คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 482 เหลือเชื่อ บังเอิญเจอเมียเก่าของเวินเฟิงเหมียน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 482 เหลือเชื่อ บังเอิญเจอเมียเก่าของเวินเฟิงเหมียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 482 เหลือเชื่อ บังเอิญเจอเมียเก่าของเวินเฟิงเหมียน

พอจี้หลีเห็นท่าทางของอิ๋งจื่อจินก็นึกถึงเรื่องที่อิ๋งจื่อจินพูดถึงบัตรเชิญ

ถึงได้วิ่งกลับมาด้วยความดีใจ

เธอนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะได้ไปเดินเที่ยวในโลกจอมยุทธ์จริงๆ ถึงขั้นที่จะได้ไปงานประมูลที่มีเพียงปีละครั้งด้วย

จี้อี้หางที่กำลังแต่งตัวอยู่หยุดชะงัก

คุณนายจี้ก็อึ้ง

พวกเขามองบัตรเชิญบนโต๊ะ ตะลึงในความใจป้ำนี้ ไปต่อไม่ถูก

บัตรเชิญหลากสี มีหลายใบที่บนนั้นยังเขียนชื่อไว้ เป็นชื่อห้องที่ใช้คำกลอนโบราณ

สุดคะนึง รำพึงหา พบพาสุข ดุจความฝัน และอื่นๆ

ไม่ใช่แค่จี้อี้หางที่กำลังตามหาบัตรเชิญ คุณนายจี้ก็เช่นกัน

ยาเม็ดนั้นปรุงโดยผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ในโลกจอมยุทธ์ รักษาได้สารพัดโรค เธอจึงอยากไปประมูลมาให้พ่อ

เธอเคยเห็นภาพบัตรเชิญที่ศูนย์ใน

บัตรเชิญที่โลกจอมยุทธ์กับโลกแพทย์แผนโบราณร่วมกันแจกแตกต่างจากโลกภายนอก

บนนั้นจะมีตราประทับเฉพาะของศาลสถิตยุติธรรม มีดอกปิงซินแนบอยู่ด้านใน

ดอกปิงซินเป็นดอกไม้ที่โปร่งแสง สามารถมองเห็นใบและกลีบดอกที่เชื่อมต่อกันได้ มีขนาดเล็กเท่านิ้วก้อย

ไม่มีสรรพคุณพิเศษอะไร แต่ช่วยให้ใจสงบได้ แค่ดอกเดียวก็ได้ผลดียิ่งกว่าถุงหอมที่ขายกันอยู่ข้างนอก

มีเพียงแพทย์แผนโบราณจำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้วิธีทำดอกปิงซิน

ดอกปิงซินที่ถูกทำขึ้นมาได้สำเร็จเป็นที่นิยมมากในโลกจอมยุทธ์

เพราะกำลังภายในที่อยู่ในร่างกายจอมยุทธ์ค่อนข้างแปรปรวน หากประมาทในขณะฝึกกำลังภายในก็อาจพลุ่งพล่านได้

ดอกปิงซินช่วยให้จอมยุทธ์ตั้งสมาธิได้ ลดความเป็นไปได้ที่กำลังภายในจะแตกซ่าน

ตรงนี้มีบัตรเชิญกี่ใบก็มีดอกปิงซินจำนวนเท่านั้น

สามารถทำออกมาจำนวนมากขนาดนี้ได้ก็มีแค่ศาลสถิตยุติธรรมเท่านั้นแล้ว

ผ่านไปสักพักคุณนายจี้ถึงพอเรียกสติกลับมาได้ “เยาเยา บัตรเชิญพวกนี้…”

“ก็แค่หยิบส่งเดชมาปึกหนึ่ง” อิ๋งจื่อจินมอง ใช้คำพูดของฟู่อวิ๋นเซิน “ก็แค่กระดาษ”

จี้อี้หาง “…”

คุณนายจี้ “…”

จี้หลี “…”

นี่ก็คือบัตรเชิญในสายตาพวกคนเทพๆ เหรอ

จี้หลีก้มหน้าเงียบๆ

แต่มันก็กระดาษจริงๆ นั่นแหละ

“เยาเยา ขอบใจนะ” คุณนายจี้ปากสั่น น้ำตาที่คลออยู่ร่วงหล่นในเวลานี้ เธอเอามือเช็ดไม่หยุด “ขอบคุณหนูมากจริงๆ ป้าไม่ได้เรื่อง ป้าไม่รู้จะช่วยอะไรหนูได้บ้าง…”

จี้หลีเองก็รู้สึกแย่ “แม่คะ…”

ถ้าเป็นไปได้ เธออยากให้ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวธรรมดา

แต่เป็นไปไม่ได้

ลูกหลานตระกูลจี้จะไม่สามารถไปจากตระกูลได้

หากต้องการไป จุดจบก็คือความตาย

นี่เป็นกฎของศูนย์ใน ยิ่งไปกว่านั้นเป็นกฎที่ตระกูลเดิมในโลกจอมยุทธ์กำหนดไว้ จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยแก้

ตระกูลจี้โหดร้ายเหลือเกิน ถึงขั้นที่ตอนจี้หลีอยู่มอต้นยังเคยคิดว่าถ้าตัวเองทำผิดกฎ ผลลัพธ์ก็คือตาย

สไตล์การแก่งแย่งชิงดีในตระกูลจี้มีต้นกำเนิดมาจากโลกจอมยุทธ์

ถ้าอยู่เหนือโลกจอมยุทธ์ไม่ได้ ต่อให้ได้กุมอำนาจตระกูลจี้ก็ไม่มีประโยชน์

แต่ตระกูลเดิมสืบทอดกันมาร้อยกว่าปี อีกทั้งยังเป็นจอมยุทธ์ คนธรรมดาอย่างพวกเธอสู้ได้ที่ไหนกัน

แต่ตอนนี้ในที่สุดเธอก็มองเห็นความหวังแล้ว

“พ่อหนูกลับมาก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่จี้อี้หยวนลงมือเล่นงานลุงรอง” อิ๋งจื่อจินประคองคุณนายจี้ หลุบตาลง “หนูต้องรับผิดชอบ หนูจัดการให้ค่ะ”

คุณนายจี้เช็ดน้ำตาต่อ แต่น้ำเสียงยังคงหนักแน่น “เยาเยา นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของหนู มันเป็นปัญหาของจี้อี้หยวน หนูเป็นความรับผิดชอบของพวกเรา เป็นเหยื่อเหมือนกัน”

ผู้ใช้ความรุนแรงต่างหากที่เป็นต้นตอของปัญหา

อิ๋งจื่อจินเงียบเล็กน้อย “หนูเข้าใจค่ะ”

“จื่อจิน เลือกได้จริงเหรอ” จี้อี้หางก็นึกไม่ถึงว่าบัตรเชิญที่คนมากมายในตระกูลจี้อยากได้ เขาจะได้เห็นมากมายขนาดนี้ ยังคิดว่าตัวเองฝันไป

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ไปโลกจอมยุทธ์ต้องใช้เวลา เลือกเสร็จพวกเราก็ออกเดินทางตอนนี้เลยค่ะ”

จี้อี้หางพยักหน้า ตั้งใจมองให้ทั่ว จากนั้นก็หยิบขึ้นมาหนึ่งใบ “งั้นเอา ‘สุดคะนึง’ แล้วกัน คุณนาย สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือคำนี้แหละ”

คุณนายจี้ไม่พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าดีใจมาก

อิ๋งจื่อจินเก็บบัตรเชิญที่เหลือ “ไปค่ะ”

จี้หลีทนไม่ไหว แอบบ่นอยู่ด้านหลัง “เทพอิ๋ง ดูพ่อกับแม่สิ อายุขนาดนี้แล้วยังทำหวานเกินหน้าเกินตา”

มีแค่เธอคนเดียวที่เป็นโสด

หดเหลือตัวนิดเดียว

เฮ้อ

ทางด้านจี้อี้หยวน

เขาบอกว่าอาจเปลี่ยนใจยกบัตรเชิญให้คนอื่น แท้จริงแล้วโกหก ก็แค่พูดขู่จี้อี้หาง

จี้อี้หยวนมั่นใจในชัยชนะมาก

จี้อี้หางกับเมียรักกันมาก จี้อี้หางจะต้องเลือกทำเพื่อพ่อตาแน่นอน

แต่จี้อี้หยวนรอแล้วรอเล่า รออยู่หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ จี้อี้หางก็ยังไม่มา ในที่สุดก็ทนไม่ไหว

“พ่อครับ จี้อี้หางไม่มาแล้วเหรอครับ” จี้อวิ๋นตงที่อยู่ข้างๆ ดูเวลา “พวกเราต้องไปแล้ว ศาสตราจารย์เหยียนไปรอที่ประตูแล้วครับ อย่าปล่อยให้คนของตระกูลเดิมรอนานดีกว่าครับ”

ไปโลกจอมยุทธ์ต้องมีหนังสือผ่านทาง พวกเขาไม่มีเลยต้องให้คนของตระกูลเดิมมารับ

“มาไม่มาก็ช่าง” จี้อี้หยวนแสยะยิ้ม “ยังไงซะพ่อตาของหมอนั่นตายไม่ใช่ฉันเสียหน่อย พอถึงเวลาพ่อตาตาย พวกเราก็จะปล่อยข่าวในตระกูลจี้”

“บอกว่าเขาสนแต่อนาคตของตัวเองไม่ดูแลพ่อตา รอดูเถอะ พอชื่อเสียงในตระกูลจี้ย่ำแย่ ไม่นานก็ต้องถึงจุดจบ”

นี่เป็นหมากขั้นที่สองของจี้อี้หยวน

เพราะเมื่อก่อนก็มีเรื่องแบบนี้

เพื่อปิดบังข่าวฉาวที่ไม่น่าฟัง ศูนย์ในจะลงโทษตายสมาชิกบางคนในตระกูล

“พ่อครับ ยังไงหมากเกมนี้ของพ่อก็เดินได้เหนือชั้นมาก” จี้อวิ๋นตงยิ้ม “หลังจากเรื่องนี้ จี้อี้หางกับเมียต้องระหองระแหงกันแน่ สมน้ำหน้าจริงๆ”

“ทำตัวเองทั้งนั้น” จี้อี้หยวนพูดอย่างเย็นชา “ไปเถอะ”

ในเมื่อจี้อี้หางคิดไม่ได้แบบนี้ เขาก็จะรอดูจุดจบที่น่าอนาถของจี้อี้หาง

เวลาห้าโมงเย็น

จี้อี้หาง คุณนายจี้ จี้หลี รวมถึงเวินเฟิงเหมียน ต่างเพิ่งเคยมาโลกจอมยุทธ์เป็นครั้งแรก

จี้หลีสังเกตด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ดูสมจริงยิ่งกว่าที่เห็นในละครย้อนยุคอีก ฉันคิดว่าตัวเองย้อนเวลามาเลยนะ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพูดแนะนำขณะเดิน “ประวัติศาสตร์ของโลกจอมยุทธ์ยาวนานมาก และก็ถือเป็นโบราณสถานของยุคโบราณ”

งานประมูลจัดขึ้นที่ภัตตาคารใหญ่ใจกลางเมืองศาลสถิตยุติธรรม

สไตล์อาคารของภัตตาคารแห่งนี้ยังคงเป็นแบบโบราณ ด้านนอกมีทีมอารักขาของศาลสถิตยุติธรรม ใส่ชุดเกราะ

ยืนล้อมรอบภัตตาคารไว้ คุ้มกันอย่างแน่นหนา

อย่างไรเสียงานประมูลทุกครั้งก็มักจะมีพวกจอมยุทธ์ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแอบลักลอบเข้ามาขโมยของประมูล

คุณนายจี้พูดด้วยความตะลึง “ที่แท้โลกจอมยุทธ์ก็เป็นแบบนี้ เหมือนในละครย้อนยุคเลยนะ”

“เฮ้อ อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกไม่ชอบโลกจอมยุทธ์แล้วล่ะ” จี้หลีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างเศร้าๆ “มือถือฉันไม่มีสัญญาณ”

อิ๋งจื่อจินจับหัวตัวเอง

เธอลืมไปว่าโลกจอมยุทธ์ปิดกั้นเทคโนโลยีของโลกภายนอก

มีไวไฟกับตัวปล่อยสัญญาณก็จริง แต่ไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่

อย่างน้อยในภัตตาคารก็ไม่มี

โทรศัพท์มือถือกับคอมพิวเตอร์เป็นของไร้ค่าในโลกจอมยุทธ์

“เสี่ยวหลี เล่นมือถือให้น้อยหน่อย” คุณนายจี้ไม่เห็นด้วย “เสียสายตา”

“หนูกำลังดันกระแสให้เทพอิ๋งค่ะแม่”

“งั้นก็เล่นไปเถอะ”

“…”

ทันใดนั้นเท้าของเวินเฟิงเหมียนก็หยุดชะงัก

เขาหันไป สายตาทอดไปยังจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

น้อยครั้งที่เวินเฟิงเหมียนจะแสดงสีหน้าผิดปกติออกมา อิ๋งจื่อจินสังเกตเห็นได้ทันที “พ่อคะ?”

เธอมองตามสายตาของเวินเฟิงเหมียน

ตรงนั้นมีผู้หญิงที่แต่งตัวสวยงาม สวมรองเท้าส้นสูง มีผ้าคลุมไหล่อยู่บนชุดกี่เพ้า

อายุสี่สิบห้า แต่ดูแลตัวเองดีเหมือนเพิ่งสามสิบต้นๆ

สวยมากจริงๆ

เพียงแต่เพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเกินไป กลับทำให้บุคลิกของเธอดูธรรมดา

ผู้หญิงคนนั้นก็สังเกตเห็นพวกเขาแล้ว เกิดความตะลึงและเหลือเชื่อขึ้นในชั่วขณะ

เวินเฟิงเหมียนกลับละสายตา “ไปเถอะ”

ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินหรี่ลง เธอพอเข้าใจแล้ว ตอบอืม

ทั้งห้าคนเดินเข้าภัตตาคาร

โถงชั้นหนึ่งเป็นที่นั่งกระจัดกระจาย ชั้นสองเป็นห้องส่วนตัว

บัตรเชิญที่ขึ้นชั้นสองได้ถ้าไม่เป็นคนมีอำนาจก็เป็นคนร่ำรวย

ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรเชิญจะไม่เคยเห็นพวกอิ๋งจื่อจิน แต่ก็ให้เกียรติไม่น้อย

“ครอบครัวลุงรองอยู่ห้อง ‘สุดคะนึง’ ห้องนี้ ส่วนหนูกับพ่อไปห้อง ‘สุขสงบ’ ที่อยู่ตรงข้ามค่ะ” อิ๋งจื่อจินชี้ชื่อห้อง “ถ้ามีอะไรก็ไปหาหนูนะคะ”

“ได้” จี้อี้หางตอบ “ไว้กลับไปจะให้ป้ารองทำไก่น้ำเต้าให้กินนะ ลุงสาบานเลยว่าครั้งนี้ลุงจะไม่เล็งส่วนน่องแล้ว”

“…”

อีกด้านหนึ่ง

ภายในห้องหอหยกงาม

หญิงวัยกลางคนหน้าซีด เท้าเดินไม่มั่นคง หลังจากนั่งลงถึงพอจะตั้งสติได้

“คุณนาย เป็นอะไรไปครับ” พ่อบ้านที่ตามเธอเข้ามาเห็นสีหน้าของเธอแปลกไป ดูซีดเซียว “ไม่สบายเหรอครับ”

โลกจอมยุทธ์มีอุณหภูมิคงที่ทั้งสี่ฤดู และก็มีแค่ฤดูเดียว

สี่ฤดูดุจฤดูใบไม้ผลิ ไม่หนาวและไม่ร้อน เหมาะแก่การฝึกวิทยายุทธ์

แต่หญิงวัยกลางคนคนนี้กลับรู้สึกตัวเย็นเฉียบ อดกระชับผ้าคลุมไหล่ไม่ได้ หลบสายตา “มะ ไม่มีอะไร เมื่อกี้เดินไม่ระวังเท้าเลยพลิก”

พ่อบ้านพยักหน้า ยังคงพูดด้วยความเป็นห่วง “นายใหญ่ยังยุ่งอยู่ อีกเดี๋ยวถึงจะมา ตอนนี้คุณนายรอที่นี่ก่อน ขาดเหลืออะไรก็เรียกผมได้ครับ”

เขาพูดจบก็ถอยออกไป

สีหน้าของหญิงวัยกลางคนยังคงไม่ดีขึ้น มือจับแก้วแน่นจนเล็บซีด

เวินเฟิงเหมียนกลับมาตระกูลจี้ได้ยังไง

ไม่ใช่อยากจมปลักอยู่ที่อำเภอชิงสุ่ยไม่กลับแล้วหรอกเหรอ

เธออดทนมาห้าปี แถมยังวางแผนคลอดลูกสองคน ก็ยังทำให้เวินเฟิงเหมียนกลับตระกูลจี้ไม่ได้

แต่เวินเฟิงเหมียนดีต่อเธอมาก

ห้าปีนั้นชีวิตของเวินเฟิงเหมียนยากจนข้นแค้น แต่เธอไม่ ยังคงได้ใส่แก้วแหวนเงินทอง กินใช้สุขสบาย

เวินเฟิงเหมียนยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้เธอ ต่อมาเธอก็ใช้ทรัพย์สินพวกนั้นหนีออกมาได้สำเร็จ

แต่เป้าหมายของเธอคือตระกูลจี้ ไม่ได้มีเยื่อใยต่อเวินเฟิงเหมียนแม้แต่น้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่าเวินเฟิงเหมียนเป็นคนของตระกูลจี้ มีเหรอจะใช้ชีวิตอยู่กับเขานานขนาดนั้น

ถ้าเวินเฟิงเหมียนกลับเข้าตระกูลจี้แต่แรก เธอจะดีใจมาก

แต่ตอนนี้ไม่ใช่

เธอจะปล่อยให้เวินเฟิงเหมียนมาปรากฏตัวในโลกจอมยุทธ์ไม่ได้เด็ดขาด

มันจะส่งผลต่อสถานะและตำแหน่งของลูกสาวเธอ

สายตาของหญิงวัยกลางคนขรึมลง จับแก้วชาแน่น ค่อยๆ ดื่มน้ำชาเพื่อสงบสติอารมณ์

เวลานี้ที่ด้านนอกภัตตาคาร

เหยียนรั่วเสวี่ยกับจี้อี้หยวนก็มาถึงแล้ว

บัตรเชิญที่ตระกูลเดิมแจกให้เป็นแบบที่นั่งชั้นล่าง

เหยียนรั่วเสวี่ยกับจี้อี้หยวนก็เลยได้แค่นั่งรอประมูลในห้องโถงชั้นหนึ่ง

เนื่องจากเหยียนรั่วเสวี่ยไม่ใช่คนตระกูลจี้ จึงมีแค่จี้อี้หยวนที่ตามคนคุ้มกันของตระกูลจี้ขึ้นไปชั้นสองได้ เพื่อทักทายนายใหญ่ของตระกูล

จี้อี้หยวนอึ้ง “ขอถามหน่อยครับ ชั้นสองกับชั้นหนึ่งแตกต่างกันยังไงเหรอ”

คนคุ้มกันของชั้นสองเป็นหนึ่งเท่าของชั้นหนึ่ง

ล้วนเป็นจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์ล้ำเลิศทั้งนั้น ไม่ใช่เด็กฝึกหัดแบบที่อยู่ข้างกายเขา

จอมยุทธ์เหล่านี้ไม่ได้ปล่อยกำลังภายในออกมา แต่รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านก็เล่นเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว

“ต่างกันเยอะ ตรงนี้เป็นห้องส่วนตัว แสดงถึงสถานะที่สูงส่ง ตระกูลจี้ก็ได้แค่ห้องเดียว” คนคุ้มกันเหลือบมองจี้อี้หยวน “คนตระกูลเดิมมีนายใหญ่ นายหญิง รวมถึงผู้อาวุโสคนอื่นๆ คุณทักทายเล็กน้อยก็พอ ยังคิดจะอยู่ในห้องด้วยเหรอ”

จี้อี้หยวนตกใจตัวสั่น ถามต่อ “ไม่ทราบว่างานประมูลครั้งนี้จะใช้เวลาเท่าไร”

“อย่างเร็วก็จบได้ในวันนี้” คนคุ้มกันตอบคำถาม “อย่างช้าประมูลกันสามวันสามคืนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่คุณจะอยู่ไหวไหมอันนี้ไม่รู้แล้ว”

จี้อี้หยวนปาดเหงื่อ

จอมยุทธ์ไม่กินนอนหลายวันหรือแม้กระทั่งหนึ่งเดือนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

แต่เขาเป็นคนธรรมดา อดทนได้ไม่นาน

แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็ได้มาเห็นงานประมูลครั้งนี้ แต่จี้อี้หางล่ะ

จี้อี้หางคงได้แต่นอนรอวันไปร้องไห้หน้าหลุมศพพ่อตาแล้ว

สมน้ำหน้า

จี้อี้หยวนแอบหัวเราะเยาะในใจ เดินตามคนคุ้มกันไปทางห้องที่นายใหญ่ตระกูลจี้อยู่

เขาดูป้ายชื่อตามห้องพลางคิดในใจ

โลกจอมยุทธ์ก็ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของยุคโบราณประเทศจีนจริงๆ

ขณะที่จี้อี้หยวนเดินตามคนคุ้มกันอยู่ ทันใดนั้นประตูของห้องหนึ่งก็เปิดออก

คนคุ้มกันรีบขวางจี้อี้หยวนทันที พูดเสียงแข็ง “พวกเราต้องให้เกียรติคนที่อยู่ในห้อง หลีกทางให้ก่อน”

จี้อี้หยวนพยักหน้า เหลือบมองชื่อห้อง ‘สุดคะนึง’

เขาเองก็รู้ว่าคนที่จะอยู่ในห้องส่วนตัวได้นั้นต้องมีสถานะสูงกว่าเขาแน่นอน

ที่นี่มีแต่จอมยุทธ์ ไม่กล้าล่วงเกิน

พอประตูเปิดออกจี้อี้หยวนก็มองเข้าไป

จี้อี้หางกับจี้หลีเดินออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 482 เหลือเชื่อ บังเอิญเจอเมียเก่าของเวินเฟิงเหมียน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 482 เหลือเชื่อ บังเอิญเจอเมียเก่าของเวินเฟิงเหมียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 482 เหลือเชื่อ บังเอิญเจอเมียเก่าของเวินเฟิงเหมียน

พอจี้หลีเห็นท่าทางของอิ๋งจื่อจินก็นึกถึงเรื่องที่อิ๋งจื่อจินพูดถึงบัตรเชิญ

ถึงได้วิ่งกลับมาด้วยความดีใจ

เธอนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะได้ไปเดินเที่ยวในโลกจอมยุทธ์จริงๆ ถึงขั้นที่จะได้ไปงานประมูลที่มีเพียงปีละครั้งด้วย

จี้อี้หางที่กำลังแต่งตัวอยู่หยุดชะงัก

คุณนายจี้ก็อึ้ง

พวกเขามองบัตรเชิญบนโต๊ะ ตะลึงในความใจป้ำนี้ ไปต่อไม่ถูก

บัตรเชิญหลากสี มีหลายใบที่บนนั้นยังเขียนชื่อไว้ เป็นชื่อห้องที่ใช้คำกลอนโบราณ

สุดคะนึง รำพึงหา พบพาสุข ดุจความฝัน และอื่นๆ

ไม่ใช่แค่จี้อี้หางที่กำลังตามหาบัตรเชิญ คุณนายจี้ก็เช่นกัน

ยาเม็ดนั้นปรุงโดยผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ในโลกจอมยุทธ์ รักษาได้สารพัดโรค เธอจึงอยากไปประมูลมาให้พ่อ

เธอเคยเห็นภาพบัตรเชิญที่ศูนย์ใน

บัตรเชิญที่โลกจอมยุทธ์กับโลกแพทย์แผนโบราณร่วมกันแจกแตกต่างจากโลกภายนอก

บนนั้นจะมีตราประทับเฉพาะของศาลสถิตยุติธรรม มีดอกปิงซินแนบอยู่ด้านใน

ดอกปิงซินเป็นดอกไม้ที่โปร่งแสง สามารถมองเห็นใบและกลีบดอกที่เชื่อมต่อกันได้ มีขนาดเล็กเท่านิ้วก้อย

ไม่มีสรรพคุณพิเศษอะไร แต่ช่วยให้ใจสงบได้ แค่ดอกเดียวก็ได้ผลดียิ่งกว่าถุงหอมที่ขายกันอยู่ข้างนอก

มีเพียงแพทย์แผนโบราณจำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้วิธีทำดอกปิงซิน

ดอกปิงซินที่ถูกทำขึ้นมาได้สำเร็จเป็นที่นิยมมากในโลกจอมยุทธ์

เพราะกำลังภายในที่อยู่ในร่างกายจอมยุทธ์ค่อนข้างแปรปรวน หากประมาทในขณะฝึกกำลังภายในก็อาจพลุ่งพล่านได้

ดอกปิงซินช่วยให้จอมยุทธ์ตั้งสมาธิได้ ลดความเป็นไปได้ที่กำลังภายในจะแตกซ่าน

ตรงนี้มีบัตรเชิญกี่ใบก็มีดอกปิงซินจำนวนเท่านั้น

สามารถทำออกมาจำนวนมากขนาดนี้ได้ก็มีแค่ศาลสถิตยุติธรรมเท่านั้นแล้ว

ผ่านไปสักพักคุณนายจี้ถึงพอเรียกสติกลับมาได้ “เยาเยา บัตรเชิญพวกนี้…”

“ก็แค่หยิบส่งเดชมาปึกหนึ่ง” อิ๋งจื่อจินมอง ใช้คำพูดของฟู่อวิ๋นเซิน “ก็แค่กระดาษ”

จี้อี้หาง “…”

คุณนายจี้ “…”

จี้หลี “…”

นี่ก็คือบัตรเชิญในสายตาพวกคนเทพๆ เหรอ

จี้หลีก้มหน้าเงียบๆ

แต่มันก็กระดาษจริงๆ นั่นแหละ

“เยาเยา ขอบใจนะ” คุณนายจี้ปากสั่น น้ำตาที่คลออยู่ร่วงหล่นในเวลานี้ เธอเอามือเช็ดไม่หยุด “ขอบคุณหนูมากจริงๆ ป้าไม่ได้เรื่อง ป้าไม่รู้จะช่วยอะไรหนูได้บ้าง…”

จี้หลีเองก็รู้สึกแย่ “แม่คะ…”

ถ้าเป็นไปได้ เธออยากให้ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวธรรมดา

แต่เป็นไปไม่ได้

ลูกหลานตระกูลจี้จะไม่สามารถไปจากตระกูลได้

หากต้องการไป จุดจบก็คือความตาย

นี่เป็นกฎของศูนย์ใน ยิ่งไปกว่านั้นเป็นกฎที่ตระกูลเดิมในโลกจอมยุทธ์กำหนดไว้ จวบจนทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยแก้

ตระกูลจี้โหดร้ายเหลือเกิน ถึงขั้นที่ตอนจี้หลีอยู่มอต้นยังเคยคิดว่าถ้าตัวเองทำผิดกฎ ผลลัพธ์ก็คือตาย

สไตล์การแก่งแย่งชิงดีในตระกูลจี้มีต้นกำเนิดมาจากโลกจอมยุทธ์

ถ้าอยู่เหนือโลกจอมยุทธ์ไม่ได้ ต่อให้ได้กุมอำนาจตระกูลจี้ก็ไม่มีประโยชน์

แต่ตระกูลเดิมสืบทอดกันมาร้อยกว่าปี อีกทั้งยังเป็นจอมยุทธ์ คนธรรมดาอย่างพวกเธอสู้ได้ที่ไหนกัน

แต่ตอนนี้ในที่สุดเธอก็มองเห็นความหวังแล้ว

“พ่อหนูกลับมาก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่จี้อี้หยวนลงมือเล่นงานลุงรอง” อิ๋งจื่อจินประคองคุณนายจี้ หลุบตาลง “หนูต้องรับผิดชอบ หนูจัดการให้ค่ะ”

คุณนายจี้เช็ดน้ำตาต่อ แต่น้ำเสียงยังคงหนักแน่น “เยาเยา นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของหนู มันเป็นปัญหาของจี้อี้หยวน หนูเป็นความรับผิดชอบของพวกเรา เป็นเหยื่อเหมือนกัน”

ผู้ใช้ความรุนแรงต่างหากที่เป็นต้นตอของปัญหา

อิ๋งจื่อจินเงียบเล็กน้อย “หนูเข้าใจค่ะ”

“จื่อจิน เลือกได้จริงเหรอ” จี้อี้หางก็นึกไม่ถึงว่าบัตรเชิญที่คนมากมายในตระกูลจี้อยากได้ เขาจะได้เห็นมากมายขนาดนี้ ยังคิดว่าตัวเองฝันไป

“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ไปโลกจอมยุทธ์ต้องใช้เวลา เลือกเสร็จพวกเราก็ออกเดินทางตอนนี้เลยค่ะ”

จี้อี้หางพยักหน้า ตั้งใจมองให้ทั่ว จากนั้นก็หยิบขึ้นมาหนึ่งใบ “งั้นเอา ‘สุดคะนึง’ แล้วกัน คุณนาย สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือคำนี้แหละ”

คุณนายจี้ไม่พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าดีใจมาก

อิ๋งจื่อจินเก็บบัตรเชิญที่เหลือ “ไปค่ะ”

จี้หลีทนไม่ไหว แอบบ่นอยู่ด้านหลัง “เทพอิ๋ง ดูพ่อกับแม่สิ อายุขนาดนี้แล้วยังทำหวานเกินหน้าเกินตา”

มีแค่เธอคนเดียวที่เป็นโสด

หดเหลือตัวนิดเดียว

เฮ้อ

ทางด้านจี้อี้หยวน

เขาบอกว่าอาจเปลี่ยนใจยกบัตรเชิญให้คนอื่น แท้จริงแล้วโกหก ก็แค่พูดขู่จี้อี้หาง

จี้อี้หยวนมั่นใจในชัยชนะมาก

จี้อี้หางกับเมียรักกันมาก จี้อี้หางจะต้องเลือกทำเพื่อพ่อตาแน่นอน

แต่จี้อี้หยวนรอแล้วรอเล่า รออยู่หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ จี้อี้หางก็ยังไม่มา ในที่สุดก็ทนไม่ไหว

“พ่อครับ จี้อี้หางไม่มาแล้วเหรอครับ” จี้อวิ๋นตงที่อยู่ข้างๆ ดูเวลา “พวกเราต้องไปแล้ว ศาสตราจารย์เหยียนไปรอที่ประตูแล้วครับ อย่าปล่อยให้คนของตระกูลเดิมรอนานดีกว่าครับ”

ไปโลกจอมยุทธ์ต้องมีหนังสือผ่านทาง พวกเขาไม่มีเลยต้องให้คนของตระกูลเดิมมารับ

“มาไม่มาก็ช่าง” จี้อี้หยวนแสยะยิ้ม “ยังไงซะพ่อตาของหมอนั่นตายไม่ใช่ฉันเสียหน่อย พอถึงเวลาพ่อตาตาย พวกเราก็จะปล่อยข่าวในตระกูลจี้”

“บอกว่าเขาสนแต่อนาคตของตัวเองไม่ดูแลพ่อตา รอดูเถอะ พอชื่อเสียงในตระกูลจี้ย่ำแย่ ไม่นานก็ต้องถึงจุดจบ”

นี่เป็นหมากขั้นที่สองของจี้อี้หยวน

เพราะเมื่อก่อนก็มีเรื่องแบบนี้

เพื่อปิดบังข่าวฉาวที่ไม่น่าฟัง ศูนย์ในจะลงโทษตายสมาชิกบางคนในตระกูล

“พ่อครับ ยังไงหมากเกมนี้ของพ่อก็เดินได้เหนือชั้นมาก” จี้อวิ๋นตงยิ้ม “หลังจากเรื่องนี้ จี้อี้หางกับเมียต้องระหองระแหงกันแน่ สมน้ำหน้าจริงๆ”

“ทำตัวเองทั้งนั้น” จี้อี้หยวนพูดอย่างเย็นชา “ไปเถอะ”

ในเมื่อจี้อี้หางคิดไม่ได้แบบนี้ เขาก็จะรอดูจุดจบที่น่าอนาถของจี้อี้หาง

เวลาห้าโมงเย็น

จี้อี้หาง คุณนายจี้ จี้หลี รวมถึงเวินเฟิงเหมียน ต่างเพิ่งเคยมาโลกจอมยุทธ์เป็นครั้งแรก

จี้หลีสังเกตด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ดูสมจริงยิ่งกว่าที่เห็นในละครย้อนยุคอีก ฉันคิดว่าตัวเองย้อนเวลามาเลยนะ”

“อืม” อิ๋งจื่อจินพูดแนะนำขณะเดิน “ประวัติศาสตร์ของโลกจอมยุทธ์ยาวนานมาก และก็ถือเป็นโบราณสถานของยุคโบราณ”

งานประมูลจัดขึ้นที่ภัตตาคารใหญ่ใจกลางเมืองศาลสถิตยุติธรรม

สไตล์อาคารของภัตตาคารแห่งนี้ยังคงเป็นแบบโบราณ ด้านนอกมีทีมอารักขาของศาลสถิตยุติธรรม ใส่ชุดเกราะ

ยืนล้อมรอบภัตตาคารไว้ คุ้มกันอย่างแน่นหนา

อย่างไรเสียงานประมูลทุกครั้งก็มักจะมีพวกจอมยุทธ์ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแอบลักลอบเข้ามาขโมยของประมูล

คุณนายจี้พูดด้วยความตะลึง “ที่แท้โลกจอมยุทธ์ก็เป็นแบบนี้ เหมือนในละครย้อนยุคเลยนะ”

“เฮ้อ อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกไม่ชอบโลกจอมยุทธ์แล้วล่ะ” จี้หลีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างเศร้าๆ “มือถือฉันไม่มีสัญญาณ”

อิ๋งจื่อจินจับหัวตัวเอง

เธอลืมไปว่าโลกจอมยุทธ์ปิดกั้นเทคโนโลยีของโลกภายนอก

มีไวไฟกับตัวปล่อยสัญญาณก็จริง แต่ไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่

อย่างน้อยในภัตตาคารก็ไม่มี

โทรศัพท์มือถือกับคอมพิวเตอร์เป็นของไร้ค่าในโลกจอมยุทธ์

“เสี่ยวหลี เล่นมือถือให้น้อยหน่อย” คุณนายจี้ไม่เห็นด้วย “เสียสายตา”

“หนูกำลังดันกระแสให้เทพอิ๋งค่ะแม่”

“งั้นก็เล่นไปเถอะ”

“…”

ทันใดนั้นเท้าของเวินเฟิงเหมียนก็หยุดชะงัก

เขาหันไป สายตาทอดไปยังจุดที่ห่างออกไปไม่ไกล สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

น้อยครั้งที่เวินเฟิงเหมียนจะแสดงสีหน้าผิดปกติออกมา อิ๋งจื่อจินสังเกตเห็นได้ทันที “พ่อคะ?”

เธอมองตามสายตาของเวินเฟิงเหมียน

ตรงนั้นมีผู้หญิงที่แต่งตัวสวยงาม สวมรองเท้าส้นสูง มีผ้าคลุมไหล่อยู่บนชุดกี่เพ้า

อายุสี่สิบห้า แต่ดูแลตัวเองดีเหมือนเพิ่งสามสิบต้นๆ

สวยมากจริงๆ

เพียงแต่เพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเกินไป กลับทำให้บุคลิกของเธอดูธรรมดา

ผู้หญิงคนนั้นก็สังเกตเห็นพวกเขาแล้ว เกิดความตะลึงและเหลือเชื่อขึ้นในชั่วขณะ

เวินเฟิงเหมียนกลับละสายตา “ไปเถอะ”

ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินหรี่ลง เธอพอเข้าใจแล้ว ตอบอืม

ทั้งห้าคนเดินเข้าภัตตาคาร

โถงชั้นหนึ่งเป็นที่นั่งกระจัดกระจาย ชั้นสองเป็นห้องส่วนตัว

บัตรเชิญที่ขึ้นชั้นสองได้ถ้าไม่เป็นคนมีอำนาจก็เป็นคนร่ำรวย

ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรเชิญจะไม่เคยเห็นพวกอิ๋งจื่อจิน แต่ก็ให้เกียรติไม่น้อย

“ครอบครัวลุงรองอยู่ห้อง ‘สุดคะนึง’ ห้องนี้ ส่วนหนูกับพ่อไปห้อง ‘สุขสงบ’ ที่อยู่ตรงข้ามค่ะ” อิ๋งจื่อจินชี้ชื่อห้อง “ถ้ามีอะไรก็ไปหาหนูนะคะ”

“ได้” จี้อี้หางตอบ “ไว้กลับไปจะให้ป้ารองทำไก่น้ำเต้าให้กินนะ ลุงสาบานเลยว่าครั้งนี้ลุงจะไม่เล็งส่วนน่องแล้ว”

“…”

อีกด้านหนึ่ง

ภายในห้องหอหยกงาม

หญิงวัยกลางคนหน้าซีด เท้าเดินไม่มั่นคง หลังจากนั่งลงถึงพอจะตั้งสติได้

“คุณนาย เป็นอะไรไปครับ” พ่อบ้านที่ตามเธอเข้ามาเห็นสีหน้าของเธอแปลกไป ดูซีดเซียว “ไม่สบายเหรอครับ”

โลกจอมยุทธ์มีอุณหภูมิคงที่ทั้งสี่ฤดู และก็มีแค่ฤดูเดียว

สี่ฤดูดุจฤดูใบไม้ผลิ ไม่หนาวและไม่ร้อน เหมาะแก่การฝึกวิทยายุทธ์

แต่หญิงวัยกลางคนคนนี้กลับรู้สึกตัวเย็นเฉียบ อดกระชับผ้าคลุมไหล่ไม่ได้ หลบสายตา “มะ ไม่มีอะไร เมื่อกี้เดินไม่ระวังเท้าเลยพลิก”

พ่อบ้านพยักหน้า ยังคงพูดด้วยความเป็นห่วง “นายใหญ่ยังยุ่งอยู่ อีกเดี๋ยวถึงจะมา ตอนนี้คุณนายรอที่นี่ก่อน ขาดเหลืออะไรก็เรียกผมได้ครับ”

เขาพูดจบก็ถอยออกไป

สีหน้าของหญิงวัยกลางคนยังคงไม่ดีขึ้น มือจับแก้วแน่นจนเล็บซีด

เวินเฟิงเหมียนกลับมาตระกูลจี้ได้ยังไง

ไม่ใช่อยากจมปลักอยู่ที่อำเภอชิงสุ่ยไม่กลับแล้วหรอกเหรอ

เธออดทนมาห้าปี แถมยังวางแผนคลอดลูกสองคน ก็ยังทำให้เวินเฟิงเหมียนกลับตระกูลจี้ไม่ได้

แต่เวินเฟิงเหมียนดีต่อเธอมาก

ห้าปีนั้นชีวิตของเวินเฟิงเหมียนยากจนข้นแค้น แต่เธอไม่ ยังคงได้ใส่แก้วแหวนเงินทอง กินใช้สุขสบาย

เวินเฟิงเหมียนยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้เธอ ต่อมาเธอก็ใช้ทรัพย์สินพวกนั้นหนีออกมาได้สำเร็จ

แต่เป้าหมายของเธอคือตระกูลจี้ ไม่ได้มีเยื่อใยต่อเวินเฟิงเหมียนแม้แต่น้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่าเวินเฟิงเหมียนเป็นคนของตระกูลจี้ มีเหรอจะใช้ชีวิตอยู่กับเขานานขนาดนั้น

ถ้าเวินเฟิงเหมียนกลับเข้าตระกูลจี้แต่แรก เธอจะดีใจมาก

แต่ตอนนี้ไม่ใช่

เธอจะปล่อยให้เวินเฟิงเหมียนมาปรากฏตัวในโลกจอมยุทธ์ไม่ได้เด็ดขาด

มันจะส่งผลต่อสถานะและตำแหน่งของลูกสาวเธอ

สายตาของหญิงวัยกลางคนขรึมลง จับแก้วชาแน่น ค่อยๆ ดื่มน้ำชาเพื่อสงบสติอารมณ์

เวลานี้ที่ด้านนอกภัตตาคาร

เหยียนรั่วเสวี่ยกับจี้อี้หยวนก็มาถึงแล้ว

บัตรเชิญที่ตระกูลเดิมแจกให้เป็นแบบที่นั่งชั้นล่าง

เหยียนรั่วเสวี่ยกับจี้อี้หยวนก็เลยได้แค่นั่งรอประมูลในห้องโถงชั้นหนึ่ง

เนื่องจากเหยียนรั่วเสวี่ยไม่ใช่คนตระกูลจี้ จึงมีแค่จี้อี้หยวนที่ตามคนคุ้มกันของตระกูลจี้ขึ้นไปชั้นสองได้ เพื่อทักทายนายใหญ่ของตระกูล

จี้อี้หยวนอึ้ง “ขอถามหน่อยครับ ชั้นสองกับชั้นหนึ่งแตกต่างกันยังไงเหรอ”

คนคุ้มกันของชั้นสองเป็นหนึ่งเท่าของชั้นหนึ่ง

ล้วนเป็นจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์ล้ำเลิศทั้งนั้น ไม่ใช่เด็กฝึกหัดแบบที่อยู่ข้างกายเขา

จอมยุทธ์เหล่านี้ไม่ได้ปล่อยกำลังภายในออกมา แต่รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านก็เล่นเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว

“ต่างกันเยอะ ตรงนี้เป็นห้องส่วนตัว แสดงถึงสถานะที่สูงส่ง ตระกูลจี้ก็ได้แค่ห้องเดียว” คนคุ้มกันเหลือบมองจี้อี้หยวน “คนตระกูลเดิมมีนายใหญ่ นายหญิง รวมถึงผู้อาวุโสคนอื่นๆ คุณทักทายเล็กน้อยก็พอ ยังคิดจะอยู่ในห้องด้วยเหรอ”

จี้อี้หยวนตกใจตัวสั่น ถามต่อ “ไม่ทราบว่างานประมูลครั้งนี้จะใช้เวลาเท่าไร”

“อย่างเร็วก็จบได้ในวันนี้” คนคุ้มกันตอบคำถาม “อย่างช้าประมูลกันสามวันสามคืนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่คุณจะอยู่ไหวไหมอันนี้ไม่รู้แล้ว”

จี้อี้หยวนปาดเหงื่อ

จอมยุทธ์ไม่กินนอนหลายวันหรือแม้กระทั่งหนึ่งเดือนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

แต่เขาเป็นคนธรรมดา อดทนได้ไม่นาน

แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็ได้มาเห็นงานประมูลครั้งนี้ แต่จี้อี้หางล่ะ

จี้อี้หางคงได้แต่นอนรอวันไปร้องไห้หน้าหลุมศพพ่อตาแล้ว

สมน้ำหน้า

จี้อี้หยวนแอบหัวเราะเยาะในใจ เดินตามคนคุ้มกันไปทางห้องที่นายใหญ่ตระกูลจี้อยู่

เขาดูป้ายชื่อตามห้องพลางคิดในใจ

โลกจอมยุทธ์ก็ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของยุคโบราณประเทศจีนจริงๆ

ขณะที่จี้อี้หยวนเดินตามคนคุ้มกันอยู่ ทันใดนั้นประตูของห้องหนึ่งก็เปิดออก

คนคุ้มกันรีบขวางจี้อี้หยวนทันที พูดเสียงแข็ง “พวกเราต้องให้เกียรติคนที่อยู่ในห้อง หลีกทางให้ก่อน”

จี้อี้หยวนพยักหน้า เหลือบมองชื่อห้อง ‘สุดคะนึง’

เขาเองก็รู้ว่าคนที่จะอยู่ในห้องส่วนตัวได้นั้นต้องมีสถานะสูงกว่าเขาแน่นอน

ที่นี่มีแต่จอมยุทธ์ ไม่กล้าล่วงเกิน

พอประตูเปิดออกจี้อี้หยวนก็มองเข้าไป

จี้อี้หางกับจี้หลีเดินออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+