คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 589 อยู่ๆ ก็เผยตัว นึกเสียใจเหลือเกิน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 589 อยู่ๆ ก็เผยตัว นึกเสียใจเหลือเกิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 589 อยู่ๆ ก็เผยตัว นึกเสียใจเหลือเกิน

เดิมทีเดวิดคิดว่าตระกูลลอเรนท์จะส่งคนมาปล่อยตัวเขาไป

เขาเป็นประธานคณะกรรมการรางวัลตุ๊กตาทองไอเอฟเอฟอย่างน้อยก็ได้รู้จักคนของตระกูลลอเรนท์อยู่บ้าง

ย่อมสนิทกว่าพวกอิ๋งจื่อจินที่เป็นคนจีน

ตระกูลลอเรนท์ไม่มีทางเห็นพวกคนจีนดีกว่าคนในประเทศเดียวกัน

ก่อนหน้านี้เขาก็อาศัยความที่ตัวเองเกี่ยวข้องกับตระกูลลอเรนท์ ถึงจ้างกลุ่มทหารรับจ้างมาได้

ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในโลกใต้ดิน

แต่พอได้ยินคำพูดนี้เดวิดก็ตัวเกร็งขึ้นมาทันที “คะ…คุณ?”

หมายความว่าไง

“คุณอิ๋งแห่งชูกวงมีเดีย ต่อให้เป็นนายท่านก็ต้องให้เกียรติเธอ”

จ็อบยิ้มอีกครั้ง แววตาเจือไปด้วยความเย้ยหยัน

“ลองว่ามาหน่อยสิว่าคุณคิดว่าตัวเองแน่แค่ไหน”

เดวิดแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

ราวกับมีผึ้งจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนบินหึ่งๆ อยู่ข้างหูเขา สมองตื้อไปหมด

เพียงชั่วพริบตาราวกับพลังถูกสูบไปจนหมดสิ้น

เดวิดนั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่ได้สติกลับมา

นายท่าน!

เดวิดไม่ใช่คนของตระกูลลอเรนท์ แต่หลังจากได้เข้ามาคลุกคลีก็พอจะรู้เรื่องอยู่บ้าง

คนที่จะถูกเรียกว่านายท่านในตระกูลลอเรนท์ได้มีเพียงผู้กุมอำนาจที่แสนลึกลับคนนั้น

ต่อให้เป็นนายใหญ่ หรือต่อให้เป็นคณะผู้อาวุโสที่มีเกียรติสูงส่งก็ต้องเรียกว่านายท่าน

คนในยุโรปต่างรู้ว่าหากไม่มีผู้กุมอำนาจคนนี้ก็ไม่มีตระกูลลอเรนท์ในวันนี้

เขาคู่ควรให้คนทั้งตระกูลลอเรนท์เคารพ

ถ้าอย่างนั้นคนที่ทำให้ผู้กุมอำนาจให้เกียรติได้จะมีสถานะแบบไหน

เดวิดสับสนไปหมด เริ่มคิดฟุ้งซ่าน

“ฟังดูนะ คุณบอกว่าอยากจับตัวพวกเขาไว้ ไม่ให้พวกเขาไปจากฟลอเรนซ์ ตอนนี้ยังจะกล้าอีกไหม” จ็อบมองเดวิดแล้วพูดขึ้น “อยากออกไปไม่ใช่เหรอ ผมปล่อยคุณไปตอนนี้ได้ ไปสิ”

พูดจบเขาก็เปิดประตูจริงๆ หลีกทางให้

แต่เดวิดไม่กล้าขยับ

ริมฝีปากของเขาสั่น สีหน้าซีดเซียว

“ธะ…เธอเป็นใคร…”

อิ๋งจื่อจินเป็นใครกันแน่!

“เดวิด ถ้าคุณทำตัวดีหลังจากถูกปลด พูดขอโทษ ตระหนักถึงความผิดของตัวเอง วันหน้าก็ใช่ว่าตระกูลลอเรนท์จะไม่เรียกใช้คุณอีก” จ็อบพูดเสียงเย็นชา “น่าเสียดายนะที่คุณมองสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ออก”

“รู้ไหมว่านายท่านเกลียดใครที่สุด คนตระกูลแพชช์!”

ดวงตาของเดวิดเบิกโพลงอีกครั้ง

“ส่วนคุณ…” จ็อบส่งสายตาเวทนา “คุณกลับข่มเหงคุณอิ๋งเพื่อที่จะได้ไม่ล่วงเกินคุณหนูตระกูลแพชช์ ไหนลองบ่อยมาหน่อยว่านายท่านต้องทำยังไงต่อ”

คราวนี้เดวิดสติแตกอย่างสิ้นเชิงแล้ว

เขาตะโกนร้องโวยวาย หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

“นายใหญ่มีคำสั่ง ห้ามคุณเข้ามาในฟลอเรนซ์อีก”

จ็อบเรียกบอดี้การ์ดมาสองคนให้ลากเดวิดที่หน้าซีดออกไป

เดวิดถูกบอดี้การ์ดสองคนล็อกตัว แข้งขาไร้เรี่ยวแรง

ร่างกายของเขาสั่นไม่หยุด เหงื่อแตกท่วมตัว

ครั้งนี้เขาเจอของแข็งเข้าจริงแล้ว

ถ้าเขารู้มาก่อนว่าอิ๋งจื่อจินกับผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขนาดนี้ มีเหรอที่เขาจะกล้าทำ

เดวิดนึกเสียใจเหลือเกิน

แต่บนโลกนี้ก็ไม่มียาย้อนเวลากลับไปแก้ไข

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ จ็อบก็เตรียมกลับไปรายงานให้ซีซาร์ฟังที่ใจกลางคฤหาสน์

ตอนออกมาเขาเจอผู้หญิงที่อยู่ในชุดเดรสยาวสีม่วงเข้มสไตล์อังกฤษ

จ็อบพยักหน้าเล็กน้อย แค่ทักทาย “คุณเอลิซาเบธ”

เอลิซาเบธพยักหน้า ถอดหมวกออก พูดอย่างสุภาพ

“พ่อบ้านจ็อบ นายท่านสบายดีหรือไม่”

“สบายดีครับ” จ็อบไม่ปิดบังสมาชิกคนสำคัญของตระกูลลอเรนท์

“น่าจะอีกสักระยะนายท่านถึงจะมาพบทุกคนอย่างเป็นทางการครับ”

เพราะล่าสุดซีซาร์ให้เขารวบรวมรายชื่อสมาชิกในตระกูลที่เรียนฟิสิกส์ส่งขึ้นไปให้

ในรายชื่อก็มีเอลิซาเบธด้วย

ครั้นแล้วจ็อบจึงถามเพิ่ม “โปรเจ็กต์ทดลองของคุณเอลิซาเบธเป็นยังไงบ้างครับ”

เอลิซาเบธรู้สึกตกใจ “ก็ราบรื่นดี ขอบคุณพ่อบ้านจ็อบที่เป็นห่วงค่ะ”

“งั้นก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะครับ” จ็อบพยักหน้า ไม่ถามอะไรอีก เดินเข้าไปด้านใน

แต่ซีซาร์ไม่อยู่ เขาแอบหนีออกไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน

เขาหยิบบัตรประชาชนปลอมไปขึ้นรถไฟข้ามเมืองเพื่อไปหาอิ๋งจื่อจิน เวลานี้ไปถึงโรงแรมแล้ว

เลขาสาวเห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่จงใจก้มตัวลง ท่าทางลับๆ ล่อๆ เดินมาทางพวกเขา

เธอระแวงทันที “บอสคะ มีคนอยากลอบสังหารบอส”

อิ๋งจื่อจิน “?”

เธอหันไปก็เห็นเด็กหนุ่มที่กำลังเดินมาทางนี้อย่างระแวดระวัง

มองผมสีทองสว่างของเขา จากนั้นก็พูดเสียงขรึม “คนกันเอง วางใจได้”

เลขาสาวอึ้ง แต่ก็ตั้งสติได้ทันที ไปยกเก้าอี้มานั่งข้างอิ๋งจื่อจิน

พวกซังเย่าจือก็มองมา

“ซีซาร์ ลอเรนท์” เด็กหนุ่มนั่งลง ถอดผ้าปิดปากออก ทักทายอย่างขี้เกียจ “ยินดีที่รู้จักนะทุกคน”

ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏ

ผมทอง ตาฟ้า จมูกโด่ง แบบฉบับของคนตะวันตก

สายเลือดแมวมองในตัวผู้จัดการส่วนตัวพลุ่งพล่าน เกือบถามซีซาร์ไปแล้วว่าอยากเข้าวงการบันเทิงไหม

ยังดีที่เขาห้ามตัวเองได้ทันเวลา

ลอเรนท์!

นามสกุลนี้ก็คือจักรพรรดิแห่งยุโรป

ถ้าเขากล้าถามแบบนั้นออกไปเดี๋ยวได้ดับอนาถทันที

ที่แท้บอสของพวกเขาก็รู้จักกับคนของตระกูลลอเรนท์จริงๆ

เลขาสาวอดถามไม่ได้ “คุณซีซาร์คะ คุณมีสถานะอะไรในตระกูลลอเรนท์เหรอคะ”

“ผมมีสถานะอะไรในตระกูลลอเรนท์เหรอ” ซีซาร์ลูบคาง “เอาเป็นว่ามีแค่ไม่กี่คนที่เคยเจอผม ผมเพิ่งจะได้ออกมา ชีวิตขมขื่นจริงๆ”

คำพูดนี้กลับเป็นเรื่องจริง

แต่พอคนอื่นได้ยินกลับกลายเป็นว่าซีซาร์มีสถานะที่ไม่สูงในตระกูลลอเรนท์ เข้าไม่ถึงสมาชิกคนสำคัญในตระกูล

ทุกคนต่างโล่งอก

พวกเขารู้สึกอกสั่นขวัญแขวนที่ต้องร่วมโต๊ะกับสมาชิกของตระกูลลอเรนท์

ซีซาร์สั่งไวน์แดง หยิบบัตรสีทองออกมา พูดเสียงเบา “บอส บัตรทองของธนาคารลอเรนท์ นอกจากผมก็มีบอสนี่แหละที่มี ใช้ได้ทั่วโลก กดเงินได้ตามใจ ไม่มีจำกัด”

อิ๋งจื่อจินรับมา “คราวหน้านายเปลี่ยนเป็นสีอื่นก็ได้”

“ไม่ได้ สีทองคือขีดจำกัดของผม” ซีซาร์ยืนกราน “สีอื่นมันน่าเกลียด ผมไม่ชอบ”

อิ๋งจื่อจินนวดหัว

“ผมไปก่อนนะบอส” ซีซาร์ก้มตัวอีกครั้ง “ก่อนผมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พวกเราวิดีโอคอลแล้วกัน มีคนไม่น้อยจับตาดูผมอยู่ สุขภาพของผมไม่ได้แข็งแรงเท่านอร์ตัน ต้องออกกำลังมากหน่อย กลัวขิตไปอีกรอบ”

อิ๋งจื่อจิน “…”

เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมซีซาร์ถึงพูดภาษาจีนคล่องขนาดนี้

ศัพท์วัยรุ่นก็รู้จักเอามาใช้

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วโยนถุงหอมให้เขาใบหนึ่ง

ซีซาร์รับมาดม ไม่มีกลิ่นอะไร

เขาสงสัย “อะไรเหรอบอส”

“ยาพิษ” อิ๋งจื่อจินพูด “ฆ่าคนระดับผู้อาวุโสของพวกนายได้สิบคน”

ซีซาร์ชะงัก “บอส เป็นสาวเป็นนางทำไมโหดแบบนี้”

อิ๋งจื่อจินอ่านความคิดของเขาออก พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“อายุตั้งหลายร้อยปีแล้ว ควรเลิกเกาะแข้งเกาะขาฉัน”

ซีซาร์ “…”

เขาอายุหลายร้อยปีที่ไหนกัน ช่วงสองร้อยปีที่เขาหลับใหลอยู่ในโลงน้ำแข็ง สมรรถภาพหลายอย่างของร่างกายก็เท่ากับถูกแช่แข็งไปด้วย

เขาไม่ยอมรับ ตอนนี้เขาอายุแค่ร้อยกว่าปี หนุ่มกว่าเจ้าบ้านอร์ตัน!

เขาต้องหาแฟนได้แน่นอน

ซีซาร์แอบเศร้า “บอส เมื่อคืนทำไมไม่รับสายผม ผมจะถามเรื่องงานไอเอฟเอฟซะหน่อย”

“ดูทีวีอยู่กับแฟน”

“…”

คราวนี้ซีซาร์หันตัวเดินออกไปจริงๆ

เขารับไม่ได้ที่บอสสองมาตรฐานแบบนี้

ภายในห้องรับประทานอาหารส่วนตัว ผู้จัดการที่กำลังกินอยู่ๆ ก็มีสีหน้าตกใจ

“เย่าจือ! นายจำได้หรือเปล่าว่าในประวัติตระกูลลอเรนท์ก็มีนายใหญ่ที่ชื่อว่าซีซาร์”

ซังเย่าจือคิด “พอพี่พูดแบบนี้ดูเหมือนจะมีนะ”

เนื่องจากไม่ใช่ขอบเขตความรู้ที่ตัวเองต้องศึกษา เขาจึงไม่เคยอ่านประวัติศาสตร์ของยุโรปอย่างจริงจัง

ผู้จัดการส่วนตัวกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก

“ไม่รู้ทำไม ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนคนเดียวกับซีซาร์ที่อยู่ในประวัติศาสตร์”

ซังเย่าจืออึ้ง “พี่ว่าไงนะ”

ผู้จัดการส่วนตัวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหาชื่อผู้กุมอำนาจของตระกูลลอเรนท์ในแต่ละรุ่น

ตามคาด ศตวรรษที่สิบหกมีนายใหญ่คนหนึ่งชื่อว่าซีซาร์

ผู้จัดการส่วนตัวกดเข้าไปที่รูป

สมัยนั้นไม่มีกล้องถ่ายรูป มีแค่ภาพวาดสีน้ำมัน

เห็นได้ชัดว่าภาพวาดสีน้ำมันขาดความสมจริงไปมาก

ตาโต กรามกว้าง ริมฝีปากหนา

มองภาพสีน้ำมันที่ไม่สมจริงเท่าไร ผู้จัดการส่วนตัวตกอยู่ในห้วงความเงียบ

เพราะเขาไม่สามารถเชื่อมโยงภาพวาดสีน้ำมันรูปนี้กับเด็กหนุ่มผมทองที่หล่อเหลาคนเมื่อครู่ได้

ก็จริง

เขาคงเพี้ยนไปแล้ว

จะมีคนอายุยืนขนาดนั้นได้ยังไง

เรื่องอย่างลูกหลานชื่อเหมือนบรรพบุรุษพบเจอได้บ่อยในยุโรป

หรือแม้กระทั่งยังมีคนที่ตั้งชื่อลูกชายให้เหมือนชื่อตัวเอง

ผู้จัดการส่วนตัวคิดว่าตัวเองคิดมากเกินไป ทั้งๆ ที่ช่วงไม่กี่วันมานี้จิตใจเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก

เขากดปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เงยหน้าขึ้น “เย่าจือ พวกเราไปเถอะ ไปสนามบิน”

ถึงแม้ตอนนี้รางวัลตุ๊กตาทองจะยังมาไม่ถึงมือซังเย่าจือ แต่ก็ไม่สำคัญแล้ว

เมื่อคืนบริษัทภาพยนตร์ของแต่ละประเทศต่างติดต่อหาชูกวงมีเดียเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์ฉายภาพยนตร์ชีวิตใหม่

ภาพยนตร์เรื่องชีวิตใหม่ยังไม่ได้เข้าฉายอย่างเป็นทางการในประเทศจีน มีแค่ยิงโฆษณาไปไม่กี่ครั้ง

กำหนดฉายอย่างเป็นทางการคือปลายเดือนมีนาคม เข้าโรงพร้อมกันทั่วโลก

คาดการณ์ได้เลยว่าจะสร้างผลประโยชน์ให้ซังเย่าจือ ชูกวงมีเดีย และวงการภาพยนตร์ของประเทศจีนมากขนาดไหน

ตระกูลแพชช์

ยิ่งไดน่าอ่านข่าว สีหน้าก็ยิ่งแย่ลง

จะว่าไปอันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อเธอมากนัก

เธอมีอำนาจอยู่ในมือระดับหนึ่ง ต่อไปใช่ว่าจะต้องง้อวงการบันเทิง แต่เธอก็รู้สึกขายหน้ามากจริงๆ

จนถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อเดวิดไม่ได้

อีกทั้งยังสร้างความขัดแย้งกับตระกูลลอเรนท์มากมายเพราะเรื่องนี้

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลแพชช์อยากเห็น

ถึงแม้จนถึงตอนนี้ตระกูลลอเรนท์จะไม่ได้มาหาเรื่องพวกเขาก็ตาม

ไดน่าสูดลมหายใจเข้าลึก ถามพ่อบ้านที่อยู่ด้านข้าง “คุณพ่อว่าไงบ้าง”

“คุณพ่อของคุณหนูส่งคนไปที่สนามบินแล้วครับ จะเชิญพวกเขามาที่บ้าน” พ่อบ้านพูดอย่างนอบน้อม

“คุณไดน่าวางใจได้ครับ สาเหตุที่ตระกูลลอเรนท์เอาจริงขนาดนี้เป็นเพราะการตัดสินรางวัลตุ๊กตาทองงานไอเอฟเอฟที่ไม่ยุติธรรมครับ”

“ต่อให้ไม่ใช่ชูกวงมีเดียจากประเทศจีน เป็นบริษัทเล็กๆ ในประเทศคิว พวกเขาก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน เรื่องหลังจากนั้น พวกเขาไม่มีทางสนใจ”

ตระกูลลอเรนท์ทำแบบนี้ก็เพื่อชื่อเสียงของตระกูล ไม่ได้เกี่ยวกับใครเลย

ตระกูลลอเรนท์มีเวลาสนใจเรื่องคนอื่นที่ไหนกัน

ชูกวงมีเดียทำให้ตระกูลแพชช์เสียหน้าอย่างรุนแรง โดยเฉพาะซีอีโออิ๋งคนนั้น

ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ

ไดน่าข่มความหงุดหงิดใจ ถอนหายใจ “งั้นฉันจะรอ”

อีกด้านหนึ่ง ณ สนามบิน

อยู่ๆ เสียงฉุกเฉินก็ดังขึ้น

[เรียนผู้โดยสารทุกท่าน เรียนผู้โดยสารทุกท่าน ทางเราได้รับแจ้งอย่างเร่งด่วน มีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น เครื่องบินทุกลำจะทำการหยุดบินชั่วคราว เครื่องบินทุกลำจะทำการหยุดบินชั่วคราว ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านโปรดรอด้วยความอดทน หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรทางสนามบินจะรีบแจ้งโดยเร็วที่สุดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน]

เมืองแห่งนี้ที่เป็นที่ตั้งของสนามบินอยู่ติดกับฟลอเรนซ์ เป็นอาณาเขตของตระกูลแพชช์

ตระกูลแพชช์ควบคุมสนามบินไว้แล้ว ก็แสดงว่าจะไม่มีเครื่องบินลำไหนขึ้นบินได้ รวมถึงเครื่องบินส่วนตัว

อย่างไรเสียเครื่องบินส่วนตัวก็ต้องใช้รันเวย์ของสนามบินเพื่อขึ้นบิน

เกิดความวุ่นวายขึ้นในสนามบินทันที

ถึงแม้สนามบินของที่นี่จะไม่ใหญ่เท่าฟลอเรนซ์ แต่ก็เป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญ

บรรดาผู้โดยสารที่มาจากหลายประเทศต่างสับสนอลหม่าน

อย่างไรเสียขบวนการก่อการร้ายในยุโรปก็มีอยู่ไม่น้อย

โดยเฉพาะเหตุระเบิดครั้งก่อนที่เมืองมหาวิทยาลัย จนถึงตอนนี้ก็ยังสืบไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร

มีกลุ่มคนบุกขึ้นไปบนเครื่องบินส่วนตัวที่คนของชูกวงมีเดียนั่งอยู่

ลุคเดินนำไป ด้านหลังของเขามีทีมคุ้มกันของตระกูลแพชช์

เลขาสาวตกใจ

ลุคกวาดตามอง แสยะยิ้ม “มีแค่พวกแกเหรอ บอสของพวกแกล่ะ ทิ้งพวกแกหนีไปแล้วเหรอ”

“นังนั่นยังอยู่ที่โรงแรมสินะ” ลุคก้มหน้า “มา รีบติดต่อไปสิ บอกให้มาที่นี่ทันที ไม่อย่างนั้นพวกแกก็อย่าคิดไปจากยุโรปเลย”

“แน่นอนว่า ลำเลียงเอาศพกลับบ้านเกิดให้ได้ ไม่คิดเงิน ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด