คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 660 สติแตก
ตอนที่ 660 สติแตก
ชายหนุ่มบ่ากว้างเอวเล็ก สองขายาวเหยียดตรง
เขาไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบไอบีไอเหมือนวาเลนส์ สวมเพียงเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำเรียบง่าย
แต่ไม่อาจมองข้ามบุคลิกที่น่าเกรงขาม ชวนให้ยำเกรง
โยเซฟตัวเย็นเฉียบ หน้าซีด “แก แกก็คือ…”
ต่อให้เขาซื่อบื้อกว่านี้ก็เข้าใจแล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินก็คือผู้บัญชาการสูงสุดของไอบีไอ!
เป็นไปได้ยังไง
ฟู่อวิ๋นเซินสร้างวีนัสกรุ๊ป ขณะเดียวกันมีเวลาสร้างสำนักสืบสวนสากลได้ยังไง
ไอบีไอไม่เหมือนการทำธุรกิจ ต้องการผู้นำที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ถึงจะสร้างความมั่นคงให้องค์กรได้
ถ้าทุกคนไม่ให้ความนับถือ หากเกิดความวุ่นวาย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโลกก็จะถูกทำลาย
โยเซฟเหงื่อแตก
นี่เขากล้าเป็นศัตรูกับฟู่อวิ๋นเซิน เขาคิดอะไรอยู่!
“ผู้บัญชาการครับ” วาเลนส์พูดด้วยความนอบน้อม “จับตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้แล้วครับ นอกจากเขาแล้วยังมีอีกยี่สิบคน ตอนนี้ถูกขังอยู่ครับ”
ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืม นั่งลงตรงหน้าโยเซฟ แต่กลับพูดกับวาเลนส์ “ไปตรวจค้นห้องทดลองของมานูเอล ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง ตรวจค้นทั้งหมด ตอนเย็นเอาตัวมา”
วาเลนส์ตอบด้วยความนอบน้อมอีกครั้ง “ครับ”
เขาถอยออกไป ปิดประตู
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องสอบสวน แต่ความเงียบแบบนี้กลับไม่ต่างจากเพชฌฆาตที่กดดันให้โยเซฟเป็นบ้า
ทันใดนั้นเขาก็กรีดร้องเสียงดัง ใบหน้าบิดเบี้ยว “แกรู้อยู่ก่อนแล้ว! แกรู้เรื่องทั้งหมดก่อนแล้วใช่ไหม เห็นฉันเป็นตัวตลกใช่ไหม!”
แผนที่เขาคิดว่าสมบูรณ์แบบแต่กลับกลายเป็นสิ่งที่น่าสมเพชในสายตาของผู้ชายคนนี้
ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้าไป “ยินดีด้วย เดาถูกแล้ว”
“ในเมื่อแกรู้อยู่ก่อนแล้ว ทำไมแกไม่ไล่ฉันออก” โยเซฟดวงตาแดงก่ำด้วยความโมโห “แกจะปล่อยฉันไว้ทำไม เลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้เหรอ!”
“ลูกเสือลูกจระเข้เหรอ” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินโค้งมน พูดกึ่งยิ้ม “ใช้สำนวนจีนได้ไม่เลวนี่”
โยเซฟกัดฟันพูด “ใช่ ทำไม ฉันก็แค่ดูถูกคนจีนอย่างพวกแก มีอะไรไหม”
“แม้จะเป็นตอนนี้ฉันก็ยังดูถูกพวกแกอยู่ดี!”
เขาไม่ยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้คนจีน
โยเซฟโมโหควบคุมสติไม่ได้ สีหน้าบ้าคลั่ง
“อย่าสำคัญตัวเองนักเลย แกยังไม่ถึงขั้นเป็นเสือ” ฟู่อวิ๋นเซินยืนขึ้น ก้มมองโยเซฟ “ที่ฉันปล่อยแกไว้เพราะแกเป็นคนมีความสามารถ ช่วยเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ มีคนช่วยทำงาน ทำไมฉันจะไม่เก็บแกไว้ล่ะ”
“แกคิดว่าช่วงสองปีนี้ที่แกเล่นตุกติก ฉันจะไม่รู้เลยเหรอ”
สีหน้าของโยเซฟเริ่มซีดลงทีละนิด ปากสั่น “แก…”
หลอกใช้เขาทำงานเหรอ!
“แกทำอันตรายฉันไม่ได้ และก็ทำให้เครือบริษัทเสียหายไม่ได้” ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง “แล้วก็ หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ที่แกได้ไปก็เพราะฉันจงใจให้แกได้ไป”
โยเซฟสีหน้าเปลี่ยน “แกว่าไงนะ ทั้งๆ ที่ฉัน…”
พอพูดถึงตรงนี้เขากลับพูดต่อไม่ได้แล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินสร้างวีนัสกรุ๊ปด้วยมือตัวเอง ถ้าไม่เจตนาปล่อยไป มีเหรอที่เขาจะเอาหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์มาได้อย่างง่ายดาย
ตอนนั้นความดีใจอย่างท่วมท้นได้กลบความคิดอื่นหมด กอปรกับทุกอย่างเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล โยเซฟก็เลยมองข้ามจุดบอดอื่นๆ ไป
“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีแก โซนยุโรปคงไม่เจริญก้าวหน้าได้อย่างทุกวันนี้” ฟู่อวิ๋นเซินมีสีหน้าสบายๆ “แต่ก็แสดงความยินดีด้วย”
“แกมีความผิดร้ายแรงฐานเจตนาฆ่า คุกสากลรอแกอยู่ ต่อไปพวกเราคงไม่ได้เจอกันอีก”
หากโยเซฟทำสำเร็จ จะมีคนตายอย่างน้อยหลายร้อยคน
โยเซฟนั่งหมดแรงบนเก้าอี้ สีหน้าสิ้นหวัง
สติถูกฟู่อวิ๋นเซินโจมตีทีละน้อย
ที่เขาพยายามพัฒนาโซนยุโรปอย่างเต็มที่ก็เพราะเขามีความทะเยอทะยานมานานแล้ว อยากฮุบวีนัสกรุ๊ป
แต่พอถึงเวลากลับกลายเป็นแค่สร้างประโยชน์ให้คนอื่น
เขารู้ว่าตัวเองแพ้ราบคาบแล้ว
…
ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง
หลังจากที่อิ๋งจื่อจินยกเรื่องทั้งหมดให้ฟู่อวิ๋นเซิน เธอก็ไปเดินเที่ยวกับริต้าอย่างสบายใจ
ถึงแม้ญาณพยากรณ์ของเธอจะฟื้นคืนแล้ว แต่ก็ยังคงพยากรณ์เรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้
เธอเห็นแค่ว่าสารพิษขวดนั้นทำให้คนจำนวนมากบาดเจ็บในตึกสำนักงานใหญ่วีนัสกรุ๊ป พลังทำลายล้างสูงมาก
ส่วนฟู่อวิ๋นเซินจะเป็นอันตรายหรือไม่ เธอฟันธงไม่ได้
ไม่ใช่แค่ฟู่อวิ๋นเซิน เธอเองก็มองไม่เห็นอันตรายที่จะเกิดกับอวี้เสวี่ยเซิงและหลิงเหมียนซีเช่นกัน
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง
ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เคยเกิดขึ้น
ซิวกับผู้ก่อตั้งเว็บบอร์ดเอ็นโอเคอีกสองคนก็ไม่อยู่ในขอบเขตญาณพยากรณ์ของเธอ
“คนสวย เธอเต้นรำเป็นหรือเปล่า” ริต้าเลือกกระโปรงหลายชุด “สอนฉันบ้างสิ”
อิ๋งจื่อจินดึงสติกลับมา เลิกคิ้วพลางพูด “พอเต้นได้ แต่เรื่องสอนอย่าดีกว่า เดี๋ยวพวกเราจะเหยียบเท้ากันเอง”
“ฉันสะเทือนใจมากจริงๆ” ริต้าพูดเสียงเศร้า “ฉันรับไม่ได้จริงๆ นะ ฉันเป็นถึงนักล่าชั้นยอด แต่กลับเต้นรำไม่เป็นเลย ยังดีที่คุณซีซาร์ไม่ทำอะไรฉัน”
ขนาดเธอยังไม่กล้ามองสภาพตัวเองเลย
อิ๋งจื่อจินหาวหวอด “วางใจได้ เขาไม่กล้าหรอก ถ้าเขากล้า ฉันจะช่วยจัดการให้”
“ช่างเถอะ ก็แค่เต้นรำเพลงเดียว” ริต้ายักไหล่ “วันหน้าฉันยังจะมีโอกาสเจอผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์ได้อีกเหรอ เรื่องเต้นรำช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็ชอบจับปืนมากกว่า”
ริต้ารู้ตัวเองดี
เธอรู้ว่าเธอกับซีซาร์ ลอเรนท์ ต่างกันมากขนาดไหน
อย่าว่าแต่เธอเลย ต่อให้เป็นนายใหญ่เบวินก็ยังห่างชั้นอีกไกล
ซีซาร์ ลอเรนท์ เขาคือคนที่ขนาดคณะผู้อาวุโสตระกูลลอเรนท์ยังต้องเรียกว่านายท่าน
คนละโลกกันเลยจริงๆ
อิ๋งจื่อจินหันไปมองริต้าพลางครุ่นคิด
ริต้ารู้สึกขนลุก “คะ คนสวย ทำ…ทำไมมองฉันแบบนี้ล่ะ”
“ก็ แค่…” อิ๋งจื่อจินทำสีหน้าเรื่อยเปื่อย “ดูเหมือนว่าฉันจะคำนวณความเป็นไปได้พลาดไปหน่อย”
เธอหยุดเล็กน้อย “เขาก็มีดวงความรักอยู่”
ริต้า “?”
เธอเดินตามอิ๋งจื่อจินเข้าร้านขายอัญมณีด้วยความงุนงง
ร้านขายอัญมณีร้านนี้ต้องโทรนัดล่วงหน้า เพราะแต่ละวันคิวยาวมาก
“ยังไหวๆ ยังมีคิว” ริต้ามองจอที่อยู่ด้านบน “พวกเราคิวที่สามสิบหก ตอนนี้ถึงคิวที่สามสิบสาม ไปต่อแถวทางนั้นกัน”
ทั้งสองคนยืนห่างคนก่อนหน้าครึ่งเมตร
จนกระทั่งคิวก่อนหน้าเหลือคนเดียวก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามายืนตรงกลางที่ว่างอยู่เหมือนเป็นเรื่องปกติ
“นี่คุณ ทำไมแซงคิวล่ะคะ” ริต้ากอดอก ไม่สบอารมณ์ “ช่วยไปต่อแถวด้านหลังด้วยค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นมองบัตรคิวในมือตัวเอง “ถึงคิวฉันแล้ว ฉันคิวที่สามสิบเจ็ด หาว่าฉันแซงคิวได้ยังไง ตรงนี้ว่างอยู่จะไม่ให้ยืนต่อคิวเหรอ”
“คุณดูให้ดีๆ” ริต้าชี้หน้าจอที่แสดงจำนวนคิว “ตอนนี้ถึงคิวที่สามสิบห้า”
“ใช่ ฉันรู้” ผู้หญิงคนนั้นชักหงุดหงิด “แต่คิวที่สามสิบหกไม่อยู่ แล้วทำไมฉันจะเข้าไปไม่ได้”
“อีกอย่าง ฉันจะแซงคิวแล้วพวกเธอเกี่ยวอะไรด้วย ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเหรอ”
ริต้ามีน้ำโหขึ้นมาทันที
เดิมทีเธอก็เป็นคนเลือดร้อนอยู่แล้ว ไม่ได้สุขุมเก็บอารมณ์เก่งแบบสาวไฮโซทั่วไป แต่ไหนแต่ไรมาเป็นพวกใช้กำลังตัดสิน
อิ๋งจื่อจินจับบ่าริต้า หยิบบัตรคิวในมือขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “พวกเราคิวที่สามสิบหก”
อีกฝ่ายที่มือถือกระเป๋าอยู่ถึงกับชะงัก
ราวกับถูกหวดหมัดเข้าหน้า ริมฝีปากซีดไม่มีเลือดหลงเหลือ
อับอายแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
พนักงานร้านดูแลคิวที่สามสิบห้าเสร็จก็พูดอย่างสุภาพ “คุณผู้หญิงคะ ขอความกรุณาอย่าแซงคิวนะคะ ทางเรามีกฎที่เข้มงวด ทุกอย่างว่าไปตามกฎค่ะ”
“ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีบัตรคิว คุณผู้หญิงสองท่านนี้ก็มาก่อนค่ะ”
ลูกค้าหลายคนมองมา ผู้หญิงคนนั้นที่หน้าตาผิวพรรณดูแลมาดีเริ่มลนลาน
เธอเม้มริมฝีปาก เถียงข้างๆ คูๆ “ใครใช้ให้พวกเธอยืนซะห่างล่ะ ฉันก็คิดว่าข้างหน้าไม่มีคน ฉันผิดเหรอ”
ริต้าย้อนเข้าให้ “ครึ่งเมตรเรียกว่าห่างเหรอ อีกอย่างนะ พวกเราจะยืนห่างเป็นโยชน์มันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ”
อีกฝ่ายโมโหมาก เลิกต่อคิว ออกจากร้านด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลย” ริต้าทำเสียงฮึดฮัด “ไร้มารยาท”
“ไม่ต้องสนใจ” อิ๋งจื่อจินถือถุงช้อปปิ้ง “ไปร้านอื่นต่อเถอะ”
ทั้งสองคนออกจากร้านอัญมณี
ริต้าเดินไปได้รอบหนึ่งทันใดนั้นก็ดวงตาเปล่งประกาย “คนสวย ทางนี้ๆ ฉันรับรองเลยว่าเธอต้องไม่เคยเห็นดีไซน์ของร้านนี้แน่นอน สมบูรณ์แบบสุดๆ”
“ฉันเคยไปแค่สาขาหลักที่อยู่ฟลอเรนซ์ นึกไม่ถึงว่าที่ประเทศเจก็มีด้วย”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า มองตามริต้าไป
ตรงนั้นเป็นร้านสั่งตัดเสื้อผ้าหรู มีหลากหลายสไตล์
มีสไตล์โบฮีเมียน สไตล์จีนโบราณก็มี
หน้าร้านมีคนต่อคิวยาวมาก
ตอนเห็นชื่อร้านอิ๋งจื่อจินก็ชะงัก เลิกคิ้วพลางพูด “เธอชอบมากเลยเหรอ”
Comments