คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 568 ความแตกครั้งใหญ่ เทพพยากรณ์ก็เธอหรือเปล่า
ตอนที่ 568 ความแตกครั้งใหญ่ เทพพยากรณ์ก็เธอหรือเปล่า
คุณนายสวีกับพ่อบ้านเพิ่งถูกอวิ๋นซานพาไปที่ศาลสถิตยุติธรรม
ร่างของนายใหญ่สวียังคงอยู่บนพื้น ไม่หายใจแล้ว
สมุนไพรพวกนั้นไม่สามาถสร้างยาพิษที่เป็นอันตรายถึงชีวิตออกมาได้ก็จริง แต่นั่นก็สำหรับแพทย์แผนโบราณทั่วไป
อิ๋งจื่อจินก็แค่ปรับปริมาณสมุนไพรนิดหน่อย รวมถึงลำดับการใส่ลงไปในเตา ก็สามารถทำยาชนิดใหม่ออกมาได้แล้ว
ยาตัวนี้เป็นยาบำรุงชั้นดีสำหรับคนแข็งแรง
แต่สุขภาพของนายใหญ่สวีถูกทำลายไปมากแล้ว ยาที่ให้การบำรุงมากเกินไป ไม่เพียงแต่จะถอนพิษในตัวเขาไม่ได้ กลับจะทำให้ร่างกายทนรับฤทธิ์ยาที่หนักหน่วงไม่ได้ จนถึงแก่ชีวิต
ฝูเฉินรีบตามไปติดๆ “ท่าน…อาครับ นี่ก็คือคุณอิ๋ง”
เขาหันไปพูดกับอิ๋งจื่อจิน “คุณอิ๋ง นี่อาผมครับ”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า เห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน
ฝูซีมือสั่นอย่างรุนแรง พยายามสงบสติอารมณ์ “นายออกไป”
ฝูเฉินอึ้ง “หา?”
ฝูซีไม่อยากพูดมาก ตวัดมือให้เกิดลมพัดฝูเฉินออกไป
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก
ฝูเฉินล้มก้นจ้ำเบ้า ร่างเกือบแยก มึนศีรษะแยกทิศไม่ถูก
เขายังไม่ทันได้ตั้งสติก็มีเสียงปิดประตูดัง ปัง
วินาทีถัดมากำลังภายในของฝูซีก็ปกคลุมห้องนี้อย่างสิ้นเชิง
ภายในห้องเงียบมาก
ฝูซีสูดลมหายใจเข้าลึก คุกเข่าลงตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน
เธอพูดเสียงสั่น สะอื้นไห้ “ศิษย์ฝูซี คารวะอาจารย์”
ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ใบหน้าเดิม
แต่ฝูซีรู้ว่า นี่ก็คืออาจารย์ที่ตอนนั้นพาเธอออกมาจากถ้ำของคนยากไร้
อิ๋งจื่อจินสอนเธออยู่สามปี ถ่ายทอดวิชาปรุงยาและการฝังเข็มให้
จนทำให้เธอสร้างตระกูลฝูได้ สร้างสำนักเทียนอี
ถึงแม้จะไม่ใช่ใบหน้าเดิมแล้ว แต่ตอนนี้อาจารย์ของเธอดูสดใส เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวามากขึ้น
หรือจะเรียกอีกอย่างว่า ดูเป็นคนที่มีลมหายใจมีหัวใจ
ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เหมือนก้อนหินไร้หัวใจ ไม่มีเรื่องไหนมาทำอะไรได้
“เลิกคุกเข่าเถอะ” อิ๋งจื่อจินเงียบไปนาน พูดเสียงเบา “ผ่านมานานมากแล้ว ฉันเองก็ไม่ชอบพิธีรีตองมากเรื่องแบบนี้”
“อาจารย์มีบุญคุณต่อศิษย์ยิ่งนัก” ฝูซีไม่ลุกขึ้น แต่คำนับอีกครั้ง “อย่าว่าแต่คุกเข่าเลย ศิษย์ยกชีวิตให้อาจารย์ก็เป็นเรื่องสมควร”
บุญคุณของอาจารย์ ยิ่งใหญ่ดุจฟ้าดิน สำคัญดุจบิดามารดา
เธอเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก คนเดียวที่เคยสั่งสอนเธอมีแค่อิ๋งจื่อจิน
ราวกับย้อนไปเมื่อนานมาแล้ว
อิ๋งจื่อจินนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร
เธอเคยคิดว่าตัวเองยังไงก็ต้องตาย แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาบนโลกมนุษย์อีกครั้ง ได้เจอคนรู้จัก
อยู่เหนือความคาดหมายของเธอทั้งนั้น
ถึงขั้นที่เธอไม่เคยคิดว่า จะมีคนจดจำเธอไว้นานขนาดนี้
อิ๋งจื่อจินหยิบกระดาษทิชชู่ ค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ฝูซี
เธอมักใจอ่อนกับคนเพศเดียวกัน
ถ้าซีซาร์ ลอเรนท์ร้องไห้ต่อหน้าเธอ เธอคงไม่แม้แต่จะสนใจ
ในที่สุดฝูซีก็สงบสติอารมณ์ได้ เธอยืนขึ้น พูดอย่างจริงจัง “นี่คือชื่อจริงของอาจารย์เหรอคะ”
อิ๋งจื่อจินโยนกระดาษลงถังขยะ “ใช่ ฉันแซ่อิ๋ง ชื่อจื่อจิน”
ฝูซีพึมพำ “ดีจัง”
เธอยังได้รู้ชื่อจริงของอาจารย์ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
ประตูถูกเปิดออกในเวลานี้
ฝูซีสีหน้าเปลี่ยน หันขวับไปมอง
พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็พูดด้วยความตกใจนิดหน่อย “เอ๊ะ นายเหรอ”
เธอจำฟู่อวิ๋นเซินได้
เพราะไม่เคยมีใครมาโลกแพทย์แผนโบราณถี่เท่าฟู่อวิ๋นเซินอีกแล้ว ทุกครั้งที่มาล้วนเจ็บใกล้ตาย
ตอนนั้นเธอยังสงสัยอยู่ว่าเขาจะมีชีวิตรอดได้หรือเปล่า
ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้าเบาๆ ยิ้มพลางพูด “ผู้อาวุโสฝูซี โชคดีที่ท่านมาช่วยไว้ครับ”
ฝูซีกลับขมวดคิ้ว ไม่ตอบ หันไปมองอิ๋งจื่อจินก่อน
อิ๋งจื่อจินรับน้ำผลไม้อุ่นๆ มาจากฟู่อวิ๋นเซิน “ให้เขารู้ได้”
ฝูซีไม่ถามว่าทำไม แค่พูดอย่างนอบน้อม “ค่ะ อาจารย์”
พอคำเรียกนี้ออกมาก็เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง
ฟู่อวิ๋นเซินกลับสุขุม คิ้วขยับเล็กน้อย
ฝูเฉินที่เดินตามเข้ามากลับตะลึงเกือบลื่น “อะ อาจารย์เหรอ”
อิ๋งจื่อจินเป็นอาจารย์ของผู้นำตระกูลฝูเหรอ
โอ้โห
นี่มันเรื่องแฟนตาซีอะไรเนี่ย
ฝูเฉินรู้ดีว่า ต่อให้ฝึกวรยุทธ์จนถึงขั้นหยุดรูปลักษณ์ตัวเองไว้คงเดิมได้ อายุยืนยาวขึ้น แต่ก็ไม่มีทางคงสภาพอายุกระดูกได้หรือเปล่า
สมาพันธ์โอสถบันทึกอายุกระดูกของอิ๋งจื่อจินไว้ที่สิบแปดปี เกือบสิบเก้าแล้ว
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ฝูเฉินงงหนัก
ฟู่อวิ๋นเซินหันไป “ไปกินข้าวไหม”
“กินสเต็กเนื้อ”
“ได้ อุ้มไหม”
“อืม”
เขาก้มตัวอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินออกก่อน
ฝูซีเหมือนถูกฟ้าผ่า เป็นครั้งแรกที่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
ในที่สุดฝูเฉินก็ได้สติกลับมาบ้าง พอเห็นสีหน้าของฝูซีก็งง “ท่านผู้นำตระกูล เป็นอะไรไปครับ”
ฝูซีเอามือทาบอก พูดพึมพำ “เดี๋ยวนะ ขอฉันตั้งสติหน่อย”
ต้นไม้เหล็กอย่างอาจารย์เธอ ผลิดอกแล้วเหรอ!
ฝูซีรู้สึกว่านี่มันมหัศจรรย์กว่าเรื่องที่เธอได้เจออาจารย์อีกครั้งตอนยังมีชีวิตอยู่อีกนะ
ฝูเฉิน “…”
เขาว่าเขาต่างหากที่ต้องขอตั้งสติ
ทำไมเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเขาถึงกลายเป็นบรรพบุรุษของเขาได้
อีกทั้งเขายังเคยพูดกับฝูซีว่ายกให้อิ๋งจื่อจินเป็นผู้สืบทอดเถอะ
ฝูเฉินอยากตบกบาลตัวเอง
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ประเด็นคือแผนแอบงีบหลับของเขาพังกลางคันอีกครั้ง
…
ฟู่อวิ๋นเซินมีบ้านอยู่ในโลกจอมยุทธ์หลายแห่ง
บ้านในโลกจอมยุทธ์ไม่เหมือนโลกภายนอก มีแค่เงินก็ซื้อไม่ได้ ต้องมีความสามารถด้วย
ที่นี่อยู่ติดทะเลสาบ เหนือผิวทะเลสาบยังมีหงส์อยู่หลายตัว
อีกด้านหนึ่ง อวิ๋นอู้กำลังตั้งเตาย่าง
ทั้งสองคนนั่งอยู่ในเรือน
อิ๋งจื่อจินหาวออกมา มองดวงดาวอย่างขี้เกียจ
“เยาเยา มีคำถาม” ฟู่อวิ๋นเซินหันมา เอามือจับแก้มเธอ พูดเสียงเบา “ดูสิ เธอเป็นวีร่า โฮลท์ซ เป็นเกว็น บราวน์ อาจารย์ของฝูซีก็คือเธอ พี่ชายกดดันมากนะ”
ตัวตนเหล่านี้ปรากฏในยุคสมัยเดียวกัน
ศตวรรษที่สิบเจ็ด
ถึงแม้สองคนแรกจะอยู่ในยุโรป คนหลังอยู่ประเทศจีนก็ตาม
อิ๋งจื่อไม่ตอบ ขนตาขยับ
นับตั้งแต่การแข่งขันไอเอสซีรอบชิงชนะเลิศที่ไอริน่าเรียกเธอว่าเกว็น บราวน์ อันที่จริงฟู่อวิ๋นเซินก็เดาได้แล้ว
เธอเองก็เคยบอกเขาว่าเธอเคยตายมาครั้งหนึ่งเพื่อเพื่อนสนิท
สติปัญญาของฟู่อวิ๋นเซินไม่ต่ำ ตรงกันข้าม สูงจนน่าตกใจ
กอปรกับพวกเขาอยู่ด้วยกันมานาน เรื่องบางอย่างถ้าเขามองไม่ออก เธอก็คงต้องสงสัยแล้วว่าสายตาของเธอมีปัญหาหรือเปล่า
“พี่ชายก็แค่อยากรู้ว่าเธอยังมีอีกกี่ตัวตน” ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “คงไม่ใช่ว่า…เทพพยากรณ์ก็คือเธอหรอกนะ เธอเองก็ทำนายเป็น หืม เยาเยา”
ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินกลับไม่ได้ผลักเขาออก แต่ก็ไม่ได้หลงไปกับเสียงอันทรงเสน่ห์ของเขา
สีหน้าของเธอเรียบเฉย “ฉันลืมบอกไป ตอนที่พวกเราเจอกันครั้งที่สองที่หน้าร้านยา ฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุณนิดหน่อย”
คำพูดนี้เป็นเรื่องจริง
ก็เหมือนตอนที่เธอเจอเย่ว์ฝูอี หลิงเหมียนซี และอวี้เสวี่ยเซิง ก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างเหมือนกัน
แต่ไม่ได้มากเท่าฟู่อวิ๋นเซิน
“เปลี่ยนเรื่องได้ไม่ค่อยเนียนเลยนะ” ฟู่อวิ๋นเซินแนบหน้าผากเธอ หัวเราะเบาๆ “แต่ความสามารถของพี่ชายเกินคนปกติไปมาก บางครั้งรู้สึกว่าตัวเองเรียนรู้ได้เร็ว ทักษะบางอย่างคล้ายมีมาแต่เกิด”
“อืม ไม่แน่พี่ชายกับเธออาจต่างกันตรงที่ พี่ชายไม่มีความทรงจำในอดีต”
“งั้นก็ดีออก” อิ๋งจื่อจินพิงบ่าของเขา “จะได้ไม่ต้องกลุ้มใจ”
เธอรู้ว่าทำไมเธอถึงชอบเขา
เพราะเธอเป็นเด็กน้อยได้แค่เวลาอยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้น
…
ทางด้านนายใหญ่สวีสะเทือนกันไปทั้งตระกูลสวีแล้ว
แต่ไม่มีใครสนใจ กลับยินดีให้เกิดเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ
พอนายใหญ่สวีตาย อิทธิพลของเขาก็ถูกทำลาย พวกเขาจะได้ขึ้นแทนพอดี
ฝูซีฆ่าคนคุ้มกันของตระกูลสวีไปไม่น้อย รวมถึงคณะผู้อาวุโส
แต่ผู้นำตระกูลสวีก็ทำได้เพียงอดทนอดกลั้น เพราะวรยุทธ์ของเขามีแค่สองร้อยต้นๆ สู้ฝูซีไม่ได้
อย่างไรเสียตระกูลสวีก็ไม่ได้ถูกทำลาย
นายใหญ่สวีตายไปก็มีการเลือกนายใหญ่คนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
สวีปั๋วขึ้นเป็นนายใหญ่ตระกูลสวีได้สำเร็จ
คนคุ้มกันมารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟัง
“ถูกยาพิษตายเหรอ” สวีปั๋วหน้านิ่ว “แน่ใจว่าแพทย์แผนโบราณวางยาพิษใส่เขาเหรอ”
“แน่ใจครับ” คนคุ้มกันกำมือคารวะ “คนที่พวกเขาเชิญมาคืออิ๋งจื่อจิน อัจฉริยะนักปรุงยาคนใหม่ของสมาพันธ์โอสถ แต่พอนายใหญ่สวีกินยาที่เธอปรุงให้ก็ตายเลยครับ”
“จึ๊” สวีปั๋วพูด “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ทางโลกแพทย์แผนโบราณย่อมจัดการกันเอง ถ่ายทอดคำสั่ง นับแต่นี้เป็นต้นไป ใครก็ห้ามไปหาเรื่องอิ๋งจื่อจินเด็ดขาด”
“ตระกูลสวีถอยจากการต่อสู้ทั้งหมด กอบกู้ตระกูลก่อน”
เขาไม่รู้ว่าวันนี้ผู้หญิงที่บุกเข้าบ้านตระกูลสวีคือใคร แต่เห็นได้ชัดว่ามาเพราะอิ๋งจื่อจิน
ปรมาจารย์จอมยุทธ์ตายไปสามคน ครั้งนี้ตระกูลสวีก็เสียหายอย่างหนัก
สวีปั๋วถาม “ผู้อาวุโสห้าตายยังไง”
คนคุ้มกันส่ายหน้า “ยังไม่ทราบแน่ชัดครับ คิดว่าน่าจะถูกผู้หญิงคนนั้นฆ่า”
สวีปั๋วพยักหน้า ไม่สนใจอีก
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จเขาก็เริ่มจัดการลูกน้องทั้งหมดของนายใหญ่สวี
…
เรื่องที่คนในตระกูลสวีถูกฆ่าน่าขายหน้า ย่อมไม่มีทางปล่อยให้ลือออกไปทั้งหมด
ข่าวที่ทางด้านโลกแพทย์แผนโบราณทราบก็มีแค่ว่าในตระกูลสวีมีคนตาย
และที่สำคัญที่สุดคือ นายใหญ่สวียังตายหลังจากกินยาของอิ๋งจื่อจินด้วย
คราวนี้เป็นที่ฮือฮายกใหญ่
เพราะตอนนี้อิ๋งจื่อจินมีชื่อเสียงมากพอสมควร ทางสมาพันธ์โอสถจึงเรียกประชุมกลางดึก
รองประธานสมาพันธ์ บรรดาอาจารย์ ต่างก็มากันหมด
“แพทย์แผนโบราณใช้วิชารักษาคนเท่านั้น ใช้ฆ่าคนได้ยังไง” อาจารย์ฟางแสยะยิ้ม “เธอทำผิดต่อจรรยาบรรณแพทย์ และยังทำผิดกฎที่โลกแพทย์แผนโบราณกำหนดไว้ จะต่างอะไรกับสือเฟิ่งอี๋ที่ใช้วิชาในทางผิดๆ”
“ผมขอแนะนำให้ถอนกำลังภายในของเธอ ห้ามให้เธอรักษาคนอีก”
Comments