คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 566 เจ็บหน้า ฝูซี ‘ตระกูลสวีเหรอ’

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 566 เจ็บหน้า ฝูซี ‘ตระกูลสวีเหรอ’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 566 เจ็บหน้า ฝูซี ‘ตระกูลสวีเหรอ’

สีหน้าของเยี่ยเหิงหวาดกลัวหนักกว่าเดิม “เธอ เธอคิดจะทำอะไร”

“ชอบก็กินสิ” อิ๋งจื่อจินก้มตัวเก็บเครื่องรางขึ้นมา

เธอไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ค่อยๆ เอาเครื่องรางอันนั้นยัดใส่ปากเยี่ยเหิง บังคับให้เขากลืนลงไป

เยี่ยเหิงอยากดิ้น แต่ไม่เป็นผล เลือดไหลออกจากมุมปากของเขาไม่หยุด

ดวงตาของเขาเบิกโพลง “เธอ…”

ทั้งยังมีวรยุทธ์สูงมาก!

อิ๋งจื่อจินเป็นทั้งจอมยุทธ์และแพทย์แผนโบราณจริงๆ เหรอ

สมองของเยี่ยเหิงตื้อไปหมด ใบหน้าเจ็บจนร้อนผ่าว

ในความเข้าใจของเขา มีแค่หลินชิงจยาที่สามารถทำได้ถึงจุดนี้ คนอื่นไม่มีทาง

“นายหลอกเยี่ยหลิงออกไป ขอฉันคิดก่อนนะ…” อิ๋งจื่อจินพูด “เกี่ยวข้องกับตระกูลสวี ถึงจะไม่รู้ว่าพวกเขายื่นข้อเสนออะไรให้นายก็ตาม”

เยี่ยเหิงยังไม่ทันตอบก็มีคนคุ้มกันวิ่งเข้ามารายงาน

“นายใหญ่ครับ ตระกูลสวีจับตัวคุณหนูเยี่ยหลิงไว้ บอกว่าให้คุณอิ๋งไปปรุงยา ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะฆ่าทิ้งครับ”

คราวนี้ก็ปะติดปะต่อเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

“เยี่ยเหิง!” นายใหญ่เยี่ยโมโหมาก ที่มากกว่านั้นคือเหลือเชื่อ “เสี่ยวหลิงเป็นน้องสาวแท้ๆ ของแกนะ!”

ตระกูลเยี่ยมีสมาชิกน้อย จึงไม่ค่อยมีความขัดแย้งภายใน รักใคร่กลมเกลียวมาตลอด ต่อให้ยากจนไม่มีอะไรจะกินก็มีความสุขมาก

มีแค่สายอารองที่ไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ก็ถูกถอนกำลังภายในและขับไล่ออกจากตระกูลไปแล้ว

นายใหญ่เยี่ยไม่อยากขยายตระกูลก็เพราะเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

พอตระกูลใหญ่ เรื่องวุ่นวายก็มาก

นายใหญ่เยี่ยนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเยี่ยเหิงจะเอาเยี่ยหลิงไปขายเพื่อถุงหอมอันเดียว

เยี่ยเหิงหายใจไม่ทัน กลิ่นคาวเลือดจุกอยู่ในลำคอตลอดเวลา พูดอย่างยากลำบาก “ใคร ใครใช้ให้เยี่ยหลิงโง่ล่ะ สมน้ำหน้า ถูกผมหลอกได้ สมน้ำหน้า!”

“เสี่ยวหลิงไว้ใจแก เพราะแกเป็นคนในครอบครัวไง! ยังจะหาว่าเสี่ยวหลิงโง่อีกเหรอ” นายใหญ่เยี่ยหมดความอดทน ง้างมือตบใบหน้าของเยี่ยเหิง “แกมันโง่ ขายคนในครอบครัว ยังจะมีหน้าโทษเสี่ยวหลิงอีกเหรอ”

นายใหญ่เยี่ยไม่ยั้งมือ เยี่ยเหิงถูกตบเลือดกระเด็น

อิ๋งจื่อจินเอาเข็มทองเล่มหนึ่งปักที่บ่าของเยี่ยเหิง

ร่างกายของเยี่ยเหิงสั่น กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เขาร้องโวยวาย “กำลังภายใน! กำลังภายในของฉัน!”

เขาสัมผัสได้ว่ากำลังภายในของเขาเริ่มหายไป

เป็นแบบนี้ได้ยังไง!

อิ๋งจื่อจินปล่อยมือ เยี่ยเหิงทรุดลงไปบนพื้น

เหลือชีวิตไว้ แต่ไม่เหลือค่าอะไรแล้ว

นายใหญ่เยี่ยไม่ได้ห้าม เขากำมือแน่น ควบคุมความโกรธและความผิดหวังไม่ได้ “ขังไว้ในหอบรรพชน ห้ามปล่อยออกมาอีก”

อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนเสื้อกันหนาว “ฉันจะไปบ้านตระกูลสวี พวกคุณรอก่อน”

“ไม่ได้เด็ดขาดครับคุณอิ๋ง!” นายใหญ่เยี่ยพูดด้วยความร้อนใจ “ถ้าคุณอิ๋งเข้าไปในบ้านตระกูลสวีเกรงว่าจะไม่ได้ออกมาอีกแล้วนะครับ!”

แม้ตระกูลสวีจะเป็นเพียงตระกูลขนาดกลางของโลกจอมยุทธ์ ยังห่างชั้นกับตระกูลขนาดใหญ่อีกไกล

แต่ฝีมือก็ไม่ธรรมดา มีอาณาเขตที่ไม่เล็ก มีตระกูลเล็กหลายตระกูลที่อยู่ในอาณัติของตระกูลสวี

“ไม่เป็นไรค่ะ” อิ๋งจื่อจินพับแขนเสื้อขึ้น “ขอแค่ทำให้ตระกูลสวีเปลี่ยนนายใหญ่ได้ก็พอแล้ว”

พูดจบเธอก็เดินออกไป

เยี่ยฉางคงยังอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่ได้สติกลับมา

อะไรคือ…เปลี่ยนนายใหญ่ได้ก็พอแล้ว!

บ้านตระกูลสวี

พอเห็นอิ๋งจื่อจิน พ่อบ้านก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย พูดด้วยความนอบน้อม “มาแล้วเหรอครับคุณอิ๋ง”

อีกด้านหนึ่ง คุณนายสวีนั่งอยู่ขอบเตียง เช็ดเหงื่อให้นายใหญ่สวี ไม่ได้หันไปมอง

อิ๋งจื่อจินสายตาเย็นชา น้ำเสียงเรียบเฉย ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย “ปล่อยคน ฉันจะทำยาให้”

“ต้องปล่อยอยู่แล้วครับ แต่ว่ามีเงื่อนไข” พ่อบ้านผายมือ “ห้องปรุงยาอยู่ทางนี้ครับคุณอิ๋ง เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”

เขาขยิบตา ชายวัยกลางคนสองคนเดินตามมา

ชายวัยกลางคนสองคนนี้เป็นหัวหน้าทีมคุ้มกัน วรยุทธ์ประมาณเจ็ดสิบปี เฝ้าแพทย์แผนโบราณคนเดียวก็เหลือเฟือ

ไม่มีใครคิดไปในทางที่ว่าเป็นทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ์

ข้อแรกคือ อัจฉริยะแบบนี้มีน้อยมาก คนอื่นฝีมือธรรมดายกเว้นหลินชิงจยา

ข้อสอง ถ้าอิ๋งจื่อจินเป็นจอมยุทธ์ มีเหรอจะยอมมาง่ายๆ แบบนี้

อีกทั้งพวกเขาไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของกำลังภายในในตัวเธอแม้แต่น้อย

ถ้าบอกว่าเด็กสาวที่อายุไม่ถึงยี่สิบมีวรยุทธ์แปดสิบปี ใครจะไปเชื่อ

“นี่เป็นสมุนไพรครับคุณอิ๋ง” พ่อบ้านเดินเข้าไปในห้องปรุงยา พูดข่มขู่เล็กน้อย “ปรุงยาให้สบายใจครับ ตระกูลสวีรับรองว่าเพื่อนของคุณอิ๋งจะไม่มีทางเป็นอะไร”

ถ้าพวกเขาปล่อยตัวเยี่ยหลิงตอนนี้ ใครจะไปรู้ว่าอิ๋งจื่อจินยังจะทำยาให้พวกเขาหรือเปล่า

อิ๋งจื่อจินสีหน้าเรียบเฉย หลุบตาลง หยิบสมุนไพรข้างตัวขึ้นมา

พ่อบ้านเห็นอิ๋งจื่อจินดูเชื่อฟังดีจึงถอยออกไปแล้วล็อกประตูไว้

ภายในห้องปรุงยา อิ๋งจื่อจินเอาสมุนไพรใส่ลงหม้อ

เมื่อเทียบกับการรักษา เธอชอบทำยาพิษมากกว่า

เวลานี้ที่บ้านตระกูลฝู

ฝูเฉินแอบหนีออกมาจากห้องปรุงยา วิ่งไปที่สระบัวตรงหลังเขาแล้วเริ่มนอนบนเก้าอี้เอน

แสงแดดแยงตา เขาจึงเด็ดใบไม้มาปิดตา

ไม่รู้ว่าฝูเฉินนอนไปนานเท่าไร จนกระทั่งเขาถูกถีบตกพื้น ตื่นทันที

เห็นผู้หญิงเอามือไพล่หลัง ยืนเฉยอยู่ตรงหน้า “นอนพอหรือยัง”

พอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ชัด ฝูเฉินก็ตะลึงเกือบตกสระ “ทะ ท่านผู้นำตระกูล”

เขาแอบอู้จนฝูซีจับได้งั้นเหรอ

“เจ้าตัวขี้เกียจ” ฝูซีแกล้งด่า “ถ้านายทุ่มเทเรียนแพทย์ได้เท่าการนอน ฝีมือการรักษาของนายคงเป็นอันดับหนึ่งในคนรุ่นเดียวกันแล้วหรือเปล่า”

ฝูเฉินหน้าเจื่อน เปลี่ยนเรื่องคุยทันที “ท่านผู้นำตระกูล พูดถึงเรื่องฝีมือการรักษา เมื่อไม่กี่วันก่อนผมไปสมาพันธ์โอสถเจออัจฉริยะนักปรุงยาด้วยนะครับ”

“เธอทำยาคุ้มใจครั้งแรก ไม่ต้องสอนเลยก็ทำยาคุ้มใจออกมาได้สี่เม็ด ประสิทธิภาพอยู่ที่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ อัจฉริยะมากท่านว่าไหมครับ”

“เลิกพูดเรื่องอื่น ฉันจะบอกให้ นาย…” ทันใดนั้นฝูซีก็ชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “หนึ่งเตาได้สี่เม็ด ประสิทธิภาพแปดสิบเปอร์เซ็นต์ นายหมายถึงแต่ละเม็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์หมดเลยเหรอ

ฝูเฉินอึ้ง “ครับ”

และก็เป็นเพราะฝูซีพูดแบบนี้ อยู่ๆ เขาก็เอะใจอยู่เรื่อง

มีแพทย์แผนโบราณคนไหนบ้างที่จะปรุงยาออกมาได้ประสิทธิภาพเท่ากันทุกเม็ด

“อัจฉริยะจริงๆ” ฝูเฉินลูบคาง ถอนหายใจ “ท่านผู้นำตระกูลครับ ให้เธอเป็นผู้สืบทอดเถอะครับ ผมไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ ผมอยากนอนเยอะๆ”

เขาพูดแบบนี้ออกไปก็ได้เตรียมใจถูกฝูซีลงไม้ลงมือเรียบร้อยแล้ว

แต่เรื่องที่คิดไว้กลับไม่เกิด

ฝูซีเหม่อมองไปข้างหน้า จากนั้นน้ำตาก็ไหล

ไม่กี่วินาทีต่อมาน้ำตาก็นองหน้า

“ท่านผู้นำตระกูล” ฝูเฉินตกใจ ลนลานรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา “ท่านผู้นำตระกูล อย่าซึ้งขนาดนี้สิครับ ถึงแม้ดูภายนอกท่านจะดูเด็กกว่าแม่ของผม แต่ท่านก็อายุยืนเหมือนเต่าแล้ว อย่าทำผมตกใจสิครับ”

ฝูซีข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในจิตใจ พยายามบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบ “อาจารย์ฉัน…เธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปเจอเธอ”

ฝูเฉินอึ้ง “ท่านผู้นำตระกูล”

อันที่จริงในตระกูลฝูกับสำนักเทียนอีก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าฝูซีเป็นทั้งแพทย์แผนโบราณและจอมยุทธ์

ฝูซีจะมีออกมาชี้แนะเขาบ้างบางครั้งบางคราว ฝูเฉินก็เลยรู้ความลับนี้

ฝูเฉินคิดว่า วรยุทธ์ของฝูซีไม่มีทางต่ำกว่าสองร้อยปี

แต่เรื่องนี้โลกจอมยุทธ์ไม่รู้

ต่อให้เป็นคณะผู้อาวุโสและนายใหญ่ของตระกูลหลิน เซี่ย และเย่ว์ ก็ไม่มีทางมีค่าถึงขั้นที่ฝูซีต้องไปเจอด้วยตัวเอง

“ฉันต้องไปเจอเธอ” ฝูซีพูดต่อ ทั้งยังถีบฝูเฉินหนึ่งที “ไปตอนนี้”

ฝูเฉินร้องซี้ด “ไปๆๆ ท่านผู้นำตระกูล เธออยู่บ้านตระกูลเยี่ย ผมจะพาไปโลกจอมยุทธ์ครับ”

ไม่รู้ว่าผู้นำตระกูลของพวกเขาไปได้นิสัยแบบนี้มาจากใคร ดูเหมือนใจเย็น แต่พอระเบิดอารมณ์ทียิ่งกว่าบ้าคลั่ง

เกิดเรื่องขึ้นกับเยี่ยหลิง อิ๋งจื่อจินก็ตามไปที่บ้านตระกูลสวีอีก

ครอบครัวเยี่ยไม่มีอารมณ์กินข้าวเย็น รออยู่ที่หน้าบ้านตลอด

ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็เห็นฝูเฉินกับฝูซีมาหา

“สวัสดีครับ ผมฝูเฉินนะครับ นี่คือ…” อยู่ๆ ฝูเฉินก็ไม่รู้ว่าควรแนะนำอย่างไร ทำได้เพียงบากหน้าพูดไปว่า “อาของผมเองครับ”

ด้วยสถานะและอาณาเขตของตระกูลเยี่ย อย่าว่าแต่ตระกูลฝูเลย พวกเขาไม่มีแม้แต่มีสิทธิ์จะได้คลุกคลีกับตระกูลเล็กสุดของโลกแพทย์แผนโบราณ

นายใหญ่เยี่ยตะลึง รีบคารวะ “คุณชายฝูเฉิน คุณหนูฝู ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านมีธุระอะไรเหรอครับ”

“คือ คุณอิ๋งน่ะครับ อาผมรู้สึกชื่นชมเธอมาก ผม…” ทันใดนั้นใบหน้าของฝูเฉินก็กระตุก แทบหยุดหายใจ “เธออยู่ไหนเหรอครับ”

ฝูเฉินแอบน้อยใจ

คำพูดของเขามันผิดตรงไหน

ทำไมท่านผู้นำตระกูลต้องตีเขาด้วย

นายใหญ่เยี่ยย่อมไม่เห็นตอนฝูซีลงไม้ลงมือ

“คะ คุณอิ๋งไปบ้านตระกูลสวีแล้วครับ” นายใหญ่เยี่ยเล่าเรื่องในวันนี้ให้ฟัง ขอบตาแดงก่ำ ถอนหายใจ “มันเป็น…ความผิดของผมเองครับ ผมสอนลูกไม่ดี”

ฝูเฉินขมวดคิ้ว “ตระกูลสวีเหรอ ตระกูลสวีไหน ไม่เห็นเคยได้ยิน”

ตระกูลขนาดใหญ่ในโลกจอมยุทธ์มีอยู่ยี่สิบสามสิบตระกูล ส่วนตระกูลขนาดกลางมีหลายร้อย

ขนาดตระกูลใหญ่ฝูเฉินยังจำได้ไม่หมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลขนาดกลาง

นายใหญ่เยี่ยรีบบอกทิศทางของตระกูลสวี

ฝูซีพยักหน้าช้าๆ ทั้งยังยิ้ม “ตระกูลสวีใช่ไหม ฉันรู้แล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด