถึงแม้วีนัสกรุ๊ปก็เคยลงทุนในโปรเจ็กต์วิจัยเทคโนโลยี แต่ยังไม่เคยลงเงินเยอะขนาดนี้ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนวีนัสกรุ๊ปกำลังขิงแข่งกับตระกูลลอเรนท์ก็ไม่รู้]

[ภายนอกของฉัน “ทุกคนอย่าสู้กันเลย” ภายในของฉัน “เอาเลย ขิงกันให้สุด!”]

เกอร์เวนมองปฏิกิริยาของสื่อและคนอื่นๆ ที่อยู่ล่างเวที แอบถามเบาๆ “ดูสิ พวกเขาหน้าหงายเลยไหมล่ะ”

ผู้ช่วยอารมณ์ดีมาก “ช็อกไปแล้วครับ”

อาจารย์อิ๋งก็ยังเป็นอาจารย์อิ๋งอยู่วันยังค่ำ พอออกโรงก็สยบเรียบ

ตอนแรกสุดวีนัสกรุ๊ปแค่คิดจะลงทุนสามหมื่นล้าน แต่ต่อมาอยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ

สองแสนล้าน!

ผู้ช่วยถามถึงสาเหตุ อีกฝ่ายบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน พูดแค่ว่าเบื้องบนมีคำสั่งลงมา

แต่ผู้ช่วยก็แน่ใจว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนหาเงินทุนพวกนี้เข้ามา

ผู้ช่วยยิ้มอย่างอ่อนโยน “ทุกท่านมีอะไรจะถามอีกไหมครับ”

“ขะ ขอถามศาสตราจารย์เกอร์เวนครับ” มีนักข่าวคนหนึ่งถามอย่างตะกุกตะกัก “นักวิจัยท่านนี้คือใครเหรอครับ”

โปรเจ็กต์ระดับยานอวกาศข้ามจักรวาล นักวิจัยของห้องทดลองจะถูกปกปิดข้อมูลส่วนตัว ต่อให้ไปสืบก็สืบไม่พบ

ต้องรอโปรเจ็กต์ประสบความสำเร็จเท่านั้นถึงจะประกาศนักวิจัยทั้งหมดที่ร่วมสร้างคุณูปการ

“ขอโทษด้วยครับ พวกเราเปิดเผยไม่ได้” ผู้ช่วยส่ายหน้า ยิ้มพลางพูด “บอกได้เรื่องเดียวคือ เธอเป็นนักวิจัยอันดับหนึ่งนอกเหนือจากศาสตราจารย์เกอร์เวนครับ”

นักวิจัยอันดับหนึ่ง!

คำนี้ทำให้บรรดาสื่อตะลึงกันหมด

เพราะเมื่อยานอวกาศข้ามจักรวาลคิดค้นสำเร็จออกมา นักวิจัยคนนี้ก็จะเป็นที่จดจำของทั่วทั้งโลกแน่นอน

ในสมองของพวกเขาเริ่มไล่หารายชื่อนักฟิสิกส์หลายคน

“ดังนั้นคุณแพชช์วางใจได้ครับ ห้องทดลองจะยังคงเปิดต่อไปได้” คราวนี้เกอร์เวนเป็นคนพูดเอง สายตาของเขามองไปที่ชายวัยกลางคน “เมื่อยานอวกาศข้ามจักรวาลสำเร็จ พวกเราจะถามความต้องการของตระกูลลอเรนท์กับวีนัสกรุ๊ปครับ”

“ดูว่าพอถึงตอนนั้นจะให้ตั๋วขึ้นยานกับคุณแพชช์หรือเปล่า”

ปกติเกอร์เวนมีนิสัยสุภาพอ่อนโยน ไม่มีทางถือสาหาความใคร

แต่ครั้งนี้ตระกูลแพชช์กลับต้องการเล่นงานห้องทดลองของเขา

ถ้าไม่ได้ตระกูลลอเรนท์กับวีนัสกรุ๊ปมาลงทุนได้ทันเวลา ต่อให้ทางห้องทดลองยังมีเงินเหลืออยู่ ตระกูลแพชช์ก็จะเล่นงานกดดันอยู่ดี

นี่เป็นเรื่องที่เกอร์เวนยอมไม่ได้

คราวนี้กล้องที่อยู่ในมือสื่อต่างหันไปที่ชายวัยกลางคน เริ่มแย่งเข้าไปยิงคำถามใส่

“คุณแพชช์ครับ คุณถอนทุนออกไป แต่ตระกูลลอเรนท์กลับเข้าลงทุนแสนล้าน นี่เป็นข้อพิสูจน์หรือเปล่าครับว่าพวกเขามองว่าโปรเจ็กต์นี้ดี แต่สายตาพวกคุณไม่ดีเอง”

“ได้ยินว่าตระกูลลอเรนท์กับบรรพบุรุษของตระกูลแพชช์มีความแค้นที่ฝังลึกต่อกัน คุณแพชช์คิดว่าตระกูลลอเรนท์ตั้งใจเอาคืนคุณหรือเปล่าครับ”

“คุณแพชช์คะ…”

คนดูแลก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก

เดิมทีพวกเขามาเพื่อกดดันเกอร์เวน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเป้าหมายที่โดนหยามเหยียด

ชายวัยกลางคนหน้าบึ้ง ผลักผู้สื่อข่าวคนหนึ่งที่ขวางอยู่ตรงหน้าแล้วกัดฟันพูด “กลับบ้าน”

โลกจอมยุทธ์

บ้านตระกูลเยี่ย

ตระกูลเยี่ยไม่ถือเป็นตระกูลใหญ่ในโลกจอมยุทธ์ เล็กกว่าตระกูลหลิงนิดหน่อย แต่ก็ถือเป็นผู้นำของตระกูลขนาดกลาง

จุดเด่นที่ชัดที่สุดของตระกูลเยี่ยคือความขัดแย้งน้อย ค่อนข้างปลอดภัย เหมาะแก่การมารักษาตัว

อวิ๋นซานถูกฟู่อวิ๋นเซินส่งมาติดตามอยู่ข้างกายอิ๋งจื่อจิน ไปที่บ้านตระกูลเยี่ยด้วยกัน

นายใหญ่ตระกูลเยี่ยทราบข่าวอยู่ก่อนแล้ว จึงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง

ภายในห้องรับแขกยังมีคุณนายเยี่ย ลูกหลานตระกูลเยี่ย รวมถึงคนคุ้มกันจำนวนหนึ่ง

พอเห็นอิ๋งจื่อจินเดินเข้ามาต่างก็มองไป และก็ต้องตะลึง

แน่นอนว่าก็แค่ตะลึงในความงาม

ไม่ได้มีความสนใจอื่นอีก พวกลูกหลานพากันละสายตากลับมาอย่างหมดความสนใจ

โลกจอมยุทธ์ให้ความสำคัญที่ความสามารถมากที่สุด

เงินทอง ตำแหน่ง หน้าตา สิ่งฉาบฉวยเหล่านี้ ขอเพียงแต่มีวิทยายุทธ์ที่ล้ำเลิศมากก็สามารถครอบครองได้อย่างง่ายดาย จึงดูไม่ได้มีค่าเท่าใดนัก

แต่คุณนายเยี่ยมองอยู่ตลอด ยิ่งพินิจก็ยิ่งชอบ

“คุณอิ๋ง ยินดีต้อนรับครับ” นายใหญ่ตระกูลเยี่ยดีใจมาก “เตรียมห้องไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว อยากพักอยู่ที่นี่นานเท่าไรก็ได้เลยครับ”

“ถ้าขาดเหลืออะไรบอกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ ผมจะรีบเตรียมให้ทันที”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “รบกวนด้วยค่ะ”

“ไม่รบกวนเลยครับ ไม่รบกวนเลยสักนิด ผมควรทำให้อยู่แล้วครับ” นายใหญ่ตระกูลเยี่ยหันไปสั่ง “เยี่ยหลิง พาคุณอิ๋งไปเดินเล่น ดูแลเธอให้ดีด้วย”

“คุณอิ๋งเป็นคนธรรมดา อย่าพาไปตรงแถวสนามฝึก”

โดยทั่วไปจอมยุทธ์ห้ามลงมือกับคนธรรมดา

แต่การต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์กับจอมยุทธ์ด้วยกัน ขอเพียงแต่กำลังภายในแผ่ซ่านทั่วทุกสารทิศก็จะทำให้คนธรรมดาบาดเจ็บสาหัสได้ง่าย

อวิ๋นซานก้มหน้า พยายามกลั้นยิ้ม ไม่กล้าพูดอะไร

คนธรรมดา

เขาไม่เคยเจอคนธรรมดาที่เป็นอย่างคุณอิ๋งมาก่อน

“ค่ะพ่อ” เยี่ยหลิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ทราบแล้วค่ะ”

นายใหญ่ตระกูลเยี่ยครุ่นคิด ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาอีก “เยี่ยเหิง ตามไปด้วย คุ้มครองความปลอดภัยของคุณอิ๋ง”

พอได้ยินแบบนี้เยี่ยเหิงก็เงยหน้าแล้วพูดขึ้น “คุณพ่อก็รู้ว่าผมต้องไปที่โลกแพทย์แผนโบราณ คุณชิงจยาเธอ…”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกนายใหญ่ตระกูลเยี่ยขัด “พรุ่งนี้ก็ไปได้เหมือนกัน เรื่องนี้สำคัญกว่า”

เยี่ยเหิงกำมือแน่น หน้าผากมีเส้นเลือดปูด

เขายังคงไม่ยอม แต่ก็จำต้องตอบรับ “ครับ เข้าใจแล้ว”

“คุณอิ๋งครับ ตอนเย็นเชิญมาทานข้าวที่สุ่ยจงเย่ว์นะครับ” นายใหญ่ตระกูลเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ทานไม่ได้หรือเปล่าครับ ผมจะได้ให้พวกเขาระวังตอนทำกับข้าว”

สุ่ยจงเย่ว์เป็นศาลาเล็กๆ ในบ้านตระกูลเยี่ย อยู่กลางทะเลสาบ สามารถชมจันทร์ได้เวลากลางคืน

อิ๋งจื่อจินคิดแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่กินผักชี ถั่วงอก กระเทียม และก็หัวหอมค่ะ”

“ครับๆๆ” นายใหญ่ตระกูลเยี่ยจำไว้ “งั้นเชิญไปเดินเล่นก่อนนะครับ มีตรงไหนไม่เข้าใจถามพวกเขาได้เลยครับ”

เยี่ยหลิงเดินนำหน้า “เชิญทางนี้ค่ะคุณอิ๋ง”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ค่ะ”

อวิ๋นซานเดินตามหลัง

เยี่ยเหิงกำมือ ทำได้เพียงลุกตามไปเพราะถูกนายใหญ่ตระกูลเยี่ยเตือนด้วยสายตา

สิ่งปลูกสร้างในโลกจอมยุทธ์ไม่แตกต่างจากยุคสมัยที่มีฮ่องเต้ ยังคงเป็นแบบสมัยก่อน

อิ๋งจื่อจินจับกำแพง ดวงตาหลุบลง สายตาแน่นิ่งอยู่นาน หวนนึกถึงเรื่องในอดีต

จนกระทั่งเธอเห็นภาพเหมือนที่แขวนไว้หลังกระถางธูป

เธอเงยหน้ามอง สายตาจับจ้อง

เยี่ยหลิงย่อมสังเกตเห็นท่าทางของเธอ จึงมองไป “อันนี้เหรอคะ คุณอิ๋งสงสัยใช่ไหมคะว่าคนในรูปนี้คือใคร”

อิ๋งจื่อจินยิ้มเล็กน้อย “สงสัยนิดหน่อยค่ะ”

“คุณอิ๋งเพิ่งมาโลกจอมยุทธ์อาจจะยังไม่รู้ว่าคนในภาพเหมือนนี้คือจอมยุทธ์ที่เก่งที่สุดในตอนนี้ของโลกจอมยุทธ์ค่ะ” เยี่ยหลิงชี้คนในภาพแล้วยิ้ม “เขาไม่ได้อยู่ในตระกูลไหนและฉันเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้ทราบชื่อของเขาหรอกค่ะ”

“เขาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเราก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่”

“พวกเราเลยเรียกเขาว่าจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เขา…”

เยี่ยเหิงที่เดินมาข้างหน้าฟังแล้วชักรำคาญ

เขาหันหน้ากลับมา พูดขัดจังหวะเยี่ยหลิงด้วยสีหน้าเย็นชา “จะเล่าให้เธอฟังเยอะแยะทำไม เธอเป็นคนธรรมดา รู้เรื่องพวกนี้ไปจะมีประโยชน์อะไร”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+