คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 628 อย่ามีเรื่องกับตระกูลลอเรนท์ อาหลานเจอกัน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 628 อย่ามีเรื่องกับตระกูลลอเรนท์ อาหลานเจอกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 628 อย่ามีเรื่องกับตระกูลลอเรนท์ อาหลานเจอกัน

“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย” พนักงานต้อนรับอึ้ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “คุณผู้ชายต้องการพบท่านประธานได้นัดไว้ก่อนไหมคะ”

ในความสุภาพมีความห่างเหิน “หากไม่ได้นัดล่วงหน้า กรุณานัดก่อนนะคะ แล้วฉันจะช่วยลงเวลาให้ค่ะ”

ความหมายคือ ประธานงานยุ่งมาก ใช่ว่าใครก็มาขอเข้าพบได้

จั่วหลีมองเธอ ไม่พูดอะไร เดินเข้าไปข้างใน

พนักงานต้อนรับร้อนใจ “คุณคะ เข้าไปไม่ได้นะคะ!”

แต่เธอก็ขวางจั่วหลีไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงกดโทรด้วยความร้อนใจ “รปภ.! รปภ.!”

ยังไม่ทันที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะได้ขยับก็มีเสียงพูดดังขึ้น

“ศาสตราจารย์จั่วใช่ไหมครับ” เป็นเสียงของชายหนุ่ม เขายืนอยู่หน้าบันได “เชิญขึ้นมาครับ ท่านประธานอยู่ในห้องทำงาน”

ชั้นบน

ภายในห้องทำงานประธาน

ประธานศูนย์ฟิสิกส์สากลคนปัจจุบันไม่ได้เป็นนักฟิสิกส์มาก่อน

เคยเป็นนักธุรกิจ

แต่เขารู้จักคนเยอะมาก ด้วยเหตุนี้ตอนเปลี่ยนประธานถึงขึ้นเป็นประธานได้สำเร็จ

เมื่อคนนอกวงการกลายเป็นประธานศูนย์ฟิสิกส์สากล ความเน่าเฟะในองค์กรก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

“ศาสตราจารย์จั่ว ไม่เจอกันนานนะครับ” ประธานยิ้ม “มา นั่งสิครับ ผมเพิ่งนำเข้าชาจากประเทศจีนของพวกคุณมาหน่อย ลองดื่มชาดูสิครับ”

จั่วหลีไม่นั่งลง เข้าประเด็นทันที “พวกคุณเอาบทความของนักศึกษาผมไปขายให้ตระกูลลอเรนท์เหรอ”

มือของประธานชะงัก เหลือบตาขึ้น “ครับ แล้วไงล่ะ”

“แล้วไงเหรอ” จั่วหลีโมโหจนหัวเราะ

เขาเข้าไปคว้าคอเสื้อประธานแล้วง้างมือตบไปหนึ่งที

ประธานทั้งตะลึงทั้งโมโห “จั่วหลี บ้าไปแล้วเหรอ! คุณยังอยากอยู่ในวงการฟิสิกส์หรือเปล่า!”

“ขายไปเท่าไร” จั่วหลีไม่หายโมโห แสยะยิ้ม “หลังจากขายบทความ คุณจงใจเอาขึ้นวารสารวิทยาศาสตร์เดือนนี้ใช่ไหม”

“เพื่อให้ชนกับบทความของนักศึกษาผม เธอจะได้ถูกครหาว่าคัดลอกบทความคนอื่น!”

“ศาสตราจารย์จั่ว นี่มันเป็นปัญหาของคุณแล้ว” ประธานยิ้มเล็กน้อย “คุณดันทุรังส่งบทความของนักศึกษาตัวเองไปที่องค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของยุโรป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราบังคับให้คุณส่งไปหรือไง”

“คนที่ทำให้นักศึกษาของคุณต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยคัดลอกบทความคนอื่นก็คือคุณที่ชอบจุ้นจ้าน ผมยังอยากถามอยู่เลยนะว่า ทำไมคุณถึงอยากตัดเส้นทางการเป็นนักวิจัยของนักศึกษาตัวเองขนาดนี้”

จั่วหลีมือสั่น “พวกคุณมันหน้าไม่อายจริงๆ”

เขารู้ว่าไม่จำเป็นต้องคุยต่อไปแล้ว หันตัวเดินออก

“ศาสตราจารย์จั่ว คุณไม่คำนึงถึงตัวเองก็คำนึงถึงนักศึกษาของคุณบ้าง” เสียงเย็นชาของประธานดังตามหลัง “คุณต้องคิดให้ดีนะ ตระกูลลอเรนท์ บนโลกนี้มีอิทธิพลไหนบ้างที่กล้าล่วงเกินตระกูลนี้!”

จั่วหลีไม่ตอบแม้แต่คำเดียว เดินออกจากห้องทำงานประธาน

ประธานยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แววตาเคร่งขรึม

ประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง

รองประธานมาหา

“ท่านประธานครับ คนจีนคนนี้จะไม่ก่อเรื่องอะไรใช่ไหมครับ” รองประธานเดินเข้ามา ขมวดคิ้ว “ถ้าปล่อยให้เขาทำเป็นเรื่องใหญ่ พวกเราจะยุ่งยากนะครับ”

แต่ละวงการต่างมีอิทธิพลสีเทาแฝงอยู่มากน้อยแตกต่างกันไป

ไม่พูดออกมาก็ไม่เป็นไร

แต่ถ้าทำเป็นเรื่องใหญ่จนถึงขั้นที่รู้กันไปทั่ว ศูนย์ฟิสิกส์สากลก็จะหมดความน่าเชื่อถือ สูญเสียความเป็นธรรม

“เมื่อกี้ฉันบอกเขาแล้ว บอกให้ไปคิดดูให้ดี” ประธานเป่าชาแล้วพูดต่อ “ถ้าทำเป็นเรื่องใหญ่ ก็ลองดูแล้วกันว่าตระกูลลอเรนท์จะปล่อยเขากับนักศึกษาของเขาไว้หรือเปล่า”

“ตระกูลลอเรนท์เป็นราชาแห่งยุโรป มีวิธีให้เลือกใช้มากมาย เขาจะสู้ได้เหรอ”

เอลิซาเบธ ลอเรนท์ ก็ถือเป็นอันดับต้นๆ ในวงการชนชั้นสูงของยุโรป

พอตระกูลแพชช์ล้มลงก็ไม่มีสักตระกูลที่สามารถต่อกรกับตระกูลลอเรนท์ได้

ระหว่างอิ๋งจื่อจินแชมป์ไอเอสซีที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการวิทยาศาสตร์กับคุณหนูตระกูลลอเรนท์ ต้องเลือกใครไม่ต้องบอกก็รู้

“ท่านประธานมองการณ์ไกลจริงๆ ครับ” ในที่สุดรองประธานก็มีรอยยิ้ม “เอาบทความของเด็กหน้าใหม่ให้คุณหนูเอลิซาเบธ ทำให้พวกเราได้เงินทุนสามร้อยล้านดอลลาร์ ทั้งยังทำให้คุณหนูเอลิซาเบธติดค้างน้ำใจได้”

เอลิซาเบธขาดแค่บทความเดียวก็สามารถตั้งหลักในวงการวิชาการอย่างเป็นทางการได้แล้ว

พวกเขาก็ช่วยหามานาน แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาบทความของพวกศาสตราจารย์สูงวัยมา

และแล้วจั่วหลีก็ส่งบทความของอิ๋งจื่อจินมาพอดี

“ไม่ใช่แค่นั้น” ประธานส่ายหน้า “คุณไม่รู้ คุณหนูเอลิซาเบธคนนี้เคยถูกผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์เรียก ผู้กุมอำนาจคนนี้ยังได้ติดต่อคนโดยเฉพาะเพื่อให้เธอได้เข้าห้องทดลองของเกอร์เวน”

“ไม่เพียงแต่พวกเราจะทำให้คุณหนูเอลิซาเบธได้หน้า ยังทำให้ผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์กับศาสตราจารย์เกอร์เวนได้หน้าด้วย”

อย่างไรเสียเมื่อเทียบเอลิซาเบธกับสองคนหลังก็ยังสู้ไม่ได้

รองประธานแทบหยุดหายใจ “ที่แท้ก็แบบนี้ คุณหนูเอลิซาเบธคนนี้เก่งจริงๆ เลยนะครับ”

