คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 673 กำจัดคนเลว โลกจอมยุทธ์ไม่มีตระกูลเซี่ยอีกต่อไป

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 673 กำจัดคนเลว โลกจอมยุทธ์ไม่มีตระกูลเซี่ยอีกต่อไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 673 กำจัดคนเลว โลกจอมยุทธ์ไม่มีตระกูลเซี่ยอีกต่อไป

ถูกขัดจังหวะกะทันหัน ผู้อาวุโสยกฝ่ามืออยากฆ่าคนที่เข้ามารายงานข่าวให้ตาย

แต่พอคิดว่าวันนี้ตระกูลเซี่ยสูญเสียคนไปมาก ผู้อาวุโสก็อดทนไว้ “ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญก็ไม่ต้องเข้ามา เข้าใจหรือเปล่า”

“ไม่ครับ…สำคัญมาก! สำคัญมากจริงๆ!” คนคุ้มกันตัวสั่น ฟันกระทบกัน “ผู้อาวุโส ท่านผู้นำตระกูล ศาลสถิตยุติธรรมกับสหพันธ์จอมยุทธ์พาคนบุกเข้ามาแล้วครับ!”

“!”

หินก้อนเดียวทำให้เกิดคลื่นได้พันชั้น

ภายในห้องนี้ นอกจากคณะผู้อาวุโสแล้วก็ล้วนเป็นพวกผู้นำตระกูลที่วรยุทธ์ร่วมสองร้อยปีของตระกูลเซี่ย

แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้เสี่ยงตายครั้งนี้สร้างความตกใจให้ตระกูลเซี่ยมากขนาดไหน

แต่ก็สู้ข่าวที่เพิ่งรายงานไปไม่ได้

“ว่าไงนะ!” ผู้อาวุโสเดินขึ้นหน้า กระชากตัวคนคุ้มกันขึ้นมา “ใครบุกเข้ามานะ”

คนคุ้มกันพูดติดขัด “สะ ศาลสถิตยุติธรรมกับสะ สหพันธ์จอมยุทธ์ครับ!”

ผู้อาวุโสดวงตาเบิกโพลง

ศาลสถิตยุติธรรมกับสหพันธ์จอมยุทธ์บ้าไปแล้วเหรอ ถึงกล้าบุกเข้ามาโจมตีตระกูลเซี่ย

ไม่กลัวเซี่ยฮ่วนหรานออกมาแล้วจะเล่นงานศาลสถิตยุติธรรมกับสหพันธ์จอมยุทธ์ให้ตายกันหมดเหรอ!

“ให้ตายเถอะ พวกเขาต้องรู้แน่ว่าท่านผู้นำตระกูลฮ่วนหรานยังเก็บตัวฝึกอยู่ ก็เลยเลือกเข้ามาบุกเวลานี้!” ผู้อาวุโสรองทุบโต๊ะ สีหน้าโหดเหี้ยม “ใจกล้ากันเหลือเกินนะ!”

ยังไงซะเซี่ยเนี่ยนก็ตายไปแล้ว

เรื่องนี้ต้องทำเซี่ยฮ่วนหรานโมโหมากแน่นอน

ดังนั้นกวาดล้างตระกูลเซี่ยอีกจะต่างอะไรกัน

“เร็วเข้า รีบหนี!” ผู้อาวุโสเหงื่อแตกเต็มศีรษะ “สหพันธ์จอมยุทธ์มาเองแล้ว ไอ้คนหนังเหนียวอย่างเฉิงหย่วนก็ต้องมาด้วยแน่!”

วรยุทธ์ของพวกเขาด้อยกว่าเฉิงหย่วนมาก

ก็เหมือนกับที่เซี่ยฮ่วนหรานสามารถตบจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์สามร้อยปีให้ตายได้ เฉิงหย่วนฆ่าพวกเขาก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสพูด บรรดาผู้นำตระกูลคนอื่นก็เตรียมหนีกันเรียบร้อยแล้ว

แต่พวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้หนี

มีเสียงหัวเราะสะใจดังสะเทือนเยื่อแก้วหู

“ฉันจะดูซิว่าใครมันกล้าหนี!”

“ตูม!”

ห้องที่พวกผู้นำตระกูลเซี่ยประชุมถูกระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในชั่วพริบตา

เฉิงหย่วนยืนอยู่กลางอากาศ ยกฝ่ามือออกไป “กลับมาเดี๋ยวนี้!”

ผู้อาวุโสที่เพิ่งก้าวออกไปถูกเฉิงหย่วนใช้กำลังภายในดึงกลับมา

เขาร้องเสียงหลง “เฉิงหย่วน!”

ตบตายด้วยฝ่ามือเดียวอย่างสบายๆ

ผู้อาวุโสรองตะลึง ยกขาเตรียมหนี

“ผู้อาวุโสรอง จะไปไหนเหรอ”

ชายหนุ่มพูดกึ่งหัวเราะ แต่กลับเจือไปด้วยความอาฆาต

ผู้อาวุโสรองถูกล็อกตัวไว้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว

ฟู่อวิ๋นเซินบีบคอผู้อาวุโสรองแล้วหันไปสั่งเสียงแข็ง “ฆ่าพวกคนที่เกี่ยวข้องให้หมด ไม่ต้องปล่อยไว้ให้เป็นหายนะ”

“ครับ!”

คนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมรีบกระจายออกไป

ในมือพวกเขายังมียาเม็ดที่อิ๋งจื่อจินให้มา ยาเหล่านี้จะปกป้องชีวิตของพวกเขาได้เมื่อถึงคราวจำเป็น

“ฟู่อวิ๋นเซิน!” ต่อให้ผู้อาวุโสรองโง่กว่านี้ก็เข้าใจแล้ว ร้องเสียงหลง “แกคือเงา!”

ท่านเงาแห่งศาลสถิตยุติธรรมคือคนนอกงั้นเหรอ

“ฉลาดจริงๆ เดาถูกแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้าแสยะยิ้ม “แต่น่าเสียดายที่สายไปแล้ว”

มือของเขาออกแรงเล็กน้อยก็บดขยี้กระดูกคอของผู้อาวุโสรองให้ละเอียดได้

จากนั้นเขาก็เดินข้ามศพไป ด้านหลังดูเย็นชา

ด้านนอก

อิ๋งจื่อจินจัดการพวกทีมคุ้มกันแล้วก็เข้าไปด้านใน เจอพวกผู้อาวุโสที่เหลืออยู่

เธอเหลือบตาขึ้น หมุนข้อมือนิดหน่อย “พวกคุณอยากตัวต่อตัวหรือรุมเข้ามาดีล่ะ”

คำพูดนี้ทำให้พวกผู้อาวุโสสีหน้าขรึมลง

“อิ๋งจื่อจิน อย่าอวดดีให้มันมากนัก!” ผู้อาวุโสสามแสยะยิ้ม “แกก็แค่เพิ่งเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์ แต่ฉันเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์มาหลายสิบปีแล้ว คิดจะสู้กับฉันเหรอ ไม่มีทางหรอก!”

“เฉิงหย่วนกับฟู่อวิ๋นเซินฆ่าคนตระกูลเซี่ยไปตั้งมากขนาดนั้น วันนี้ฉันจะฆ่าแกก่อน เอาให้พวกเขานึกเสียใจไปทั้งชีวิต!”

“ลำพังแค่พวกแก คิดจะทำลายตระกูลเซี่ย ไม่รู้จักดูตัวเองเสียบ้าง”

ความคิดของผู้อาวุโสสามไม่ซับซ้อน

เดิมทีผู้ชายก็เหมาะจะฝึกวรยุทธ์มากกว่าอยู่แล้ว ผู้หญิงต่อให้เก่งจะเก่งได้ถึงขั้นไหนกันเชียว

อวดดีจริงๆ

ผู้อาวุโสสามตวาดเสียงด้วยความโมโห โจมตีในชั่วพริบตา “ตายซะเถอะ!”

แต่อิ๋งจื่อจินไม่หลบแม้แต่น้อย

เธอยกฝ่ามือขึ้นแล้วขยับเบาๆ ไปทางผู้อาวุโสสาม

“ตูม!”

เกิดเสียงระเบิด เกิดแรงโจมตีมหาศาล

ผู้อาวุโสสามลอยกระเด็นออกไปท่ามกลางสายตาหลายคู่ กระดูกหักสี่ห้าท่อน เจ็บเกินทน

แย่แล้ว!

วรยุทธ์ของอิ๋งจื่อจินอยู่เหนือกว่าเขาอีก

ผู้อาวุโสสามสีหน้าเปลี่ยนไปมาก พยายามกลั้นไม่ให้กระอักเลือด กัดฟันแน่นหันตัวเตรียมหนี

แต่วินาทีถัดมาอิ๋งจื่อจินก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปโผล่ตรงหน้าเขา ยกตัวเขาขึ้นมาอย่างสบายๆ

อิ๋งจื่อจินมองหน้า “ใครบอกว่าฉันเพิ่งเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์”

ผู้อาวุโสสามเบิกตาโพลง ยังไม่ทันได้ตีความคำพูดนี้ก็คอตก สิ้นลมหายใจ

อิ๋งจื่อจินโยนผู้อาวุโสสามทิ้งพื้นแล้วก้าวขึ้นหน้าอีกครั้ง

คราวนี้พวกผู้อาวุโสคนอื่นรู้สึกกลัวกันแล้ว

ผู้อาวุโสสามมีวรยุทธ์สูงสุดในบรรดาพวกเขา ถ้าแม้แต่ผู้อาวุโสสามยังถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ แล้วพวกเขายังจะรอดได้เหรอ

พวกผู้อาวุโสตัวสั่น เริ่มคำนับกันอย่างบ้าคลั่ง “ไว้ชีวิตด้วย! คุณอิ๋ง โปรดไว้ชีวิตด้วย!”

ผู้อาวุโสเจ็ดขี้ขลาดตาขาวยิ่งกว่า “คุณอิ๋ง ไว้ชีวิตด้วยครับ เป็น เป็นความคิดของเซี่ยฮ่วนหรานทั้งนั้น ผมฆ่าไปไม่กี่คน ปล่อยผม ปล่อยผมไปเถอะนะ!”

“ปล่อยพวกคุณเหรอ” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ สีหน้าเย็นชา “สิบปีก่อนพวกคุณไม่ไว้ชีวิตตระกูลหลิ่ว ไล่ย้อนไปก่อนหน้านั้นอีก พวกคุณก็ไม่เคยไว้ชีวิตใคร แล้วจะให้ปล่อยเหรอ”

เธอพูดเสียงเบา “ฝันหวานจริงนะ”

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ตระกูลเซี่ยนองเลือด

คนในตระกูลเซี่ยคนใดก็ตามที่มือเคยฆ่าคนบริสุทธ์ วันนี้ได้ชดใช้ทั้งหมดแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาต่างคาดไม่ถึง

คนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมกำลังจัดแจงให้คนอื่นๆ ออกไป

“ท่านเงาครับ ถึงคนพวกนี้จะอยู่ตระกูลเซี่ย แต่ไม่เคยทำเรื่องผิดศีลธรรม และก็เคยคัดค้านหลายเรื่องด้วยครับ” ฮู่ฝ่าขวากำมือคารวะ พูดด้วยความนอบน้อม “พวกเราจัดการให้ไปอยู่อีกที่หนึ่งแล้ว พวกเขาใช้ชีวิตต่อที่นั่นได้ครับ”

“คนแก่ ผู้หญิง เด็ก ก็จัดหาที่อยู่ให้เรียบร้อยแล้วครับ”

“นอกจากนี้ยังช่วยผู้หญิงออกมาได้หนึ่งร้อยเจ็ดสิบคน บางคนถูกทำให้เสียสติ พวกเราตัดสินใจว่าจะส่งพวกเธอไปที่สำนักเทียนอีก่อน ให้แพทย์แผนโบราณของที่นั่นใช้วิชาศาสตร์มืดสิบสามเข็มช่วยรักษาครับ”

ตระกูลเนี่ยก่อกรรมทำเข็ญมากมายเหลือเกิน

ครั้งนี้เป็นเพราะเซี่ยฮ่วนหรานไม่อยู่ พวกเขาถึงบุกเข้าโจมตีตระกูลเซี่ยได้อย่างราบรื่น

หลังจากความชั่วถูกเปิดโปงมาทีละอย่างก็สร้างความตกตะลึงได้มากทีเดียว

ตระกูลเซี่ยสมควรตายจริงๆ

ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “ได้”

เฉิงหย่วนขมวดคิ้ว “พวกนายยังจะปล่อยอีกเหรอ ฆ่าไปด้วยกันก็จบแล้ว”

“นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกเรากับตระกูลเซี่ย” ฟู่อวิ๋นเซินจับมืออิ๋งจื่อจิน “พวกเราไม่มีทางฆ่าคนบริสุทธิ์ ถ้าฆ่าคนมั่วไปหมดแบบนี้ อีกหน่อยโลกจอมยุทธ์ยังจะเหลือคนอีกเหรอครับ”

เฉิงหย่วนอดนับถือจากใจไม่ได้ “จิตใจของคุณชายฟู่ไม่ใช่คนธรรมดาจะมาเทียบได้”

จอมยุทธ์ก็ดูกันที่จิตใจเหมือนกัน

มิน่าวรยุทธ์ของฟู่อวิ๋นเซินถึงได้ก้าวหน้าเร็วขนาดนี้ เพราะหัวใจของเขาบริสุทธิ์

ถึงแม้เขาจะแบกความแค้นไว้ แต่กลับไม่เคยปล่อยให้ความแค้นบดบังสายตา

“อืม” อิ๋งจื่อจินเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเขาแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มฉาบสีแดง “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป โลกจอมยุทธ์จะไม่มีตระกูลเซี่ยอีกต่อไปแล้ว”

วันที่ยี่สิบห้า พฤษภาคม ปีสองพันยี่สิบสอง ตระกูลเซี่ย ตระกูลอันดับหนึ่งในโลกจอมยุทธ์ สูญสิ้น

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ข่าวเรื่องตระกูลเซี่ยถูกทำลายก็ได้ลือกันไปทั่วโลกจอมยุทธ์แล้ว

ครั้งนี้ศาลสถิตยุติธรรมกับสหพันธ์จอมยุทธ์ร่วมมือกัน สร้างความตกตะลึงให้ตระกูลใหญ่

นั่นตระกูลเซี่ยเชียวนะ!

บทจะทำลายก็ทำลายเลยเหรอ

ทางด้านตระกูลหลินย่อมได้รับแจ้งข่าวก่อน หลินจิ่นอวิ๋นตกใจจนเผลอบีบถ้วยชาในมือแตก ร่างกายอดสั่นไม่ได้ “พวกเขาบ้าไปแล้ว!”

ตอนนี้ไม่ใช่แค่เซี่ยเนี่ยนตาย แม้แต่ตระกูลเซี่ยก็ถูกทำลายไปด้วย

ถ้าเซี่ยฮ่วนหรานออกมาแล้วรู้ข่าว ไม่คลั่งไปเลยเหรอ

“จิ่นอวิ๋น นี่เป็นเรื่องดีนะ” ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลหลินถือลูกประคำ “ตระกูลเซี่ยสูญสิ้นไปแล้ว ก็เหลือแค่พวกเรากับตระกูลเย่ว์ อีกทั้งเซี่ยฮ่วนหรานไม่มีทางมาล้างแค้นพวกเรา”

หลินจิ่นอวิ๋นหายตะลึงก็ได้สติ “ถูกต้อง พวกเรากับตระกูลเย่ว์เลยได้ประโยชน์แบบสบายๆ”

เขาหยุดเล็กน้อยแล้วถามต่อ “พวกคนของศาลสถิตยุติธรรมกับสหพันธ์จอมยุทธ์ล่ะ”

“เรียนนายใหญ่ พวกเขากำลังออกจากโลกจอมยุทธ์ครับ” พ่อบ้านตอบอย่างนอบน้อม “คิดว่าคงกลัวเซี่ยฮ่วนหรานมาตามล้างแค้นครั้งใหญ่จนทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไปด้วย กลัวจะซ้ำรอยตระกูลหลิ่วครับ”

หลินจิ่นอวิ๋นพยักหน้าเบาๆ “พวกเราแค่ดูเรื่องนี้อยู่ห่างๆ ก็พอแล้ว”

ตระกูลหลินกับตระกูลเย่ว์ต่างหากที่เป็นผู้ชนะของสงครามใหญ่ครั้งนี้

อีกด้านหนึ่ง

ตรงทางเข้าออกโลกจอมยุทธ์

อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินจัดการให้คนอื่นๆ ของศาลสถิตยุติธรรมกับสหพันธ์จอมยุทธ์ออกไป

แน่นอนว่าก็มีหลายคนที่เลือกจะอยู่ต่อ

เซ่าอวิ๋นรออยู่ตรงทางเข้าสามวันสามคืน ในที่สุดก็เห็นประตูเปิดออกอีกครั้ง

เขาตกใจ รีบพุ่งเข้าไปทันที แต่กลับมีคนหลายร้อยทยอยออกมา

จนกระทั่งเห็นคนสุดท้ายที่เดินออกเขาก็ยังไม่เห็นฟู่อวิ๋นเซิน

เขาเข้าไปจับมือผู้อาวุโสใหญ่ทันที “เจ้าเจ็ดล่ะ เขาล่ะ!”

ผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าเปลี่ยน

วรยุทธ์ของเขาไม่ต่ำ สองร้อยปีต้นๆ แต่ผู้ชายคนนี้กลับขวางเขาไว้ได้

ผู้อาวุโสใหญ่ไม่เคยเจอเซ่าอวิ๋นมาก่อน แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองออกว่าเซ่าอวิ๋นกับฟู่อวิ๋นเซินมีหน้าตาที่คล้ายกัน

“ขอโทษด้วยครับ ท่านเงามีคำสั่ง ใครก็ห้ามขัด” ผู้อาวุโสใหญ่รวบรวมกำลังภายในผลักเซ่าอวิ๋นออกไปแล้วตะโกนสั่ง “ปิดทางเข้า!”

“ตึง!”

เสียงประตูปิดลงอีกครั้ง

เซ่าอวิ๋นสีหน้าเย็นชา ดวงตาฉายแววอาฆาต “คุณ!”

ทางเข้าออกของโลกจอมยุทธ์ไม่ต่างจากประตูใหญ่ของเมืองแห่งโลก ก็แค่ไม่ติดเรื่องมิติกับเวลา

แต่ถ้าไม่มีกุญแจไม่ว่าอย่างไรก็เข้าไปไม่ได้

“คุณผู้ชายท่านนี้ ผมไม่รู้ว่าคุณกับอวิ๋นเซินเป็นอะไรกัน” ผู้อาวุโสใหญ่ใจเย็น สูดลมหายใจเข้าลึก “นี่คือการตัดสินใจของเขา กรุณาอย่าเข้าแทรกแซงครับ”

มือของเซ่าอวิ๋นที่ค้างอยู่ได้วางลง

เขานึกไม่ถึงว่า เขาออกมาครั้งนี้จะต้องเผชิญกับการที่อาจสูญเสียลูกเพียงคนเดียวของเขากับฟู่หลิวอิ๋ง

หัวหน้าคนคุ้มกันครุ่นคิดชั่วครู่ “ท่านหัวหน้าตระกูลครับ พวกเราไปขอให้สำนักผู้วิเศษช่วย ต่อให้จอมยุทธ์คนนั้นจะเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางเก่งไปกว่าบรรดาผู้วิเศษแน่นอนครับ”

ผู้วิเศษยี่สิบสองคน นั่นต่างหากคือผู้ที่ดุจเทพอย่างแท้จริง

“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่นายรู้เหรอว่าความสามารถพิเศษของผู้วิเศษคนไหนที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้บ้าง” เซ่าอวิ๋นพูดเสียงเย็นชา “ผู้วิเศษนักมายากลเก่งปรุงยา แต่การต่อสู้ไม่โดดเด่น”

ส่วนผู้วิเศษจักรพรรดินีก็ถูกเขาปัดตกไปแล้ว

ผู้วิเศษคนอื่นๆ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ผู้วิเศษจักรพรรดินีก็น่าจะหาตัวไม่เจอเหมือนกัน

หัวหน้าคนคุ้มกันไม่พูดอะไรอีก

ผู้วิเศษยี่สิบสองคนต่างมีความสามารถพิเศษ แต่ใช่ว่าความสามารถพิเศษของทุกคนจะเอาไว้ใช้สำหรับต่อสู้ทั้งหมด

อย่างเช่นผู้วิเศษนักมายากลที่ก่อตั้งสำนักวิจัย ไม่เพียงแต่จะต่อสู้ไม่เก่ง ร่างกายก็อ่อนแอกว่าผู้วิเศษคนอื่นด้วยเพราะการปรุงยา

แต่แน่นอนว่าก็ยังแข็งแกร่งกว่าพวกเขาที่เป็นคนธรรมดา

สีหน้าของเซ่าอวิ๋นเย็นชา ยื่นดาบสั้นอัญมณีทับทิมให้หัวหน้าคนคุ้มกัน “นายเอาของแทนตัวฉันไปแล้วรีบไปติดต่อผู้บัญชาการหน่วยอัศวินคฑากายสิทธิ์ เชิญเขามาทันที”

หัวหน้าคนคุ้มกันสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “ท่านหัวหน้าตระกูล คือ…”

“ฉันตัดสินใจแล้ว” เซ่าอวิ๋นพูดแทรก “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รีบไป”

เขาสูญเสียฟู่หลิวอิ๋งไปแล้ว จะไม่ยอมสูญเสียฟู่อวิ๋นเซินไปอีกเด็ดขาด

แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตตัวเองก็ตาม

หัวหน้าคนคุ้มกันรับดาบสั้นไป จำต้องรับปาก ออกไปติดต่อผู้บัญชาการหน่วยอัศวินคฑากายสิทธิ์

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร

ตรงมุมหนึ่งในโลกจอมยุทธ์

บนทะเลทรายที่พบเจอคนได้ยาก

ทุกอย่างเงียบสงัดจนน่ากลัว

มีเพียงนกเจย์หางขาวไม่กี่ตัวที่ส่งเสียงร้องอยู่ข้างบนต้นกระบองเพชร

แต่ทันใดนั้นคลื่นพลังรุนแรงได้ทะยานขึ้นฟ้า

เกิดแรงสั่นสะเทือนเลือนลั่น แม้แต่พื้นก็โคลงเคลง

สัตว์ที่อยู่โดยรอบราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง พากันวิ่งหนีไปไกลด้วยความตื่นตระหนก

“ฮ่าๆ ฉันฝึกมาร้อยกว่าปี ในที่สุดวันนี้ก็สำเร็จแล้ว!” เสียงหัวเราะดังสนั่นแก้วหูดังขึ้น “ไหนขอดูหน่อยซิ ตอนที่ฉันไม่อยู่โลกจอมยุทธ์มีเรื่องสนุกอะไรเกิดขึ้นบ้าง”

“ฟึ่บ!”

เกิดเงาหายแวบไปแวบมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด