คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 532 เชื่อในตัวอิ๋งจื่อจินอย่างไร้เงื่อนไข เก็บเหยียนอันเหอ
ตอนที่ 532 เชื่อในตัวอิ๋งจื่อจินอย่างไร้เงื่อนไข เก็บเหยียนอันเหอ
นายใหญ่ตระกูลเหยียนนึกไม่ถึงจริงๆ
เขาส่งคนคุ้มกันชั้นยอดที่มีอยู่ในบ้านทั้งหมดออกไป อีกทั้งยังสืบร่องรอยในวันนี้ของเจียงหรานโดยเฉพาะ หลบซุ่มอยู่ตรงทางเชื่อมต่อระหว่างโลกจอมยุทธ์กับโลกแพทย์แผนโบราณ แต่กลับไม่สำเร็จ
ไม่เพียงเท่านี้ คนคุ้มกันพวกนั้นไม่กลับมาแม้แต่คนเดียว
การดักฆ่าเป็นเรื่องเมื่อเช้า หากว่ากันตามเหตุผล อย่างช้าสุดบ่ายสองโมงพวกคนคุ้มกันก็ควรกลับมากันแล้ว
แต่นายใหญ่ตระกูลเหยียนรออยู่หลายชั่วโมงก็ยังไม่มีใครกลับมา จึงรู้สึกไม่ชอบมาพากล
หลังจากได้ทราบว่าเจียงหรานกลับถึงบ้านตระกูลหลิงอย่างปลอดภัย นายใหญ่ตระกูลเหยียนถึงเอะใจว่าคนคุ้มกันของตระกูลอาจตายหมดแล้ว ไม่เหลือแม้แต่ซากศพ
คนคุ้มกันที่มีวรยุทธ์ห้าสิบปี สำหรับตระกูลเซี่ยไม่ควรค่าให้พูดถึง แต่สำหรับตระกูลเหยียนถือเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดแล้ว
ตายไปแบบนี้ ตระกูลเหยียนก็ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะได้พึ่งพาตระกูลเซี่ยอีก
“ซุ่มฆ่าเหรอ” หลิงฉงโหลวเอามือไพล่หลัง พอได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะ “เหยียนซาน พูดแบบนี้มันไม่ถูกนะ ที่นี่ไม่ใช่โลกปุถุชน มีการฆ่าฟันกันทุกวัน ทำไมถึงกลายเป็นการซุ่มฆ่าล่ะ”
ตระกูลอย่างตระกูลเหยียนมีเกิดใหม่และดับสูญลงทุกเดือน ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร
ห้ามมีการทำสงครามใหญ่โต แต่ความขัดแย้งเล็กน้อยไม่ควรค่าให้พูดถึง
“ทำไมจะไม่ใช่ซุ่มฆ่า” นายใหญ่ตระกูลเหยียนโมโหกระทืบเท้า “พวกแกมันเหลี่ยมจัด ศาลสถิตยุติธรรมจะต้องลงโทษพวกแกแน่นอน!”
เวลานี้ก้งเฟิ่งได้พูดขึ้น “มีหลักฐานไหม”
“มีแน่นอน!” นายใหญ่ตระกูลเหยียนตอบทันที “ทีมคุ้มกันกลุ่มนั้นของตระกูลเหยียนไปเจอเจียงหรานแล้วไม่ได้กลับมา ถ้าไม่ใช่ฝีมือเขาทำแล้วจะเป็นใครได้”
หลิงฉงโหลวเอะใจ “เหยียนซาน พูดจาอะไรคิดก่อนนะ มีสมองหรือเปล่า ลูกชายฉันปีนี้อายุยังไม่ถึงยี่สิบจะฆ่าคนคุ้มกันที่อายุเจ็ดสิบแปดสิบของบ้านนายได้ยังไง”
“คือ…” เหยียนซานพูดไม่ออกเลยทีเดียว
พวกเขาอุตส่าห์หาโอกาสลงมือเหมาะๆ ที่เจียงหรานไม่ได้พาคนคุ้มกันไปด้วย ใครจะไปรู้ว่าไม่เหลือแม้แต่ศพ
“ศาลสถิตยุติธรรมทำงานตามหลักฐาน” ก้งเฟิ่งพูดต่อ “ไม่มีหลักฐานก็อย่ามารบกวนการทำงานของศาลสถิตยุติธรรม”
นายใหญ่ตระกูลเหยียนสีหน้าเปลี่ยน นึกไม่ถึงว่าศาลสถิตยุติธรรมจะเข้าข้างตระกูลหลิง
เขาหน้าเครียดลงไปอีก พูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “ท่านก้งเฟิ่ง ผมเป็นคนของตระกูลเซี่ย…”
“ฮู่ฝ่าฝ่ายซ้ายรับหน้าที่เฝ้าดูแลความสงบของศาลสถิตยุติธรรม ตั้งใจทำงานมาตลอด” ก้งเฟิ่งหันมายิ้ม “ไม่สู้เอาแบบนี้ ผมจะช่วยไปถามเขาให้ว่าอยากย้ายมาที่ฝ่ายตรวจตราไหม”
ศาลสถิตยุติธรรมต่างแบ่งหน้าที่ตามฝ่าย
ฝ่ายตรวจตรารับหน้าที่ตรวจสอบการทำผิดกฎของจอมยุทธ์ ฝ่ายตัดสินพิพากษาความผิด ฝ่ายลงทัณฑ์นำตัวไปลงโทษ
ฝ่ายความปลอดภัยรักษาความสงบเรียบร้อยในโลกจอมยุทธ์ รวมถึงอนุญาตการเข้าออกโลกจอมยุทธ์ของเหล่าจอมยุทธ์
ส่วนฮู่ฝ่าซ้ายขวาจะนำทีมคุ้มกันคอยดูแลความสงบให้ศาลสถิตยุติธรรม
พอได้ยินแบบนี้นายใหญ่ตระกูลเหยียนก็หน้าซีด “ไม่ครับไม่ ท่านก้งเฟิ่ง ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”
เขาหันตัวจะเดินออก เตรียมไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซี่ย
ได้ยินก้งเฟิ่งพูดขึ้นว่า “รบกวนศาลสถิตยุติธรรมโดยไม่มีเหตุจำเป็น ส่งตัวไปที่ฝ่ายลงทัณฑ์ก่อน”
คนคุ้มกันสองคนที่ตามมาย่อมเชื่อฟังก้งเฟิ่ง จับกุมตัวนายใหญ่ตระกูลเหยียนไว้ทันที
นายใหญ่ตระกูลเหยียนเหงื่อแตก แข้งขาอ่อนแรง
“รบกวนตระกูลหลิงแล้ว” ก้งเฟิ่งพูดจบก็ออกไปพร้อมคนคุ้มกัน
หลิงฉงโหลวหรี่ตาลงเล็กน้อย อดแปลกใจไม่ได้
ทำไมครั้งนี้ศาลสถิตยุติธรรมไม่เข้าข้างตระกูลเซี่ยล่ะ
ไม่กี่นาทีต่อมาพ่อบ้านหลิงก็เข้ามารายงาน “นายใหญ่ครับ พ่อของคุณอิ๋งมาครับ”
ทางฝ่ายหลิงฉงโหลวต่างก็รู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นเพื่อนกับเจียงหราน จึงให้เกียรติเช่นกัน
“คุณเวินมาเหรอ” เจียงฮว่าผิงตกใจ เดินเข้ามา “เร็วเข้า รีบไปเชิญเข้ามานั่ง”
หลังจากเจียงหรานกลับเข้าโลกจอมยุทธ์ เจียงฮว่าผิงก็ไม่ค่อยออกไปข้างนอกแล้ว
แต่บ้านตระกูลหลิงมีไวไฟ เธอติดตามข่าวสารข้างนอกตลอด รู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลจี้อยู่บ้าง
“เกรงใจเกินไปแล้วครับ” เวินเฟิงเหมียนนั่งลง “เยาเยาอยู่ที่นี่เหรอครับ”
“อยู่ค่ะ” เจียงฮว่าผิงหันไปตะโกนเรียกด้านใน “เสี่ยวจื่อจิน คุณพ่อมาจ้ะ”
อิ๋งจื่อจินเดินออกมา “พ่อคะ”
พอเวินเฟิงเหมียนแน่ใจแล้วว่าเธอไม่เป็นไรก็พยักหน้า “ต่อไปถ้าเกิดเรื่องแบบนี้บอกพ่อก่อนล่วงหน้านะ”
“พ่อเป็นคนธรรมดา” อิ๋งจื่อจินรินน้ำชาให้พ่อ “พักผ่อนให้สบายใจ หนูไม่มีทางเป็นอะไรค่ะ”
เวินเฟิงเหมียนพยักหน้า “ก็จริง”
เจียงหรานที่ตามมาอยู่ด้านหลัง “…”
เขาเกือบเชื่อแล้วเชียว
เจียงฮว่าผิงไม่ค่อยเข้าใจบทสนทนาของสองพ่อลูกคู่นี้ แค่ยิ้มพลางกำชับ “คุณเวินคะ โลกจอมยุทธ์ค่อนข้างวุ่นวาย อย่ามาบ่อยๆ เลยค่ะ”
“ไอ้ลูกบ้า มานี่” หลิงฉงโหลวกวักมือเรียกเจียงหราน “ขอพ่อดูหน่อย”
เจียงหรานเดินคอตกเข้าไปหา
หลิงฉงโหลวทดสอบวรยุทธ์ของเจียงหราน จากนั้นก็จับจุดลมปราณของเขา “น่าแปลก ยังเหมือนเดิม ตกลงแกฆ่าคนได้ยังไง”
พอได้ยินแบบนี้เวินเฟิงเหมียนก็แอบเหล่มองลูกสาวตัวเอง
อิ๋งจื่อจินเข้าใจ “หนูก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน ต้องพักผ่อน”
คนตระกูลเจียงยังไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นแพทย์แผนโบราณยกเว้นเจียงหราน
“ช่างเถอะ สงสัยจะดวงดี” หลิงฉงโหลวตบหัวลูกชายหนึ่งที “พรุ่งนี้ไปสอบเป็นคนคุ้มกัน ถ้าเข้าศาลสถิตยุติธรรมได้พ่อก็เบาใจ”
…
อีกด้านหนึ่ง
ศาลสถิตยุติธรรม
นายใหญ่ตระกูลเหยียนถูกส่งไปที่ฝ่ายลงทัณฑ์ โดนลงโทษไปหนึ่งรอบถึงถูกปล่อยตัวกลับไป
แต่ใครต่างก็รู้ว่าครั้งนี้ตระกูลเหยียนจบสิ้นแล้ว
“ท่านฮู่ฝ่า”
มีคนคุ้มกันมาจากทางฝ่ายลงทัณฑ์ เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลิงให้ฟัง
ฮู่ฝ่าฝ่ายซ้ายที่เป็นคนของตระกูลเซี่ยคนนี้มีอายุร้อยกว่าปีแล้ว
ถือว่ากำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์สำหรับจอมยุทธ์
พรสวรรค์จอมยุทธ์ของเขาก็ใช้ได้ แม้อายุจะร้อยกว่าปี แต่วรยุทธ์ก็สองร้อยกว่าปีแล้ว
คนคุ้มกันถาม “ท่านฮู่ฝ่า เรื่องนี้ควรทำอย่างไรดีครับ”
“ก้งเฟิ่งมาใหม่ไฟแรง ฉันจะทำไงได้” ฮู่ฝ่าฝ่ายซ้ายตอบคลุมเครือ “ถ้าตระกูลเหยียนฆ่าเด็กหนุ่มคนนั้นของตระกูลหลิงไปแล้วยังพอว่า ตอนนี้คนที่ตายโดยไม่มีหลักฐานกลายเป็นพวกเขา ยังจะมีหน้ามาขอให้ศาลสถิตยุติธรรมช่วยอีกเหรอ”
เขาโบกมือ “เรื่องแบบนี้อย่ามารบกวนฉัน”
คนคุ้มกันคารวะเสร็จก็ออกไป
อันที่จริงฮู่ฝ่าฝ่ายซ้ายไม่ได้สนใจตระกูลเซี่ยเท่าไร เรื่องเดียวที่เขาสนใจคือ เซี่ยอวี้เด็กหนุ่มที่เขาตั้งความหวังไว้
เซี่ยอวี้เป็นคนเก่งที่แท้จริง
ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน หากว่ากันด้วยเรื่องวรยุทธ์ ไม่มีใครเทียบเซี่ยอวี้ได้
เซี่ยเนี่ยนก็ไม่ไหว
ชื่อเสียงของเซี่ยเนี่ยนที่โด่งดังอยู่ภายนอกก็แค่เพราะเธอลงมือโหดเหี้ยม
ถูกใจผู้ชายคนไหนก็จะลักพาตัวกลับไป
ตอนนั้นที่ตระกูลเซี่ยส่งคนมาที่ศาลสถิตยุติธรรมเพื่อขอโควตาออกไปโลกปุถุชน ฮู่ฝ่าฝ่ายซ้ายจึงคุยกับหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย จากนั้นก็มีการอนุมัติอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่น่าเสียดายที่เซี่ยอวี้อาการร่อแร่ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น
ฮู่ฝ่าฝ่ายซ้ายถอนหายใจ เรียกคนคุ้มกันอีกคนเข้ามาสั่ง “ไปที่สมาพันธ์โอสถดูว่ามียาใหม่ๆ อะไรไหม ซื้อมาหนึ่งชุดแล้วเอาไปให้ที่บ้านตระกูลเซี่ย”
…
สุดสัปดาห์ผ่านพ้น โครงการแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยตี้ตูกับมหาวิทยาลัยตูรินก็มาถึงในช่วงท้าย
วันนี้เป็นวันจันทร์ ต้องส่งผลการทดลอง
ศาสตราจารย์กู่กับดอกเตอร์นอร่าไปหารือเรื่องนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้ว ไม่อยู่ในห้องทดลอง มีแค่พวกนักศึกษา
เหยียนอันเหอมาถึงเร็ว
เธอกวาดตามอง “ทำไมยังมีคนไม่มาอีก”
เฉินฉี่เปิดประตูพลางตอบ “รุ่นน้องอิ๋งมีธุระ ขอลาครึ่งวัน”
“ลาหยุดเหรอ” เหยียนอันเหอพูดแฝงความนัย “ไม่แน่อาจมีเรื่องร้อนตัว”
พอได้ยินแบบนี้เฉินฉี่ก็มองเธอ “ไม่พูดสิ่งดีๆ ก็หุบปากไปเถอะ”
เขาเข้าไป อุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องทดลองยังคงมีสภาพเหมือนเมื่อตอนวันศุกร์ก่อนออกไป
เฉินฉี่เดินไปที่คอมพิวเตอร์ มองสติกเกอร์หัวหมูเป็นอันดับแรก
สมาชิกอีกคนชะโงกหน้าเข้ามา ยิ้มพลางพูด “รุ่นน้องอิ๋งดูชอบหมูจริงๆ นะ”
“เธอชอบ” เฉินฉี่พยักหน้า เปิดคอมพิวเตอร์
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที “ข้อมูลการทดลองอยู่ไดร์ฟดีหรือเปล่า”
ข้อมูลการทดลองไม่ได้สำรองไว้ในระบบออนไลน์ เพราะกลัวคนอื่นขโมยไป
ตอนที่พวกเขารวบรวมข้อมูลก็ใช้การเขียนด้วยมือ
ข้อมูลยังอยู่ แต่ข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีแล้ว
“อยู่ไดร์ฟดี” สมาชิกอีกคนตอบ “ทำไมเหรอ”
“ไดร์ฟดีไม่มีข้อมูลอะไรเลย” เฉินฉี่ขมวดคิ้วแน่น “น่าแปลก คราวก่อนฉันเห็นรุ่นน้องอิ๋งเก็บเอกสารไว้ในไดร์ฟดีแล้วนะ”
“ไม่เห็นจะแปลกเลย” เหยียนอันเหอพูดขึ้น “เธอก็คงลบข้อมูลทิ้งไปแล้วไง ง่ายๆ แค่นี้เอง”
เฉินฉี่พูดเสียงเย็นชา “เหยียนอันเหอ”
“เธอสนิทกับศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์ไม่ใช่เหรอ” เหยียนอันเหอไม่สนใจเฉินฉี่แม้แต่น้อย “ไม่แน่อาจอยากทำลายโครงการแลกเปลี่ยนของคณะแพทย์ก็ได้ สาขาฟิสิกส์จะได้เด่นกว่าคณะแพทย์”
พอคำพูดนี้ออกมาสมาชิกสองคนในกลุ่มก็เงียบ
“เธอรับหน้าที่เก็บข้อมูลการทดลอง ตอนนี้ข้อมูลหายไป” เหยียนอันเหอพูดต่อ “วันนี้โครงการแลกเปลี่ยนเป็นวันสุดท้าย ต้องส่งข้อมูลทั้งหมด แถมเธอยังบังเอิญไม่อยู่ แบบนี้ยังจะหมายความว่าอะไรล่ะ”
“เหยียนอันเหอ ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ” เฉินฉี่สีหน้าเย็นชา “รุ่นน้องอิ๋งแค่ขอลาไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็มาแล้ว”
เหยียนอันเหอแสยะยิ้ม พูดประชด “เธอก็เก่งจริงๆ นะ เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูมาได้ไม่นานก็ซื้อใจพวกรุ่นพี่ได้หมดแล้ว พวกรุ่นพี่ไว้ใจเธอขนาดนี้เลยเหรอ”
“หากว่ากันด้วยเรื่องโน้มน้าวใจ ฉันคงสู้เธอไม่ได้ อย่างน้อยฉันก็ขี้เกียจจะไปประจบคนอื่น”
“ประจบเหรอ” เฉินฉี่แสยะยิ้ม “ต่อให้เธอมาประจบ ก็ลองดูนะว่าพวกรุ่นพี่ปีห้าจะมีใครสนใจเธอ น่าขยะแขยง”
เหยียนอันเหอหน้าแดงก่ำ กัดฟันพูด “เฉินฉี่!”
สาเหตุที่นักศึกษาปีห้าคณะแพทย์เกลียดเหยียนอันเหอเป็นเพราะตอนเหยียนอันเหออยู่ปีหนึ่งจงใจอ่อยประธานสภานักศึกษาในตอนนั้น
ซึ่งตอนนั้นประธานสภานักศึกษามีแฟนอยู่แล้ว
เพียงแต่ประธานนักศึกษาคนนั้นตอนนี้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยตี้ตูแล้ว ผ่านไปสองปี พวกนักศึกษาปีหนึ่งปีสองก็เลยไม่รู้เรื่องนี้
แต่เนื่องจากคณะแพทยศาสตร์เป็นหลักสูตรห้าปี นักศึกษาชั้นปีห้าเลยรู้ว่าควรเดินหนีเหยียนอันเหอ
เฉินฉี่ไม่สนใจเหยียนอันเหอ เขาส่งข้อความวีแชทหาอิ๋งจื่อจิน
[รุ่นน้องอิ๋งจะมาเมื่อไร เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย]
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบ
เฉินฉี่ชักหงุดหงิด เลยติดต่อหาศาสตราจารย์กู่
“เกิดอะไรขึ้น” ศาสตราจารย์กู่ได้ฟังก็รีบร้อนมาจากตึกอำนวยการ “พวกเธอบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลการทดลองนะ”
เฉินฉี่ยืนขึ้น “ศาสตราจารย์กู่ครับ ข้อมูลการทดลอง…”
เขายังไม่ทันพูดจบก็ถูกเหยียนอันเหอตัดบท “ศาสตราจารย์กู่คะ ข้อมูลการทดลองที่อิ๋งจื่อจินรับหน้าที่ดูแลมันหายไปหมดแล้วค่ะ พวกเราลำบากเตรียมกันมาตั้งห้าวัน แบบนี้ถือเป็นความบกพร่องในหน้าที่ของเธอหรือเปล่าคะ”
“ข้อมูลการทดลองหายไปเหรอ” ศาสตราจารย์กู่ขมวดคิ้ว “ไปขอให้คนช่วยกู้ข้อมูลหรือยัง”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องกู้ไม่กู้ข้อมูลนะคะ” เหยียนอันเหอขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจ “ปัญหาคือเห็นความสำคัญของโครงการแลกเปลี่ยนหรือเปล่า เธอไม่ตั้งใจทำหน้าที่ ไม่ใช่เหรอคะ”
เฉินฉี่ส่ายหน้า “ถูกลบเกลี้ยงเลยครับ กู้คืนไม่ได้”
ศาสตราจารย์กู่ดูเวลา พูดแค่ว่า “อีกเดี๋ยวนักศึกษาอิ๋งก็มาแล้ว ยังไม่ถึงเวลาส่งการทดลอง พวกเรารวบรวมกันใหม่อีกรอบก็ยังทัน”
เขาไม่เชื่อว่าอิ๋งจื่อจินจะทำเรื่องแบบนี้
ไม่ใช่แค่พวกศาสตราจารย์ นักศึกษาคนไหนก็ตามที่เคยดูการแข่งขันไอเอสซีรอบชิงชนะเลิศก็จะเชื่อมั่นในตัวอิ๋งจื่อจินอย่างไม่มีเงื่อนไข
ไม่มีใครสามารถทำให้พวกเขามีความเชื่อแบบนี้ได้อีก
นั่นคือความเยาว์ นั่นคือความมุ่งมั่น
เหยียนอันเหอข่มอารมณ์โกรธ “เรื่องที่เธอก่อ ทำไมต้องมาเบียดเบียนเวลาของพวกเราด้วยล่ะคะ”
“ถ้าไม่อยากทำเธอออกจากกลุ่มได้นะ” เฉินฉี่ค้นข้อมูลที่เขียนด้วยมือออกมาแล้วสร้างแฟ้มใหม่ในคอมพิวเตอร์ “ฉันเป็นหัวหน้ากลุ่ม ไล่สมาชิกออกได้”
เหยียนอันเหอหน้าบึ้ง ไม่พูดอะไรแล้ว
โครงการแลกเปลี่ยนมีแปดคะแนนกิจกรรม ถือว่าสูงมาก
สิบนาทีต่อมาประตูห้องทดลองก็ถูกเปิดออก
“นักศึกษาอิ๋ง” ศาสตราจารย์กู่ถามด้วยความห่วงใย “ทำไมมาเร็วแบบนี้ล่ะ ไหนว่ามีธุระส่วนตัวเร่งด่วน เรียบร้อยแล้วเหรอ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “เรื่องเล็ก เสร็จแล้วค่ะ”
เธอก็แค่ไปดูเจียงหรานเข้าทดสอบ
“เสร็จธุระแล้วงั้นก็ดี” ศาสตราจารย์กู่ก็ไม่ถามอะไรอีก “ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมง รวบรวมข้อมูลการทดลองใหม่อีกครั้งได้”
อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “ข้อมูลการทดลองเหรอคะ”
“ใช่ ข้อมูลการทดลอง ข้อมูลการทดลองที่เธอดูแลหายไปหมดแล้ว พวกเราทุกคนเลยต้องมานั่งเสียเวลาเพราะเธอไงล่ะ” เหยียนอันเหอหันไปมองอิ๋งจื่อจินด้วยสายตารังเกียจอย่างไม่มีปิดบัง “ตอนนี้เธอมีอะไรจะพูดไหม”
อิ๋งจื่อจินไม่มองเหยียนอันเหอ เดินเข้าไปค่อยๆ แกะสติกเกอร์หมูที่ติดอยู่บนคอมพิวเตอร์ออก “อืม อันที่จริงฉันทำคอมพิวเตอร์เป็นอยู่บ้างค่ะ”
Comments