คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 567 แค่ปรมาจารย์จอมยุทธ อาจารย์กับลูกศิษย์พบกัน
ตอนที่ 567 แค่ปรมาจารย์จอมยุทธ อาจารย์กับลูกศิษย์พบกัน
พอได้ยินแบบนี้ นายใหญ่เยี่ยก็อดอึ้งไม่ได้ “คุณหนูฝูต้องการทำอะไรเหรอครับ”
ฝูเฉินกลับอดกระชับเสื้อไม่ได้ รู้สึกหนาวอย่างบอกไม่ถูก
เขารู้สึกว่าวันนี้ผู้นำตระกูลของพวกเขาดูผิดแปลกออกไป
“รบกวนแล้วค่ะ วันหน้าตระกูลฝูจะมาขอบคุณแน่นอน” ฝูซีลุกขึ้น เดินไปทางประตู
“นายตามฉันไปบ้านตระกูลสวีด้วย”
ฝูเฉินไม่มีเวลาคิดว่ามันเรื่องอะไร รีบลุกตามไป
“ท่าน…อาครับ รอผมด้วย อย่าวิ่งเร็วขนาดนั้นสิ!”
ฝูซีเป็นจอมยุทธ อีกทั้งวรยุทธ์ยังสูงส่ง เธอจึงเคลื่อนที่เร็วมาก
ความลำบากในใจเขาใครเล่าจะรู้
ทั้งสองคนจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งคนตระกูลเยี่ยมองหน้ากัน
เยี่ยฉางคงที่รับหน้าที่เฝ้าตระกูลเยี่ยมาตลอดอยู่ๆ ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณหนูฝูคนเมื่อกี้ไม่ธรรมดา”
“ทั้งๆ ที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าฉัน แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงกำลังภายในที่อยู่ในตัวเธอ”
พอคำพูดนี้ออกมานายใหญ่เยี่ยก็อดตกใจไม่ได้ “ปู่?”
ถึงแม้เยี่ยฉางคงจะบรรลุเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์แล้วภายใต้การช่วยเหลือจากอิ๋งจื่อจิน แต่ความสามารถเป็นของจริง
ปรมาจารย์จอมยุทธ์สำแดงกำลังภายใน
ขอแค่เยี่ยฉางคงปล่อยกำลังภายในออกมา เขาสามารถรู้ความเคลื่อนไหวในระยะร้อยลี้ได้
แต่เขาไม่รู้สึกถึงการมีตัวตนของฝูซี ก็แสดงว่าวรยุทธของฝูซีอยู่เหนือเขาเยอะมาก
ตระกูลจอมยุทธ์กับตระกูลแพทย์แผนโบราณมีการเกี่ยวดองทางการแต่งงาน และมีพันธะสัญญามากมาย แต่ก็ยังไม่มีตระกูลจอมยุทธตระกูลไหนที่จะส่งจอมยุทธ์ที่เก่งกว่าปรมาจารย์ไปที่ตระกูลแพทย์แผนโบราณ
ในความเป็นจริงตระกูลจอมยุทธอยากเอาตระกูลแพทย์แผนโบราณมาอยู่ใต้อาณัติของตัวเองมาตลอด ก็แค่ไม่เคยทำได้สำเร็จ
แสดงว่านี่คือตระกูลฝูตัวจริงแน่นอน
อีกทั้งดูจากรูปลักษณ์ของฝูซีที่ยังสาว ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอบรรลุปรมาจารย์จอมยุทธมานานมากแล้ว
อย่างไรเสียมีแค่การบรรลุปรมาจารย์จอมยุทธเท่านั้น ถึงจะหยุดรูปลักษณ์ของตัวเองไว้แบบเดิมได้
นายใหญ่เยี่ยมือสั่น พูดพึมพำ “ตระกูลฝูมีจอมยุทธที่เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน…”
เยี่ยฉางคงกลับวางใจ “ผู้อาวุโสฝูคนนี้ไปแล้ว คุณอิ๋งไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน”
นายใหญ่เยี่ยพยักหน้า “ผมจะไปที่หอบรรพชนหน่อยนะครับปู่”
เยี่ยฉางคงก็รู้เรื่องเยี่ยเหิง สีหน้าเย็นชาลง “ตระกูลเยี่ยของฉันไม่มีคนแบบนี้”
เยี่ยเหิงยังคุกเข่าอยู่ในหอบรรพชน ร่างกายสั่นเทา
พอเขาได้ยินเสียงเปิดประตู ดวงตาก็ฉายแววมีความหวัง พูดขอร้อง “พ่อครับ ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมสำนึกผิดแล้ว สำนึกผิดแล้วจริงๆ”
ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นลูกชายคนเดียวของนายใหญ่เยี่ย นายใหญ่เยี่ยยังจะตัดขาดได้เชียวเหรอ
“แกสำนึกผิดแล้วงั้นเหรอ แกไม่รู้ความผิด ฉันจะมาบอกว่าแกผิดตรงไหน!”
นายใหญ่เยี่ยหยิบแส้ออกมา พูดหนึ่งประโยคก็หวดแส้ใส่เยี่ยเหิงหนึ่งที
เลือดไหลซึม เนื้อหนังฉีกขาด
“ข้อแรก แกมันเห็นแก่ตัว นึกถึงแต่ตัวเอง ไม่สนใจคนอื่น”
“ข้อสอง แกมันขี้ขลาด เป็นลูกผู้ชาย แต่ยังสู้น้องสาวตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ข้อสาม แกขายตระกูลกับคนในครอบครัว ถ้าเป็นยุคโบราณ แกก็คือโจรที่ทรยศบ้านเมือง ต้องตัดหัวเสียบประจาน!”
นายใหญ่เยี่ยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห “ทางที่ดีแกต้องภาวนาให้คุณอิ๋งกับเสี่ยวหลิงไม่เป็นอะไร!”
เยี่ยเหิงถูกหวดแส้จนสลบไป
นายใหญ่เยี่ยโยนแส้ทิ้ง ออกไปรออิ๋งจื่อจินกับเยี่ยหลิงที่หน้าบ้านต่อ
…
อีกด้านหนึ่ง
บ้านตระกูลสวี
หลังจากนายใหญ่สวีรู้ว่าอิ๋งจื่อจินยอมไปทำยาที่ห้องปรุงยาแต่โดยดีก็นอนหลับอย่างสบายใจ
พอคุณนายสวีห่มผ้าให้นายใหญ่สวีเสร็จ อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง “อิ๋งจื่อจินอะไรนี่จะวางยาพิษไหม”
“วางใจได้ครับคุณนาย” พ่อบ้านพูด “สมุนไพรพวกนั้นไม่มีพิษ และก็ไม่ออกฤทธิ์ต้านกันเอง”
ใครยังจะสร้างพิษจากอากาศได้อีกล่ะ
คุณนายสวีเม้มริมฝีปาก “เฮ้อ ถ้าเชิญคุณชิงจยามาได้คงดีกว่านี้…”
หากว่ากันด้วยเรื่องฝีมือรักษา เธอเชื่อในตัวหลินชิงจยามากกว่า
แต่วันนี้เช้าหลินชิงจยาถูกตระกูลใหญ่เชิญไปแล้ว ตระกูลสวีไม่มีทางแย่งตระกูลใหญ่
แต่อาการป่วยของนายใหญ่สวีจะมัวรอต่อไปไม่ได้อีก
หนึ่งชั่วโมงต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ถือยาออกจากห้องปรุงยา
เธอโยนขวดยาให้ “ยาอยู่นี่ ปล่อยคน”
พ่อบ้านรับไปแล้วให้แพทย์แผนโบราณคนหนึ่งที่ตระกูลสวีจ้างมาตรวจดู เมื่อแน่ใจว่าไม่มีพิษแล้วถึงเอาให้นายใหญ่สวีกิน
ยาเห็นผลเร็วมาก นายใหญ่สวีเพิ่งกินเข้าไป สีหน้าก็เริ่มดีขึ้น
คุณนายสวีตะลึงและดีใจมาก
เธอก้มหน้าคิด หันไปขยิบตาให้พ่อบ้าน
“คุณอิ๋งครับ พวกเราคิดๆ ดูแล้ว ตัดสินใจไม่ปล่อยคนดีกว่า” พ่อบ้านเข้าใจสายตาคุณนายสวี “ไม่สู้คุณกับคุณหนูเยี่ยหลิงอยู่ที่ตระกูลสวีแล้วกันครับ ตระกูลสวีจะให้ทรัพยากรที่ดีที่สุดกับพวกคุณ”
ถ้านายใหญ่สวีมีแรงหนุนเพิ่มเข้ามา สายอื่นในตระกูลก็จะไม่กล้าแตะต้องแล้ว
ไม่แน่วันหน้า ตระกูลสวีอาจได้กลายเป็นตระกูลใหญ่ในโลกจอมยุทธ์ก็ได้
ทันใดนั้นอิ๋งจื่อจินก็ยิ้มออกมา พูดเสียงเย็นชา “ปล่อยหรือไม่ปล่อยคน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกคุณ”
ชั่วขณะที่เธอลงมือ นายใหญ่สวีที่เดิมทีอาการดีขึ้นแล้วกลับหน้าซีดลง กระอักเลือดออกมาแล้วล้มลง
คุณนายสวีไม่มีเวลาสนใจนายใหญ่สวี เพราะตัวเองเธอเองก็ลำบาก หน้าถอดสี
“เธอ…เธอเป็นทั้งจอมยุทธ์ทั้งแพทย์แผนโบราณเหรอ!”
เป็นไปได้อย่าง!
“ใช่” อิ๋งจื่อจินเตะพ่อบ้านที่สลบไปแล้ว หันหน้ามา หางตาเย็นชา
“ฉันเป็นทั้งจอมยุทธทั้งแพทย์แผนโบราณ”
คุณนายสวีตะโกนเรียกด้วยความหวาดกลัว “ผู้อาวุโสห้า!”
มีคนเข้ามาด้านใน เป็นชายสูงวัย
สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง
ปรมาจารย์จอมยุทธ
ด้วยความสามารถของเธอตอนนี้ ลำพังแค่วรยุทธของเธอยังสู้ไม่ได้
ในมือเธอมีเข็มเงินสามเล่ม
“เป็นทั้งจอมยุทธ์กับแพทย์แผนโบราณ เก่งมาก เก่งจริงๆ ฉันไม่รู้ฝีมือการรักษา แต่วรยุทธของเธอ เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าคุณชิงจยาไปไกลมาก” ผู้อาวุโสห้าแสยะยิ้ม “สาวน้อย เธอว่า ถ้าฉันเอาเรื่องที่เธอเป็นทั้งจอมยุทธทั้งแพทย์แผนโบราณไปบอกตระกูลเซี่ย เดาดูซิว่าพวกเขาจะทำอย่างไร”
“ผู้นำตระกูลเซี่ยก็จะออกมาฆ่าเธอไงล่ะ!”
อัจฉริยะชั้นยอดแบบนี้ ตระกูลเซี่ยไม่มีทางปล่อยให้อยู่รอด
ผู้อาวุโสห้าเอามือไพล่หลัง “เธอรู้หรือเปล่าว่าผู้นำตระกูลเซี่ยมีวรยุทธ์กี่ปี เกือบสี่ร้อยปีแล้ว อย่าว่าแต่เธอเลย ต่อให้เป็นจอมยุทธที่มีวรยุทธสามร้อยปีก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา”
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลงเล็กน้อย
นี่ก็เป็นสาเหตุที่เธอเก็บซ่อนความสามารถ ค่อยๆ แสดงออกมาทีละน้อย
เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับนี้ได้
ทั้งเธอและฟู่อวิ๋นเซิน
อายุประจักษ์อยู่ตรงหน้า ต่อให้ฝึกได้เร็วแค่ไหนก็ไม่มีทางย่นระยะห่างที่มากขนาดนี้ได้
มีเสียงเย็นชาโหดเหี้ยม เต็มไปด้วยแรงอาฆาตดังขึ้น
“ขอโทษทีนะ คุณคงปล่อยข่าวนี้ออกไปไม่ได้”
ผู้อาวุโสห้าสีหน้าเปลี่ยน “ใคร!”
ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า
ท่าทางสบายๆ แต่บุคลิกกลับเอาเรื่อง
ผู้อาวุโสห้าสัมผัสได้ถึงกำลังภายใน
อิ๋งจื่อจินพูด “ฉันไม่ได้ให้อวิ๋นซาน…”
“อืม พี่ชายรู้ แต่ว่าเยาเยา เธอแน่ใจได้ยังไงว่าพี่ชายจะปล่อยให้เธอเสี่ยงอันตรายคนเดียว” ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ “สัญญาแล้วนะว่าจะไปลอยโคมด้วยกัน”
อิ๋งจื่อจินชะงัก “ก็ใช่ว่าฉันจะออกไปไม่ได้…”
ใช้พิษสะดวกมาก
ผู้อาวุโสห้าขมวดคิ้วมองฟู่อวิ๋นเซิน
ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ แต่กลับเก่งขนาดนี้ ตระกูลหลิน เซี่ย เย่ว์ ไม่มีแน่
เขาคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดด้วยความตะลึง
“แก…แกก็คือไอ้หนุ่มแซ่ฟู่ที่มาจากโลกปุถุชนคนนั้นเหรอ!”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน ท่าทางกึ่งหยอกล้อ “เป็นคนดังนิดหน่อย โทษทีนะ”
“ไอ้หนุ่ม อายุยังน้อยก็มีวรยุทธ์สูงขนาดนี้แล้ว ควรทะนุถนอมไว้” ผู้อาวุโสห้าสีหน้าขรึมลง
“ทางที่ดีเจียมตัวไว้หน่อย”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรียบเฉย “ได้เวลาไปสู่สุขคติแล้ว”
เขาปล่อยกำลังภายในในร่างกายออกไปโจมตีผู้อาวุโสห้า
วรยุทธยิ่งสูงกลับยิ่งลงมือง่าย
ฝ่ามือนี้ทำให้ผู้อาวุโสห้าเสียเปรียบในทันที เขาพูดด้วยความตกใจ
“แก…เป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์แล้วเหรอ!”
ปรมาจารย์จอมยุทธอายุยี่สิบกว่า!
นี่มันเป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวขนาดไหนถึงฝึกได้เร็วขนาดนี้
ผู้อาวุโสห้าอยากเอาเรื่องที่ฟู่อวิ๋นเซินเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์กับเรื่องที่มีคนที่เป็นทั้งจอมยุทธและแพทย์แผนโบราณเก่งกว่าหลินชิงจยาไปบอกตระกูลเซี่ย
หากตระกูลเซี่ยรู้เข้า ผู้นำตระกูลจะต้องฆ่าสองอัจฉริยะนี้แน่นอน เพื่อป้องกันพวกเขามีอำนาจขึ้นมาในวันหน้า
แต่ผู้อาวุโสห้าก็ออกไปพูดไม่ได้แล้ว เขาหลับตาลงอย่างไม่ยอม
คนเดียวที่ยังพอรู้สึกตัวคือคุณนายสวี
เธอตะลึงหวาดกลัวหมอบอยู่บนพื้น ไม่เหลือความอวดดีแบบก่อนหน้านี้ คำนับพลางพูด
“ไว้ชีวิตด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
อิ๋งจื่อจินเข้าไปย่อตัวนั่งลง จับบ่าคุณนายสวี
คุณนายสวีหมดแรงในทันที ร่างกายอ่อนยวบ
เธอไม่ชอบฆ่าคน เว้นเสียแต่มีเรื่องเวรกรรมมาเกี่ยวข้อง แรงพยาบาทของเธอจึงไม่ได้หนักเท่าจอมยุทธ
แต่อิ๋งจื่อจินก็ไม่มีทางทิ้งหายนะไว้ให้ตัวเอง
“รอเดี๋ยว” ฟู่อวิ๋นเซินประคองอิ๋งจื่อจิน แววตาขรึมลง “มีผู้แข็งแกร่ง”
แข็งแกร่งมาก วรยุทธ์อย่างน้อยสองร้อยปีขึ้นไป
หรือจะเป็นผู้นำตระกูลสวี
แต่นายใหญ่เกิดเรื่อง มีเหรอจะถึงขั้นที่ผู้นำตระกูลต้องออกมา
ผู้นำตระกูลไม่ได้ว่างเล่นด้วยขนาดนั้น
อิ๋งจื่อจินยกมือนวดศีรษะ
เธอกลับมองข้ามไปอย่าง
นักปรุงยาคนอื่นพอได้ยินว่ายาสี่เม็ดในเตาเดียวกันมีประสิทธิภาพเหมือนกัน มีแต่จะคิดว่าเธอคุมไฟและแรงลมได้มหัศจรรย์มาก
แต่ฝูซีรู้ดี
นี่ไม่ได้เกี่ยวพันถึงแค่การคุมไฟและแรงลม ยังมีเคล็ดลับอื่นอีก
ซึ่งเคล็ดลับนี้เธอบอกแค่ฝูซี
ฟู่อวิ๋นเซินหรี่ตาลง ร่างกายที่หดเกร็งผ่อนคลายลง “มาฆ่าคนตระกูลสวี”
เขาหันไปพูด “เธอรออยู่ที่นี่เดี๋ยว พี่ชายจะไปพาเยี่ยหลิงออกมา”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ระวังด้วย”
…
ฝูซีบุกเข้าบ้านตระกูลสวี
บ้านตระกูลสวีใหญ่มาก เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือพวกนายใหญ่สวี ไม่เกี่ยวกับคนอื่นในตระกูล
เธอจึงตรงไปหานายใหญ่สวี
คนคุ้มกันย่อมไม่มีทางปล่อยเธอเข้าไป
ฝูซีแสยะยิ้ม “หลบไป!”
แค่สองคำนี้ก็ทำเอาคนคุ้มกันที่เข้ามาล้อมสะเทือนจนล้มลงหมด
ฝูเฉินที่ตามมาอย่างยากลำบากเห็นแล้วก็ตกตะลึงเบิกตาโพลง
เขาย่อมรู้ว่าพวกผู้นำตระกูลที่อยู่มาแล้วสองสามร้อยปีของตระกูลจอมยุทธโหดเหี้ยมมาก
ขอแค่ไม่ได้เก็บตัวฝึกจนล้มเหลวเอง หรือร่างกายถึงขีดจำกัดของมนุษย์แล้ว พวกผู้นำตระกูลก็จะไม่ตาย
ผู้นำตระกูลอย่างของตระกูลหลิน เซี่ย เย่ว์ ตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ มีสามสิบคนขึ้นไป
ยิ่งเป็นการสร้างความมั่นคงให้โลกจอมยุทธ ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนได้
แต่ฝูเฉินยังไม่เคยเห็นจอมยุทธระดับนี้ลงมือจริง
นี่มัน…
คนที่นายใหญ่สวีส่งมาตะลึงกันหมด
ผู้หญิงคนนี้มาจากไหน โหดขนาดนี้
พวกเขามองไม่ทันว่าฝูซีลงมือยังไง
ดูเหมือนเธอจะแค่ยกมือ จากนั้นคนรอบๆ ก็ล้มลงไปหมด
นี่มันต้องเก่งขนาดไหนวะเนี่ย!
พวกเขาเป็นลูกเจี๊ยบไปเลย!
ทีมคุ้มกันสิบกว่าทีมของนายใหญ่สวีถูกกวาดล้างไปหมดในชั่วพริบตา
ฝูซีเดินเข้าไปด้านในต่อ
“จอมยุทธ!”
วินาทีถัดมาก็มีสองคนปรากฏตัวตรงบันได
เป็นผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามของตระกูลสวี
ผู้อาวุโสใหญ่เป็นกลาง ใครเป็นนายใหญ่ก็เหมือนกันสำหรับเขา
สาเหตุที่เขาออกมาเป็นเพราะทีมคุ้มกันตระกูลสวีบาดเจ็บสาหัส
ส่วนผู้อาวุโสสามเป็นผู้สนับสนุนของสายนายใหญ่สวี
อายุของผู้อาวุโสสองคนนี้เกินร้อย เป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์มีฝีมือ
“ฉันขอเตือน หยุดเดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสใหญ่หน้านิ่ว
“หยุดแค่นี้ แล้วพวกเราจะไม่ติดใจเอาความ”
ฝูซีหยุดเดิน “ปรมาจารย์จอมยุทธ์เหรอ”
“รู้ก็ดี” ผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าเย็นชา
“เธอก็เป็นปรมาจารย์จอมยุทธเหมือนกัน แต่คิดว่าจะสู้กับปรมาจารย์จอมยุทธสองคนได้เหรอ”
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่มีทางฝึกวรยุทธ์ได้เทียบเท่าผู้ชายอย่างพวกเขา
ยังคิดจะสู้อีกเหรอ
ฝูซียิ้ม น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย “ก็แค่ปรมาจารย์จอมยุทธ”
ผู้อาวุโสใหญ่โมโหอย่างสิ้นเชิง “อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก เธอ…”
แต่วินาทีถัดมา ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามก็สีหน้าเปลี่ยน
เพราะฝูซีไม่ยั้งมืออีกต่อไป
วรยุทธสองร้อยกว่าปีสู้กับปรมาจารย์จอมยุทธที่วรยุทธร้อยต้นๆ แค่สะบัดมือก็ปลิวแล้ว
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามไม่แม้แต่จะได้ตั้งตัว หมดสติไปทันที
ฝูเฉินอึ้งยิ่งกว่าเดิม กระซิบพูด “ท่านผู้นำตระกูล บ้าไปแล้วเหรอ”
ฝูซีเปิดโหมดนักฆ่าตั้งแต่เมื่อไรกัน
“ฉันเป็นบ้า ไม่สิ ฉันดีใจจนบ้าไปแล้ว” ฝูซีพึมพำ เธอตั้งสติแล้วไปที่ห้องนายใหญ่สวี
มือสั่นอยู่นาน จากนั้นถึงเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องมีเพียงเด็กสาวอยู่คนเดียว
Comments