คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 632 ตัดชื่อออกจากโปรเจ็กต์ คุณนายประธานใหญ่
ตอนที่ 632 ตัดชื่อออกจากโปรเจ็กต์ คุณนายประธานใหญ่
มุมปากของเอลิซาเบธยังคงมีรอยยิ้มประชด
เธอรู้ว่า ขอแค่อ้างชื่อเกอร์เวน คนพวกนี้ก็ไม่มีทางสงสัยในตัวเธออีก
เกอร์เวนมีชื่อเสียงโด่งดัง ทุกคนให้ความเคารพ
สถานะของเขา เด็กหน้าใหม่อย่างอิ๋งจื่อจินที่เพิ่งเข้าวงการวิชาการมาจะเทียบได้เหรอ
แต่การกระทำที่มาอย่างกะทันหันของอิ๋งจื่อจินได้ทำให้รอยยิ้มของเอลิซาเบธค้างเติ่งอีกครั้ง “เธอว่าไงนะ”
เธอก้มหน้า มือสั่นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็เห็นเบอร์ที่อยู่ในนั้น
เกอร์เวนมีเบอร์สำหรับทำงานโดยเฉพาะ เธอเองก็รู้ แต่ให้ผู้ช่วยดูแลทั้งนั้น แถมยังเป็นเบอร์ที่โต๊ะทำงาน
แต่เบอร์ที่อิ๋งจื่อจินกดเป็นเบอร์มือถือของทางยุโรป
มือของเอลิซาเบธสั่นแล้วสั่นอีก ลังเลไม่ยอมขยับ สมองหยุดทำงานในเวลานี้
“ไม่โทรเหรอ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันช่วยโทรให้แล้วกัน”
อิ๋งจื่อจินกดปุ่มโทรแล้วเปิดลำโพงท่ามกลางสายตาของทุกคน
“ตู๊ด ตู๊ด” ปลายสายกดรับอย่างรวดเร็ว
คนที่อยู่ปลายสายดูดีใจมากอย่างเห็นได้ชัด “อิ๋ง คุณมายุโรปเหรอ หรือว่าโทรหาผมมีธุระอะไร”
“ค่ะ ศาสตราจารย์ ตอนนี้ฉันอยู่ยุโรป มีเรื่องจะรบกวนจริงๆ ค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูด “มีผู้ช่วยนักวิจัยคนหนึ่งในห้องทดลองซื้อบทความของฉันอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งยังได้ตีพิมพ์ลงวารสารของศูนย์ฟิสิกส์สากลแล้วด้วย”
เกอร์เวนจำต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ขึ้นมาทันที น้ำเสียงใจดีดุดันขึ้นเป็นครั้งแรก “ผู้ช่วยนักวิจัยในห้องทดลองซื้อบทความของคุณเหรอ คนไหน”
“เอลิซาเบธ ลอเรนท์”
ปลายสายมีเสียงกดคีย์บอร์ด เห็นได้ชัดว่ากำลังค้นข้อมูล
ผ่านไปสักพักเกอร์เวนถึงพูดขึ้น “มีคนคนนี้จริงๆ แต่เธอยังเข้าไม่ถึงข้อมูลสำคัญของการทดลอง ในเมื่อคัดลอกบทความของคุณ ห้องทดลองก็ไม่ต้องการเธออีกต่อไป”
อิ๋งจื่อจินเป็นคนอย่างไร เกอร์เวนรู้ดี
เขาไม่ต้องถามหาหลักฐานก็เชื่อเธอได้อย่างสนิทใจ
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ค่ะ รบกวนศาสตราจารย์ด้วย”
บทสนทนาของทั้งสองคนจบลงที่ตรงนี้
แค่พูดไม่กี่คำก็ตัดสินใจได้แล้วว่าเอลิซาเบธยังจะอยู่ในห้องทดลองได้อีกหรือเปล่า
“…”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องโถง
คนอื่นๆ ต่างตะลึงกันหมดยกเว้นจั่วหลี
“เธอบอกว่าคนนี้เป็นศาสตราจารย์เกอร์เวนก็คือใช่งั้นเหรอ” เอลิซาเบธหน้าบึ้ง เล็บจิกเข้าฝ่ามือ “ไปหาใครที่ไหนไม่รู้มาปลอมเป็นศาสตราจารย์เกอร์เวน คิดจะหลอกใครน่ะ คนจีนอย่างพวกเธอชอบก๊อบของอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันเป็นคนเขียนบทความนี้!”
ถึงแม้เธอจะพูดไปแบบนั้น แต่บนหน้าผากกลับมีเหงื่อออก เธอเคยได้ยินเสียงเกอร์เวน
เหมือนกับเสียงเมื่อครู่ไม่มีผิด
อีกทั้งสำเนียงภาษาอังกฤษของเกอร์เวนก็มีเอกลักษณ์ในตัวเอง ใช่ว่าใครจะเลียนแบบได้
“ได้” สายตาของอิ๋งจื่อจินไม่ขยับ ใบหน้ายังคงสุขุมเยือกเย็น “ในเมื่อคุณเขียนเอง งั้นคุณก็เอาบทต่อไปออกมา ถ้าคุณไม่มี ฉันมี”
เธอหยิบเมาส์แล้วคลิกเปิดบล็อกส่วนตัวอีกครั้ง
วันที่ลงบทความเป็นวันที่สองสิงหาคมปีสองพันยี่สิบเอ็ด
“พูดสิ!” จั่วหลีกดดัน “ไหนบอกว่าเขียนเองไง ไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่าจริงๆ แล้วบทความนี้เป็นแค่ตอนแรก”
ริมฝีปากของเอลิซาเบธสั่น สีหน้าเริ่มซีดลงทีละนิด
สามร้อยล้านดอลลาร์ของเธอซื้อได้แค่ตอนแรกเหรอ
บรรดาศาสตราจารย์อ่านบทความอย่างละเอียดอีกครั้ง อดตะลึงไม่ได้ “จริงด้วย ในบทความนี้มีบอกไว้อยู่กลายๆ แต่ถ้าไม่บอกก็มองไม่ออก พอชี้นำก็สังเกตได้ว่านี่เป็นการพูดถึงเพียงครึ่งเดียว”
คราวนี้หลักฐานแน่นหนาแล้ว
สายตาของทุกคนดุจคมมีดที่แทงเข้าด้านหลัง ใบหน้าของเอลิซาเบธแดงก่ำ
ความอับอายขั้นสุดทำให้เธออยากระเบิดอารมณ์ เธอหันตัวเดินออกไป
แต่พอเดินไปถึงประตูทันใดนั้นเอลิซาเบธก็หยุด หันไปพูด “ฉันจะให้หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ ปิดเรื่องนี้ให้เงียบซะ”
“โอ๊ย แค่ร้อยล้านดอลลาร์ก็อวดดีได้ขนาดนี้เลยเหรอ” ซีนายแคะหู “ขนาดฉันยังมีมูลค่าตั้งพันล้านดอลลาร์ ไม่มีเงินก็อย่ามาทำอวดรวย ทำเป็นหน้าใหญ่ เกะกะสายตา”
คราวนี้เอลิซาเบธไม่มีหน้าจะอยู่ต่อแล้ว
แต่เนื่องจากร้อนรน ระหว่างที่ลงไปชั้นล่างมีสะดุดล้มไปสามครั้ง รองเท้าส้นสูงหลุด
เดิมทีเจ้าหน้าที่ก็ไม่เชื่อว่าใช้ทักษะคอมพิวเตอร์แก้ไขวันโพสต์อะไรพวกนี้ได้
เขาแน่ใจได้ว่าคนที่คัดลอกผลงานคือเอลิซาเบธ
เจ้าหน้าที่หน้าเครียด “ศาสตราจารย์จั่ว คุณอิ๋ง งั้นพวกคุณจะเอาไงต่อครับ”
“เมื่อกี้เธอว่าไงนะ” จั่วหลีแสยะยิ้ม “อยากเปิดเผยสู่สาธารณชนไม่ใช่เหรอ เอาสิ ลองดูว่าใครกันแน่ที่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงในแวดวงวิจัยวิทยาศาสตร์”
กล้าทำก็ต้องมีความสามารถแบกรับผลพวงที่ตามมาหลังถูกจับได้ด้วย
เจ้าหน้าที่พยักหน้า ลังเลเล็กน้อย “แต่ทางตระกูลลอเรนท์…”
ไม่ว่าอย่างไรเอลิซาเบธก็เป็นคุณหนูของตระกูลลอเรนท์
เธอซื้อบทความได้สำเร็จก็เป็นเพราะทางศูนย์ฟิสิกส์สากลเกรงกลัวอำนาจของตระกูลลอเรนท์
อย่างไรเสียห้องทดลองใหญ่ รวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูงบางอย่างก็อยู่ในกำมือของอิทธิพลใหญ่
ตระกูลลอเรนท์มีอำนาจล้นฟ้า
“แค่เรื่องในครอบครัว” อิ๋งจื่อจินพูด “ไม่ต้องห่วงค่ะ”
