คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 571 ตบหน้า การรวมตัวของตระกูลชั้นยอด
ตอนที่ 571 ตบหน้า การรวมตัวของตระกูลชั้นยอด
ทุกคนต่างหันไปมอง
นายใหญ่ตระกูลฝูไม่ได้มา คนที่มาเป็นอาของฝูเฉิน
พอเขามองไปก็ดวงตาเบิกโพลง ขาเริ่มสั่น
ฝูซีไม่ได้ใส่หน้ากากหรืออำพราง ปรากฏโฉมต่อสายตาของทุกคน
ก็แค่คนอื่นๆ ไม่มีใครเคยเห็นฝูซี
อาคนนี้ของฝูเฉินก็เคยเห็นแต่ในภาพวาด
พอตัวจริงมาปรากฏตรงหน้าก็เลยช็อกมาก
วินาทีถัดมาเขาก็ทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น
ฝูเฉินเห็นอิ๋งจื่อจินตั้งแต่แวบแรก เขาจะอ้าปากเรียก “ท่านประ…”
อิ๋งจื่อจินหันมามองเขา
ฝูเฉินกลืนคำเรียกลงคอได้ทันเวลา
คนอื่นๆ ไม่รู้จักฝูซี แต่รู้จักฝูเฉิน
รองประธานสมาพันธ์พูดขึ้น “คุณชายฝูเฉิน ท่านนี้คือใครหรือ”
“ทะ…ท่านผู้นำตระกูลครับ” ในที่สุดอาของฝูเฉินก็ตั้งสติได้บ้าง เขาพูดเสียงสั่น “ท่านผู้นำตระกูล มะ…มาได้อย่างไรครับ”
รู้แบบนี้เขาไม่มาร่วมการประชุมแล้ว หัวใจยิ่งไม่ดีอยู่ด้วย
เขาช็อกหนักมาก
“เกี่ยวข้องกับแพทย์ผิดจรรยาบรรณ ฉันก็ต้องมาสิ” ฝูซีกวาดตามอง “นั่นน่ะเหรอศพ”
เกิดความเงียบภายในห้องประชุม
ทุกคนต่างตะลึง
ผู้นำตระกูลฝูเหรอ
ผู้นำตระกูลฝูก็ต้องฝูซีไม่ใช่เหรอ หรือก็คือผู้ก่อตั้งตระกูลฝู!
นายใหญ่เมิ่งสีหน้าเปลี่ยนทันที
ผู้นำตระกูลเมิ่งมีชีวิตไม่ยืนยาวเท่าฝูซี ส่วนผู้ที่ก่อตั้งตระกูลก็ตายไปนานแล้ว
ในจุดนี้ตระกูลเมิ่งสู้ตระกูลฝูไม่ได้
“ผู้อาวุโสฝูซี ไม่ใช่ว่าไม่อยากเชิญท่าน แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ควรรบกวนท่าน” รองประธานสมาพันธ์เช็ดเหงื่อ
“ท่านเก็บตัวเงียบมาตลอด มีเวลาสนใจเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ด้วยเหรอครับ”
ฝูซีพูดเพียงว่า “ฉันจะชันสูตรศพเอง”
ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
แพทย์แผนโบราณที่รับหน้าที่ชันสูตรศพยื่นเข็มเงินที่ฆ่าเชื้อแล้วให้ด้วยมือที่สั่น
หนึ่งนาทีต่อมาฝูซีก็วางเข็มเงินลงแล้วพูด
“ยาเม็ดนั้นที่เขากินช่วยถอนพิษได้ แต่สภาพอารมณ์ของเขาแปรปรวนมากเกินไป กดฤทธิ์ยาไม่ทัน กอปรกับกำลังภายในพลุ่งพล่าน ชีพจรหัวใจก็เลยแตกออก”
อาจารย์หลี่ “…”
เขาพูดถูกแล้วไหมล่ะ ตื่นเต้นมากไปเลยตาย
เป็นการตายที่ประหลาดมาก
ฝูซีถอนหายใจเบาๆ
อาจารย์ก็ยังเป็นอาจารย์อยู่วันยังค่ำ
นายใหญ่สวีชีพจรหัวใจแตกจนถึงแก่ความตายจริง ยาก็มีฤทธิ์ช่วยบำรุงจริง
แต่ถ้าสมุนไพรชนิดหนึ่งในนั้นมีน้อยไปแค่หนึ่งกรัมก็จะไม่ได้ผลลัพธ์แบบนี้
ผู้อาวุโสสี่อึ้ง “เป็นยาบำรุงจริงเหรอ”
“แพทย์ผิดจรรยาบรรณต้องถูกกำจัดจากโลกแพทย์แผนโบราณ แต่จะใส่ร้ายใครไม่ได้ทั้งนั้น” ฝูซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เห็นอัจฉริยะของโลกแพทย์แผนโบราณเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ พวกคุณอยากดับสูญกันหรือไง”
นายใหญ่เมิ่งหน้าแดง จำต้องก้มหน้า “ผู้อาวุโสสั่งสอนถูกต้องแล้วครับ”
ฝูซีพูดเสียงแข็ง “ในเมื่อไม่ใช่แพทย์ผิดจรรยาบรรณ ตอนนี้ยังไม่ขอโทษเธออีก”
พอฝูซีพูดแบบนี้ มีเหรอที่คนอื่นๆ ยังจะนั่งเฉยได้อีก
รวมถึงนายใหญ่เมิ่ง ก็ขอโทษอิ๋งจื่อจินเหมือนกัน
นายใหญ่เมิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกเก็บกดมาก
ใครจะไปคาดคิดว่าฝูซีจะยื่นมือเข้ามาแทรก
หลังจากฝูซีจับตาดูทุกคนขอโทษเสร็จถึงได้ออกไป
ห้องประชุมก็โล่งในชั่วพริบตา
มีเพียงผู้อาวุโสสี่ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม พูดพึมพำ “ไม่ใช่แพทย์ผิดจรรยาบรรณ มีคนตายอีกแล้ว ฮ่าๆ ตายอีกแล้ว!”
หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเสร็จ เขาก็ไปนั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่ตรงบันไดหิน
ประกายในดวงตาค่อยๆ มอดลงทีละนิด
ฝูเฉินตกใจ “เขาเป็นอะไรไป บ้าไปแล้วเหรอ”
“ใช่ที่ไหน ไม่ได้บ้าหรอก ก็แค่น่าเวทนา” อาจารย์หลี่ส่ายมือ
“พวกคุณไม่รู้หรอกว่าคนในครอบครัวเขาตายเพราะแพทย์ผิดจรรยาบรรณ เศษซากกระดูกที่เจอในตอนท้ายก็ไม่สมบูรณ์”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลงเล็กน้อย “ถูกจับไปทำยาเหรอคะ”
แพทย์ผิดจรรยาบรรณที่เธอเคยเจอมีแค่สือเฟิ่งอี๋
สือเฟิ่งอี๋ชอบทำยาที่ออกฤทธิ์คุมประสาทคนได้
แต่แพทย์ผิดจรรยาบรรณไม่ใช่แค่ประเภทนั้น
“ไม่มีใครรู้ เพราะสืบไม่ได้” อาจารย์หลี่ถอนหายใจ
“เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อน เขาเพิ่งได้เลื่อนเป็นผู้อาวุโส พอมีอำนาจก็เตรียมรับลูกชายกับลูกสะใภ้มาจากบ้านเกิด”
“ตอนนั้นลูกสะใภ้ของเขาให้กำเนิดลูกแฝดชายหญิง หลานชายหลานสาวของเขาอายุได้สามขวบแล้ว มีพรสวรรค์พอสมควร จำแนกสมุนไพรเป็น”
อาจารย์หลี่พูดต่อ “คุณอิ๋งครับ รู้ไหมครับว่าสมาพันธ์โอสถก่อตั้งมาสองร้อยยี่สิบสามปี การจะได้เลื่อนเป็นผู้อาวุโสไม่ง่ายเลย”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ค่ะ ทราบค่ะ”
ผู้อาวุโสของสมาพันธ์โอสถจะต้องเป็นสมาชิกระดับเจ็ด แต่ใช่ว่าสมาชิกระดับเจ็ดทุกคนจะได้เลื่อนเป็นผู้อาวุโส
คนที่จะได้รับการเลื่อนเป็นผู้อาวุโสต้องผ่านด่านทดสอบมากมาย
แต่เมื่อกลายเป็นผู้อาวุโสของสมาพันธ์โอสถก็หมายความว่ามีสถานะที่มั่นคงในโลกแพทย์แผนโบราณแล้ว
“โลกแพทย์แผนโบราณเทียบไม่ได้กับโลกจอมยุทธ ฆ่าแกงกันเองไม่ได้ อย่างไรเสียแพทย์แผนโบราณส่วนใหญ่ก็ร่างกายอ่อนแอ คนสุขภาพดีก็คือคนธรรมดาสามัญ อย่างมากก็ได้แค่ป้องกันตัว เมื่อเทียบกันแล้วโลกแพทย์แผนโบราณจึงปลอดภัยกว่ามาก” อาจารย์หลี่พูดต่อ “บ้านของพวกเขาอยู่ห่างจากสมาพันธ์แพทย์แผนโบราณไปไม่มาก เดินทางแค่ครึ่งวัน ใครจะไปคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องโหดร้ายแบบนั้นระหว่างทาง”
กว่าผู้อาวุโสสี่จะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลแล้วรีบกลับไปดูก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านแล้ว
ซากกระดูกถูกพบในหนึ่งเดือนต่อมา
สภาพน่าเวทนาไม่อาจมอง
แพทย์ผิดจรรยาบรรณพวกนั้นโหดร้ายถึงขั้นที่ไม่เว้นแม้แต่เด็ก
ตอนนั้นผู้อาวุโสสี่ควบคุมสติไม่ได้
วิ่งวุ่นตามหาอยู่ยี่สิบปีเขาก็ยังไม่เจอตัวฆาตกร
“ช่วงหลายปีมานี้เขาตามสืบเบาะแสของแพทย์ผิดจรรยาบรรณอยู่ตลอด” อาจารย์หลี่ส่ายหน้า
“ต่อให้มีเพียงเบาะแสน้อยนิดเขาก็ไม่อยากปล่อยไป ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าคุณเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ แค่อยากสืบหาแพทย์ผิดจรรยาบรรณทั้งขบวนการผ่านคุณน่ะครับ”
อิ๋งจื่อจินพูด “เป็นเรื่องปกติของคน ฉันเข้าใจได้ค่ะ”
“คุณอิ๋งครับ เดิมทีพวกคุณไม่ควรต้องรู้เรื่องแพทย์ผิดจรรยาบรรณ จะได้ไม่รู้สึกหวาดกลัว” อาจารย์หลี่สีหน้าจริงจัง
“แต่ในเมื่อตอนนี้คุณรู้แล้วก็ต้องระวังให้มาก คนเก่งๆ แบบคุณก็เป็นเป้าหมายสำคัญที่พวกแพทย์ผิดจรรยาบรรณต้องการฆ่านะครับ”
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่า นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งตัวปลอมที่ตอนนั้นหลอกริต้า เบวิน น่าจะเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณ
เวลานี้ผู้อาวุโสสี่เดินเข้ามา ดวงตายังคงแดงก่ำ
“คุณอิ๋ง เมื่อครู่ล่วงเกินไปมาก เห็นเด็กคนนี้บอกว่าคุณมีความจำเป็นต้องใช้สมุนไพร ผมยกโควตาของตัวเองให้คุณแล้วกัน อย่างไรซะ…”
เขาก็ไม่ต้องการแล้ว
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ขาดแคลน” อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองเขา
“คุณมีภาวะซึมเศร้า ธาตุไฟแปรปรวน ตับได้รับความเสียหาย ว่างๆ ก็กินยาลดอาการซึมเศร้าหน่อยนะคะ”
ผู้อาวุโสสี่อึ้ง “คุณอิ๋ง คุณ…”
อิ๋งจื่อจินจิบชา “ดูใบหน้าเป็นนิดหน่อยค่ะ”
“อ่อๆ” ผู้อาวุโสสี่พยักหน้า “มิน่าล่ะ”
แพทย์แผนโบราณต้องอาศัยการสังเกต ดม สอบถาม จับชีพจร ส่วนใหญ่จะดูใบหน้าเป็นกันนิดหน่อย
การดูใบหน้าของพวกเขาไม่เหมือนการดูโหงวเฮ้ง
พวกเขาสามารถใช้การดูใบหน้าวินิจฉัยได้ว่าผู้ป่วยเจ็บป่วยตรงไหน
อย่างไรเสียก็มีอาการป่วยหลายอย่างที่แสดงออกทางใบหน้า แม้จะแค่สิวเม็ดเดียวตรงคางก็ตาม
…
อีกด้านหนึ่ง
ทางตระกูลเมิ่ง
พอเมิ่งชิงเสวี่ยฟังเรื่องที่เกิดขึ้นในที่ประชุมจบก็ตกใจ
“ผู้นำตระกูลฝูเหรอคะ เธอเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสฝูซีเหรอคะ”
ไม่อย่างนั้นทำไมฝูซีต้องมาออกหน้าให้โดยเฉพาะล่ะ
เมิ่งชิงเสวี่ยกำมือแน่น
ถ้าเป็นลูกศิษย์ของฝูซี แบบนั้นในบรรดาคนรุ่นเดียวกันก็ไม่มีใครสู้อิ๋งจื่อจินได้แล้ว
แม้แต่ลำดับรุ่นของฝูเฉินก็จะถูกกดลงไปมาก
นายใหญ่เมิ่งหัวเราะ
“ชิงเสวี่ย ลูกคิดมากเกินไปแล้ว ผู้นำตระกูลฝูเป็นใคร เก็บตัวไม่ออกมาปรากฏตัวตั้งกี่ปีแล้ว ก็มีแค่ฝูเฉินที่ได้รับคำชี้แนะจากเธอ”
“อิ๋งจื่อจินเพิ่งจะอายุเท่าไร ย่างสิบเก้าปี แถมยังเป็นญาติห่างๆ ของตระกูลเล็กๆ ในโลกจอมยุทธอย่างตระกูลเยี่ย ไม่ได้เฉียดใกล้ตระกูลฝูเลยสักนิด”
เมิ่งชิงเสวี่ยขมวดคิ้ว “แต่ว่า…”
“สาเหตุที่วันนี้ผู้นำตระกูลฝูออกมาก็แค่บังเอิญได้ยินเรื่องแพทย์ผิดจรรยาบรรณมาจากฝูเฉิน” นายใหญ่เมิ่งส่ายหน้า “ผู้นำตระกูลฝูเกลียดแพทย์ผิดจรรยาบรรณขนาดไหน ใครๆ ก็รู้ ยังไงซะเธอก็เคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งที่ตายด้วยน้ำมือของแพทย์ผิดจรรยาบรรณ”
“ตอนแพทย์ผิดจรรยาบรรณที่คราวก่อนตระกูลหลิงในโลกจอมยุทธจับไปให้ตระกูลฝู ฝูซีก็เคยออกมาไม่ใช่เหรอ”
“กอปรกับอิ๋งจื่อจินมีพรสวรรค์สูงมากในด้านปรุงยา ถึงแม้ผู้นำตระกูลฝูจะเกลียดแพทย์ผิดจรรยาบรรณมาก แต่ก็ไม่มีทางทนเห็นอัจฉริยะด้านการปรุงยาถูกใส่ร้ายว่าเป็นแพทย์ผิดจรรยาบรรณได้ อีกทั้งเธอยังเป็นคนจิตใจดี ก็แค่แวะมาดู อย่าคิดมากน่า”
เมิ่งชิงเสวี่ยโล่งใจขึ้นมาหน่อย
“แต่นับแต่วันนี้เป็นต้นไป สถานะของอิ๋งจื่อจินในโลกแพทย์แผนโบราณก็แน่นอนแล้ว” นายใหญ่เมิ่งพูดต่อ “ถึงแม้จะสู้ลูกกับฝูเฉินไม่ได้ แต่ก็พอจะเบียดมาอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการได้”
ขณะที่นายใหญ่เมิ่งพูดอยู่ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่งจากในที่ประชุม รู้สึกตกใจทันที
ดูเหมือนอิ๋งจื่อจินจะฝังเข็มเป็นด้วย
ไม่อย่างนั้นจะรู้วิธีชันสูตรศพได้อย่างไร
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ขรึมลงไปมาก
…
ก่อนขึ้นปีใหม่ โลกแพทย์แผนโบราณจะมีการล่าสัตว์ในฤดูหนาว
มีเพียงสามตระกูลชั้นยอด กับสมาชิกคนสำคัญของสำนักเทียนอีและสมาพันธ์โอสถเท่านั้นที่จะได้รับเชิญ
ขณะที่อิ๋งจื่อจินได้รับบัตรเชิญก็ได้รับข้อความวีแชทจากฝูเฉินด้วย
[นอนหลับจับปลา : ท่านปรมาจารย์ครับ ทางนั้นก็ส่งบัตรเชิญให้ด้วยใช่ไหม มาไหมครับ]
[นอนหลับจับปลา : ถ้าท่านปรมาจารย์มาผมก็จะไปด้วย ไปนอนในสนามล่าสัตว์ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ ท่านปรมาจารย์เทพมากเลยครับ ต่อให้ผมหลับอยู่กำลังภายในก็เพิ่มขึ้นได้จริงๆ!]
นี่เปรียบเสมือนเสียงสวรรค์สำหรับฝูเฉิน
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว
ถึงแม้เธอจะเป็นคนนำวิทยายุทธมาสู่โลกมนุษย์ แต่ก่อนที่จะมีจอมยุทธ เดิมทียุคโบราณของประเทศจีนก็มีกังฟูศิลปะการต่อสู้อยู่แล้ว วิชาตัวเบาสกัดจุดก็มีอยู่จริง
แต่กังฟูไม่สามารถขุดความสามารถที่แฝงอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ได้ จึงไม่สามารถช่วยยืดอายุขัย หรือทำให้มีความเร็วกับพลังที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปได้
วิทยายุทธ์มาจากการที่เธอนำวิธีฝึกในโลกบำเพ็ญเพียรมาผสมผสานกับสถานการณ์จริงบนโลกมนุษย์ รวมกับศิลปะกังฟูของยุคโบราณ จนสุดท้ายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
การนอนแล้วได้ฝึกกำลังภายในไปด้วยแบบนี้เธอเรียนมาจากเพื่อนสนิท ก็แค่เอามาดัดแปลงเขียนเป็นคัมภีร์ลับวิทยายุทธ
[อิ๋งจื่อจิน : ไปก็ได้ เที่ยวเล่น]
เมืองตี้ตูทั่วทุกพื้นที่ล้วนเป็นเงินเป็นทอง ไม่มีสถานที่กว้างๆ ให้ม้าวิ่ง
ฟู่อวิ๋นเซินจับบัตรเชิญที่อยู่บนโต๊ะ เลิกคิ้ว “ชอบม้าเหรอ”
“ระดับนึง” อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “ตราบใดที่ไม่ใช่ฉันขี่เอง”
จอมยุทธที่มีวรยุทธห้าสิบปีขึ้นไปสามารถใช้กำลังภายในทำให้ร่างกาย ‘เหาะ’ ได้ ดีกว่าการใช้วิชาตัวเบาในละครกำลังภายในเยอะ
ดังนั้นสำหรับจอมยุทธแล้ว ต่อให้เป็นระยะทางที่ไกลมาก การเดินย่อมสบายกว่าขี่ม้า
ในโลกจอมยุทธก็มีแค่เด็กตัวเล็กๆ ที่ชอบขี่ม้า
แต่โลกแพทย์แผนโบราณไม่เหมือนกัน แพทย์แผนโบราณส่วนใหญ่ฝึกวรยุทธไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ทางตระกูลจึงให้สมาชิกหัดขี่ม้ายิงธนูตั้งแต่เด็ก เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
“อืม เดี๋ยวพี่ชายขี่ให้” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ ยิ้มเล็กน้อย “พอดีเลย เดี๋ยวตอนล่าสัตว์ฤดูหนาวจะให้อวิ๋นซานไปจับสัตว์ปีกมาย่างให้เธอกิน”
คุณภาพอากาศในโลกแพทย์แผนโบราณดีมาก สัตว์ต่างๆ ก็เจริญเติบโตได้ดี เนื้อแน่นยิ่งกว่า
เธอชอบกินมาก
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเล็กน้อย “ล่ามาหลายตัวหน่อย เอาไปฝากพวกพ่อด้วย ทำเนื้อแดดเดียวได้ไหม”
“ได้”
“ดี เอาไปฝากเสี่ยวหลานกับอะเดลสักสองสามถุง”
ฟู่อวิ๋นเซินถือไอแพด “เยาเยา มหาวิทยาลัยตี้ตูปิดเทอมอย่างเป็นทางการแล้ว ผลสอบเธอก็ออกมาแล้ว อยากดูหน่อยไหม”
อิ๋งจื่อจินหลับตาลง “ไม่เอา ไม่น่าสนใจ”
ฟู่อวิ๋นเซินมองคะแนนเต็มที่ไล่เรียงลงมา “…”
ก็ไม่น่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ
…
อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินพักอยู่ที่บ้านตระกูลจี้สี่วันแล้วกลับโลกแพทย์แผนโบราณ
การล่าสัตว์จะเริ่มในตอนบ่าย เวลาสิบเอ็ดโมงก็เริ่มมีคนทยอยเข้ามาในสนามม้าจำนวนไม่น้อย
ฟู่อวิ๋นเซินไปหยิบชุดสำหรับใส่ล่าสัตว์
อิ๋งจื่อจินสวมหมวกเบสบอล มือข้างหนึ่งถือขวดโค้ก กำลังดูม้า
เธอกวาดตามองอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็หยุดลง
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า ดวงตาหงส์หรี่ลงเล็กน้อย
ตรงนั้นมีม้าสีดำสนิท ขนแผงคอเงางาม สี่เท้าหนักแน่น รูปร่างสง่างาม
ม้ารูปงามถูกผูกไว้ในคอก พอเห็นมีคนมามันก็ร้องฮี้เป็นการเตือน
ทำคนอื่นๆ ที่ดูม้าอยู่ตกใจ
อิ๋งจื่อจินแต่งตัวต่างจากคนในโลกแพทย์แผนโบราณ คนจำนวนไม่น้อยพากันมองมาด้วยความสงสัย
อิ๋งจื่อจินกำลังจะเอามือไปจับบังเหียนของม้ารูปงาม
“คุณอิ๋ง!” เมิ่งชิงเสวี่ยเห็นก็ขมวดคิ้ว “ม้าตัวนั้นเป็นม้าดุร้าย ยังไม่ผ่านการฝึก คุณขี่ไม่ได้นะคะ อย่าไปจับมัน”
Comments