คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 425 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันไม่อยากลงมือเลยจริงๆ’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 425 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันไม่อยากลงมือเลยจริงๆ’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 425 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันไม่อยากลงมือเลยจริงๆ’

เยี่ยเหิงไม่ได้มีความรู้สึกดีต่ออิ๋งจื่อจินแม้แต่น้อย ทั้งยังเจือไปด้วยความชัง

ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่มาวันนี้เขาก็จะได้ไปที่โลกแพทย์แผนโบราณ ไปดูหลินชิงจยาปรุงยาแล้ว

ถึงแม้จะเหมือนที่นายใหญ่ตระกูลเยี่ยพูด โอกาสแบบนี้มีมากมาย ทุกสัปดาห์หลินชิงจยาจะปรุงยาในลานปรุงยาสาธารณะของโลกแพทย์แผนโบราณให้ดูอยู่แล้ว เพื่อให้แพทย์ที่เพิ่งหัดปรุงยาได้ศึกษา

แต่เยี่ยเหิงไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้เจอหลินชิงจยาแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้ทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ ก็ตาม

เขารู้ว่าด้วยสถานะของเขาไม่มีทางได้เกี่ยวข้องกับหลินชิงจยา

หลินชิงจยามีความสามารถทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก มีคนจำนวนมากในโลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธที่อยากแต่งงานกับเธอ

คนของโลกจอมยุทธถ้าไม่แต่งงานเร็วก็แต่งช้าไปเลย

ปีนี้หลินชิงจยาอายุเพียงยี่สิบสองปี ตระกูลหลินก็หวงด้วยเหมือนกัน

เยี่ยเหิงไม่เข้าใจจริงๆ ว่า

แค่คนธรรมดาคนเดียวทำไมต้องให้จอมยุทธอย่างพวกเขามาคอยดูแลขนาดนี้ด้วย

ให้เขามาคอยเดินตามไม่เท่ากับเสียเวลาไปเปล่าๆ หรอกเหรอ

เขามีเวลาแบบนี้ไม่สู้ไปที่โลกแพทย์แผนโบราณทำความรู้จักกับหมอพวกนั้น ต่อไปจะได้มีหลักประกันให้ชีวิตกับวิทยายุทธ

ส่วนจอมยุทธอันดับหนึ่งน่ะเหรอ

อย่าว่าแต่ตระกูลเยี่ยเลย ต่อให้สามตระกูลจอมยุทธชั้นแนวหน้าอย่างตระกูลหลินรวมกันก็ยังเทียบไม่ได้ ยังต้องให้ความเคารพ

จอมยุทธอันดับหนึ่งแสดงถึงจุดสูงสุดของโลกจอมยุทธ

ไม่มีใครรู้ว่าเขาอายุเท่าไร และก็ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง

แต่จอมยุทธอันดับหนึ่งก็ไม่ได้ปรากฏตัวนานแล้ว ไม่แน่อาจสิ้นอายุขัยไปแล้วด้วยซ้ำ

รุ่นหนุ่มสาวในโลกจอมยุทธตอนนี้อย่างมากก็แค่ได้ยินคำเรียกนี้ผ่านหู ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมอะไรมากนัก

แต่ก็ต้องยอมรับว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีจอมยุทธคนไหนที่วิทยายุทธ์ล้ำเลิศไปกว่าจอมยุทธอันดับหนึ่ง

ราวกับเหมือนขาดอะไรไป มีร่องลึกที่ไม่อาจข้ามผ่าน ยังด้อยกว่าอยู่นิดหน่อย

เยี่ยเหิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เล่าให้เธอฟังแล้วเธอจะฝึกวิทยายุทธ์ได้หรือไง เร็วหน่อยได้ไหม ฉันยังต้องไปที่โลกแพทย์แผนโบราณอีก”

เยี่ยหลิงสีหน้าเปลี่ยน “เยี่ยเหิง คุณอิ๋งเป็นแขกคนสำคัญ ทำไมพูดแบบนี้!”

“แล้วเธอมายุ่งอะไรด้วย” เยี่ยเหิงแสยะยิ้ม

“งั้นเธอลองว่ามาซิ เธอเสียเวลาดูแลคนธรรมดาแค่คนเดียว สุดท้ายจะได้…”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบก็มีวัตถุเย็นเฉียบจ่ออยู่ที่หน้าผาก

เยี่ยเหิงตัวแข็ง คำพูดก็เลยหยุดตามไปด้วย

“บ้านอยู่ริมทะเลหรือไงถึงได้ใจกว้างยุ่งเรื่องคนอื่นนัก ทำไมไม่ไปใส่บิกินี่เต้นบนชายหาดล่ะ” อวิ๋นซานถือปืนจ่อที่หน้าผากของเยี่ยเหิง แสยะยิ้ม

“คุณอิ๋งเป็นคนธรรมดา แต่ก็เป็นคนธรรมดาที่นายจะมาล่วงเกินไม่ได้”

หยุดเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเย็นชายิ่งกว่าเดิม

“ซวยเพราะปาก เยี่ยเหิง ทางที่ดีเข้าใจหลักการนี้ไว้ด้วย ต่อให้วันนี้ฉันฆ่านาย ศาลสถิตยุติธรรมก็ไม่มีทางมาเอาตัวฉัน”

ที่นี่เป็นโลกจอมยุทธ ฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรเสียแต่ละวันก็มีการต่อสู้กันอยู่แล้ว มีจอมยุทธจำนวนไม่น้อยที่ตายไป

ในเมื่ออยู่โลกจอมยุทธก็ต้องทำตามกฎของโลกจอมยุทธ

เยี่ยเหิงเม้มริมฝีปาก มองอวิ๋นซานด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็หุบปากเงียบ

เขาสัมผัสได้ถึงกำลังภายในของอวิ๋นซานที่แข็งแกร่งกว่าเขา

แต่ในเวลาเดียวกันเยี่ยเหิงก็ยิ่งดูถูกอิ๋งจื่อจินหนักกว่าเดิม

ตัวเองไม่มีวิทยายุทธ์ อาศัยแค่การคุ้มกัน จะมีประโยชน์อะไร

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเยี่ยเหิง เธอยังคงมองภาพเหมือนภาพนั้น แววตาขรึมลง

เดิมทียุคโบราณก็มีการพูดถึงกังฟู และก็มีสำนักบู๊ลิ้ม แต่ก็ยังไม่ดูมหัศจรรย์เท่าจอมยุทธ

สามารถเอาพลังที่อยู่ในร่างกายมาใช้ประโยชน์ ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น

เธอเป็นคนเอาวิทยายุทธ์มาสู่โลกมนุษย์จริง ตอนแรกสุดก็แค่ทดลอง

เธอเอาศาสตร์วิทยายุทธ์ในโลกบำเพ็ญเพียรที่เธออยู่มาทำให้ง่ายขึ้น ผสมผสานกับกังฟู

เขียนขั้นตอนการฝึกแล้วมอบให้ลูกศิษย์ที่เธอรับไว้คนหนึ่ง

ต่อมาก็มีจอมยุทธปรากฏ

สามารถทำให้ร่างกายพัฒนาไปจนถึงขีดจำกัดของมนุษย์ วิทยายุทธ์ก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้น

แต่ถ้าจะให้นับกันจริงๆ ก็มีแค่ลูกศิษย์คนนี้ที่เป็นจอมยุทธที่เธอถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง

อันที่จริงตอนนั้นเธอไปประเทศจีนหลายครั้ง แต่ทุกครั้งจะอาศัยอยู่ไม่นานยกเว้นครั้งสุดท้าย

สามครั้งที่สำคัญที่สุดคือเธอรับลูกศิษย์ไว้

ครั้งแรกรับเฟิงซิวเป็นลูกศิษย์

ครั้งที่สองรับฝูซีเป็นศิษย์ วงการแพทย์แผนโบราณถึงได้รับการบุกเบิก

ครั้งที่สามเธอรับตี้อู่เซ่าเสียนเป็นศิษย์ ศาสตร์พยากรณ์ถึงได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้คนที่อยู่ในภาพเหมือนนี้จะไม่ชัดนัก แต่อิ๋งจื่อจินรู้ว่านี่คือลูกศิษย์ของเธอที่ชื่อเฟิงซิว

จอมยุทธผู้แข็งแกร่ง อายุมากกว่าสามร้อยปี แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่สามารถอยู่ได้เกินห้าร้อยปี

ไม่แน่เฟิงซิวอาจยังมีชีวิตอยู่

อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา “ไปเถอะ”

“คุณอิ๋งอย่าใส่ใจเลยนะคะ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” เยี่ยหลิงพูดเสียงเบา

“อันที่จริงจอมยุทธหลายคนก็ประสาทแบบนี้แหละ ชอบดูถูกโลกภายนอก”

“สภาพแวดล้อมเป็นเหตุทั้งนั้น แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็หันหน้าไป ครุ่นคิด ทันใดนั้นก็พูดขึ้น

“คุณยังอยากเรียนการรักษาแผนโบราณด้วยใช่ไหม”

เยี่ยหลิงอึ้ง เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ยิ้มเศร้า

“พรสวรรค์ด้านจอมยุทธของฉันไม่ถือว่าดีนัก ฉันยังจะมีเวลาไปเรียนเป็นแพทย์แผนโบราณได้ที่ไหนกันคะ”

เยี่ยหลิงรู้ว่า ถึงแม้เธอจะมีพรสวรรค์ทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ แต่เธอกับหลินชิงจยาก็คนละระดับกัน

เธออยู่ในประเภทที่ทำทั้งสองอย่างได้ธรรมดาพอๆ กัน

ไม่เก่งวิทยายุทธ์ วิชาการรักษาแผนโบราณก็ทำได้แย่มาก

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น

“ฝึกวิทยายุทธ์ได้ไม่ดีมีผลต่อการเรียนแพทย์แผนโบราณด้วยเหรอคะ มีคำพูดแบบนี้ด้วยเหรอ”

เดิมทีจอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน ถึงขั้นที่ว่าสามารถส่งเสริมกันและกัน

แต่เรื่องแบบนี้ เวลาผ่านไปนานเข้า โลกจอมยุทธกับโลกแพทย์แผนโบราณในตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้เท่าไรแล้ว

“ค่ะ จอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณต้องใช้กำลังภายใน” เยี่ยหลิงอธิบาย

“ถึงแม้จะเป็นกำลังภายในเหมือนกัน แต่ทั้งสองแบบกลับไม่เหมือนกัน แพทย์แผนโบราณจะนุ่มนวลกว่า ส่วนจอมยุทธจะแข็งแกร่งกว่า”

“ดังนั้นจึงมีคนส่วนน้อยที่สามารถเอาทั้งสองแบบที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงนี้มาผสมผสานกันอย่างลงตัวได้ค่ะ”

ถ้าแพทย์แผนโบราณเผลอใช้กำลังภายในส่วนที่แข็งแกร่งในขณะปรุงยาหรือฝังเข็มให้คนไข้ ผลที่ตามมาก็คือหม้อยาระเบิด คนไข้เส้นเลือดแตก

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ “ฉันไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาก่อน ฉันคิดว่าแพทย์แผนโบราณกับจอมยุทธล้วนมาจากรากฐานเดียวกัน ฝึกทั้งสองอย่างได้ไม่มีปัญหา”

“ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลฝูก็เคยพูดแบบเดียวกันกับคุณอิ๋งเลยค่ะ เพียงแต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบหนทาง” เยี่ยหลิงยิ้ม

“ถ้าคุณอิ๋งสนใจวิทยายุทธ์ ตระกูลเยี่ยมีอุปกรณ์ทดสอบพรสวรรค์จอมยุทธนะคะ”

เยี่ยเหิงฟังแล้วหัวเราะ “เธอยังจะมีพรสวรรค์จอมยุทธอีกเหรอ ฉัน…”

อวิ๋นซานยกปืนอีกครั้ง

เยี่ยเหิงทำได้เพียงกลืนคำพูดลงคอ แต่สีหน้ายังคงดูถูก

ยังจะทำพูดเหมือนจอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณมันฝึกกันได้ง่ายๆ

คิดว่าทุกคนเป็นเหมือนหลินชิงจยาหรือไง

เทียบได้เหรอ…

เยี่ยเหิงไม่อยากคุยไร้สาระด้วยอีกต่อไป เขาปั้นหน้าบึ้งเดินออกไปโดยไม่บอกสักคำ

เยี่ยหลิงก็ไม่ได้ขวาง เธอสีหน้าเปลี่ยน “คุณอิ๋ง เขา…”

อิ๋งจื่อจินไม่ได้มองเยี่ยเหิง พูดเพียงว่า “ฉันอยากไปดูสนามฝึกหน่อย รบกวนด้วยค่ะ”

เยี่ยหลิงลังเล สุดท้ายก็รับปาก

“ได้ค่ะคุณอิ๋ง พวกเรายืนดูอยู่ริมๆ ที่นั่นมีหลายคนฝึกอยู่ กลัวคุณอิ๋งจะบาดเจ็บ”

ทั้งสามคนเดินไปทางสนามฝึก

สนามฝึกใหญ่มาก บริเวณรอบๆ มีอาวุธประชิดตัวสารพัดชนิด

จอมยุทธส่วนมากไม่ให้ค่าเทคโนโลยีขั้นสูงของโลกภายนอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใช้ปืน พวกเขาคิดว่ากำลังจากภายนอกก็สู้ความสามารถที่แท้จริงในตัวเองไม่ได้

พอเยี่ยหลิงพาอิ๋งจื่อจินเข้าไปก็ได้ยินเสียงแรงที่ฝ่าลมเข้ามา

“ฟึ่บ!”

หอกยาวพุ่งจากกลางสนามมาทางด้านนอก ตรงมาทางอิ๋งจื่อจิน

หูของอวิ๋นซานขยับ เงยหน้าขึ้น สีหน้าเปลี่ยน “คุณอิ๋ง ระวังครับ!”

เขายกปืนขึ้นทันที เล็งไปที่หอกยาวนั่นแล้วยิงหนึ่งนัด

“เคร้ง” หอกยาวหักครึ่งหล่นลงบนพื้น

แค่นิดเดียวเท่านั้น หอกยาวเกือบทะลุร่างกายไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าจงใจ

สีหน้าของอวิ๋นซานเย็นชาลงมาก เข้าไปขวางหน้าอิ๋งจื่อจิน มองพวกเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากสนามฝึกด้วยสายตาดุดัน

ในเวลาเดียวกันมือของอิ๋งจื่อจินก็ผละออกจากบ่าของเยี่ยหลิง เชิดคางขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย

“พวกเขาคือ?”

สีหน้าของเยี่ยหลิงซีดลง ตัวสั่น

“คนที่พุ่งหอกมาชื่อเยี่ยหล่าง ลูกชายบ้านอารองของฉันค่ะ ในรุ่นนี้ วิทยายุทธ์ของเขาเป็นรองแค่พี่ชายคนโตของฉัน เยี่ยเหิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่มักทำตัวอวดดีเอาใหญ่อยู่เสมอ”

ตอนเยี่ยหล่างพุ่งหอกด้ามนี้มาได้ใช้กำลังภายในมหาศาล

วิทยายุทธ์ของเธอไม่สูง ใช้กำลังภายในทั้งหมดกดไว้แล้วก็ยังหนีไม่พ้นวิถีของหอกด้ามนี้

แล้วเธอรอดมาได้ยังไง

“ใช้ปืนด้วยเหรอ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองอวิ๋นซาน สีหน้าดูถูก “ไม่ได้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอ”

เยี่ยหล่างไม่พูดอะไร แต่เขาใช้กำลังภายในอีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คน แต่เป็นปืนในมืออวิ๋นซาน

“เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ”

เมื่อถูกกำลังภายในเล่นงาน ปืนก็แตกออกตกลงบนพื้น กลายเป็นแค่เศษเหล็ก

เยี่ยหล่างถึงได้พูดขึ้น “อย่าให้ฉันเห็นของพรรค์นี้บ่อยๆ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 425 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันไม่อยากลงมือเลยจริงๆ’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 425 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันไม่อยากลงมือเลยจริงๆ’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 425 อิ๋งจื่อจิน ‘ฉันไม่อยากลงมือเลยจริงๆ’

เยี่ยเหิงไม่ได้มีความรู้สึกดีต่ออิ๋งจื่อจินแม้แต่น้อย ทั้งยังเจือไปด้วยความชัง

ถ้าอิ๋งจื่อจินไม่มาวันนี้เขาก็จะได้ไปที่โลกแพทย์แผนโบราณ ไปดูหลินชิงจยาปรุงยาแล้ว

ถึงแม้จะเหมือนที่นายใหญ่ตระกูลเยี่ยพูด โอกาสแบบนี้มีมากมาย ทุกสัปดาห์หลินชิงจยาจะปรุงยาในลานปรุงยาสาธารณะของโลกแพทย์แผนโบราณให้ดูอยู่แล้ว เพื่อให้แพทย์ที่เพิ่งหัดปรุงยาได้ศึกษา

แต่เยี่ยเหิงไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้เจอหลินชิงจยาแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้ทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ ก็ตาม

เขารู้ว่าด้วยสถานะของเขาไม่มีทางได้เกี่ยวข้องกับหลินชิงจยา

หลินชิงจยามีความสามารถทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก มีคนจำนวนมากในโลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธที่อยากแต่งงานกับเธอ

คนของโลกจอมยุทธถ้าไม่แต่งงานเร็วก็แต่งช้าไปเลย

ปีนี้หลินชิงจยาอายุเพียงยี่สิบสองปี ตระกูลหลินก็หวงด้วยเหมือนกัน

เยี่ยเหิงไม่เข้าใจจริงๆ ว่า

แค่คนธรรมดาคนเดียวทำไมต้องให้จอมยุทธอย่างพวกเขามาคอยดูแลขนาดนี้ด้วย

ให้เขามาคอยเดินตามไม่เท่ากับเสียเวลาไปเปล่าๆ หรอกเหรอ

เขามีเวลาแบบนี้ไม่สู้ไปที่โลกแพทย์แผนโบราณทำความรู้จักกับหมอพวกนั้น ต่อไปจะได้มีหลักประกันให้ชีวิตกับวิทยายุทธ

ส่วนจอมยุทธอันดับหนึ่งน่ะเหรอ

อย่าว่าแต่ตระกูลเยี่ยเลย ต่อให้สามตระกูลจอมยุทธชั้นแนวหน้าอย่างตระกูลหลินรวมกันก็ยังเทียบไม่ได้ ยังต้องให้ความเคารพ

จอมยุทธอันดับหนึ่งแสดงถึงจุดสูงสุดของโลกจอมยุทธ

ไม่มีใครรู้ว่าเขาอายุเท่าไร และก็ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิง

แต่จอมยุทธอันดับหนึ่งก็ไม่ได้ปรากฏตัวนานแล้ว ไม่แน่อาจสิ้นอายุขัยไปแล้วด้วยซ้ำ

รุ่นหนุ่มสาวในโลกจอมยุทธตอนนี้อย่างมากก็แค่ได้ยินคำเรียกนี้ผ่านหู ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมอะไรมากนัก

แต่ก็ต้องยอมรับว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีจอมยุทธคนไหนที่วิทยายุทธ์ล้ำเลิศไปกว่าจอมยุทธอันดับหนึ่ง

ราวกับเหมือนขาดอะไรไป มีร่องลึกที่ไม่อาจข้ามผ่าน ยังด้อยกว่าอยู่นิดหน่อย

เยี่ยเหิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เล่าให้เธอฟังแล้วเธอจะฝึกวิทยายุทธ์ได้หรือไง เร็วหน่อยได้ไหม ฉันยังต้องไปที่โลกแพทย์แผนโบราณอีก”

เยี่ยหลิงสีหน้าเปลี่ยน “เยี่ยเหิง คุณอิ๋งเป็นแขกคนสำคัญ ทำไมพูดแบบนี้!”

“แล้วเธอมายุ่งอะไรด้วย” เยี่ยเหิงแสยะยิ้ม

“งั้นเธอลองว่ามาซิ เธอเสียเวลาดูแลคนธรรมดาแค่คนเดียว สุดท้ายจะได้…”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบก็มีวัตถุเย็นเฉียบจ่ออยู่ที่หน้าผาก

เยี่ยเหิงตัวแข็ง คำพูดก็เลยหยุดตามไปด้วย

“บ้านอยู่ริมทะเลหรือไงถึงได้ใจกว้างยุ่งเรื่องคนอื่นนัก ทำไมไม่ไปใส่บิกินี่เต้นบนชายหาดล่ะ” อวิ๋นซานถือปืนจ่อที่หน้าผากของเยี่ยเหิง แสยะยิ้ม

“คุณอิ๋งเป็นคนธรรมดา แต่ก็เป็นคนธรรมดาที่นายจะมาล่วงเกินไม่ได้”

หยุดเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเย็นชายิ่งกว่าเดิม

“ซวยเพราะปาก เยี่ยเหิง ทางที่ดีเข้าใจหลักการนี้ไว้ด้วย ต่อให้วันนี้ฉันฆ่านาย ศาลสถิตยุติธรรมก็ไม่มีทางมาเอาตัวฉัน”

ที่นี่เป็นโลกจอมยุทธ ฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรเสียแต่ละวันก็มีการต่อสู้กันอยู่แล้ว มีจอมยุทธจำนวนไม่น้อยที่ตายไป

ในเมื่ออยู่โลกจอมยุทธก็ต้องทำตามกฎของโลกจอมยุทธ

เยี่ยเหิงเม้มริมฝีปาก มองอวิ๋นซานด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็หุบปากเงียบ

เขาสัมผัสได้ถึงกำลังภายในของอวิ๋นซานที่แข็งแกร่งกว่าเขา

แต่ในเวลาเดียวกันเยี่ยเหิงก็ยิ่งดูถูกอิ๋งจื่อจินหนักกว่าเดิม

ตัวเองไม่มีวิทยายุทธ์ อาศัยแค่การคุ้มกัน จะมีประโยชน์อะไร

อิ๋งจื่อจินไม่สนใจเยี่ยเหิง เธอยังคงมองภาพเหมือนภาพนั้น แววตาขรึมลง

เดิมทียุคโบราณก็มีการพูดถึงกังฟู และก็มีสำนักบู๊ลิ้ม แต่ก็ยังไม่ดูมหัศจรรย์เท่าจอมยุทธ

สามารถเอาพลังที่อยู่ในร่างกายมาใช้ประโยชน์ ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น

เธอเป็นคนเอาวิทยายุทธ์มาสู่โลกมนุษย์จริง ตอนแรกสุดก็แค่ทดลอง

เธอเอาศาสตร์วิทยายุทธ์ในโลกบำเพ็ญเพียรที่เธออยู่มาทำให้ง่ายขึ้น ผสมผสานกับกังฟู

เขียนขั้นตอนการฝึกแล้วมอบให้ลูกศิษย์ที่เธอรับไว้คนหนึ่ง

ต่อมาก็มีจอมยุทธปรากฏ

สามารถทำให้ร่างกายพัฒนาไปจนถึงขีดจำกัดของมนุษย์ วิทยายุทธ์ก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้น

แต่ถ้าจะให้นับกันจริงๆ ก็มีแค่ลูกศิษย์คนนี้ที่เป็นจอมยุทธที่เธอถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง

อันที่จริงตอนนั้นเธอไปประเทศจีนหลายครั้ง แต่ทุกครั้งจะอาศัยอยู่ไม่นานยกเว้นครั้งสุดท้าย

สามครั้งที่สำคัญที่สุดคือเธอรับลูกศิษย์ไว้

ครั้งแรกรับเฟิงซิวเป็นลูกศิษย์

ครั้งที่สองรับฝูซีเป็นศิษย์ วงการแพทย์แผนโบราณถึงได้รับการบุกเบิก

ครั้งที่สามเธอรับตี้อู่เซ่าเสียนเป็นศิษย์ ศาสตร์พยากรณ์ถึงได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้คนที่อยู่ในภาพเหมือนนี้จะไม่ชัดนัก แต่อิ๋งจื่อจินรู้ว่านี่คือลูกศิษย์ของเธอที่ชื่อเฟิงซิว

จอมยุทธผู้แข็งแกร่ง อายุมากกว่าสามร้อยปี แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่สามารถอยู่ได้เกินห้าร้อยปี

ไม่แน่เฟิงซิวอาจยังมีชีวิตอยู่

อิ๋งจื่อจินละสายตากลับมา “ไปเถอะ”

“คุณอิ๋งอย่าใส่ใจเลยนะคะ ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” เยี่ยหลิงพูดเสียงเบา

“อันที่จริงจอมยุทธหลายคนก็ประสาทแบบนี้แหละ ชอบดูถูกโลกภายนอก”

“สภาพแวดล้อมเป็นเหตุทั้งนั้น แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

อิ๋งจื่อจินได้ฟังก็หันหน้าไป ครุ่นคิด ทันใดนั้นก็พูดขึ้น

“คุณยังอยากเรียนการรักษาแผนโบราณด้วยใช่ไหม”

เยี่ยหลิงอึ้ง เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ยิ้มเศร้า

“พรสวรรค์ด้านจอมยุทธของฉันไม่ถือว่าดีนัก ฉันยังจะมีเวลาไปเรียนเป็นแพทย์แผนโบราณได้ที่ไหนกันคะ”

เยี่ยหลิงรู้ว่า ถึงแม้เธอจะมีพรสวรรค์ทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ แต่เธอกับหลินชิงจยาก็คนละระดับกัน

เธออยู่ในประเภทที่ทำทั้งสองอย่างได้ธรรมดาพอๆ กัน

ไม่เก่งวิทยายุทธ์ วิชาการรักษาแผนโบราณก็ทำได้แย่มาก

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น

“ฝึกวิทยายุทธ์ได้ไม่ดีมีผลต่อการเรียนแพทย์แผนโบราณด้วยเหรอคะ มีคำพูดแบบนี้ด้วยเหรอ”

เดิมทีจอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน ถึงขั้นที่ว่าสามารถส่งเสริมกันและกัน

แต่เรื่องแบบนี้ เวลาผ่านไปนานเข้า โลกจอมยุทธกับโลกแพทย์แผนโบราณในตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้เท่าไรแล้ว

“ค่ะ จอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณต้องใช้กำลังภายใน” เยี่ยหลิงอธิบาย

“ถึงแม้จะเป็นกำลังภายในเหมือนกัน แต่ทั้งสองแบบกลับไม่เหมือนกัน แพทย์แผนโบราณจะนุ่มนวลกว่า ส่วนจอมยุทธจะแข็งแกร่งกว่า”

“ดังนั้นจึงมีคนส่วนน้อยที่สามารถเอาทั้งสองแบบที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงนี้มาผสมผสานกันอย่างลงตัวได้ค่ะ”

ถ้าแพทย์แผนโบราณเผลอใช้กำลังภายในส่วนที่แข็งแกร่งในขณะปรุงยาหรือฝังเข็มให้คนไข้ ผลที่ตามมาก็คือหม้อยาระเบิด คนไข้เส้นเลือดแตก

อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ “ฉันไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาก่อน ฉันคิดว่าแพทย์แผนโบราณกับจอมยุทธล้วนมาจากรากฐานเดียวกัน ฝึกทั้งสองอย่างได้ไม่มีปัญหา”

“ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลฝูก็เคยพูดแบบเดียวกันกับคุณอิ๋งเลยค่ะ เพียงแต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบหนทาง” เยี่ยหลิงยิ้ม

“ถ้าคุณอิ๋งสนใจวิทยายุทธ์ ตระกูลเยี่ยมีอุปกรณ์ทดสอบพรสวรรค์จอมยุทธนะคะ”

เยี่ยเหิงฟังแล้วหัวเราะ “เธอยังจะมีพรสวรรค์จอมยุทธอีกเหรอ ฉัน…”

อวิ๋นซานยกปืนอีกครั้ง

เยี่ยเหิงทำได้เพียงกลืนคำพูดลงคอ แต่สีหน้ายังคงดูถูก

ยังจะทำพูดเหมือนจอมยุทธกับแพทย์แผนโบราณมันฝึกกันได้ง่ายๆ

คิดว่าทุกคนเป็นเหมือนหลินชิงจยาหรือไง

เทียบได้เหรอ…

เยี่ยเหิงไม่อยากคุยไร้สาระด้วยอีกต่อไป เขาปั้นหน้าบึ้งเดินออกไปโดยไม่บอกสักคำ

เยี่ยหลิงก็ไม่ได้ขวาง เธอสีหน้าเปลี่ยน “คุณอิ๋ง เขา…”

อิ๋งจื่อจินไม่ได้มองเยี่ยเหิง พูดเพียงว่า “ฉันอยากไปดูสนามฝึกหน่อย รบกวนด้วยค่ะ”

เยี่ยหลิงลังเล สุดท้ายก็รับปาก

“ได้ค่ะคุณอิ๋ง พวกเรายืนดูอยู่ริมๆ ที่นั่นมีหลายคนฝึกอยู่ กลัวคุณอิ๋งจะบาดเจ็บ”

ทั้งสามคนเดินไปทางสนามฝึก

สนามฝึกใหญ่มาก บริเวณรอบๆ มีอาวุธประชิดตัวสารพัดชนิด

จอมยุทธส่วนมากไม่ให้ค่าเทคโนโลยีขั้นสูงของโลกภายนอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องใช้ปืน พวกเขาคิดว่ากำลังจากภายนอกก็สู้ความสามารถที่แท้จริงในตัวเองไม่ได้

พอเยี่ยหลิงพาอิ๋งจื่อจินเข้าไปก็ได้ยินเสียงแรงที่ฝ่าลมเข้ามา

“ฟึ่บ!”

หอกยาวพุ่งจากกลางสนามมาทางด้านนอก ตรงมาทางอิ๋งจื่อจิน

หูของอวิ๋นซานขยับ เงยหน้าขึ้น สีหน้าเปลี่ยน “คุณอิ๋ง ระวังครับ!”

เขายกปืนขึ้นทันที เล็งไปที่หอกยาวนั่นแล้วยิงหนึ่งนัด

“เคร้ง” หอกยาวหักครึ่งหล่นลงบนพื้น

แค่นิดเดียวเท่านั้น หอกยาวเกือบทะลุร่างกายไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าจงใจ

สีหน้าของอวิ๋นซานเย็นชาลงมาก เข้าไปขวางหน้าอิ๋งจื่อจิน มองพวกเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากสนามฝึกด้วยสายตาดุดัน

ในเวลาเดียวกันมือของอิ๋งจื่อจินก็ผละออกจากบ่าของเยี่ยหลิง เชิดคางขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย

“พวกเขาคือ?”

สีหน้าของเยี่ยหลิงซีดลง ตัวสั่น

“คนที่พุ่งหอกมาชื่อเยี่ยหล่าง ลูกชายบ้านอารองของฉันค่ะ ในรุ่นนี้ วิทยายุทธ์ของเขาเป็นรองแค่พี่ชายคนโตของฉัน เยี่ยเหิงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่มักทำตัวอวดดีเอาใหญ่อยู่เสมอ”

ตอนเยี่ยหล่างพุ่งหอกด้ามนี้มาได้ใช้กำลังภายในมหาศาล

วิทยายุทธ์ของเธอไม่สูง ใช้กำลังภายในทั้งหมดกดไว้แล้วก็ยังหนีไม่พ้นวิถีของหอกด้ามนี้

แล้วเธอรอดมาได้ยังไง

“ใช้ปืนด้วยเหรอ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองอวิ๋นซาน สีหน้าดูถูก “ไม่ได้เรื่องขนาดนี้เลยเหรอ”

เยี่ยหล่างไม่พูดอะไร แต่เขาใช้กำลังภายในอีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่คน แต่เป็นปืนในมืออวิ๋นซาน

“เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ”

เมื่อถูกกำลังภายในเล่นงาน ปืนก็แตกออกตกลงบนพื้น กลายเป็นแค่เศษเหล็ก

เยี่ยหล่างถึงได้พูดขึ้น “อย่าให้ฉันเห็นของพรรค์นี้บ่อยๆ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+