คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 646 จัดการซะ! โผล่อีกตัวตน ผู้บัญชาการสูงสุด

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 646 จัดการซะ! โผล่อีกตัวตน ผู้บัญชาการสูงสุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 646 จัดการซะ! โผล่อีกตัวตน ผู้บัญชาการสูงสุด

เสียงของฟู่อวิ๋นเซินกึ่งเล่น เจือด้วยอารมณ์กวนประสาท

เขาเอามีดตีหน้าเรย์อย่างไม่ใส่ใจ นิ้วเรียวยาวราวกับแค่กำลังแกะสลักของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง

จอมยุทธ์สองคนที่อยู่ข้างๆ ถอยหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้

พวกเขาเป็นคนสนิทของฟู่อวิ๋นเซินในศาลสถิตยุติธรรม ต่างไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน

เรย์เจ็บเกินทน ส่งเสียงร้องโอดครวญ ที่มากกว่าคือความตกตะลึง

ในบรรดาสี่หน่วยอัศวิน หน่วยอัศวินดาบอาญาสิทธิ์มีพลังต่อสู้สูงที่สุด

หน่วยอัศวินคฑากายสิทธิ์รองลงมา จากนั้นถึงจะเป็นหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์

เรย์เป็นอัศวินทั่วไปของหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์ ไม่มียศติดตัว

ฝีมือการต่อสู้ก็ระดับกลาง เทียบได้กับจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ห้าสิบปี

ผู้บัญชาการของหน่วยอัศวินเทียบได้กับจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ประมาณสองร้อยปี

พวกเขาไม่ได้แค่อาศัยยา การฝึก และดัดแปลงพันธุกรรม ยังมีการประทานจากผู้วิเศษอีกด้วย

ผู้วิเศษสามารถทำให้คนธรรมดาทั่วไปกลายเป็นอัศวินที่สู้หนึ่งต่อสิบได้สบาย

เรย์ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดแล้ว สมองของเขาสับสนไปหมด ร่างกายเริ่มสั่นเทา

เป็นไปได้ยังไง!

เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรจะมีคนที่ฝีมือสูงขนาดนี้ได้ยังไง

ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ยากจนล้าหลังหรอกเหรอ!

เรย์ขยับไม่ได้ พูดก็ไม่ออก

ตอนนี้มีเพียงเลือดไหลอาบ ลมหายใจติดขัดอย่างรุนแรง

“ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” ฟู่อวิ๋นเซินโยนมีดทิ้ง นั่งที่เก้าอี้ เขายิ้ม “คนของสำนักผู้วิเศษห่วยแตกเหมือนแกหมดเลยไหม”

“กะ…แก!” เรย์กัดฟัน พูดอย่างยากลำบาก “ได้ ฉันยอมรับว่าแกเก่งกว่าฉัน สมกับที่มีสายเลือดตระกูลอวี้ ฝีมือดีขนาดนี้”

“แต่แกจะสู้ท่านจักรพรรดินีได้เหรอ ถ้าแกฆ่าฉัน สำนักผู้วิเศษไม่มีทางปล่อยแกไว้!”

คนทั่วไปคิดจะเทียบชั้นกับเทพเหรอ

“ผู้วิเศษจักรพรรดินีเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยังคงพูดเหมือนเดิม รอยยิ้มเย็นชา “จะสักแค่ไหนกัน”

เรย์แทบหยุดหายใจ “แกบังอาจมาก!”

ใครบ้างที่จะกล้าไม่เคารพผู้วิเศษ

“ในเมื่อพวกแกก็ใช้กำลังพูดคุย งั้นก็ลงโทษแบบโลกจอมยุทธ์แล้วกัน” ฟู่อวิ๋นเซินเชิดคางขึ้น “จริงสิ เอาชิปในร่างกายเขาออกมาทำลายด้วย”

พอได้ยินแบบนี้เรย์ก็ดวงตาเบิกโพลง “ทำไมแก…”

ไม่ใช่คนของเมืองแห่งโลก ทำไมถึงรู้ว่าในร่างกายเขามีชิป

ถ้าชิปถูกทำลาย ทางสำนักผู้วิเศษก็ไม่มีทางรู้ว่าใครฆ่าเขา

เมื่อกี้เขาก็แค่ข่มขู่

ในสายตาของผู้วิเศษจักรพรรดินี ผู้บัญชาการอัศวินก็เป็นชาวบ้านธรรมดาที่จะฆ่าเมื่อไรก็ได้เช่นกัน มีเหรอจะออกโรงเพื่อเขาที่เป็นอัศวินทั่วไปคนเดียว

“ครับ ท่านเงา”

จอมยุทธ์คนหนึ่งเดินขึ้นหน้า ใช้กำลังภายในควานหา ไม่นานก็เจอตำแหน่งที่ชิปถูกฝังอยู่

เขาเอามีดผ่าท้องของเรย์แล้วหยิบเอาชิปขนาดจิ๋วชิ้นนั้นออกมา

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งไขว่ห้าง กำชิปด้วยสีหน้าเย็นชา

พอเขาปล่อยมือ ชิปที่กลายเป็นผุยผงก็ร่วงหล่น “เริ่มได้”

เรย์อดตัวสั่นไม่ได้ ร่างกายสั่นอย่างรุนแรง รู้สึกสิ้นหวังแล้ว

ผู้ชายคนนี้เหมือนเดวิลที่ปีนออกมาจากขุมนรก

ฟู่อวิ๋นเซินใช้กำลังภายในผนึกห้องใต้ดินไว้ ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องเหมือนจะขาดใจของเรย์

ภายในห้องรับแขก

วาเลนส์กับเจ้าหน้าที่สืบค้นของไอบีไอจับตาดูคนของตระกูลอวี้

เขาลอบสังเกตอิ๋งจื่อจินพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาแชทเข้ากลุ่ม

เป็นกลุ่มห้าคนที่มีแต่คนระดับสูงของไอบีไอ

วาเลนส์ : [ฉันเจอคุณนายผู้บัญชาการแล้ว ไม่ได้ปิดบังใบหน้า เห็นเต็มๆ ผู้บัญชาการโคตรจะมีบุญ อิจฉาว่ะ]

ลิซิเนียส : [อิจฉา+1]

ไดอา : [มีแค่ฉันที่ไม่เคยเจอเหรอ เมื่อไรฉันจะได้กลับจากโซนพิเศษที่เจ็ด]

ลิซิเนียส : [แอนโทนี่ไปแทนนายแล้วไม่ใช่เหรอ]

ไดอา : [หมอนั่นฝึกใครเป็นที่ไหน มันขับเครื่องบินเป็นอย่างเดียว มาก็มีแต่สร้างความวุ่นวาย น่ารำคาญจะตาย]

วาเลนส์ “…”

ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของไอบีไอถูกบอกว่าขับเป็นแต่เครื่องบิน ก็มีแค่รองประธานอย่างไดอานี่แหละที่กล้าพูดแบบนี้

วาเลนส์เหลือบมองรูปโปรไฟล์ที่เป็นสีเทาอยู่คนเดียวในกลุ่มแล้วกดปิดโทรศัพท์มือถือ

“พี่ใหญ่ เย็นแล้ว กินข้าวได้แล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “ฉันสั่งให้แล้วค่ะ”

ฟู่อี้หันอึ้ง “หา?”

เสียงออดประตูดังขึ้นในเวลานี้

อิ๋งจื่อจินเดินไปเปิดประตู

เป็นคนมาส่งอาหาร “สวัสดีครับ ขอทราบเลขท้ายด้วยครับ”

เขายื่นอาหารให้อิ๋งจื่อจิน พอเงยหน้ากลับตกใจบรรยากาศภายในบ้าน

คนส่งอาหารตะลึงอ้าปากค้าง

“ถ่ายละครอยู่ค่ะ” อิ๋งจื่อจินยิ้มให้เล็กน้อย “ขอบคุณนะ”

คนส่งอาหารเดินออกไปอย่างงงๆ

เซ่าอวิ๋นกับกลุ่มคนคุ้มกันยืนอยู่ด้านข้าง ถูกนักสืบกับเจ้าหน้าที่สืบค้นของไอบีไอจับตาดูอยู่

หัวหน้าคนคุ้มกันชักไม่พอใจ “ท่านหัวหน้าตระกูลครับ เธอ…”

เซ่าอวิ๋นมองหัวหน้าคนคุ้มกันด้วยสายตาเย็นชา “หุบปาก”

อิ๋งจื่อจินวางอาหารลง รินไวน์สองแก้ว ดันแก้วหนึ่งให้ฟู่อี้หัน “พี่ใหญ่ ดื่มไวน์ค่ะ”

สาวน้อยดูว่านอนสอนง่าย ไม่มีพิษมีภัย

ชวนให้ยากที่จะเชื่อมโยงเธอกับการต่อสู้อันดุเดือดบนเวที

ฟู่อี้หันมือสั่น ยังคงเกร็ง

เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ พูดอย่างยากลำบาก “ได้ ดื่มไวน์ เธอ เธอก็ดื่มด้วยสิ ไม่ต้องสนพี่”

ฟู่อี้หันหยิบตะเกียบ แต่กลับเอาแต่เหม่อลอย ไม่ยอมเริ่มกินสักที

แต่ซีนายที่อยู่ข้างๆ กลับกินอย่างเอร็ดอร่อย

สุดท้ายฟู่อี้หันก็อดถามขึ้นไม่ได้ “จื่อจิน อวิ๋นเซินเขา?”

มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินเท้าคาง “เป็นแค่ผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอเองค่ะ”

ฟู่อี้หัน “…”

อะไรคือแค่!

เซ่าอวิ๋นหูไวมาก เขาก็ได้ยิน

สีหน้าตะลึงงัน

ใช่ว่าเมืองแห่งโลกจะไม่รู้จักที่นี่เลย

อย่างน้อยชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยนอร์ตันกับไอบีไอก็ลือไปถึงเมืองแห่งโลก

โดยเฉพาะไอบีไอ

ขณะที่เซ่าอวิ๋นกำลังคิดหนักอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้า

ฟู่อวิ๋นเซินขึ้นมาจากห้องใต้ดิน เปลี่ยนไปใส่อีกชุด มือสะอาดสะอ้าน

เซ่าอวิ๋นเงยหน้า อดตื่นเต้นไม่ได้ ยื่นมือออกไป “เจ้าเจ็ด…”

มือของเขาไม่แตะถูกอะไร

ฟู่อวิ๋นเซินแค่หันตัวเบี่ยงหลบ

เซ่าอวิ๋นตะลึง

สาเหตุที่ตระกูลอวี้เป็นตัวแทนของกองกำลังที่เด็ดขาดก็เพราะสายเลือดของพวกเขามีความพิเศษ

สามารถเทียบเท่าอัศวินเหล่านั้นที่ผู้วิเศษประทานพรให้ได้อย่างง่ายดาย และก็ไม่ต้องใช้การดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้กลายเป็นซูเปอร์ทหาร

เขารู้ฝีมือการต่อสู้ของตัวเองดี

เพราะหนึ่งในรายการที่สำคัญที่สุดของการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลก็คือการต่อสู้ จำเป็นต้องเอาชนะทุกคนในรุ่นเดียวกัน

แต่ฟู่อวิ๋นเซินหลบเขาได้อย่างง่ายดาย

เซ่าอวิ๋นตัวสั่น เดินเข้าไปอีกครั้ง

ครั้งนี้มือของเขาไม่คว้าอากาศ

แววตาของเขาเริ่มมีความหวัง “เจ้าเจ็ด พ่อมา…”

ฟู่อวิ๋นเซินหันมา จากนั้นก็ยกมือขึ้น ค่อยๆ ปัดมือของเซ่าอวิ๋นทีละนิ้ว

เขาทำช้าๆ แต่แต่ละครั้งราวกับเป็นมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของเซ่าอวิ๋น

ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มอย่างไม่แคร์ คำพูดห่างเหิน “ครั้งสุดท้าย คุณยังไม่มีสิทธิ์มาบังคับผม”

เขาเชิดหน้าขึ้น หันไปบอกวาเลนส์ “ส่งออกไป”

วาเลนส์พยักหน้า “ครับ ผู้บัญชาการ”

ประกายในดวงตาของเซ่าอวิ๋นค่อยๆ หม่นลงจนดับมอด เหลือเพียงความเงียบเหงา

เขาถูกบังคับให้ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฟู่

จนกระทั่งมาถึงที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

เซ่าอวิ๋นมองลั่วเฟิงและเหล่าคนคุ้มกัน พูดด้วยเสียงเย็นชา “ใครใช้ให้พวกนายมา”

ลั่วเฟิงคุกเข่าลงทันที “ท่านหัวหน้าตระกูลโปรดอภัย พวกเราไม่ได้มีเจตนาอื่น แค่มาคุ้มครองความปลอดภัยของท่านหัวหน้าตระกูลครับ อัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์คนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราครับ”

หน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร

เซ่าอวิ๋นสีหน้าเย็นชา “ติดต่อทางตระกูล”

หัวหน้าคนคุ้มกันตกใจ “ครับท่านหัวหน้าตระกูล”

เขาหยิบอุปกรณ์ที่คล้ายรีโมตออกมากดหนึ่งที

ศูนย์ควบคุมกล้องวงจรปิดของตระกูลอวี้ปรากฏขึ้นมาในรูปแบบภาพสามมิติอย่างรวดเร็ว

แต่ละห้องเห็นภาพอย่างชัดเจน

นิ้วของหัวหน้าคนคุ้มกันกดไปเรื่อยๆ ไม่นานก็เจอจุดที่จูซาอยู่ เธอกำลังอยู่กับคุณนายผู้เฒ่าอวี้ที่ระเบียงดาดฟ้า

เซ่าอวิ๋นพูดขึ้น “ยังจะมีอารมณ์มานั่งดื่มชาอยู่ที่นี่อีกนะ”

มีเสียงดังขึ้นข้างหูจูซา

บนระเบียงดาดฟ้ามีกล้องวงจรปิดและลำโพงติดตั้งโดยเฉพาะ

จูซาอึ้ง เงยหน้าขึ้น “ท่านหัวหน้าตระกูล?”

ภาพสามมิติของอวี้เซ่าอวิ๋นก็อยู่ภายในสวนเปิดโล่ง

พวกสาวใช้ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ท่านหัวหน้าตระกูล”

เซ่าอวิ๋นแค่มองเธออย่างเย็นชา “คุณยังคิดจะฆ่าใครอีก”

ชั่วขณะนั้นจูซาเข้าใจแล้ว

แต่ใบหน้าของเธอไม่มีความผิดปกติเลยสักนิด เธอคุกเข่าลง ก้มหน้า “ท่านหัวหน้าตระกูล ฉันสั่งสอนไม่ดี ฉันแค่อยากให้พวกเขาไปช่วยท่านหัวหน้าตระกูล อย่างไรเสียทางสำนักผู้วิเศษก็มีอำนาจมากกว่า”

“ฉันไม่เถียง เรื่องเป็นเพราะฉัน ทุกอย่างฉันขอรับผิดชอบเองค่ะ”

จูซาไม่ลังเลแม้แต่น้อย หยิบมีดที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วแทงบ่าตัวเอง

หนึ่งครั้งสองรู

สองครั้งสี่รู

เลือดไหลนองในทันที

สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ กรีดร้อง “คุณนายใหญ่!”

แววตาของเซ่าอวิ๋นเปลี่ยนไปทันที

แต่สีหน้ายังคงเย็นชา ไม่แสดงอารมณ์อื่น

“อวี้เซ่าอวิ๋น!”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้เดินออกมาจากห้องนอน พอเห็นภาพตรงหน้าก็เกือบเป็นลม

“อวี้เซ่าอวิ๋น แกคิดจะทำอะไร!” คุณนายผู้เฒ่าอวี้โมโหมาก “จะกดดันให้เมียแกถึงตายเลยหรือไง อยากให้เซ่าอิ่งไม่มีแม่เหรอ ลูกแกผิดอะไร!”

จูซาไม่พูด เอามีดแทงเข้าที่ท้องตัวเอง

เธอคุกเข่าคำนับ “ท่านหัวหน้าตระกูลโปรดชี้แจง”

เซ่าอวิ๋นพูด “ยี่สิบปีที่แล้วคุณเคยส่งคนไปที่ฮู่เฉิงประเทศจีนเหรอ”

จูซาหรี่ตา

ยี่สิบปีก่อนเหรอ

“เรื่องที่ฉันไม่เคยทำ ฉันไม่มีทางยอมรับค่ะ” จูซาดึงมีดออกอย่างยากลำบาก กำลังจะแทงต่อ แต่ถูกคุณนายผู้เฒ่าอวี้ห้ามไว้

“ต่อให้ซาเอ๋อร์ไม่ใช่ผู้บัญชาการหญิงแล้ว แต่ก็ยังเป็นคนสนิทของท่านจักรพรรดินี!” คุณนายผู้เฒ่าอวี้โมโหมาก “แกอย่าลืมนะว่าใครช่วยชีวิตแกไว้ หรือแกอยากพาตระกูลอวี้ไปตายกันหมด เอาให้ทั้งครอบครัวสามพันคนต้องถูกฝังไปด้วยกันงั้นเหรอ!”

เซ่าอวิ๋นเม้มริมฝีปากแน่น

ไม่ว่าอย่างไรสำนักผู้วิเศษต่างหากที่เป็นผู้ปกครองสูงสุดของเมืองแห่งโลก

ไม่มีชาวเมืองคนไหนรู้ความสามารถที่แท้จริงของผู้วิเศษ

แต่ผู้วิเศษยี่สิบคนนี้ก็เรียกได้ว่าประหนึ่งเป็นเทพจริงๆ ตระกูลอวี้ก็เป็นแค่ตระกูลที่มีผู้วิเศษคนหนึ่งผลักดันขึ้นมาเมื่อนานมาแล้ว

จูซามีผู้วิเศษจักรพรรดินีหนุนหลังอยู่

ใครจะกล้าแตะต้องได้

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ตวาดเสียง “ยังไม่รีบพาคุณนายใหญ่ไปรักษาตัวอีก”

ด้านหนึ่งคุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็ชอบจูซาจากใจจริง อีกด้านก็เป็นเพราะเกรงกลัวสำนักผู้วิเศษ

ไม่ว่าอย่างไรจูซาห้ามเป็นอะไรไป

จูซาหน้าซีด แต่สมองกลับคิดตลอดเวลา ดวงตาฉายแววคิดหนัก

ฟังจากที่อวี้เซ่าอวิ๋นพูด เมืองแห่งโลกยังมีอีกอิทธิพลหนึ่งที่ค้นหาตัวฟู่หลิวอิ๋ง อีกทั้งยังทำให้ฟู่หลิวอิ๋งต้องตายงั้นเหรอ

หรือเป็นเพราะรู้ว่าเลือดของฟู่หลิวอิ๋งมีความพิเศษมาก

อย่างไรเสียฟู่หลิวอิ๋งก็เป็นคนนอกเพียงคนเดียวในรอบเกือบร้อยปีที่มีสิทธิ์เข้าสำนักผู้วิเศษเป็นกรณีพิเศษ

แต่นี่ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ

ฟู่หลิวอิ๋งตายไปแล้ว

อิทธิพลนี้ช่วยเธอได้มากทีเดียว

จูซาถอนหายใจ ยิ้มแล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ

คฤหาสน์ตระกูลฟู่

หลังจากอวี้เซ่าอวิ๋นไปแล้ว บรรยากาศก็ผ่อนคลาย

“นานแล้วที่พวกนายไม่ได้กลับมา” แผ่นหลังที่หดเกร็งของฟู่อี้หันก็ผ่อนคลายลง “เห็นพวกนายยังสบายดีพี่ก็ดีใจ”

ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างสบายๆ ดันแก้วไปให้ “พี่ใหญ่ ดื่มไวน์สิ”

ฟู่อี้หัน “…”

ตอนนี้เขาชักไม่กล้าเผชิญหน้ากับคำว่า ‘พี่ใหญ่’ แล้ว

อิ๋งจื่อจินไม่รู้สึกกดดันอะไรเลยสักนิด ค่อยๆ กินข้าว

ฟู่อี้หันเงียบไปชั่วครู่ ลังเล สุดท้ายก็พูดขึ้น “อวิ๋นเซิน ทางเมืองแห่งโลก…”

“ผมจะไปเมืองแห่งโลก” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “แต่ผมไม่มีทางกลับตระกูลอวี้”

เขาไม่ต้องการบทบาทของคนเป็น ‘พ่อ’

เขาโดดเดี่ยวมานานหลายปีขนาดนี้ ก็ยังอยู่มาได้ด้วยดี เขาชินนานแล้ว

ฟู่อี้หันพยักหน้า “ตามใจนายนะ ถ้าอยู่ข้างนอกเหนื่อยแล้วก็กลับบ้านตระกูลฟู่ ตระกูลฟู่เป็นที่พักพิงของนายเสมอ”

หัวใจของฟู่อวิ๋นเซินหดเกร็ง ขณะที่กำลังจะพูด

มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ประธานฟู่ครับ ทางสำนักงานใหญ่…”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดจังหวะ

เวลานี้ที่สำนักงานโซนเอเชียแปซิฟิกของวีนัสกรุ๊ป

ชายชาวต่างชาติกดโทรศัพท์ไว้ “นับแต่นี้เป็นต้นไป โซนยุโรปของพวกเราจะรับหน้าที่ดูแลโซนเอเชียแปซิฟิกเอง”

“ที่นี่ไม่มีประธานฟู่อะไรนั่นแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด