คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 446 สมน้ำหน้าแล้วที่คุณสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ไป

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 446 สมน้ำหน้าแล้วที่คุณสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 446 สมน้ำหน้าแล้วที่คุณสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ไป

พอเห็นประโยคอักษรสีแดงบนหน้าจอ เมิ่งหรูก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

เธอเห็นอะไรน่ะ

ถึงแม้พ่อหยวนจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ในตี้ตู แต่เมิ่งหรูก็คลุกคลีอยู่ในแวดวงไฮโซมานาน ได้รู้หลายเรื่อง

เมิ่งหรูรู้ว่าตระกูลที่เรียกได้ว่าเป็นตระกูลชั้นแนวหน้าของตี้ตูก็มีแค่ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ ตระกูลตี้อู่ และตระกูลซิว

ตระกูลนักวิจัยอย่างตระกูลจี้ไม่ได้มีชื่อเสียง เพราะคนในตระกูลจี้หลายคนได้เซ็นสัญญารักษาความลับไว้ ห้ามแพร่งพรายออกไป จึงไม่เป็นที่รู้จักของคนภายนอกกับชาวเน็ต

รวมถึงเมิ่งหรู เธอไม่แม้แต่จะเคยได้ยินตระกูลจี้

แต่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลจี้จะไร้ศักยภาพ

กลับกลายเป็นว่าเพราะตระกูลจี้อยู่ในวงการที่มีความจำเพาะ พวกเมิ่งหรูจึงไม่มีคุณสมบัติจะได้รู้

แต่ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่ก็เป็นตัวแทนของชนชั้นแนวหน้าของตระกูลใหญ่ในตี้ตู

ตระกูลตี้อู่ด้อยกว่าหน่อยทางด้านการทำธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ในสายตาของคนนอกจึงดูด้อยกว่าตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่ไปด้วย

กลุ่มคนทั่วไปไม่มีทางคาดคิดว่า ตระกูลตี้อู่ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด

แต่ทว่าตอนนี้สามตระกูลนี้ร่วมกันจัดงานเลี้ยงฉลองแค่เพื่ออิ๋งจื่อจิน!

ร่างกายของเมิ่งหรูโงนเงน ชักยืนไม่อยู่แล้ว สีหน้าก็เริ่มซีดลงทีละนิด

เสียงรอบตัวอื้ออึง แต่เธอกลับฟังไม่เข้าหูสักคำ

ตอนนี้เหลือเพียงชื่อ ‘อิ๋งจื่อจิน’

ช่วงสองวันนี้ได้ยินชื่อนี้ถี่มาก

เมิ่งหรูไปเดินถนนก็ยังได้ยินคนพูดถึง

สุดท้ายเป็นพ่อหยวนที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “ที่แท้ก็จัดให้คนได้อันดับหนึ่ง”

ตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่จะไปทำความรู้จักกับเด็กอัจฉริยะก็เป็นเรื่องที่แน่นอน

แต่ตอนนี้ผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพิ่งออก ทำแบบนี้มันจะเร็วเกินไปแล้วหรือเปล่า

คำตอบเดียวก็คือ อิ๋งจื่อจินรู้จักกับตระกูลเนี่ยและตระกูลมู่อยู่ก่อนแล้ว แถมยังสนิทกัน

เมิ่งหรูเริ่มหายใจติดขัด

ในเวลานี้เองได้มีคนเรียกเธอ

เป็นคุณนายไฮโซที่ให้เกียรติเธอเพียงผิวเผิน

“คุณนายหยวน ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะคะ” คุณนายไฮโซมีท่าทางตกใจ “อ๋อ คุณไม่รู้ใช่ไหมคะ คิดดูก็ไม่น่าจะรู้ นั่นก็คืออิ๋งจื่อจินที่สอบได้อันดับหนึ่งของฮู่เฉิงค่ะ”

“ผู้เฒ่ามู่กับผู้เฒ่าเนี่ยชอบเธอมาก งานเลี้ยงฉลองเลื่อนระดับการศึกษาในวันนี้ก็เตรียมไว้ให้เธอ พวกเราโชคดีจริงๆ ถึงได้รับเชิญมาร่วมงาน”

คุณนายไฮโซพูดจบก็เข้าไปก่อนโดยไม่มองว่าเมิ่งหรูมีสีหน้าอย่างไร

เมิ่งหรูเกือบเป็นลม เธอก็ตามเข้าไปด้วย

เวลานี้งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม แต่มีแขกมาไม่น้อยแล้ว

เมิ่งหรูเริ่มมองหาทั่วห้องจัดงานเลี้ยง ในที่สุดเธอก็เห็นคนที่คุ้นเคย

เด็กสาวเดินไปทางห้องที่อยู่ด้านขวา รอบตัวเธอมีคนอยู่มากมาย

หนึ่งในนั้นคือผู้เฒ่าเนี่ย เนี่ยอวิ๋นเจี้ยน

เมิ่งหรูหายใจถี่เร็ว เดินเข้าไปทันที

“คุณแม่!”

หยวนจยาเฉิงกับพ่อหยวนห้ามไม่ทัน เมิ่งหรูเดินเข้าไปแล้ว

“คุณอิ๋งคะ สวัสดีค่ะ ฉันเป็นเพื่อนของคุณย่าคุณ” เมิ่งหรูหน้าหนามาก จำไม่ได้สักนิดว่าเมื่อก่อนทำอะไรไว้ กลับทำเป็นยิ้มกว้าง “ฉันชื่อเมิ่งหรู เป็นคนตระกูลหยวนค่ะ พวกเราเคยเจอกัน”

ประโยคนี้ทำให้ห้องจัดเลี้ยงเกิดความเงียบขึ้นมาทันที

แขกเหรื่อจำนวนไม่น้อยพากันมองมาด้วยสายตาตะลึง

ห้องจัดเลี้ยงด้านนอกเป็นสถานที่ที่ผู้เฒ่าเนี่ยจัดไว้สำหรับแขกคนอื่นๆ ที่เชิญมา ส่วนงานฉลองที่พวกเขาเตรียมให้อิ๋งจื่อจินอยู่ในห้องจัดเลี้ยงส่วนตัว

ดังนั้นถึงแม้พวกเขาก็อยากเข้าหาอิ๋งจื่อจิน แต่ตระกูลเนี่ยตระกูลมู่ต่างคุ้มกันอยู่ข้างๆ มีเหรอที่พวกเขาจะเข้าถึงตัวได้

บรรดาแขกเหรื่อต่างรู้จักประมาณตน

พ่อหยวนกับหยวนจยาเฉิงต่างนึกไม่ถึงว่าเมิ่งหรูจะเข้าไปตรงๆ แบบนี้

อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหันมอง

ถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิงแบบนี้ เมิ่งหรูก็รู้สึกอายมาก

“อ๋อ ผมนึกออกแล้ว” กลับเป็นเนี่ยเฉาที่มองเมิ่งหรูอยู่สองสามวินาที “คุณก็คือยัยป้าสติไม่ดีที่คราวก่อนเสียมารยาทแถมยังโวยวายเสียงดังบนเครื่องบินนี่เอง”

เมิ่งหรูอึ้ง “อะไรนะ”

ทันใดนั้นเธอก็นึกได้เรื่องหนึ่ง

เมื่อปลายปีที่แล้วเธอเคยบังเอิญเจอเนี่ยเฉาบนเครื่องบิน รวมถึงฟู่อวิ๋นเซินประธานโซนเอเชียแปซิฟิกของวีนัสกรุ๊ป

ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ และตระกูลตี้อู่ทำเธอช็อกมากแล้ว นี่ยังมีวีนัสกรุ๊ปอีก!

เมิ่งหรูมองอิ๋งจื่อจิน ใบหน้าซีดเซียว

จนถึงวันนี้เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไปกันแน่

แค่นิดเดียวเท่านั้น

ไม่อย่างนั้นเวลานี้ตระกูลหยวนคงได้เกาะขบวนไปกับวีนัสกรุ๊ปแล้ว!

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ” ซิวอวี่กอดอก เธอก็จำเมิ่งหรูได้เหมือนกัน แสยะยิ้ม “พวกคุณไม่รู้ ตอนนั้นฉันกับพ่ออิ๋งเดินออกมาจากโรงเรียน บังเอิญเจออิ๋งเย่ว์เซวียนยัยคุณหนูตัวปลอมนั่น”

“คุณหนูตัวปลอมทำตัวน่าสงสาร พ่ออิ๋งไม่เล่นด้วยก็ถูกป้าคนนี้หาว่าที่บ้านไม่สั่งสอน ใครกันแน่นะที่ไร้มารยาท”

เมิ่งหรูสมองตื้อ นึกไม่ถึงว่าซิวอวี่จะพูดออกมาตรงๆ

พอได้ยินคำพูดนี้สีหน้าของผู้เฒ่าเนี่ยก็บึ้งตึง “เมิ่งหรู ตระกูลหยวนเหรอ”

เขาเคยได้ยินชื่อตระกูลหยวน

ตระกูลหยวนอยู่บนเส้นทางธุรกิจเดียวกับตระกูลเนี่ย ทำสายอิเล็กทรอนิกส์เหมือนกัน

เขาได้ดูแผนงานที่ตระกูลหยวนส่งมาแล้ว เฉยๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ จึงวางทิ้งไว้

ในสายตาของผู้เฒ่าเนี่ย อิ๋งจื่อจินไม่ต่างจากหลานสาวแท้ๆ ของเขา

ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจิน เนี่ยเฉาไม่มีทางอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

“พ่อบ้าน เชิญยัยบ้าคนนี้ออกไป” เนี่ยเฉาก็รู้ว่าผู้เฒ่าเนี่ยโมโหแล้ว “คราวก่อนฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนกับคนที่เข้าข้างเธอห้ามเข้ามาอีก”

เมิ่งหรูยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนเชิญออกไป

บรรดาแขกเหรื่อพากันส่ายหน้า ต่างนึกไม่ถึงว่าจะได้ดูละครฉากใหญ่แบบนี้

อิ๋งจื่อจินกับซิวอวี่ก็เข้าไปในห้องจัดเลี้ยงส่วนตัว

ทุกคนนั่งตามลำดับ ผ่านไปสักพักฟู่อวิ๋นเซินก็เข้ามา

เขานั่งลงข้างอิ๋งจื่อจิน เบนสายตาเล็กน้อย “มีคนมาหาเรื่องอีกแล้วเหรอ”

“คุณชายเจ็ด รีบชมฉันสิ” เนี่ยเฉาประจบ “ฉันปกป้องบอสอย่างดี เป็นสุดยอดเพื่อนเลยใช่ไหม”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “ปิดปากนายให้สนิทก็พอแล้ว”

เนี่ยเฉา “…”

ผู้เฒ่าเนี่ยตบกบาลเนี่ยเฉาหนึ่งที “ไอ้หลานบ้า โตป่านนี้แล้ว เมื่อไรจะหาหลานสะใภ้ให้ฉัน”

เนี่ยเฉาไม่พูด คิดในใจ ปู่ไม่ได้มีแค่หลานสะใภ้แล้วนะ ดีไม่ดีวันไหนเหลนจะโผล่ออกมาก็ไม่รู้

เรื่องของเมิ่งหรูผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเก็บเอามาใส่ใจ ต่างเริ่มกินข้าว

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “คนเรามักพูดว่าบนโลกนี้เรื่องบนสวรรค์คาดเดายากที่สุด”

เรื่องบนสวรรค์คาดเดายากที่สุดที่ว่านี้ก็คือ ไม่อาจคาดเดาได้ว่าสวรรค์คิดจะทำอะไร ฝนจะตกหรือฟ้าจะร้อง หรือจะทำลายล้างโลก

นักพยากรณ์เก่งๆ สามารถเปลี่ยนแปลงดวงชะตาได้ หรืออาจถึงขั้นเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของครอบครัว หรือแม้แต่ดวงชะตาประเทศ

แต่อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสวรรค์ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

แม้เป็นเธอในยามที่รุ่งเรืองมากก็ตาม หากต้องการสู้กับสวรรค์ก็ต้องแลกด้วยบางอย่างที่หนักหนามาก

ฟู่อวิ๋นเซินแกะกุ้งใส่ชามของเธอ พูดเสียงเบา “หืม?”

“ตอนนี้ฉันค้นพบแล้วว่า” อิ๋งจื่อจินพูด “สิ่งที่คาดเดายากที่สุดคือจิตใจมนุษย์”

ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปชั่วครู่แล้วถึงเอ่ยขึ้น “เยาเยา เธออ่อนไหวกับคำพูดของคนอื่น แต่ต้องรู้นะว่าพวกเขาไม่ได้จริงใจกับเธอ คนพวกนี้ไม่คู่ควรได้รับความสนใจจากเธอ”

“เดิมทีฉันก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว” แววตาของอิ๋งจื่อจินเหม่อลอย เธอหยิบตะเกียบคีบกุ้งในชามยื่นไปที่ปากของฟู่อวิ๋นเซิน “แฟนหนุ่ม เชิญกินกุ้ง”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว ยิ้มเล็กน้อย “แฟนสาว พี่ชายไม่ถือสาหรอกนะถ้าครั้งหน้าเธอจะเปลี่ยนวิธีป้อน แบบนี้มันห่างเหินเกินไป ใช่ไหมล่ะ”

อิ๋งจื่อจินเหล่มองเขา

“หมายถึงใช้มือน่ะ” ฟู่อวิ๋นเซินกินเสร็จก็อารมณ์ดีขึ้นมาก “เยาเยา อย่าคิดเยอะสิ”

“อ๋อ” อิ๋งจื่อจินดึงตะเกียบกลับมา พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “คุณพาฉันเสียคน”

“…”

ด้านนอกห้องจัดเลี้ยง

เมิ่งหรูยืนอยู่ท่ามกลางสายลม ด้านหลังมีคนมองมาทางเธออย่างไม่ขาดสาย เธอรู้สึกอับอายขั้นสุด

ถึงแม้บอดี้การ์ดจะไม่ได้ไล่พ่อหยวนกับหยวนจยาเฉิง แต่พวกเขาก็ตามออกมาด้วย

พ่อหยวนขมวดคิ้ว “คุณเป็นอะไรไป”

เมิ่งหรูไม่ตอบ แต่ทันใดนั้นสมองของเธอก็ตื่น

คุณหนูตัวปลอม!

ราวกับเธอตระหนักได้บางอย่าง จึงค้นเบอร์โทรศัพท์ของจงมั่นหวาในบัญชีดำแล้วกดโทรไป

ช่วงสองวันนี้จงมั่นหวาโมโหอิ๋งเย่ว์เซวียนมาก พอเมิ่งหรูถามแบบนี้เธอก็ตอบไปตามตรง

เมิ่งหรูกดตัดสายด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ตระกูลอิ๋งตัวดี เอาหงส์ตัวปลอมมาหลอกพวกเรา!”

ตระกูลหยวนของพวกเขาจะให้แต่งงานกับลูกเลี้ยงได้ยังไง

ที่แท้อิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นคุณหนูตระกูลอิ๋งตัวจริง

ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งเย่ว์เซวียนก็เทียบไม่ได้เลยสักนิด

เมิ่งหรูโมโหจนหายใจหน้าอกกระเพื่อมแรง

“เฮ้อ เดิมทีเรื่องนี้คุณก็มีส่วนผิด” พ่อหยวนถอนหายใจ “ช่างเถอะๆ กลับเถอะ”

“แม่ครับ อย่าคิดจะไปปีนป่ายหาเส้นสายกับใครอีกเลยครับ” หยวนจยาเฉิงก็พูดด้วย “พยายามเอาเองดีกว่าครับ”

เมิ่งหรูเม้มริมฝีปาก ในใจยังคงนึกเสียใจ “ไปเถอะ”

สองวันต่อมา พอถึงเวลาเลือกคณะ เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของฮู่เฉิงก็ออกมาแล้ว

มหาวิทยาลัยชั้นนำ : 532

มหาวิทยาลัยชั้นรอง : 454

หลังจากอิ๋งเย่ว์เซวียนเห็นเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยชั้นนำเธอก็ใจหายวาบ

ถึงแม้เธอจะผ่านเกณฑ์คะแนนของมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ก็ไม่ต่างจากไม่ผ่าน เลิกคิดได้เลย

ต้องโทษอิ๋งจื่อจิน

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอถูกอิ๋งจื่อจินรบกวนจิตใจหลายครั้ง เธอไม่มีทางเก็บไปคิดมากตอนทำข้อสอบ เอาแต่คิดเรื่องอื่นอยู่ตลอด

อิ๋งเย่ว์เซวียนนึกเสียใจ

เธอคิดเรื่องอิ๋งจื่อจินมากเกินไป คิดแต่อยากชนะอิ๋งจื่อจิน กลับกลายเป็นการทำร้ายตัวเอง

ทำได้เพียงเรียนซ้ำแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนไปหาโทรศัพท์สาธารณะข้างถนนแล้วโทรหาจงมั่นหวา “แม่คะ ครั้งนี้หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ ขอหนูเรียนซ้ำอีกปีได้ไหมคะ”

เธอยังคงมีความหวังกับจงมั่นหวา

“บอกแล้วว่าอย่ามาเรียกฉันว่าแม่!” เห็นได้ชัดว่าจงมั่นหวาก็รู้แล้วว่าเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยชั้นนำคือเท่าไร “ฉันไม่มีลูกสาวที่ได้คะแนนผ่านเกณฑ์มาแค่สามคะแนน!”

“ยังอยากเรียนซ้ำอีกเหรอ เธอเรียนซ้ำจะทำให้ฉันขายหน้าแค่ไหนเธอรู้หรือเปล่า เพื่อนเธอเข้ามหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว แต่เธอยังอยู่มอปลายงั้นเหรอ ไม่ขายหน้าเหรอ หา!”

อิ๋งเย่ว์เซวียนฟังถึงตรงนี้ในที่สุดความอัดอั้นตันใจที่สะสมมานานก็ระเบิดออก

เธอเรียนซ้ำแล้วทำไม

เริ่มต้นใหม่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ

อิ๋งเย่ว์เซวียนกรีดร้องอย่างไม่สนใจอะไรแล้ว “ขายหน้าๆๆ! คุณรู้จักแต่เอาหน้าไว้ก่อนเหรอ ถ้าไม่มีมันจะตายหรือไง!”

จงมั่นหวาอึ้งไปชั่วขณะ ผ่านไปสักพักถึงพูดออกไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “เธอกล้าตะโกนใส่ฉันเลยเหรอ”

“ใช่ ฉันตะโกนใส่คุณ” อิ๋งเย่ว์เซวียนแสยะยิ้ม พูดฉีกหน้า “คุณเสียลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองไป สมน้ำหน้า คุณทำตัวเองทั้งนั้น!”

“ไม่ต้องทำมาพูดว่าเพื่อฉัน คุณก็แค่ทำเพื่อหน้าตาของตัวเองทั้งนั้น! ตอนนี้อิ๋งจื่อจินสอบได้อันดับหนึ่ง ฉันสอบตก คุณรู้สึกหงุดหงิดใจเลยอยากไล่ฉันออกไปเพื่อรับเธอกลับมา”

“สมน้ำหน้า เธอไม่สนใจคุณ พี่เทียนลี่ว์ก็ผิดหวังในตัวคุณ สมน้ำหน้าไหมล่ะ”

แต่ละคำเสียดแทงใจขั้นสุด

จงมั่นหวาทำโทรศัพท์ตก

เธอเสียใจจริงๆ ร้องไห้ออกมาด้วยความผิดหวัง

เธอดีกับอิ๋งเย่ว์เซวียนมาก มากกว่าอิ๋งเทียนลี่ว์ด้วยซ้ำ

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอ แต่เธอมองเป็นเหมือนลูกตัวเอง

ปรากฏว่าตอนนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนทำกับเธอแบบนี้เลยเหรอ

อิ๋งเย่ว์เซวียนทำคะแนนได้แย่ขนาดนั้น เธอไม่ควรโกรธหรือไง

ลูกของเธอทำไมไม่มีสักคนที่เข้าใจเธอ

จงมั่นหวาไม่อยากให้อิ๋งเย่ว์เซวียนเรียนซ้ำจริงๆ มันจะทำให้คนเอาไปพูด

แต่เธอไม่ได้ทอดทิ้งอิ๋งเย่ว์เซวียน ก็แค่ยังทำใจไม่ได้ เลยว่าออกไปมากขนาดนั้น

เธอเตรียมส่งอิ๋งเย่ว์เซวียนไปต่างประเทศ เตรียมข้าวของเสร็จแล้วด้วย

อย่างไรเสียก็ไม่มีทางเลือกแล้ว อิ๋งเย่ว์เซวียนสอบได้คะแนนแย่แบบนั้น

แต่ตอนนี้จงมั่นหวารู้สึกเคืองใจ

เธอสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ที่ยอดเยี่ยมไปเพื่อลูกเลี้ยง

เธอทำไปเพื่ออะไร

จงมั่นหวายังไม่ทันจะได้เสียใจไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ทางโรงพยาบาลอันดับหนึ่งโทรมา

จงมั่นหวาตื่นทันที ถือกระเป๋ารีบร้อนออกจากบ้าน

ยี่สิบนาทีต่อมา

จงมั่นหวารีบมาโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีอิ๋งเทียนลี่ว์อีกคน

อิ๋งเทียนลี่ว์เดินเข้าไป ขมวดคิ้วพลางพูด “เกิดอะไรขึ้นครับคุณหมอ ไหนว่าอาการคงที่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“เดิมทีอาการของผู้ป่วยก็ไม่ดีนัก ก็แค่พอประคองไว้ได้ แต่วันนี้อยู่ๆ ก็ทรุดลงครับ” หมอเจ้าของไข้สีหน้าร้อนใจ หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับเหงื่อบนหน้าผาก “ต้องเริ่มผ่าตัดปลูกถ่ายตับแล้วครับ พวกคุณหาตับที่เข้ากันได้แล้วหรือยังครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 446 สมน้ำหน้าแล้วที่คุณสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ไป

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 446 สมน้ำหน้าแล้วที่คุณสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 446 สมน้ำหน้าแล้วที่คุณสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ไป

พอเห็นประโยคอักษรสีแดงบนหน้าจอ เมิ่งหรูก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

เธอเห็นอะไรน่ะ

ถึงแม้พ่อหยวนจะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ในตี้ตู แต่เมิ่งหรูก็คลุกคลีอยู่ในแวดวงไฮโซมานาน ได้รู้หลายเรื่อง

เมิ่งหรูรู้ว่าตระกูลที่เรียกได้ว่าเป็นตระกูลชั้นแนวหน้าของตี้ตูก็มีแค่ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ ตระกูลตี้อู่ และตระกูลซิว

ตระกูลนักวิจัยอย่างตระกูลจี้ไม่ได้มีชื่อเสียง เพราะคนในตระกูลจี้หลายคนได้เซ็นสัญญารักษาความลับไว้ ห้ามแพร่งพรายออกไป จึงไม่เป็นที่รู้จักของคนภายนอกกับชาวเน็ต

รวมถึงเมิ่งหรู เธอไม่แม้แต่จะเคยได้ยินตระกูลจี้

แต่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลจี้จะไร้ศักยภาพ

กลับกลายเป็นว่าเพราะตระกูลจี้อยู่ในวงการที่มีความจำเพาะ พวกเมิ่งหรูจึงไม่มีคุณสมบัติจะได้รู้

แต่ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่ก็เป็นตัวแทนของชนชั้นแนวหน้าของตระกูลใหญ่ในตี้ตู

ตระกูลตี้อู่ด้อยกว่าหน่อยทางด้านการทำธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ในสายตาของคนนอกจึงดูด้อยกว่าตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่ไปด้วย

กลุ่มคนทั่วไปไม่มีทางคาดคิดว่า ตระกูลตี้อู่ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด

แต่ทว่าตอนนี้สามตระกูลนี้ร่วมกันจัดงานเลี้ยงฉลองแค่เพื่ออิ๋งจื่อจิน!

ร่างกายของเมิ่งหรูโงนเงน ชักยืนไม่อยู่แล้ว สีหน้าก็เริ่มซีดลงทีละนิด

เสียงรอบตัวอื้ออึง แต่เธอกลับฟังไม่เข้าหูสักคำ

ตอนนี้เหลือเพียงชื่อ ‘อิ๋งจื่อจิน’

ช่วงสองวันนี้ได้ยินชื่อนี้ถี่มาก

เมิ่งหรูไปเดินถนนก็ยังได้ยินคนพูดถึง

สุดท้ายเป็นพ่อหยวนที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “ที่แท้ก็จัดให้คนได้อันดับหนึ่ง”

ตระกูลเนี่ยกับตระกูลมู่จะไปทำความรู้จักกับเด็กอัจฉริยะก็เป็นเรื่องที่แน่นอน

แต่ตอนนี้ผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพิ่งออก ทำแบบนี้มันจะเร็วเกินไปแล้วหรือเปล่า

คำตอบเดียวก็คือ อิ๋งจื่อจินรู้จักกับตระกูลเนี่ยและตระกูลมู่อยู่ก่อนแล้ว แถมยังสนิทกัน

เมิ่งหรูเริ่มหายใจติดขัด

ในเวลานี้เองได้มีคนเรียกเธอ

เป็นคุณนายไฮโซที่ให้เกียรติเธอเพียงผิวเผิน

“คุณนายหยวน ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะคะ” คุณนายไฮโซมีท่าทางตกใจ “อ๋อ คุณไม่รู้ใช่ไหมคะ คิดดูก็ไม่น่าจะรู้ นั่นก็คืออิ๋งจื่อจินที่สอบได้อันดับหนึ่งของฮู่เฉิงค่ะ”

“ผู้เฒ่ามู่กับผู้เฒ่าเนี่ยชอบเธอมาก งานเลี้ยงฉลองเลื่อนระดับการศึกษาในวันนี้ก็เตรียมไว้ให้เธอ พวกเราโชคดีจริงๆ ถึงได้รับเชิญมาร่วมงาน”

คุณนายไฮโซพูดจบก็เข้าไปก่อนโดยไม่มองว่าเมิ่งหรูมีสีหน้าอย่างไร

เมิ่งหรูเกือบเป็นลม เธอก็ตามเข้าไปด้วย

เวลานี้งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม แต่มีแขกมาไม่น้อยแล้ว

เมิ่งหรูเริ่มมองหาทั่วห้องจัดงานเลี้ยง ในที่สุดเธอก็เห็นคนที่คุ้นเคย

เด็กสาวเดินไปทางห้องที่อยู่ด้านขวา รอบตัวเธอมีคนอยู่มากมาย

หนึ่งในนั้นคือผู้เฒ่าเนี่ย เนี่ยอวิ๋นเจี้ยน

เมิ่งหรูหายใจถี่เร็ว เดินเข้าไปทันที

“คุณแม่!”

หยวนจยาเฉิงกับพ่อหยวนห้ามไม่ทัน เมิ่งหรูเดินเข้าไปแล้ว

“คุณอิ๋งคะ สวัสดีค่ะ ฉันเป็นเพื่อนของคุณย่าคุณ” เมิ่งหรูหน้าหนามาก จำไม่ได้สักนิดว่าเมื่อก่อนทำอะไรไว้ กลับทำเป็นยิ้มกว้าง “ฉันชื่อเมิ่งหรู เป็นคนตระกูลหยวนค่ะ พวกเราเคยเจอกัน”

ประโยคนี้ทำให้ห้องจัดเลี้ยงเกิดความเงียบขึ้นมาทันที

แขกเหรื่อจำนวนไม่น้อยพากันมองมาด้วยสายตาตะลึง

ห้องจัดเลี้ยงด้านนอกเป็นสถานที่ที่ผู้เฒ่าเนี่ยจัดไว้สำหรับแขกคนอื่นๆ ที่เชิญมา ส่วนงานฉลองที่พวกเขาเตรียมให้อิ๋งจื่อจินอยู่ในห้องจัดเลี้ยงส่วนตัว

ดังนั้นถึงแม้พวกเขาก็อยากเข้าหาอิ๋งจื่อจิน แต่ตระกูลเนี่ยตระกูลมู่ต่างคุ้มกันอยู่ข้างๆ มีเหรอที่พวกเขาจะเข้าถึงตัวได้

บรรดาแขกเหรื่อต่างรู้จักประมาณตน

พ่อหยวนกับหยวนจยาเฉิงต่างนึกไม่ถึงว่าเมิ่งหรูจะเข้าไปตรงๆ แบบนี้

อิ๋งจื่อจินไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหันมอง

ถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิงแบบนี้ เมิ่งหรูก็รู้สึกอายมาก

“อ๋อ ผมนึกออกแล้ว” กลับเป็นเนี่ยเฉาที่มองเมิ่งหรูอยู่สองสามวินาที “คุณก็คือยัยป้าสติไม่ดีที่คราวก่อนเสียมารยาทแถมยังโวยวายเสียงดังบนเครื่องบินนี่เอง”

เมิ่งหรูอึ้ง “อะไรนะ”

ทันใดนั้นเธอก็นึกได้เรื่องหนึ่ง

เมื่อปลายปีที่แล้วเธอเคยบังเอิญเจอเนี่ยเฉาบนเครื่องบิน รวมถึงฟู่อวิ๋นเซินประธานโซนเอเชียแปซิฟิกของวีนัสกรุ๊ป

ตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ และตระกูลตี้อู่ทำเธอช็อกมากแล้ว นี่ยังมีวีนัสกรุ๊ปอีก!

เมิ่งหรูมองอิ๋งจื่อจิน ใบหน้าซีดเซียว

จนถึงวันนี้เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไปกันแน่

แค่นิดเดียวเท่านั้น

ไม่อย่างนั้นเวลานี้ตระกูลหยวนคงได้เกาะขบวนไปกับวีนัสกรุ๊ปแล้ว!

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ” ซิวอวี่กอดอก เธอก็จำเมิ่งหรูได้เหมือนกัน แสยะยิ้ม “พวกคุณไม่รู้ ตอนนั้นฉันกับพ่ออิ๋งเดินออกมาจากโรงเรียน บังเอิญเจออิ๋งเย่ว์เซวียนยัยคุณหนูตัวปลอมนั่น”

“คุณหนูตัวปลอมทำตัวน่าสงสาร พ่ออิ๋งไม่เล่นด้วยก็ถูกป้าคนนี้หาว่าที่บ้านไม่สั่งสอน ใครกันแน่นะที่ไร้มารยาท”

เมิ่งหรูสมองตื้อ นึกไม่ถึงว่าซิวอวี่จะพูดออกมาตรงๆ

พอได้ยินคำพูดนี้สีหน้าของผู้เฒ่าเนี่ยก็บึ้งตึง “เมิ่งหรู ตระกูลหยวนเหรอ”

เขาเคยได้ยินชื่อตระกูลหยวน

ตระกูลหยวนอยู่บนเส้นทางธุรกิจเดียวกับตระกูลเนี่ย ทำสายอิเล็กทรอนิกส์เหมือนกัน

เขาได้ดูแผนงานที่ตระกูลหยวนส่งมาแล้ว เฉยๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ จึงวางทิ้งไว้

ในสายตาของผู้เฒ่าเนี่ย อิ๋งจื่อจินไม่ต่างจากหลานสาวแท้ๆ ของเขา

ถ้าไม่มีอิ๋งจื่อจิน เนี่ยเฉาไม่มีทางอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

“พ่อบ้าน เชิญยัยบ้าคนนี้ออกไป” เนี่ยเฉาก็รู้ว่าผู้เฒ่าเนี่ยโมโหแล้ว “คราวก่อนฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนกับคนที่เข้าข้างเธอห้ามเข้ามาอีก”

เมิ่งหรูยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกบอดี้การ์ดสองคนเชิญออกไป

บรรดาแขกเหรื่อพากันส่ายหน้า ต่างนึกไม่ถึงว่าจะได้ดูละครฉากใหญ่แบบนี้

อิ๋งจื่อจินกับซิวอวี่ก็เข้าไปในห้องจัดเลี้ยงส่วนตัว

ทุกคนนั่งตามลำดับ ผ่านไปสักพักฟู่อวิ๋นเซินก็เข้ามา

เขานั่งลงข้างอิ๋งจื่อจิน เบนสายตาเล็กน้อย “มีคนมาหาเรื่องอีกแล้วเหรอ”

“คุณชายเจ็ด รีบชมฉันสิ” เนี่ยเฉาประจบ “ฉันปกป้องบอสอย่างดี เป็นสุดยอดเพื่อนเลยใช่ไหม”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “ปิดปากนายให้สนิทก็พอแล้ว”

เนี่ยเฉา “…”

ผู้เฒ่าเนี่ยตบกบาลเนี่ยเฉาหนึ่งที “ไอ้หลานบ้า โตป่านนี้แล้ว เมื่อไรจะหาหลานสะใภ้ให้ฉัน”

เนี่ยเฉาไม่พูด คิดในใจ ปู่ไม่ได้มีแค่หลานสะใภ้แล้วนะ ดีไม่ดีวันไหนเหลนจะโผล่ออกมาก็ไม่รู้

เรื่องของเมิ่งหรูผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเก็บเอามาใส่ใจ ต่างเริ่มกินข้าว

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง “คนเรามักพูดว่าบนโลกนี้เรื่องบนสวรรค์คาดเดายากที่สุด”

เรื่องบนสวรรค์คาดเดายากที่สุดที่ว่านี้ก็คือ ไม่อาจคาดเดาได้ว่าสวรรค์คิดจะทำอะไร ฝนจะตกหรือฟ้าจะร้อง หรือจะทำลายล้างโลก

นักพยากรณ์เก่งๆ สามารถเปลี่ยนแปลงดวงชะตาได้ หรืออาจถึงขั้นเปลี่ยนแปลงดวงชะตาของครอบครัว หรือแม้แต่ดวงชะตาประเทศ

แต่อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสวรรค์ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

แม้เป็นเธอในยามที่รุ่งเรืองมากก็ตาม หากต้องการสู้กับสวรรค์ก็ต้องแลกด้วยบางอย่างที่หนักหนามาก

ฟู่อวิ๋นเซินแกะกุ้งใส่ชามของเธอ พูดเสียงเบา “หืม?”

“ตอนนี้ฉันค้นพบแล้วว่า” อิ๋งจื่อจินพูด “สิ่งที่คาดเดายากที่สุดคือจิตใจมนุษย์”

ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปชั่วครู่แล้วถึงเอ่ยขึ้น “เยาเยา เธออ่อนไหวกับคำพูดของคนอื่น แต่ต้องรู้นะว่าพวกเขาไม่ได้จริงใจกับเธอ คนพวกนี้ไม่คู่ควรได้รับความสนใจจากเธอ”

“เดิมทีฉันก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว” แววตาของอิ๋งจื่อจินเหม่อลอย เธอหยิบตะเกียบคีบกุ้งในชามยื่นไปที่ปากของฟู่อวิ๋นเซิน “แฟนหนุ่ม เชิญกินกุ้ง”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว ยิ้มเล็กน้อย “แฟนสาว พี่ชายไม่ถือสาหรอกนะถ้าครั้งหน้าเธอจะเปลี่ยนวิธีป้อน แบบนี้มันห่างเหินเกินไป ใช่ไหมล่ะ”

อิ๋งจื่อจินเหล่มองเขา

“หมายถึงใช้มือน่ะ” ฟู่อวิ๋นเซินกินเสร็จก็อารมณ์ดีขึ้นมาก “เยาเยา อย่าคิดเยอะสิ”

“อ๋อ” อิ๋งจื่อจินดึงตะเกียบกลับมา พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “คุณพาฉันเสียคน”

“…”

ด้านนอกห้องจัดเลี้ยง

เมิ่งหรูยืนอยู่ท่ามกลางสายลม ด้านหลังมีคนมองมาทางเธออย่างไม่ขาดสาย เธอรู้สึกอับอายขั้นสุด

ถึงแม้บอดี้การ์ดจะไม่ได้ไล่พ่อหยวนกับหยวนจยาเฉิง แต่พวกเขาก็ตามออกมาด้วย

พ่อหยวนขมวดคิ้ว “คุณเป็นอะไรไป”

เมิ่งหรูไม่ตอบ แต่ทันใดนั้นสมองของเธอก็ตื่น

คุณหนูตัวปลอม!

ราวกับเธอตระหนักได้บางอย่าง จึงค้นเบอร์โทรศัพท์ของจงมั่นหวาในบัญชีดำแล้วกดโทรไป

ช่วงสองวันนี้จงมั่นหวาโมโหอิ๋งเย่ว์เซวียนมาก พอเมิ่งหรูถามแบบนี้เธอก็ตอบไปตามตรง

เมิ่งหรูกดตัดสายด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ตระกูลอิ๋งตัวดี เอาหงส์ตัวปลอมมาหลอกพวกเรา!”

ตระกูลหยวนของพวกเขาจะให้แต่งงานกับลูกเลี้ยงได้ยังไง

ที่แท้อิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นคุณหนูตระกูลอิ๋งตัวจริง

ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งเย่ว์เซวียนก็เทียบไม่ได้เลยสักนิด

เมิ่งหรูโมโหจนหายใจหน้าอกกระเพื่อมแรง

“เฮ้อ เดิมทีเรื่องนี้คุณก็มีส่วนผิด” พ่อหยวนถอนหายใจ “ช่างเถอะๆ กลับเถอะ”

“แม่ครับ อย่าคิดจะไปปีนป่ายหาเส้นสายกับใครอีกเลยครับ” หยวนจยาเฉิงก็พูดด้วย “พยายามเอาเองดีกว่าครับ”

เมิ่งหรูเม้มริมฝีปาก ในใจยังคงนึกเสียใจ “ไปเถอะ”

สองวันต่อมา พอถึงเวลาเลือกคณะ เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของฮู่เฉิงก็ออกมาแล้ว

มหาวิทยาลัยชั้นนำ : 532

มหาวิทยาลัยชั้นรอง : 454

หลังจากอิ๋งเย่ว์เซวียนเห็นเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยชั้นนำเธอก็ใจหายวาบ

ถึงแม้เธอจะผ่านเกณฑ์คะแนนของมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่ก็ไม่ต่างจากไม่ผ่าน เลิกคิดได้เลย

ต้องโทษอิ๋งจื่อจิน

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอถูกอิ๋งจื่อจินรบกวนจิตใจหลายครั้ง เธอไม่มีทางเก็บไปคิดมากตอนทำข้อสอบ เอาแต่คิดเรื่องอื่นอยู่ตลอด

อิ๋งเย่ว์เซวียนนึกเสียใจ

เธอคิดเรื่องอิ๋งจื่อจินมากเกินไป คิดแต่อยากชนะอิ๋งจื่อจิน กลับกลายเป็นการทำร้ายตัวเอง

ทำได้เพียงเรียนซ้ำแล้ว

อิ๋งเย่ว์เซวียนไปหาโทรศัพท์สาธารณะข้างถนนแล้วโทรหาจงมั่นหวา “แม่คะ ครั้งนี้หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ ขอหนูเรียนซ้ำอีกปีได้ไหมคะ”

เธอยังคงมีความหวังกับจงมั่นหวา

“บอกแล้วว่าอย่ามาเรียกฉันว่าแม่!” เห็นได้ชัดว่าจงมั่นหวาก็รู้แล้วว่าเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยชั้นนำคือเท่าไร “ฉันไม่มีลูกสาวที่ได้คะแนนผ่านเกณฑ์มาแค่สามคะแนน!”

“ยังอยากเรียนซ้ำอีกเหรอ เธอเรียนซ้ำจะทำให้ฉันขายหน้าแค่ไหนเธอรู้หรือเปล่า เพื่อนเธอเข้ามหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว แต่เธอยังอยู่มอปลายงั้นเหรอ ไม่ขายหน้าเหรอ หา!”

อิ๋งเย่ว์เซวียนฟังถึงตรงนี้ในที่สุดความอัดอั้นตันใจที่สะสมมานานก็ระเบิดออก

เธอเรียนซ้ำแล้วทำไม

เริ่มต้นใหม่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ

อิ๋งเย่ว์เซวียนกรีดร้องอย่างไม่สนใจอะไรแล้ว “ขายหน้าๆๆ! คุณรู้จักแต่เอาหน้าไว้ก่อนเหรอ ถ้าไม่มีมันจะตายหรือไง!”

จงมั่นหวาอึ้งไปชั่วขณะ ผ่านไปสักพักถึงพูดออกไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “เธอกล้าตะโกนใส่ฉันเลยเหรอ”

“ใช่ ฉันตะโกนใส่คุณ” อิ๋งเย่ว์เซวียนแสยะยิ้ม พูดฉีกหน้า “คุณเสียลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองไป สมน้ำหน้า คุณทำตัวเองทั้งนั้น!”

“ไม่ต้องทำมาพูดว่าเพื่อฉัน คุณก็แค่ทำเพื่อหน้าตาของตัวเองทั้งนั้น! ตอนนี้อิ๋งจื่อจินสอบได้อันดับหนึ่ง ฉันสอบตก คุณรู้สึกหงุดหงิดใจเลยอยากไล่ฉันออกไปเพื่อรับเธอกลับมา”

“สมน้ำหน้า เธอไม่สนใจคุณ พี่เทียนลี่ว์ก็ผิดหวังในตัวคุณ สมน้ำหน้าไหมล่ะ”

แต่ละคำเสียดแทงใจขั้นสุด

จงมั่นหวาทำโทรศัพท์ตก

เธอเสียใจจริงๆ ร้องไห้ออกมาด้วยความผิดหวัง

เธอดีกับอิ๋งเย่ว์เซวียนมาก มากกว่าอิ๋งเทียนลี่ว์ด้วยซ้ำ

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอ แต่เธอมองเป็นเหมือนลูกตัวเอง

ปรากฏว่าตอนนี้อิ๋งเย่ว์เซวียนทำกับเธอแบบนี้เลยเหรอ

อิ๋งเย่ว์เซวียนทำคะแนนได้แย่ขนาดนั้น เธอไม่ควรโกรธหรือไง

ลูกของเธอทำไมไม่มีสักคนที่เข้าใจเธอ

จงมั่นหวาไม่อยากให้อิ๋งเย่ว์เซวียนเรียนซ้ำจริงๆ มันจะทำให้คนเอาไปพูด

แต่เธอไม่ได้ทอดทิ้งอิ๋งเย่ว์เซวียน ก็แค่ยังทำใจไม่ได้ เลยว่าออกไปมากขนาดนั้น

เธอเตรียมส่งอิ๋งเย่ว์เซวียนไปต่างประเทศ เตรียมข้าวของเสร็จแล้วด้วย

อย่างไรเสียก็ไม่มีทางเลือกแล้ว อิ๋งเย่ว์เซวียนสอบได้คะแนนแย่แบบนั้น

แต่ตอนนี้จงมั่นหวารู้สึกเคืองใจ

เธอสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ที่ยอดเยี่ยมไปเพื่อลูกเลี้ยง

เธอทำไปเพื่ออะไร

จงมั่นหวายังไม่ทันจะได้เสียใจไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น ทางโรงพยาบาลอันดับหนึ่งโทรมา

จงมั่นหวาตื่นทันที ถือกระเป๋ารีบร้อนออกจากบ้าน

ยี่สิบนาทีต่อมา

จงมั่นหวารีบมาโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีอิ๋งเทียนลี่ว์อีกคน

อิ๋งเทียนลี่ว์เดินเข้าไป ขมวดคิ้วพลางพูด “เกิดอะไรขึ้นครับคุณหมอ ไหนว่าอาการคงที่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“เดิมทีอาการของผู้ป่วยก็ไม่ดีนัก ก็แค่พอประคองไว้ได้ แต่วันนี้อยู่ๆ ก็ทรุดลงครับ” หมอเจ้าของไข้สีหน้าร้อนใจ หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับเหงื่อบนหน้าผาก “ต้องเริ่มผ่าตัดปลูกถ่ายตับแล้วครับ พวกคุณหาตับที่เข้ากันได้แล้วหรือยังครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+