“เรื่องในครอบครัวเหรอครับ” เจ้าหน้าที่อึ้ง แอบไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายก็รับปาก “พวกเราจะประกาศให้ครับ”
การบังคับซื้อบทความไปโดยที่เจ้าของบทความไม่ทราบเรื่องเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก
อิ๋งจื่อจินกับจั่วหลีออกจากองค์กรฟิสิกส์ดาราศาสตร์
“สาวน้อย เธอเขียนบทความใช้ได้เลยนะ” ซีนายอ่านบทความพลางกินอมยิ้ม “จักรวาลคู่ขนานมีจริง พวกเราค้นพบแล้ว ก็แค่พวกเรายังสร้างยานอวกาศไม่สำเร็จก็เลยไปไม่ได้”
เธอคิดแล้วพูดต่อ “แต่ออกจากระบบสุริยะก็พอทำได้อยู่ ฉันไม่เคยไป ได้ยินพวกคนคุ้มกันของสำนักผู้วิเศษที่ทำยานอวกาศบอกว่า อารยธรรมของสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นที่อยู่ในจักรวาลเดียวกับพวกเรายังด้อยกว่าพวกเรา ไม่มีอะไรน่าสนใจ”
“นักศึกษาอิ๋ง” จั่วหลีทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขากระซิบ “น้องสาวเธอสติไม่ดีหรือเปล่า”
พูดอะไรเพ้อเจ้อ
ตอนนี้จักรวาลคู่ขนานยังไม่มีทฤษฎีมาพิสูจน์ได้ พวกนักวิทยาศาสตร์ได้แต่คาดเดา แล้วนี่มาค้นพงค้นพบอะไร
อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วครู่แล้วถึงพูดขึ้น “เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่”
จั่วหลีหันไป
ซีนายพูดพึมพำ “แอบหนาวแฮะ” จากนั้นก็หยิบของที่มีลักษณะเป็นแผ่นเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
หยดของเหลวสองสามหยดลงบนของสิ่งนั้นแล้วใช้มือสะบัด
จั่วหลีเห็นของสิ่งนั้นเริ่มคลายตัวกลายเป็นเสื้อแจ็คเก็ต
ซีนายเอามาสวมใส่ สองมือล้วงกระเป๋า ล้อจิ๋วที่อยู่ใต้รองเท้าพาเธอเคลื่อนไปข้างหน้า
จั่วหลี “…”
โห อะไรกันเนี่ย!
…
ในเวลาเดียวกัน
ประเทศเจ
สำนักงานใหญ่วีนัสกรุ๊ป
ภายในห้องทำงานประธานใหญ่
“พี่ชาย ไม่น่าเชื่อ มาทำงานเองเลยเหรอ” เอียนถูมือ “งั้นผมขอพักสองสามวันได้มะ”
“มีเรื่องอยากให้นายไปจัดการ หยุดวารสารปักษ์นี้ทั้งหมดของศูนย์ฟิสิกส์สากล ห้ามปล่อยให้หลุดไปได้แม้แต่เล่มเดียว” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “ระงับเงินลงทุน ถอนกลับมาให้หมด”
“จะไม่มีเงินสนับสนุนแม้แต่แดงเดียวจนกว่าจะเปลี่ยนประธานกับรองประธาน”
เอียนฟังจบก็งง “ศูนย์ฟิสิกส์สากลมีอะไรเหรอ พวกเราก็ไม่ได้ดูแลด้านวิจัยวิทยาศาสตร์เสียหน่อย”
เขามีหน้าที่แค่อนุมัติเงิน
การติดต่อที่เกี่ยวข้องกับวิจัยวิทยาศาสตร์มีคนดูแลโดยเฉพาะ
“ซื้อขายบทความผิดกฎหมาย” ฟู่อวิ๋นเซินประสานมือ ดวงตาดอกท้อขรึมลง “ลามปามมาถึงผู้หญิงของฉันแล้ว”
เอียนตะลึงอ้าปากค้าง “ไม่มั้ง พวกเขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ”
บ้าไปแล้วหรือไง
ซื้อขายบทความที่เกี่ยวพันกับนักลงทุนเลยเหรอ
แบบนี้มันเห็นแก่เงินน้อยจนเสียเงินใหญ่หรือเปล่า
“นอกจากนี้ ไปสืบรายได้สีเทาของพวกเขาให้ละเอียด รวมถึงผู้เสียหายจากกรณีทำนองนี้” ฟู่อวิ๋นเซินหรี่ตาลงเล็กน้อย “ผิดสัญญาฝ่ายเดียว จากรายละเอียดที่เซ็นสัญญาตอนนั้น ต้องชดใช้สิบเท่า”
ชดใช้สิบเท่า สามารถทำให้ประธานกับผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ต้องคายเงินที่กินเข้าไปออกมาหมด
เอียนพยักหน้า สีหน้าเคร่งเครียด “ได้ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
เงินลงทุนของวีนัสกรุ๊ปโปร่งใสเปิดเผย ผู้บริหารระดับสูงของศูนย์ฟิสิกส์สากลไม่กล้าแตะต้อง
ทำได้เพียงแอบรับสินบน
แต่นี่ทุจริตจนไปเจอนายทุนตัวเอง ถือว่าซวย
ศูนย์ฟิสิกส์สากลต้องมีการจัดระเบียบครั้งใหญ่
เอียนคิดแล้วก็ถามต่อ “พี่ แล้วหน่วยงานอื่นๆ ต้องตรวจสอบด้วยไหม”
บริษัทที่อยู่ในเครือวีนัสกรุ๊ปมีเยอะมาก ย่อมมีหนอนที่กัดกิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าวีนัสกรุ๊ปยังเป็นแค่นายทุนของศูนย์ฟิสิกส์สากล
บริษัทแม่อยู่ไกลย่อมไม่มีกำลังจะสอดส่องได้ทั่วถึง
ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืม “ตรวจสอบให้หมด”
เอียนตอบรับ พอเดินออกไปแล้วเขาถึงได้เอะใจ
ไม่ใช่ว่าเขาต้องคืนงานทั้งหมดให้ประธานใหญ่เหรอ!
ทำไมเขาเริ่มงานยุ่งอีกแล้วล่ะ
ภายในห้องทำงาน
ฟู่อวิ๋นเซินจัดการพวกเอกสารเสร็จก็เดินออก
เขาสวมผ้าปิดปาก ใบหน้าก็ผ่านการแปลงโฉมแล้ว
เขาโดยสารลิฟต์ลงไป บังเอิญเจอโยเซฟประธานโซนยุโรปกับเลขาของเขาพอดี
ไม่มีการพูดคุยสนทนา
จนกระทั่งลิฟต์เคลื่อนมาถึงชั้นหนึ่ง ฟู่อวิ๋นเซินก็ออกไป
โยเซฟขมวดคิ้ว “ชั้นบนของพวกเรามีแค่พวกประธานฝ่ายอย่างเอียนกับห้องทำงานประธานใหญ่ใช่หรือเปล่า”
เลขาพยักหน้า “ครับท่าน”
โยเซฟขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “น่าแปลก”
เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้
แต่จะบอกว่าเป็นประธานก็ไม่เหมือน ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวธรรมดา ไม่มีแบรนด์เนมสักชิ้น
เลขาพูดด้วยความลังเล “ผมว่าเขาคล้ายประธานฟู่ของโซนเอเชียแปซิฟิกนะครับ”
“โซนเอเชียแปซิฟิกเหรอ” พอโยเซฟได้ยินคำนี้ก็หัวเราะ “ถ้าประธานใหญ่ให้ความสำคัญกับโซนเอเชียแปซิฟิก ไม่มีทางรอโซนอเมริกาเหนือกับอเมริกาใต้ตั้งเสร็จสองปีแล้วถึงค่อยไปสร้างสาขาที่โซนเอเชียแปซิฟิกหรอก”
ประธานของพวกเขาเป็นคนยุโรปอย่างแท้จริง
จะเกี่ยวข้องอะไรกับฟู่อวิ๋นเซินได้
โยเซฟเลิกคิด
น่าจะเป็นคนที่ขึ้นไปรายงานการทำงาน สำนักงานใหญ่มีพนักงานเยอะขนาดนี้ คนที่เขาไม่รู้จักมีถมเถไป
…
ช่วงบ่าย
ณ ศูนย์ฟิสิกส์สากล
ประธานอยู่บนเตียง แขนเข้าเฝือกอยู่
สีหน้าของเขาย่ำแย่ “ให้ตายเถอะ อิ๋งจื่อจินกับจั่วหลี คนจีนสองคนนี้ ถ้าฉันประกาศออกไปพวกเข้าต้องดับแน่!”
รอเขาหายดีก่อนเถอะ เขาจะทำให้สองคนนี้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในวงการฟิสิกส์
ประธานหายใจหอบ ขณะที่เตรียมจะดื่มน้ำ ประตูก็ถูกถีบออก
เขายังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกคนป่าเถื่อนสองคนลากลงจากเตียง
ประธานร้องด้วยความเจ็บปวด “พวกแกเป็นใคร จะทำอะไร!”
ไม่มีใครตอบเขา
เขาถูกลากไปจนถึงชั้นหนึ่งถึงได้สังเกตเห็นว่าพวกผู้อาวุโสของศูนย์ฟิสิกส์สากลออกมากันหมดแล้ว
เดิมทีผู้อาวุโสเหล่านี้อยู่ในสถานะกึ่งเกษียณ ควรกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดกันแล้ว
ประธานตัวสั่น เงยหน้าขึ้นถึงเห็นกลุ่มคนที่บนตัวมีสัญลักษณ์ของวีนัสกรุ๊ป
เอียนนำทีมมาด้วยตัวเอง หยิบเอกสารออกมาหนึ่งฉบับแล้วพูดขึ้น “หากไม่เปลี่ยนประธานกับรองประธานของศูนย์ฟิสิกส์สากล หากไม่จัดการเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวพันถึงผู้บริหารระดับสูงซื้อขายบทความอย่างผิดกฎหมาย ต่อไปจะไม่มีเงินทุนมาลงที่ศูนย์ฟิสิกส์สากลอีก”
บรรดาผู้อาวุโสต่างสีหน้าเปลี่ยน
หนึ่งในนั้นเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อประธาน “แกซื้อขายบทความเหรอ!”
ประธานฟังแล้วก็เหงื่อแตก หน้าซีด “คะ…คือผม แต่…”
เมื่อก่อนเขาเคยทำมาตั้งหลายเรื่อง
การซื้อขายบทความเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในแวดวงวิชาการ อย่างไรเสียก็ย่อมมีนักศึกษาระดับต่างๆ มาซื้อเพื่อให้เรียนจบ
แต่นั่นก็เป็นการซื้อขายแบบลับๆ ในความเป็นจริงเป็นเรื่องต้องห้าม
แต่ในเมื่อมีความต้องการก็ย่อมมีตลาด ยังมีคนที่ตั้งใจเขียนบทความมาเพื่อขายโดยเฉพาะด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นเครือข่ายซื้อขายขนาดใหญ่
เดิมทีประธานกะไว้ว่ารอวารสารวางตลาดเมื่อไรจะโอนให้อิ๋งจื่อจินสองสามหมื่นพอเป็นพิธี
ใครบ้างปฏิเสธเงิน
เอียนไม่สงสารแม้แต่น้อย “เอาตัวไป ผมจะสอบสวน พวกคุณเข้าไปค้นให้ทั่วตึก ดูว่ายังมีอะไรอีกไหม”
มีสองคนคุมตัวประธานไปที่ห้องด้านข้าง
“ประธานเอียน!” ประธานศูนย์ฟิสิกส์สากลไม่สนบาดแผลของตัวเองแล้ว ล้มลุกคลุกคลานขยับเข้าไปหา “ประธานเอียนครับ ผมไม่กล้าอีกแล้วครับ ขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้ง ได้โปรดให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ!”
ทำไมรู้ไปถึงวีนัสกรุ๊ปได้!
“ประธาน ใจกล้ามากนะ” เอียนปรบมือ ยิ้มพลางพูด “ซื้อขายบทความ ซื้อจนไปเจอบทความของคุณนายประธานเข้าให้”
Comments