คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 561 ช่วยอาบน้ำ คนทั้งโลกแพทย์แผนโบราณต่างกำลังขอร้องบอสอิ๋ง
ตอนที่ 561 ช่วยอาบน้ำ คนทั้งโลกแพทย์แผนโบราณต่างกำลังขอร้องบอสอิ๋ง
“ไม่ผ่านพิจารณาเหรอครับ” เหนือความคาดหมายของจั่วหลีมาก “จะไม่ผ่านพิจารณาได้อย่างไร”
“ศาสตราจารย์จั่วครับ บทความรหัสเอสสามศูนย์หนึ่งเก้าถูกปัดตกตอนพิจารณาขั้นสุดท้ายครับ” เจ้าหน้าที่ตอบอย่างใจเย็น
“เนื่องจากมีอีกบทความในช่วงเดียวกันที่เป็นฟิสิกส์ดาราศาสตร์เหมือนกันครับ”
“คณะกรรมการที่พิจารณาขั้นสุดท้ายได้เลือกอีกบทความหนึ่ง บทความที่คุณส่งมาก็เลยไม่ผ่านครับ”
“อีกบทความเหรอครับ” จั่วหลีอึ้ง “ของศาสตราจารย์คนไหนเหรอครับ ขอผมดูได้ไหม”
“ขอโทษครับศาสตราจารย์จั่ว” เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า “บทความที่ผ่านการพิจารณาจะถูกเก็บเป็นความลับก่อนที่จะตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการครับ”
จั่วหลีขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ไม่พูดอะไร
เขาก็ลืมในจุดนี้ไป
มีคนวิจัยทางด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์อยู่ไม่น้อย หลายคนวิจัยมาหลายสิบปีแล้ว
บทความนั้นที่อิ๋งจื่อจินเขียนมีจุดเด่นที่ความคิดแปลกใหม่
พอเขาอ่านจบยังแอบคิดว่าเธอไปท่องจักรวาลมา
แต่ถ้าเทียบกับพวกศาสตราจารย์อายุหกสิบเจ็ดสิบพวกนั้นจริงๆ ก็ยังด้อยอยู่บ้างในด้านวิชาการ
อย่างไรเสียพวกเขาก็มีชื่อเสียงมานาน แต่อิ๋งจื่อจินเพิ่งจะเริ่มเรียนได้หนึ่งปี
ไปชนกับอีกบทความหนึ่ง สุดท้ายไม่ผ่านการพิจารณาก็สมเหตุสมผล
บอกได้เพียงว่าดวงไม่ดี
“โอเคครับ” จั่วหลีพูดได้เพียงว่า “งั้นรบกวนตีกลับบทความรหัสเอส สามศูนย์หนึ่งเก้าแล้วกันครับ ผมจะได้ส่งไปที่หน่วยงานอื่น”
ศูนย์ฟิสิกส์สากลเป็นหน่วยงานที่เชื่อถือได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลือกที่นี่ได้แค่ที่เดียว
พอได้ยินแบบนี้เจ้าหน้าที่ก็ชะงักไปชั่วขณะ ไม่กี่วินาทีต่อมาถึงตอบ
“ได้ครับ เดี๋ยวจะตีกลับให้นะครับศาสตราจารย์จั่ว”
พอจั่วหลีได้รับบทความคืน สุดท้ายเขาตัดสินใจที่จะบอกอิ๋งจื่อจินก่อนจะยื่นครั้งที่สอง
“นักศึกษาอิ๋ง เรื่องบทความนั้น เอ๊ะๆ อย่าเพิ่งวาง ไม่ได้จะให้เขียน!” จั่วหลีเกือบหายใจไม่ทัน
“ไม่ได้จะให้เธอเขียนจริงๆ”
เขากลัวจนฝังใจไปแล้วเนี่ย
อิ๋งจื่อจินถึงได้ไม่ตัดสาย “ว่ามาค่ะศาสตราจารย์จั่ว”
จั่วหลี “…”
เด็กดี เปลี่ยนอารมณ์เร็วขนาดนี้อาจารย์หัวใจจะวาย
“ก็แค่จะมาขอโทษหน่อย บทความของเธอไปชนกับอีกบทความหนึ่งพอดี เลยถูกปัดตก” จั่วหลีถอนหายใจ
“อาจารย์เลยเตรียมจะยื่นอีกหน่วยงานให้ ที่วิจัยฟิสิกส์ดาราศาสตร์โดยเฉพาะ”
อิ๋งจื่อจิน “อ่อ”
“ไม่รู้สึกอะไรเหรอ” จั่วหลีเตรียมคำพูดปลอบใจไว้มากมาย
“เอาเถอะ แม่ทูนหัว อาจารย์ไม่รบกวนเธอแล้ว เดี๋ยวจะจัดการให้เอง”
เมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกัน อิ๋งจื่อจินย่อมนำไปไกลมาก
แต่ในวงการวิจัยวิทยาศาสตร์ เธอต้องใช้พวกบทความเพื่อสร้างตัวตน
หากไม่ได้ขึ้นเป็นบทความกิตติมศักดิ์ก็จะไม่สามารถถูกเรียกว่าศาสตราจารย์ได้
แต่จั่วหลีสังเกตเห็นแล้วว่าเธอไม่ได้แคร์เรื่องพวกนี้เท่าไรนัก
“งั้นเอาแบบนี้” อิ๋งจื่อจินตัดสินใจเอาใจใส่จั่วหลีหน่อย “เดี๋ยวหนูเขียนให้อีกบทความแล้วกันค่ะ”
ดวงตาของจั่วหลียังไม่ทันเปล่งประกาย
วินาทีถัดมาเขาก็ได้ยินคำพูดที่ว่า
“ไม่อยากเขียนเกี่ยวกับฟิสิกส์ เขียนชีวะแล้วกันค่ะ”
จั่วหลีตกจากสวรรค์ไปสู่นรก
เขาฝืนยิ้ม อยากจะร้องไห้ “ชีวะก็ได้ จุดแข็งของเธอนี่ อาจารย์จะช่วยติดต่อสาขาชีวะให้แล้วกัน”
“รบกวนด้วยค่ะศาสตราจารย์จั่ว” อิ๋งจื่อจินพูดจบก็วางสาย
ฟู่อวิ๋นเซินเดินออกมาจากห้องครัวพอดี กวักมือเรียก “มากินข้าว”
อิ๋งจื่อจินเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร คีบปลาขึ้นมาหนึ่งชิ้น
“อีกไม่กี่วันฉันต้องไปที่สมาพันธ์โอสถหน่อย”
โลกจอมยุทธกับโลกแพทย์แผนโบราณฉลองแค่ปีใหม่ทางจันทรคติ วันที่สามสิบเอ็ดธันวาคมไม่มีอะไรพิเศษสำหรับพวกเขา
ดังนั้นวันที่สองมกราคมสมาพันธ์โอสถจึงยังเปิดสอนอยู่
ถ้าไม่ติดว่าอันดับหนึ่งในคลาสเรียนจะได้โควตาสมุนไพรเพิ่ม เธอไม่มีทางไปเด็ดขาด
อิ๋งจื่อจินกินข้าว จากนั้นก็พูดขึ้น “พลังต่อสู้ของฉันต่ำเกินไป เดี๋ยวกะว่าจะเก็บตัวสักระยะหนึ่ง”
ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้วรยุทธ์ถึงร้อยปี ได้เป็นปรมาจารย์จอมยุทธ
“หืม?” พอได้ยินแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เอามือที่ว่างอยู่เขกหัวเธอเบาๆ ยิ้มพลางพูด
“เยาเยา ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้าจะตีเธอได้นะ”
จอมยุทธ์ในรุ่นเดียวกันกับพวกเขา คนที่เก่งๆ อย่างเย่ว์ฝูอีกับเซี่ยเนี่ยนตอนนี้วรยุทธยังเพิ่งพ้นห้าสิบปีมาได้ไม่นาน
ระดับสูงกว่านั้น ตระกูลหลิน เซี่ย และเย่ว์ ยังไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เขามีวรยุทธ์อย่างทุกวันนี้ได้เพราะถูกบีบจากการเสี่ยงตายหลายครั้ง
แต่อัจฉริยะจอมยุทธของตระกูลอื่น ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าวนเวียนอยู่ระหว่างความเป็นความตายอย่างไม่หยุดหย่อน
พวกเขาเอาตัวเองปลอดภัยไว้ก่อน
การเข้าใกล้ความตายย่อมสามารถทำให้คนเอาชนะขีดจำกัดได้ แต่ถ้าตายจริงจะทำอย่างไร
“ช้าไป” อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่ “มีหลายเรื่องที่ทำไม่ได้”
“ไม่ต้องรีบร้อน” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “อะไรที่ควรมาอย่างไรก็ต้องมา”
หลังกินข้าวมื้อนี้เสร็จ อิ๋งจื่อจินก็กลับไปนั่งดูทีวีที่โซฟา
ฟู่อวิ๋นเซินเอาถ้วยชามวางใส่เครื่องล้างจานอัตโนมัติ “ยังมีอะไรอยากให้ช่วยไหม”
อิ๋งจื่อจินวางหมอนหมูลง ครุ่นคิดแล้วตอบ “มีอยู่เรื่อง”
ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “อะไรเหรอ”
“ไม่อยากขยับ ช่วยอาบน้ำให้หน่อย”
เกิดความเงียบขึ้นในห้องรับแขก
ความคิดแรกของเขาคือ บ้านพักของตระกูลจี้มีเยอะดีมาก
ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับเวินเฟิงเหมียนและเวินทิงหลาน
“เยาเยา” ฟู่อวิ๋นเซินกุมขมับ ยิ้มจนปัญญา พูดเสียงทุ้มต่ำ “รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้ อาบน้ำ” อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “ทำไมต้องทำท่าทางเล่นใหญ่”
เธอพยากรณ์ดินแดนลึกลับแห่งนั้นจนร่างกายบอบช้ำ ญาณพยากรณ์ก็ถูกผนึก
ช่วงสองวันนี้เธอนอนได้ก็จะไม่นั่งเด็ดขาด เรื่องอื่นก็ขี้เกียจจะทำ
“ชายหญิงต่างกัน”
“อืม ฉันรู้ ก็เลยขอคุณ คุณเป็นแฟนไม่ใช่เหรอ”
อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คำพูดแต่ละคำกลับชวนให้ใจวาบหวิว
สุดท้ายเธอก็ครุ่นคิดพลางพูด “หรือคุณอยากให้ฉันไปขอคนอื่น”
ฟู่อวิ๋นเซินแพ้หมดท่า
เขาเถียงไม่ออก
แต่ถ้าอาบน้ำให้เธอ คนที่ทรมานก็คือเขา
ฟู่อวิ๋นเซินไปที่ห้องอาบน้ำ ไม่กี่นาทีต่อมาก็ออกมา
“เตรียมน้ำร้อนเสร็จแล้ว ผ้าเช็ดตัวพร้อม ของใหม่ เดี๋ยวเอาเสื้อผ้าให้ เธออาบเอง”
อิ๋งจื่อจินฝืนใจยอม “ก็ได้” หยุดเล็กน้อยแล้วถาม “บริษัทเทคโนโลยีในเครือวีนัสกรุ๊ปมีคิดค้นเครื่องอาบน้ำอัตโนมัติบ้างไหม”
ฟู่อวิ๋นเซินทำสีหน้าสับสน “นั่นสำหรับคนแก่หรือคนพิการใช้ เยาเยาเธอ…”
“ขอฉันเครื่องนึง” อิ๋งจื่อจินถอดรองเท้าแตะเดินเข้าห้องอาบน้ำ พูดเสียงเบา “แค่ช่วยฉันอาบน้ำได้ก็พอ”
“…”
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเอียนประธานฝ่ายการเงิน
“ขอข้อมูลเครื่องอาบน้ำอัตโนมัติให้ฉันหนึ่งชุด”
“ฉันดูแลเรื่องเงินโว้ย กลายเป็นเบ๊ทำทุกอย่างให้นายไปแล้ว!” เอียนอยากกระอักเลือด แต่ก็จำต้องยอม “ได้ครับพี่ชาย จะจัดให้เดี๋ยวนี้”
ไม่นานก็มีเอกสารส่งเข้ามือถือของฟู่อวิ๋นเซิน
ข้อมูลเขียนไว้ว่า ‘นอนเข้าไปในเครื่องแล้วกดปุ่มเริ่ม เครื่องจะทำการเทยาสระผมและครีมอาบน้ำให้คุณ ชำระล้างและเป่าตัว’
นอกจากอาบน้ำแล้วยังสามารถทำสปาได้อีกด้วย
บริการทุกขั้นตอน สบายไม่มีเหนื่อย คุณค่าที่คุณคู่ควร
พออ่านคำอธิบายจบฟู่อวิ๋นเซินก็ตกอยู่ในห้วงความเงียบ
สรุปว่านอกจากเขาจะเป็นเครื่องเดินเท้าแทนแล้ว ยังเป็นเครื่องอาบน้ำอัตโนมัติให้ด้วย
…
เย็นวันที่สามสิบเอ็ดธันวาคม
บ้านของตระกูลมู่และตระกูลเนี่ยว่างเปล่า พวกเขาไปงานเคาท์ดาวน์ข้ามปีของสถานีโทรทัศน์กลางกันหมดแล้ว
เมิ่งชิงเสวี่ยไม่เชื่อฟังคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ แอบหนีออกไป
แต่พอมาถึงบ้านตระกูลมู่กลับไม่เจอใคร
อย่าว่าแต่มู่เฮ่อชิงเลย แม้แต่มู่เฉิงก็ไม่อยู่ มีแค่พ่อบ้านมู่ที่กำลังกินข้าวเย็นกับพวกคนรับใช้คนอื่นๆ
หลังจากมู่เฮ่อชิงเกษียณออกมาก็ให้เมิ่งชิงเสวี่ยช่วยรักษาอาการป่วยมาตลอด จนกระทั่งต่อมาอิ๋งจื่อจินรักษาจนหายดี
เรื่องนี้คนในครอบครัวมู่ต่างรู้
พ่อบ้านมู่ดูแลงานในบ้าน ย่อมรู้จักเมิ่งชิงเสวี่ย อดตกใจไม่ได้ ที่มากกว่านั้นคือความตึงเครียด
“คุณหนูเมิ่ง”
คราวก่อนอยู่ๆ เมิ่งชิงเสวี่ยก็อาเจียนเป็นเลือด เล่นเอามู่เฮ่อชิงตกใจมาก
โชคดีที่ตระกูลเมิ่งไม่ได้มาเอาเรื่อง
ไม่ได้เจอคนที่ตัวเองอยากเจอ เมิ่งชิงเสวี่ยผิดหวังมาก เธอเม้มริมฝีปาก
“ไม่มีอะไรค่ะ กินตามสบายนะคะ ฉันขอตัวก่อน”
พ่อบ้านมู่ไม่กล้ายุ่งอะไรกับเมิ่งชิงเสวี่ยมาก มองส่งเธอเดินออกไป
“คุณหนู รีบกลับเถอะครับ” ระหว่างทางคนคุ้มกันเหลือบมองท้องฟ้า
“หิมะจะตกแล้ว คุณหนูทนความหนาวไม่ได้”
พอหันไปกลับเห็นเมิ่งชิงเสวี่ยจ้องหน้าจอยักษ์ที่อยู่ข้างทาง
บนหน้าจอนั้นเป็นภาพถ่ายทอดสดงานเคาท์ดาวน์ของสถานีโทรทัศน์กลาง
กล้องจับภาพไปยังที่นั่งวีไอพี ถ่ายเห็นฟู่อวิ๋นเซินพอดี
เมิ่งชิงเสวี่ยจำเด็กสาวที่นั่งข้างเขาได้ เป็นคนที่เธอเห็นในบ้านตระกูลมู่วันนั้น
“มิน่าเขาถึงไม่กลับโลกจอมยุทธ์” เมิ่งชิงเสวี่ยพึมพำ “เป็นเพราะมีชีวิตที่ดีในโลกปุถุชน ผู้หญิงคนนั้นก็ดีกว่าฉัน”
คนคุ้มกันขมวดคิ้ว “คุณหนูดีที่สุดครับ”
“ไม่ ฉันไม่ดี” เมิ่งชิงเสวี่ยฝืนยิ้ม
“สุขภาพของฉันอ่อนแอ จะตายตอนไหนก็ไม่รู้ เขาชอบคนเด็กกว่า สวยกว่า มันก็ถูกต้องแล้ว ฉันไม่คู่ควรกับเขา”
คนคุ้มกันไม่ได้รู้สึกดีต่อฟู่อวิ๋นเซินแม้แต่น้อย เขาไม่เห็นด้วย “คุณหนูครับ เขาไม่คู่ควรกับคุณหนู”
“อีกอย่างนะครับคุณหนู ใช่ว่าอาการของคุณหนูจะรักษาไม่ได้ โลกแพทย์แผนโบราณลือกันว่าอาจารย์ของปรมาจารย์ฝูซีกลับมาแล้ว คุณพ่อของคุณหนูบอกแล้วว่า รอปรมาจารย์ฝูซีเจออาจารย์เมื่อไร พอถึงตอนนั้นจะให้ผู้นำตระกูลของเราไปขอร้องตระกูลฝูด้วยตัวเองครับ”
ฝูซีจิตใจดีขนาดนั้น อาจารย์ของเธอคงไม่ต่างกัน
เมิ่งชิงเสวี่ยเป็นอัจฉริยะแพทย์แผนโบราณที่อายุน้อย ไม่มีทางเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย เพื่อความก้าวหน้าของโลกแพทย์แผนโบราณ
อย่างไรเสียพวกผู้อาวุโสต่างชอบคนเก่ง
เมิ่งชิงเสวี่ยไม่พูดอะไรอีก นั่งพิงเก้าอี้รถเข็น
คนคุ้มกันถอนหายใจ กลับบ้านตระกูลเมิ่ง
…
สองวันต่อมา สมาพันธ์โอสถ
อิ๋งจื่อจินไปเข้าเรียนพร้อมสมาชิกระดับสี่คนอื่นๆ
เนื่องจากเธอหน้าตาดีมาก เป็นสมาชิกที่เด็กสุดและผลสอบดีสุดในกลุ่มนี้ แถมยังไม่ได้ใส่ชุดกาวน์ตัวยาว
ก็เลยมีหลายคนที่หันมอง
อิ๋งจื่อจินยืนอยู่ด้านหน้าสุด ดึงปีกหมวกเบสบอลลงมาปิดครึ่งหน้า
เธอยืนอยู่ในกลุ่มคนสูงวัยผมขาว ดูไม่ค่อยเข้าพวก
“วันนี้จะสอนทุกคนทำยาคุ้มใจ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่บนเวทีลูบเครา
“ตามชื่อเลย นี่เป็นยาที่ช่วยคุ้มกันชีพจรหัวใจ ป้องกันจอมยุทธชีพจรหัวใจแตกซ่านขณะฝึก”
“พวกเราเชิญคุณชิงเสวี่ยแห่งตระกูลเมิ่งและคุณชายฝูเฉินแห่งตระกูลฝูมาสอนโดยเฉพาะ”
คราวนี้คนที่อยู่ด้านล่างต่างตื่นเต้น
อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองฝูเฉิน
หน้าตาคมคาย หน้าผากอิ่มเอิบ
ฝู่เฉินเป็นทายาทสายตรงรุ่นหลังของฝูซี
เธอจำหน้าตาของฝูซีได้ไม่ค่อยมากนัก
น่าจะหน้าตาคล้ายกันอยู่
“คุณอิ๋งได้ที่หนึ่ง งั้นให้คุณอิ๋งมาสาธิตให้ทุกคนดูก่อน” ผู้อาวุโสพูดต่อ “เชิญมาข้างหน้าครับคุณอิ๋ง นี่เป็นสูตรยา”
“ขั้นตอนการทำยาคุ้มใจ จะให้คุณชายฝูเฉินบอก ตอนนี้…”
ผู้อาวุโสยังไม่ทันพูดจบ เมิ่งชิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น “ฉันบอกให้ค่ะ”
ฝูเฉินยักไหล่
เขาแทบอยากยกงานนี้ให้คนอื่น อย่ามายุ่งกับเขา
เขายังอยากนอนต่อ
ผู้อาวุโสตกใจ “งั้นก็ให้คุณชิงเสวี่ยพูดแล้วกันครับ”
เมิ่งชิงเสวี่ยกระแอมสองที ยิ้มพลางพูด “คุณอิ๋งคะ นี่คือสมุนไพรสำหรับทำยาคุ้มใจ ถ้าสามารถคุมไฟและแรงลมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ใช้สมุนไพรพวกนี้ จะช่วยให้ปรุงยาออกมาได้ประสิทธิภาพถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“แน่นอนว่าคุณเพิ่งทำครั้งแรก ได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าผ่านแล้วค่ะ”
ก่อนเมิ่งชิงเสวี่ยมาก็นึกไม่ถึงว่าจะได้เจออิ๋งจื่อจินที่นี่
ก็จริง!
คนที่ฟู่อวิ๋นเซินถูกใจย่อมไม่มีทางแย่ไปถึงไหนได้
แต่ก็ยังคงไม่อยากยอมแพ้
อิ๋งจื่อจินแค่มองสูตรยา วางลงแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ เริ่มได้เลย”
“…”
พอคำพูดนี้ออกมาก็เงียบกันทั้งห้อง
เมิ่งชิงเสวี่ยตะลึงนิดหน่อย
ฝูเฉินก็คาดไม่ถึง
นี่ยังไม่ทันสอนวิธีทำก็เริ่มได้แล้วเหรอ
ยาคุ้มใจไม่เหมือนยาชนิดอื่น การเรียนด้วยตัวเองไม่สามารถแตกฉานวิธีทำได้
เงื่อนไขเยอะมาก
ทำยาคุ้มใจครั้งแรกไม่มีแพทย์แผนโบราณชี้แนะ
ต่อให้เป็นเมิ่งชิงเสวี่ยกับฝูเฉินก็ยังไม่ไหว
นี่มันจะอวดดีเกินไปแล้วหรือเปล่า
สีหน้าของผู้อาวุโสเย็นชาลง “ได้ งั้นก็เริ่มเลย”
อิ๋งจื่อจินเดินไปยังเตาที่อยู่ตรงกลางสุดแล้วนั่งขัดสมาธิ
เมิ่งชิงเสวี่ยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับมุมปาก ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไป
เธอเองก็อยากรู้ว่า อิ๋งจื่อจินแค่คุยโวหรือสามารถทำยาคุ้มใจออกมาได้ตั้งแต่ครั้งแรก
Comments