“แต่คุณก็พูดมีเหตุผล” ประธานหรี่ตาลง “จั่วหลีเป็นดาวรุ่งของวงการฟิสิกส์ ไม่แน่เขาอาจรู้จักใครอยู่บ้าง”

“ผมได้ยินมาว่าดูเหมือนเขาจะรู้จักเกอร์เวนด้วยนะครับ ไปจับเขาไว้ก่อนดีไหมครับ”

ขอแค่วารสารวิทยาศาสตร์สองเล่มนั้นตีพิมพ์ไปทั่วโลกก่อน ต่อให้จั่วหลีแสดงหลักฐานว่าอิ๋งจื่อจินเขียนบทความนั้นก่อนเอลิซาเบธ แต่ก็ล้างมลทินยากแล้ว

ตราบใดที่พวกเขาบอกว่าปลอมแปลงขึ้นมาก็จบแล้ว

จั่วหลีกับนักศึกษาของเขายังจะสู้อะไรได้อีก

ประธานดื่มชา “ส่งคนไปจัดการแล้วกัน ขังไว้ก็ดูแลให้ดี รอวารสารตีพิมพ์ออกไปเมื่อไรค่อยปล่อยตัว”

สนามบิน

จั่วหลีโทรหาองค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่อยู่ยุโรป “ครับ เกิดปัญหานิดหน่อย รบกวนพวกคุณช่วยถอดบทความของนักศึกษาผมออกก่อน ความเสียหายทั้งหมดผมรับผิดชอบเองครับ

จั่วหลีตัดสาย จากนั้นก็จะโทรหาอิ๋งจื่อจิน

เขาไม่ระวังเรื่องนี้ ไม่ได้คำนึงให้รอบคอบ ทำให้บทความของอิ๋งจื่อจินถูกขโมยไป

แต่ตอนนี้เขากลับปกป้องนักศึกษาของตัวเองไม่ได้ ทำได้เพียงให้เธอแก้ปัญหาเอง เขารู้สึกแย่มาก

ในชีวิตการเป็นอาจารย์ของเขา ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ทำให้เขาหมดแรงได้เท่านี้มาก่อน

แต่ยังไม่ทันจะได้กดเบอร์ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกชาที่คอ

ต่อมาเบื้องหน้าก็เข้าสู่ความมืดมิด

สองคนที่ศูนย์ฟิสิกส์สากลส่งมาแบกจั่วหลีออกไปด้วยความระมัดระวัง

คนในสนามบินที่อยู่แถวนั้นก็เห็นแล้ว แต่ไม่แปลกใจอะไร ละสายตากลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สองวันต่อมา

ยุโรป

ประเทศเจ

สำนักงานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปอยู่ที่นี่

อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินเดินออกจากสนามบินด้วยกัน ไปขึ้นรถ

อิ๋งจื่อจินมองการตกแต่งภายในรถ เลิกคิ้วพลางพูด “คุณชอบสะสมรถเหรอ”

ตอนนั้นที่เธอกับซิวอวี่ไปร่วมแข่งรถในการแข่งขันที่ตระกูลแมนสันจัดขึ้น ฟู่อวิ๋นเซินก็ให้รถแข่งตระกูลทีที่ถอนตัวจากวงการแข่งรถไปแล้วยี่สิบปี

นี่ไม่ใช่เรื่องที่แค่มีเงินก็ทำได้

“หืม?” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “คนแก่อย่างพี่ชายก็มีงานอดิเรกนะ”

เขาหมุนพวงมาลัยรถ ไปโรงแรมที่อยู่ใจกลางเมือง

ระหว่างทาง โทรศัพท์ที่ติดอยู่ในรถก็ต่อสายอัตโนมัติ

เป็นการวิดีโอคอล ปลายสายคือลิซิเนียส

“รายงานผู้บัญชาการ เป้าหมายที่คุ้มกันยังไม่ปรากฏตัว ยังคงจับตาดูต่อครับ”

“อืม เข้าใจแล้ว”

หน้าจอกะพริบ จากนั้นก็ดับลง

อิ๋งจื่อจินหันไป “เป้าหมายที่คุ้มกันเหรอ”

“ใช่” นิ้วของฟู่อวิ๋นเซินเคาะพวงมาลัยรถ แววตาขรึมลง “ก่อนหน้านี้ไม่นาน นักล่าห้าสิบอันดับแรกของชาร์ตบนเว็บบอร์ดเอ็นโอเคได้รับภารกิจลับผ่านทางกล่องข้อความส่วนตัว”

“เป้าหมายภารกิจเป็นเด็กผู้หญิงวัยหกขวบ แต่ไม่เห็นหน้าตรง นักล่าพากันออกทำภารกิจ พี่ชายให้ไอบีไอจับตาดูพวกเขา ห้ามทำให้เด็กผู้หญิงคนนี้บาดเจ็บ”

เด็กผู้หญิงคนนี้อาจเป็นช่องทางเดียวที่พวกเขาจะไปยังดินแดนลึกลับแห่งนั้นได้

แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวว่าเด็กคนนั้นบาดเจ็บหรือตายแล้วหรือยัง

คงเป็นเพราะนักล่าพวกนั้นยังตามหาไม่เจอ

อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “เด็กผู้หญิงหกขวบเหรอ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “เยาเยา เธอคงไม่ได้เป็นนักล่าด้วยใช่ไหม”

อิ๋งจื่อจินส่ายหน้าเบาๆ “ไม่มี”

แอ๊กเคานท์เทพพยากรณ์ของเธอไม่ได้ติดชาร์ตนักล่า

วันนั้นหลังจากที่แก้กฎของโซนซื้อขาย เธอก็ไม่ได้ล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดเอ็นโอเคอีก

“แปลกใจเหมือนกันว่าเด็กคนนี้ไปหาเรื่องใครมากันแน่” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “ค่าหัวตั้งพันล้านดอลลาร์”

อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว “ฉันจะลองเอาให้คนดู”

เธอแชร์ข้อมูลให้รองอธิการบดี ให้ทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันช่วยตรวจสอบ

ไม่นานรถก็มาหยุดที่หน้าโรงแรม

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ลงจากรถ แขนวางอยู่บนขอบหน้าต่างรถ “เยาเยา จองห้องไว้ให้แล้ว พี่ชายมีธุระต้องไปที่ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศเจหน่อย”

“โอเค” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ฉันจะออกไปเดินเล่น”

ฟู่อวิ๋นเซินเข้าใจ “ระวังตัวด้วย”

ทั้งสองคนแยกกันที่โรงแรม

อิ๋งจื่อจินเปลี่ยนชุดเสร็จก็ไปย่านธุรกิจใจกลางเมือง

ประเทศเจก็เป็นประเทศระดับโลก กอปรกับสำนักงานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปอยู่ที่นี่ ตามถนนมีความครึกครื้น รถยนต์สัญจรไปมา

อิ๋งจื่อจินไปซื้อช็อกโกแลตร้อนในร้านกาแฟ

พอออกมาทันใดนั้นหูของเธอก็ขยับ มองไปเบื้องหน้าทางขวา

มีเด็กผู้หญิงสวมชุดสีดำกำลังวิ่งมาทางนี้

ไม่กี่วินาทีถัดมาก็มีเสียงปืนดังขึ้นกลางอากาศ ปัง คนแถวนั้นตกใจกันไปหมด

ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ระดับสากล แม้ประเทศเจจะให้พกปืนแบบถูกกฎหมาย

แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุยิงตามท้องถนน

ผู้คนส่งเสียงกรีดร้อง เริ่มวิ่งหนีโกลาหล

รถที่อยู่บนถนนก็เริ่มสูญเสียการควบคุม

แต่ที่น่าแปลกคือ ลูกกระสุนพวกนั้นแม่นยำมาก

ไม่ได้ยิงคนมั่วซั่ว เป้าหมายมีเพียงเด็กผู้หญิง ไม่หลุดวิถีแม้แต่น้อย

นักแม่นปืน

เพียงชั่วขณะอิ๋งจื่อจินก็วิเคราะห์ได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คือเป้าหมายภารกิจที่ตอนนี้ความนิยมนำเธอกับฟู่อวิ๋นเซินไปแล้ว

นักล่าที่ออกทำภารกิจมีถึงสองร้อยคน ถือว่าเยอะมากแบบที่เว็บบอร์ดเอ็นโอเคไม่เคยมีมาก่อน

“เร็วเข้า! รีบหลบไป!” เด็กผู้หญิงวิ่งเร็วมาก วิ่งไปตะโกนไป “หมอบลง หมอบสิ!

ขณะพูดร่างกายของเธอก็หลบกระสุนเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่ว

ไวจนไม่เหมือนเป็นเด็กผู้หญิงหกขวบ

ต่อให้เป็นพวกนักสืบที่ฝึกมาโดยเฉพาะของไอบีไอก็ไม่มีทางหลบกระสุนทุกนัดได้อย่างแม่นยำเท่าเธอ

อิ๋งจื่อจินไม่หลบ

แต่กระสุนพวกนั้นก็ยิงไม่ถูกเธอ

เธอหลุบตาลง กำมือ

ความทรงจำเมื่อนานมาแล้วค่อยๆ ปรากฏขึ้น

จนกระทั่งมีเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากไกลๆ

ตูม!

ห่างออกไปห้าร้อยเมตรมีนักแม่นปืนปักหลักอยู่บนตึกสูงร้อยชั้น กำลังใช้สไนเปอร์ยิงมาที่เด็กคนนี้

“อยากลองดีเหรอ” เด็กผู้หญิงกระโดด หันกลับไปมอง “ฉันไปขุดสุสานบรรพบุรุษแกหรือไง!”

ถึงแม้เธอจะพูดไปแบบนั้น แต่สีหน้ากลับใจเย็น จากนั้นก็ยกมือขึ้น

ในมือของเธอไม่มีปืน มีเพียงนาฬิกาข้อมือ

บนนั้นมีอักษรสีทองสลักอยู่

เรนเกล

เธอขยับปุ่มที่อยู่บนนาฬิกา

เพียงชั่วพริบตานาฬิกาข้อมือก็ปล่อยตาข่ายเลเซอร์สีน้ำเงิน

ฟึ่บ!

ตาข่ายเลเซอร์สีน้ำเงินจัดการล็อกกระสุนนั้นไว้

ต่อมากระสุนนั้นที่สามารถพังตึกใหญ่ได้ก็หล่นลงพื้น

เด็กผู้หญิงพูดพึมพำ “โชคดีที่ฉันพกอาวุธมาเยอะ ไม่อย่างนั้นได้ถูกคนบ้าอย่างพวกแกปลิดชีพไปแล้ว บ๊ายบายนะ”

เธอวิ่งไปข้างหน้าต่อ ตอนผ่านอิ๋งจื่อจินได้จงใจทักทาย “สาวน้อย เก่งนะเนี่ย คนอื่นวิ่งหนีหมดแล้ว ทำไมเธอยังใจเย็นอยู่ล่ะ”

“พวกเรามีวาสนาต่อกันแน่ ไว้รอฉันสลัดคนพวกนี้ได้ก่อนพวกเราค่อยทำความรู้จักกันนะ วันนี้ฤกษ์ไม่ดี ว้าว พวกเขาโหดมาก ฉันหนีต่อละ”

แต่ยังไม่ทันที่เด็กผู้หญิงจะได้ก้าวออกไปก็ถูกอิ๋งจื่อจินหิ้วขึ้นมา

เธอแอบงง แต่ก็ไหวตัวได้เร็ว

“นี่ๆๆ ถึงตอนนี้ฉันจะแค่หกขวบ แต่ก็โตกว่าเธอแน่นอน ทำไมหิ้วฉันขึ้นมาแบบไม่ไว้หน้าเลยล่ะ รู้จักเคารพผู้ใหญ่บ้างสิ ฉันพูดกับเธออยู่นะ…นี่!”

อยู่ๆ เด็กผู้หญิงก็ร้องด้วยความเจ็บปวด

เธอลูบก้น พบว่าตัวเองถูกจับโยนลงบนเก้าอี้หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง

ก็ไม่รู้ทำไม เธออยากลุกขึ้น แต่ขาเหมือนไร้ความรู้สึก ขยับไม่ได้

เด็กผู้หญิงอึ้ง ยกมือขึ้น

มือก็เหมือนสัมผัสถูกฉากกั้น

กระสุนที่ไล่ฆ่าเธอพวกนั้นถูกกั้นไว้ข้างนอก

ลอยคว้างกลางอากาศ

กำลังภายในสำแดงภายนอก กำแพงป้องกัน!

อิ๋งจื่อจินพับแขนเสื้อขึ้น “นั่งให้ดี”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด