คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 433 นักออกแบบนามปีศาจเปิดเผยตัวตน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 433 นักออกแบบนามปีศาจเปิดเผยตัวตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 433 นักออกแบบนามปีศาจเปิดเผยตัวตน

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ยื่นมือออกไป “ขอดูหน่อย”

เลขาสาวยื่นโทรศัพท์มือถือให้ทันที

ในนั้นเป็นเวยปั๋วอีกโพสต์หนึ่งที่เพิ่งโพสต์เมื่อสิบนาทีก่อน

แต่เนื่องจากวันนี้ความร้อนแรงของชูกวงมีเดียมีสูงมาก เวยปั๋วโพสต์นี้ก็เลยขึ้นไปอยู่ในห้าอันดับแรกของคำค้นยอดนิยมทันที

แฮทแท็กดีไซเนอร์ปีศาจเปิดเผยตัวตน

[แอทจันเหอ : สวัสดีค่ะ ทุกคนอาจไม่รู้จักฉัน แต่น่าจะเคยได้ยินชื่อที่ฉันใช้ในวงการดีไซเนอร์ ‘ปีศาจ’

ชูกวงมีเดียเอาคนในครอบครัวของฉันมาข่มขู่ฉัน เพื่อให้ฉันออกแบบชุดสี่ชุด หรือก็คือ หงส์แดง มังกรเขียว เสือขาว และเต่าดำ ก็คือสี่ชุดที่เข้าประกวดงานออกแบบเครื่องแต่งกายนานาชาติค่ะ

ฉันก็ควรออกมาได้แล้ว ฉันไม่อยากถูกชูกวงมีเดียข่มขู่อีก

อันที่จริงชุดเซตนี้ควรมีห้าชุด อีกชุดหนึ่งฉันไม่ได้ส่งไปให้ ชุดนี้เรียกว่ากิเลนเหลือง ฉันใช้มันเพื่อยืนยันตัวตนค่ะ]

ด้านล่างแนบภาพประกอบ ใช่

ประเทศจีนมีตำนานแบบนี้

ทิศตะวันออกมังกรเขียว ทิศตะวันตกเสือขาว ทิศใต้หงส์แดง ทิศเหนือเต่าดำ

ในสมัยราชวงศ์ฮั่นยังได้มีการเอากิเลนเสริมเข้าไป จึงมีตำนานที่ว่ากิเลนเหลืองอยู่ตรงกลาง

ดังนั้นจะสี่สัตว์เทพหรือห้าสัตว์เทพก็ถูกทั้งนั้น

การออกมาแสดงตัวของจันเหอคือผู้เสียหายจากกรณีของชูกวงมีเดีย

สไตล์ของอิ๋งจื่อจินเลียนแบบยากมาก

เทียนสิงมีเดียยืมตัวนักออกแบบมาจากไทม์มีเดียหลายคนกว่าจะพอออกแบบนี้ชุดได้

แต่เมื่อวางกับสี่ชุดที่อิ๋งจื่อจินออกแบบกลับดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี

พอชาวเน็ตได้ดูก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเซตเดียวกัน

เรื่องที่อิ๋งจื่อจินเป็นนักออกแบบนามปีศาจ แม้แต่ซังเย่าจือกับเซี่ยมั่นอวี่ก็ยังไม่รู้

มีแค่เลขาสาวคนเดียวที่รู้

เลขาสาวรับโทรศัพท์อีกสองสาย พอรับเสร็จก็ถาม

“บอสคะ ราชาภาพยนตร์ซังกับราชินีภาพยนตร์เซี่ยโทรมาถามว่าต้องให้พวกเขาโพสต์เวยปั๋วอธิบายไหมคะ”

อิ๋งจื่อจินหาว “บอกพวกเขาว่าไม่ต้อง ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกดึงลงมาแปดเปื้อนด้วย วุ่นวายเข้าไปใหญ่”

เธอพบว่า ถ้าเรื่องไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง คนทั่วไปก็จะไม่ซึมซับบทเรียน

คิดจริงเหรอว่าเธอทำแค่สัญลักษณ์เดียวในงานออกแบบของเธอ

อันที่จริงลวดลายพวกนั้นมีสัญลักษณ์หลายแบบ

เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่พิสูจน์ง่ายมาก

“พวกเรายังไม่ต้องแถลงการณ์อะไร” อิ๋งจื่อจินพูด

“ไปที่คอนโดของบริษัทก่อน พวกเราเก็บรวบรวมหลักฐานให้เสร็จค่อยพูด”

แถลงการณ์ไปตอนนี้มีแต่จะทำให้กระแสวิจารณ์ไปกันใหญ่ มีแต่เสียไม่มีได้

เลขาสาวพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะบอส”

สิบนาทีต่อมาทั้งสองคนก็ไปถึงหน้าห้องคอนโดของนักเขียนบทเรื่องลำนำใต้หล้า

เลขาสาวเคาะประตู

ในนั้นมีเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ ทั้งยังมีเสียงของตกแตก

“เธอน่าจะตกใจมาก” เลขาสาวถอนหายใจ “อายุยังน้อยก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”

เรื่องลำนำใต้หล้าโด่งดังมากในปีสองพันสิบแปด ตอนนั้นผู้แต่งเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย

ตอนนี้อายุแค่ยี่สิบสี่

ตอนนี้ในเน็ตเต็มไปด้วยเสียงด่าทออย่างบ้าคลั่ง

เคยชอบมากแค่ไหน ตอนนี้ก็ยิ่งเกลียดมากเท่านั้น

“ซั่งซู ฉันเอง” เลขาสาวเคาะประตูอีกครั้ง “มีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย”

ประตูถึงได้ถูกเปิดออก

ดวงตาของซั่งซูแดงมาก เห็นได้ชัดว่าเพิ่งร้องไห้ไป

เธอเชิญเลขาสาวเข้าไป ตอนที่สายตาเหลือบไปเห็นอิ๋งจื่อจิน เธอก็ตะลึง “เทพอิ๋งเหรอ”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก “รู้จักฉันด้วยเหรอ”

“ฉันต้องรู้จักคุณอยู่แล้ว” คราวนี้ซั่งซูดีใจ

“ตอนนั้นคุณเท่ห์มาก ฉันยังช่วยอธิษฐานให้คุณตั้งนาน คุณไม่เป็นอะไรแล้วดีจริงๆ ค่ะ”

“เข้าไปก่อนเถอะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันมาหารือกับคุณเรื่องคัดลอกผลงาน”

พอพูดถึงเรื่องนี้ซั่งซูก็เริ่มน้ำตาคลออีกครั้ง

“ฉันไม่ได้ลอกงานใครจริงๆ นะ ฉันเขียนทุกตัวอักษรด้วยตัวเอง”

“อืม ฉันเชื่อ” อิ๋งจื่อจินพูด “คุณรู้จักคนแต่งเรื่องโฉมงามคีรีธารหรือเปล่า”

ซั่งซูเม้มริมฝีปาก “รู้จักค่ะ เธอ…เธอเป็นรูมเมทของฉันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย”

พอได้ยินคำตอบนี้ เลขาสาวก็อึ้ง “รูมเมทเหรอ”

“โอเค” นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ แววตาขรึมลง

“ดังนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว รูมเมทของคุณคนนี้ขโมยโครงเรื่องนิยายของคุณไป ทั้งยังเอาไปลงเน็ตก่อนคุณ”

“แต่ฝีมือการเขียนของเธอสู้คุณไม่ได้ การเขียนนิยาย ต่อให้เป็นตอนเดียวกัน การเขียนต่างกันก็ให้ความรู้สึกกับผู้อ่านที่ต่างกันไปด้วย”

“หนังสือของเธอไม่โด่งดัง ต่อมาเธอเห็นหนังสือของคุณโด่งดัง เธอกลัวว่าเรื่องที่คัดลอกผลงานจะแดงขึ้นมาก็เลยล็อกหนังสือของตัวเองไว้”

ดังนั้นไม่ใช่ความผิดของชูกวงมีเดียที่ตรวจสอบไม่พบตั้งแต่แรก

ซั่งซูอึ้ง จากนั้นก็นึกอย่างจริงจัง

“เรื่องที่ฉันเขียนนิยาย รูมเมทรู้กันหมดจริงๆ มีความเป็นไปได้แบบนั้น…แต่เดี๋ยวนะ เทพอิ๋งเชื่อว่าฉันไม่ได้คัดลอกผลงานจริงเหรอ”

“ใช่ ฉันเชื่อ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง

“ปัญหาในตอนนี้คือ คุณมีหลักฐานพิสูจน์ไหมว่าเธอขโมยโครงเรื่องของคุณไป”

นวนิยายเรื่องลำนำใต้หล้าถูกเอาลงให้อ่านตั้งแต่ปีสองพันสิบเจ็ด

ช่วงแรกความนิยมไม่สูงมาก ต่อมาถึงค่อยๆ เริ่มดัง จนกลายเป็นทรัพย์สินทางปัญญา

ตอนแรกมีหลายบริษัทอยากซื้อ สุดท้ายซั่งซูก็เลือกชูกวงมีเดีย

เธอคิดว่ามีแค่ชูกวงมีเดียถึงจะตั้งใจคัดเลือกนักแสดง ถ่ายทำโลกทั้งหมดในนิยายของเธอออกมาได้

ถ้าถ่ายไม่ได้ เธอยอมไม่ขายลิขสิทธิ์ดีกว่า

ซั่งซูนึกอยู่สักพัก ยิ้มเศร้า “ไม่มีค่ะ”

เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่ารูมเมทจะขโมยโครงเรื่องนิยายของเธอ ทั้งยังทำเรื่องแบบนี้ได้

“ไม่…คุณมี” นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ

“คุณมีบล็อก ในนั้นเขียนเอาไว้ส่วนหนึ่ง ก็คือไอเดียขั้นต้นของลำนำใต้หล้า”

“แต่ตอนนั้นเป็นช่วงมัธยมปลาย ครอบครัวเข้มงวด บล็อกของคุณก็เลยเป็นความลับ ไม่บอกใคร!”

ฟังถึงตรงนี้ซั่งซูก็อึ้งอีกครั้ง

ผ่านไปสักพักถึงนึกออก “มีค่ะ ฉันเคยเขียนบล็อก!”

เธอชอบเขียนนิยายตั้งแต่เด็ก เขียนลงสมุดก็ไม่น้อย

หลังจากมีคอมพิวเตอร์ตอนมัธยมปลายเธอก็เขียนใส่บล็อก เพียงแต่เป็นตอนสั้นๆ เท่านั้น

แต่ต่อมาซั่งซูก็ทำหน้าเศร้าอีกครั้ง “แต่เวลามันผ่านมานานแล้ว ฉันนึกรหัสผ่านไม่ออกแล้วค่ะ”

เลขาสาวตะลึง

นี่บอสของเธอคงไม่ได้เป็นหมอดูขั้นเทพใช่ไหม

“เรื่องเล็ก” อิ๋งจื่อจินให้ซั่งซูเขียนชื่อบัญชีผู้ใช้งาน

“จะมีผู้เชี่ยวชาญไปจัดการให้”

เธอลุกขึ้น “พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้ต้องออกไปงานแถลงข่าว”

ซั่งซูพยักหน้าหงึกๆ “เทพอิ๋ง ฉันเชื่อในตัวคุณค่ะ”

อิ๋งจื่อจินออกจากคอนโด เรียกฉินหลิงเยี่ยนในวีแชท

[ช่วยหน่อย กู้ภาพกล้องวงจรปิด แล้วก็ข้อมูลทั้งหมดของบล็อกนี้ เปิดเนื้อความที่อยู่ข้างในเป็นสาธารณะทั้งหมด]

หลังจากฉินหลิงเยี่ยนได้รับข้อความ ขณะที่กำลังจะลงมือทำงานตามปกติ ต่อมาเขาก็รู้สึกตงิดใจ

เขาครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความนี้หาฟู่อวิ๋นเซิน

[เหล่าฟู่ แฟนนายมีเรื่องให้นายช่วย]

ปกติฟู่อวิ๋นเซินตอบเขาช้ามาก แต่ครั้งนี้กลับตอบอย่างรวดเร็ว

[แฟนฉันจะให้ฉันช่วยงาน แล้วทำไมต้องบอกผ่านนาย หืม]

ฉินหลิงเยี่ยน “…”

โว้ย!

เขาเป็นชายโสดและเป็นผู้ช่วย ชีวิตเขาง่ายเหรอ

เทพทะเลาะกัน คนธรรมดารับกรรม

หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็กลับชูกวงมีเดีย เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูง

บรรดาผู้บริหารระดับสูงถึงได้รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ตะลึงกันอยู่สักพัก

“ฝ่ายประชาสัมพันธ์โพสต์เวยปั๋วตอนนี้ได้เลยค่ะ” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้

“พรุ่งนี้จัดงานแถลงข่าว ฉันจะไปด้วย เรียกถงอวี่เฟย จันเหอ รวมถึงพวกคนของเทียนสิงมีเดียมาให้หมด”

ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์พยักหน้าทันที “ครับบอส”

เขาเช็ดเหงื่อ รีบออกไปจัดการ

นิ่งเงียบมาหนึ่งวัน ในที่สุดชาวเน็ตก็ได้เห็นชูกวงมีเดียเคลื่อนไหว

แต่กลับไม่เหมือนที่พวกเขาคิดไว้

[แอทชูกวงมีเดีย : เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ พวกเราจะจัดงานแถลงข่าวเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมด ให้คำตอบกับ แอทเทียนสิงมีเดีย แอทจันเหอ แอทถงอวี่เฟย และรวมถึงทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ในวงกว้าง ทางซีอีโอก็จะมาร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน]

จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

[ชูกวงมีเดียยังไม่เจ๊ง ยังจะมีหน้าจัดงานแถลงข่าวอีกเหรอ ผู้บริหารในสังกัดลวนลามผู้หญิง กักขังดีไซเนอร์ คัดลอกงานประพันธ์ ยังจะมีเรื่องอะไรที่พวกคุณทำไม่ได้อีก]

[แหวะ น่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์]

[ยอมแพ้เถอะ เรื่องคัดลอกงานประพันธ์มันฟังไม่ขึ้นแล้ว]

ขณะที่ชาวเน็ตด่าก็ไปลดคะแนนต่อ

ไม่นานคะแนนประเมินเรื่องลำนำใต้หล้าก็ลดลงอีกครั้ง จนถึงห้าจุดเก้าคะแนน

เมื่อเปิดแอปวีแชท สำหรับดูละครขึ้นมาก็จะเห็นดาวสีจางเพียงดาวเดียว

[หลักฐานแน่นหนา ฉันอยากรู้ว่าชูกวงมีเดียจัดงานแถลงข่าวทำไม หรือจะงัดหลักฐานอะไรออกมาแสดงได้จริงๆ]

[วงการบันเทิงไม่ควรเป็นที่ที่สกปรกโสมม เพราะมันเป็นที่ที่ดาราทุกคนไล่ตามความฝัน พวกเรามาร่วมกันต่อต้านชูกวงมีเดีย อย่าปล่อยให้บริษัทที่น่าขยะแขยงแบบนี้ทำร้ายดาราคนไหนอีก]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 433 นักออกแบบนามปีศาจเปิดเผยตัวตน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 433 นักออกแบบนามปีศาจเปิดเผยตัวตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 433 นักออกแบบนามปีศาจเปิดเผยตัวตน

อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ยื่นมือออกไป “ขอดูหน่อย”

เลขาสาวยื่นโทรศัพท์มือถือให้ทันที

ในนั้นเป็นเวยปั๋วอีกโพสต์หนึ่งที่เพิ่งโพสต์เมื่อสิบนาทีก่อน

แต่เนื่องจากวันนี้ความร้อนแรงของชูกวงมีเดียมีสูงมาก เวยปั๋วโพสต์นี้ก็เลยขึ้นไปอยู่ในห้าอันดับแรกของคำค้นยอดนิยมทันที

แฮทแท็กดีไซเนอร์ปีศาจเปิดเผยตัวตน

[แอทจันเหอ : สวัสดีค่ะ ทุกคนอาจไม่รู้จักฉัน แต่น่าจะเคยได้ยินชื่อที่ฉันใช้ในวงการดีไซเนอร์ ‘ปีศาจ’

ชูกวงมีเดียเอาคนในครอบครัวของฉันมาข่มขู่ฉัน เพื่อให้ฉันออกแบบชุดสี่ชุด หรือก็คือ หงส์แดง มังกรเขียว เสือขาว และเต่าดำ ก็คือสี่ชุดที่เข้าประกวดงานออกแบบเครื่องแต่งกายนานาชาติค่ะ

ฉันก็ควรออกมาได้แล้ว ฉันไม่อยากถูกชูกวงมีเดียข่มขู่อีก

อันที่จริงชุดเซตนี้ควรมีห้าชุด อีกชุดหนึ่งฉันไม่ได้ส่งไปให้ ชุดนี้เรียกว่ากิเลนเหลือง ฉันใช้มันเพื่อยืนยันตัวตนค่ะ]

ด้านล่างแนบภาพประกอบ ใช่

ประเทศจีนมีตำนานแบบนี้

ทิศตะวันออกมังกรเขียว ทิศตะวันตกเสือขาว ทิศใต้หงส์แดง ทิศเหนือเต่าดำ

ในสมัยราชวงศ์ฮั่นยังได้มีการเอากิเลนเสริมเข้าไป จึงมีตำนานที่ว่ากิเลนเหลืองอยู่ตรงกลาง

ดังนั้นจะสี่สัตว์เทพหรือห้าสัตว์เทพก็ถูกทั้งนั้น

การออกมาแสดงตัวของจันเหอคือผู้เสียหายจากกรณีของชูกวงมีเดีย

สไตล์ของอิ๋งจื่อจินเลียนแบบยากมาก

เทียนสิงมีเดียยืมตัวนักออกแบบมาจากไทม์มีเดียหลายคนกว่าจะพอออกแบบนี้ชุดได้

แต่เมื่อวางกับสี่ชุดที่อิ๋งจื่อจินออกแบบกลับดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี

พอชาวเน็ตได้ดูก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเซตเดียวกัน

เรื่องที่อิ๋งจื่อจินเป็นนักออกแบบนามปีศาจ แม้แต่ซังเย่าจือกับเซี่ยมั่นอวี่ก็ยังไม่รู้

มีแค่เลขาสาวคนเดียวที่รู้

เลขาสาวรับโทรศัพท์อีกสองสาย พอรับเสร็จก็ถาม

“บอสคะ ราชาภาพยนตร์ซังกับราชินีภาพยนตร์เซี่ยโทรมาถามว่าต้องให้พวกเขาโพสต์เวยปั๋วอธิบายไหมคะ”

อิ๋งจื่อจินหาว “บอกพวกเขาว่าไม่ต้อง ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกดึงลงมาแปดเปื้อนด้วย วุ่นวายเข้าไปใหญ่”

เธอพบว่า ถ้าเรื่องไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง คนทั่วไปก็จะไม่ซึมซับบทเรียน

คิดจริงเหรอว่าเธอทำแค่สัญลักษณ์เดียวในงานออกแบบของเธอ

อันที่จริงลวดลายพวกนั้นมีสัญลักษณ์หลายแบบ

เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่พิสูจน์ง่ายมาก

“พวกเรายังไม่ต้องแถลงการณ์อะไร” อิ๋งจื่อจินพูด

“ไปที่คอนโดของบริษัทก่อน พวกเราเก็บรวบรวมหลักฐานให้เสร็จค่อยพูด”

แถลงการณ์ไปตอนนี้มีแต่จะทำให้กระแสวิจารณ์ไปกันใหญ่ มีแต่เสียไม่มีได้

เลขาสาวพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะบอส”

สิบนาทีต่อมาทั้งสองคนก็ไปถึงหน้าห้องคอนโดของนักเขียนบทเรื่องลำนำใต้หล้า

เลขาสาวเคาะประตู

ในนั้นมีเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ ทั้งยังมีเสียงของตกแตก

“เธอน่าจะตกใจมาก” เลขาสาวถอนหายใจ “อายุยังน้อยก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”

เรื่องลำนำใต้หล้าโด่งดังมากในปีสองพันสิบแปด ตอนนั้นผู้แต่งเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย

ตอนนี้อายุแค่ยี่สิบสี่

ตอนนี้ในเน็ตเต็มไปด้วยเสียงด่าทออย่างบ้าคลั่ง

เคยชอบมากแค่ไหน ตอนนี้ก็ยิ่งเกลียดมากเท่านั้น

“ซั่งซู ฉันเอง” เลขาสาวเคาะประตูอีกครั้ง “มีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย”

ประตูถึงได้ถูกเปิดออก

ดวงตาของซั่งซูแดงมาก เห็นได้ชัดว่าเพิ่งร้องไห้ไป

เธอเชิญเลขาสาวเข้าไป ตอนที่สายตาเหลือบไปเห็นอิ๋งจื่อจิน เธอก็ตะลึง “เทพอิ๋งเหรอ”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก “รู้จักฉันด้วยเหรอ”

“ฉันต้องรู้จักคุณอยู่แล้ว” คราวนี้ซั่งซูดีใจ

“ตอนนั้นคุณเท่ห์มาก ฉันยังช่วยอธิษฐานให้คุณตั้งนาน คุณไม่เป็นอะไรแล้วดีจริงๆ ค่ะ”

“เข้าไปก่อนเถอะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันมาหารือกับคุณเรื่องคัดลอกผลงาน”

พอพูดถึงเรื่องนี้ซั่งซูก็เริ่มน้ำตาคลออีกครั้ง

“ฉันไม่ได้ลอกงานใครจริงๆ นะ ฉันเขียนทุกตัวอักษรด้วยตัวเอง”

“อืม ฉันเชื่อ” อิ๋งจื่อจินพูด “คุณรู้จักคนแต่งเรื่องโฉมงามคีรีธารหรือเปล่า”

ซั่งซูเม้มริมฝีปาก “รู้จักค่ะ เธอ…เธอเป็นรูมเมทของฉันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย”

พอได้ยินคำตอบนี้ เลขาสาวก็อึ้ง “รูมเมทเหรอ”

“โอเค” นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ แววตาขรึมลง

“ดังนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว รูมเมทของคุณคนนี้ขโมยโครงเรื่องนิยายของคุณไป ทั้งยังเอาไปลงเน็ตก่อนคุณ”

“แต่ฝีมือการเขียนของเธอสู้คุณไม่ได้ การเขียนนิยาย ต่อให้เป็นตอนเดียวกัน การเขียนต่างกันก็ให้ความรู้สึกกับผู้อ่านที่ต่างกันไปด้วย”

“หนังสือของเธอไม่โด่งดัง ต่อมาเธอเห็นหนังสือของคุณโด่งดัง เธอกลัวว่าเรื่องที่คัดลอกผลงานจะแดงขึ้นมาก็เลยล็อกหนังสือของตัวเองไว้”

ดังนั้นไม่ใช่ความผิดของชูกวงมีเดียที่ตรวจสอบไม่พบตั้งแต่แรก

ซั่งซูอึ้ง จากนั้นก็นึกอย่างจริงจัง

“เรื่องที่ฉันเขียนนิยาย รูมเมทรู้กันหมดจริงๆ มีความเป็นไปได้แบบนั้น…แต่เดี๋ยวนะ เทพอิ๋งเชื่อว่าฉันไม่ได้คัดลอกผลงานจริงเหรอ”

“ใช่ ฉันเชื่อ” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง

“ปัญหาในตอนนี้คือ คุณมีหลักฐานพิสูจน์ไหมว่าเธอขโมยโครงเรื่องของคุณไป”

นวนิยายเรื่องลำนำใต้หล้าถูกเอาลงให้อ่านตั้งแต่ปีสองพันสิบเจ็ด

ช่วงแรกความนิยมไม่สูงมาก ต่อมาถึงค่อยๆ เริ่มดัง จนกลายเป็นทรัพย์สินทางปัญญา

ตอนแรกมีหลายบริษัทอยากซื้อ สุดท้ายซั่งซูก็เลือกชูกวงมีเดีย

เธอคิดว่ามีแค่ชูกวงมีเดียถึงจะตั้งใจคัดเลือกนักแสดง ถ่ายทำโลกทั้งหมดในนิยายของเธอออกมาได้

ถ้าถ่ายไม่ได้ เธอยอมไม่ขายลิขสิทธิ์ดีกว่า

ซั่งซูนึกอยู่สักพัก ยิ้มเศร้า “ไม่มีค่ะ”

เธอนึกไม่ถึงจริงๆ ว่ารูมเมทจะขโมยโครงเรื่องนิยายของเธอ ทั้งยังทำเรื่องแบบนี้ได้

“ไม่…คุณมี” นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะโต๊ะ

“คุณมีบล็อก ในนั้นเขียนเอาไว้ส่วนหนึ่ง ก็คือไอเดียขั้นต้นของลำนำใต้หล้า”

“แต่ตอนนั้นเป็นช่วงมัธยมปลาย ครอบครัวเข้มงวด บล็อกของคุณก็เลยเป็นความลับ ไม่บอกใคร!”

ฟังถึงตรงนี้ซั่งซูก็อึ้งอีกครั้ง

ผ่านไปสักพักถึงนึกออก “มีค่ะ ฉันเคยเขียนบล็อก!”

เธอชอบเขียนนิยายตั้งแต่เด็ก เขียนลงสมุดก็ไม่น้อย

หลังจากมีคอมพิวเตอร์ตอนมัธยมปลายเธอก็เขียนใส่บล็อก เพียงแต่เป็นตอนสั้นๆ เท่านั้น

แต่ต่อมาซั่งซูก็ทำหน้าเศร้าอีกครั้ง “แต่เวลามันผ่านมานานแล้ว ฉันนึกรหัสผ่านไม่ออกแล้วค่ะ”

เลขาสาวตะลึง

นี่บอสของเธอคงไม่ได้เป็นหมอดูขั้นเทพใช่ไหม

“เรื่องเล็ก” อิ๋งจื่อจินให้ซั่งซูเขียนชื่อบัญชีผู้ใช้งาน

“จะมีผู้เชี่ยวชาญไปจัดการให้”

เธอลุกขึ้น “พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้ต้องออกไปงานแถลงข่าว”

ซั่งซูพยักหน้าหงึกๆ “เทพอิ๋ง ฉันเชื่อในตัวคุณค่ะ”

อิ๋งจื่อจินออกจากคอนโด เรียกฉินหลิงเยี่ยนในวีแชท

[ช่วยหน่อย กู้ภาพกล้องวงจรปิด แล้วก็ข้อมูลทั้งหมดของบล็อกนี้ เปิดเนื้อความที่อยู่ข้างในเป็นสาธารณะทั้งหมด]

หลังจากฉินหลิงเยี่ยนได้รับข้อความ ขณะที่กำลังจะลงมือทำงานตามปกติ ต่อมาเขาก็รู้สึกตงิดใจ

เขาครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งข้อความนี้หาฟู่อวิ๋นเซิน

[เหล่าฟู่ แฟนนายมีเรื่องให้นายช่วย]

ปกติฟู่อวิ๋นเซินตอบเขาช้ามาก แต่ครั้งนี้กลับตอบอย่างรวดเร็ว

[แฟนฉันจะให้ฉันช่วยงาน แล้วทำไมต้องบอกผ่านนาย หืม]

ฉินหลิงเยี่ยน “…”

โว้ย!

เขาเป็นชายโสดและเป็นผู้ช่วย ชีวิตเขาง่ายเหรอ

เทพทะเลาะกัน คนธรรมดารับกรรม

หลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็กลับชูกวงมีเดีย เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูง

บรรดาผู้บริหารระดับสูงถึงได้รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว ตะลึงกันอยู่สักพัก

“ฝ่ายประชาสัมพันธ์โพสต์เวยปั๋วตอนนี้ได้เลยค่ะ” อิ๋งจื่อจินนั่งพิงเก้าอี้

“พรุ่งนี้จัดงานแถลงข่าว ฉันจะไปด้วย เรียกถงอวี่เฟย จันเหอ รวมถึงพวกคนของเทียนสิงมีเดียมาให้หมด”

ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์พยักหน้าทันที “ครับบอส”

เขาเช็ดเหงื่อ รีบออกไปจัดการ

นิ่งเงียบมาหนึ่งวัน ในที่สุดชาวเน็ตก็ได้เห็นชูกวงมีเดียเคลื่อนไหว

แต่กลับไม่เหมือนที่พวกเขาคิดไว้

[แอทชูกวงมีเดีย : เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ พวกเราจะจัดงานแถลงข่าวเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมด ให้คำตอบกับ แอทเทียนสิงมีเดีย แอทจันเหอ แอทถงอวี่เฟย และรวมถึงทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ในวงกว้าง ทางซีอีโอก็จะมาร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน]

จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

[ชูกวงมีเดียยังไม่เจ๊ง ยังจะมีหน้าจัดงานแถลงข่าวอีกเหรอ ผู้บริหารในสังกัดลวนลามผู้หญิง กักขังดีไซเนอร์ คัดลอกงานประพันธ์ ยังจะมีเรื่องอะไรที่พวกคุณทำไม่ได้อีก]

[แหวะ น่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์]

[ยอมแพ้เถอะ เรื่องคัดลอกงานประพันธ์มันฟังไม่ขึ้นแล้ว]

ขณะที่ชาวเน็ตด่าก็ไปลดคะแนนต่อ

ไม่นานคะแนนประเมินเรื่องลำนำใต้หล้าก็ลดลงอีกครั้ง จนถึงห้าจุดเก้าคะแนน

เมื่อเปิดแอปวีแชท สำหรับดูละครขึ้นมาก็จะเห็นดาวสีจางเพียงดาวเดียว

[หลักฐานแน่นหนา ฉันอยากรู้ว่าชูกวงมีเดียจัดงานแถลงข่าวทำไม หรือจะงัดหลักฐานอะไรออกมาแสดงได้จริงๆ]

[วงการบันเทิงไม่ควรเป็นที่ที่สกปรกโสมม เพราะมันเป็นที่ที่ดาราทุกคนไล่ตามความฝัน พวกเรามาร่วมกันต่อต้านชูกวงมีเดีย อย่าปล่อยให้บริษัทที่น่าขยะแขยงแบบนี้ทำร้ายดาราคนไหนอีก]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+