คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 651 ช็อกกันไปทั้งงาน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 651 ช็อกกันไปทั้งงาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 651 ช็อกกันไปทั้งงาน

งานประชุมสรุปผลงานไตรมาสในวันนี้ไม่ได้มีแค่ผู้บริหารระดับสูงของวีนัสกรุ๊ปเท่านั้นที่มาได้ อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องใหญ่ในวงการธุรกิจระดับโลก

ดังนั้นนอกจากสื่อจากสำนักต่างๆ แล้วก็ยังมีตระกูลใหญ่ตระกูลเศรษฐีที่ได้รับบัตรเชิญ

มาจากหลากหลายประเทศ รวมตัวกันอยู่ภายในโรงแรมที่หรูหราที่สุดของประเทศเจ

โยเซฟเหมือนพอนึกได้ลางๆ ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะเป็นคุณชายลูกหลานเศรษฐีสักตระกูลในประเทศจีน

งั้นเข้ามาได้ก็ไม่แปลก อย่างมากก็แค่อาศัยใบบุญของตระกูล

โยเซฟยิ้มแบบไม่จริงใจ เจือไปด้วยความยโส “บังเอิญจริงครับ แต่น่าเสียดายที่คุณไม่ใช่เจ้านายแล้ว”

เขาก็แค่ไม่ถูกชะตากับฟู่อวิ๋นเซิน แต่ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ

เรื่องเดียวที่ทำโยเซฟเหนือความคาดหมายคือ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตำแหน่งประธานใหญ่แล้วเล่นงานฟู่อวิ๋นเซิน ทางสำนักงานใหญ่ก็ชิงถอดฟู่อวิ๋นเซินออกจากตำแหน่งก่อนแล้ว

ถือว่าช่วยเขาประหยัดแรง

โยเซฟไม่มีความคิดที่จะสนทนากับฟู่อวิ๋นเซินต่อ เขายกแก้วไวน์ในมือด้วยความอวดดีเสร็จก็ยิ้มแล้วเดินจากไป

เขายังมีแขกคนอื่นที่ต้องไปต้อนรับอีก ไม่ว่างเสียเวลาอยู่ตรงนี้

เอียนก้าวเข้ามาพูดขึ้นในเวลานี้ “บะ…”

ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้ามองเขา

ดวงตาดอกท้อมีรอยยิ้มแต่กำเนิด แต่สายตาย้ำเตือนหนักหน่วงมาก

เอียนกลืนคำพูดที่เหลือลงไปทันที

จำต้องหยุดแล้วแสร้งหันไปสำรวจอย่างอื่น จากนั้นก็หันตัวเดินไปอีกทาง

ช่วยไม่ได้

ประธานใหญ่ของพวกเขาแค่อยากชิลด์ แทบอยากเอางานทั้งหมดโยนมาให้เขา

ตอนนี้เป็นเวลาที่แขกเหรื่อทยอยกันเข้ามา คนเยอะมาก

เอียนรู้ว่าถ้าเขาเข้าไปเกาะแกะเวลานี้ ฟู่อวิ๋นเซินคงได้อัดเขาน่วมก่อนที่งานประชุมจะเริ่มอย่างเป็นทางการ

บรรดาแขกเหรื่อเดินเข้างาน อุปกรณ์ถ่ายภาพถูกติดตั้งประจำที่

งานประชุมสรุปผลงานไตรมาสของวีนัสกรุ๊ปในวันนี้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

ผู้เฒ่าจงก็สวมชุดสูทแบบที่เห็นได้ยาก ท่าทางดูมีชีวิตชีวา “โฮ่ อลังการจริงๆ สมกับเป็นหลานเขยของฉัน”

อิ๋งจื่อจินเดินตามอยู่ด้านหลัง

สายตาของเธอเหลือบมองรถเข็นอาหารที่บริกรเข็นมา

วันนี้มีของหวานที่เธอชอบกิน

อีกด้านหนึ่ง ฟู่อี้หันอยู่กับอิ๋งเทียนลี่ว์

ทั้งสองคนต่างเป็นประธานใหญ่ของเครือบริษัทตัวเองแล้ว แต่ก็อดเกร็งกับงานนี้ไม่ได้

ไม่ว่าจะฟู่ซื่อกรุ๊ปหรืออิ๋งซื่อกรุ๊ปต่างเป็นแค่หนึ่งในห้าร้อยบริษัทที่แข็งแกร่งของประเทศจีน ยังห่างชั้นกับอันดับหนึ่งของโลกอีกไกล

ผู้เฒ่าจงมองไปรอบๆ “จื่อจิน หลานฟู่ล่ะ”

“ขึ้นไปเตรียมรายงานแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า เลิกคิ้วพลางพูด “ดูร่างบทพูดให้เอง”

ผู้เฒ่าจงพยักหน้า นั่งลงที่แถวแรกตามเลขที่ระบุในบัตรเชิญ

คนที่นั่งแถวนี้มีใบหน้าชาวตะวันออกน้อยมาก หลายคนต่างมองมาทางนี้

บ้างก็สงสัย บ้างก็ซุบซิบ

อิ๋งจื่อจินสวมผ้าปิดปาก นั่งพิงเก้าอี้พักสายตา

อีกด้านหนึ่ง เอียนยังคงคุยกับโจเซฟประธานฝ่ายไอทีเกี่ยวกับเรื่องงานประชุม

“ประธานเอียน เอียน!” นีลเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น “ท่านประธานใหญ่มาแล้วใช่ไหม ขอผมเจอเขาได้หรือเปล่า”

เอียนพูดเสียงแข็ง “ไม่ได้ บอกแล้วว่าอีกเดี๋ยวท่านประธานจะแนะนำนวัตกรรมใหม่ด้วยตัวเองคุณจะรีบร้อนไปทำไม”

“ขอร้องล่ะนะขอร้อง” นีลประนมมือ “ขอให้ผมเจอเขาเถอะนะ ผมรอมานานแล้ว”

“ก็ได้ จะอนุญาตให้คุณเจอประธานใหญ่ก่อน” เอียนรำคาญมาก ถอยหลังหนึ่งก้าว “คุณดื่มไวน์ก่อนแล้วกัน”

นีลงง “ทำไมผมต้องดื่มไวน์ด้วย ผมไปเจอประธานใหญ่ยังจะกล้าดื่มไวน์อีกเหรอ”

“กลัวคุณช็อกตาย” เอียนยิ้ม พูดเป็นนัยๆ “ดื่มไวน์จะได้ใจกล้าขึ้นหน่อย”

นีลงงหนัก

แต่ก็เชื่อฟัง หยิบไวน์แดงมาจากมือบริกรที่เดินผ่าน ดื่มเสร็จเขาก็ถูมือ “ได้หรือยัง”

“เอสามศูนย์สอง” เอียนบอกเลข “ห้องนี้ เคาะก่อนเข้าด้วย”

นีลรีบขึ้นชั้นบนแบบที่แทบทนรอไม่ไหว

ไม่นานเขาก็ไปถึงหน้าห้องเอสามศูนย์สอง

นีลเคาะประตู พูดด้วยความระมัดระวัง “ท่านประธานครับ ผมนีลครับ ขอเข้าไปได้ไหมครับ”

พอเขาพูดจบประตูก็ถูกเปิดออก

ประตูของโรงแรมนี้เป็นแบบอัตโนมัติ

เห็นได้ชัดว่าคนข้างในได้ยินแล้วจึงกดปุ่มเปิดให้

นีลดีใจ เดินเข้าไปทันที โค้งตัวอย่างตั้งใจ

“ท่านประธาน ผมนีลครับ” เขาเกร็งมาก ไม่กล้าเงยหน้า “พูดตามตรง ผมนับถือท่านมานานแล้วครับ ท่านคือไอดอลของผม”

“ผมดีใจมากจริงๆ ครับที่ได้พบท่าน”

“อืม ผมรู้” มีเสียงพูดดังขึ้น เป็นสำเนียงแบบผู้ดีอังกฤษ ทุ้มต่ำน่าฟัง เจือด้วยอารมณ์หยอกล้อ “คุณเคยบอกผมแล้ว”

นีลอึ้ง

เคยบอกเหรอ

เขาบอกเมื่อไรกัน

แถมเสียงนี้ทำไมฟังดูคุ้นๆ

นีลเงยหน้าขึ้น

ชายหนุ่มนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ขายาวไขว้กัน

เขาสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำ ไม่ได้ติดกระดุมสองเม็ดบนสุด เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าได้รูป

ลึกลับน่าค้นหา

ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้น

พอเห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์นั้นอย่างชัดเจน นีลก็ช็อกนิ่งผงะไปชั่วขณะ “!”

ขาอ่อนแรงลงทันที แทบจะนั่งคุกเข่า

“เป็นไงบ้างนีล” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “ชินกับโซนเอเชียแปซิฟิกหรือยัง”

“กินนอนไม่คุ้นเคยหรือเปล่า อยากให้ช่วยหาหมอส่วนตัวให้ไหม”

นีลอึ้งตาค้าง สมองสับสน ตั้งสติไม่ได้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เขาถึงกระโดดขึ้นเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน สีหน้าหวาดกลัว “คะคะ คุณ…”

“ผมฝากเอียนไปบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าตั้งใจทำงานให้ดี” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “ถ้ากำไรตกแม้แต่จุดเดียว คุณคงรู้ผลลัพธ์นะ”

ในที่สุดนีลก็ส่งเสียงร้องเหมือนจะขาดใจ “ท่านประธานใหญ่”

เขาจะบ้าตาย อ๊ากกก

เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง

“ผมเอง ไม่ต้องร้องแล้ว” สายตาของฟู่อวิ๋นเซินกลับไปที่คอมพิวเตอร์อีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ออกไปหาอะไรทำหน่อยไป”

“ถ้าคุณอยากถ่ายรูปคู่ รอเสร็จงานประชุมค่อยมาถ่าย”

นีลรีบปิดประตูออกไปราวกับวิ่งหนี

เขาออกมาจากห้องชุดด้วยความงุนงง ตอนเดินลงรู้สึกเท้าเบาหวิว

ระหว่างทางมีคนทักทายเขา แต่เขาก็เหมือนไม่เห็น

วิญญาณของนีลล่องลอยหายไปแล้ว

พอเขานึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำเมื่อไม่กี่วันก่อนรวมถึงคำพูดพวกนั้น แทบอยากจะตบหน้าตัวเอง

นี่เขากล้าให้ฟู่อวิ๋นเซินไปเป็นประธานฝ่ายขายของโซนเอเชียแปซิฟิกเลยเหรอ

ตอนที่วีนัสกรุ๊ปตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติก็พึ่งฟู่อวิ๋นเซินคนเดียวที่ช่วยให้ผ่านมาได้ ฝ่าแรงกดดันของสี่ตระกูลมหาเศรษฐีในยุโรป มีเหรอที่ความสามารถจะไม่โดดเด่น

เขานี่มันโง่จริงๆ

นีลกลับไปที่นั่งวีไอพีด้วยสภาพเหม่อลอย เขาดูทุกข์ทรมานมาก ฟุบโต๊ะไม่อยากเงยหน้าขึ้น

เอียนถอนหายใจ “เห็นไหม ไวน์แก้วเดียวไม่พอ”

โจเซฟยักไหล่

“โยเซฟ ทำไมนีลสภาพเหมือนโดนผีหลอกมา” ผู้หญิงที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งตรงที่นั่งวีไอพีขมวดคิ้ว “เขาไปเห็นอะไรมา”

“ไม่ต้องสนใจหรอก” โยเซฟพูด “ยังไงซะเขาก็ไม่มีผลต่อแผนของเรา”

เวลาสี่โมงเย็น งานประชุมสรุปผลงานไตรมาสก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

เอียนขึ้นเวทีก่อน รายงานการเงินของวีนัสกรุ๊ปในไตรมาสนี้

ตามมาด้วยโจเซฟประธานฝ่ายเทคโนโลยี

“นี่คือสองผลิตภัณฑ์ใหม่ที่วีนัสกรุ๊ปของเรากำลังจะทำออกมาครับ” โจเซฟเปิดไฟล์นำเสนอพลางพูดแนะนำ “ชิ้นแรกเป็นรถยนต์ไร้คนขับรุ่นใหม่ อีกชิ้นหนึ่งคือหุ่นยนต์เสมือนคน”

“ผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวนี้ท่านประธานใหญ่ของเราควบคุมและดำเนินการทดลองด้วยตัวเองครับ ดังนั้นครั้งนี้จะให้เขาขึ้นมาอธิบายรายละเอียดเองครับ”

พอคำพูดนี้จบลงบรรยากาศก็เข้าสู่ช่วงที่ตื่นเต้นที่สุด

บรรดานักข่าวก็เริ่มตื่นเต้น ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา

นี่เป็นครั้งแรกที่ประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน

ในเน็ตก็ฮือฮากันยกใหญ่

ทางประเทศจีนมีผู้ชมจำนวนไม่น้อย

หลายคนให้ความสนใจเพราะฟู่อวิ๋นเซินถูกถอดออกจากตำแหน่ง

[ประธานใหญ่ถอดประธานฟู่ออก ตาถั่ว เกลียด]

[ประธานฟู่อะไรเล่า เทียบกับประธานใหญ่ได้เหรอ ฉันว่าที่พวกเธออวยประธานฟู่กันอยู่ทุกวันเพราะหน้าตาของเขาใช่ไหมล่ะ]

[ขออภัยที่พูดตรง ประธานใหญ่ของวีนัสกรุ๊ปต่างหากที่เป็นหัวกะทิของวงการธุรกิจอย่างแท้จริง อย่าเอาฟู่อวิ๋นเซินมาเทียบกับเขาเลย]

“ท่านประธานใหญ่” โจเซฟหันไปพูดด้วยความนอบน้อม “เชิญครับ”

แสงไฟสปอตไลท์ดังพรึ่บ ส่องไปที่พรมแดง

ส่องไปที่สองขาสูงยาว

[เลิกคุย มาแล้วๆ]

[ทุกคนจับตา! ประธานใหญ่หน้าตาเป็นไงกันแน่ พนันกันๆ ฉันเดาว่าอายุห้าสิบแล้ว]

[ดูขาสิ! ฉันว่าอายุสามสิบ ห้าสิบจะเดินคล่องขนาดนั้นเหรอ]

โยเซฟจัดชุดสูทของตัวเอง เงยหน้ามองไปอย่างไม่ใส่ใจ

แสงไฟส่องตามคน

ขณะเดียวกันบนหน้าจอขนาดใหญ่ก็ปรากฏใบหน้า

ชายหนุ่มใบหน้าคมคาย งดงามไร้ที่ติ

ใบหน้าตามแบบฉบับของชาวตะวันออก

หล่อเหลาพลังทำลายล้างสูง

เกิดความเงียบขึ้นภายในงานทันที

นักข่าวชาวจีนที่ถูกเชิญมาโดยเฉพาะมองไปด้านหน้าอย่างอึ้งๆ สมองตื้อไปหมด

ท่ามกลางความสับสน ในสมองปรากฏอยู่แค่ประโยคเดียว

ช็อกกันไปทั้งวงการธุรกิจระดับโลก!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด