คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 679 กำจัดคนชั่ว เปิดเผยตัวตนต่อเนื่อง
ตอนที่ 679 กำจัดคนชั่ว เปิดเผยตัวตนต่อเนื่อง
“…”
เฉิงหย่วนรู้สึกว่าโลกของเขาไม่เคยเงียบเท่านี้มาก่อน
คำพูดนี้ของเฟิงซิวราวกับหอบเอาเสียงทั้งหมดไปด้วย
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเริ่มแข็งทื่อทีละนิด ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
ตัวเขาราวกับถูกฟ้าผ่า สมองหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“มัวอึ้งอะไรอยู่” สองมือของเฟิงซิวไพล่หลัง เหล่มองเขา “เรียกท่านบูรพาจารย์สิ”
คราวนี้เฉิงหย่วนแข้งขาอ่อนแรงแล้วจริงๆ
เขาทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น “ทะทะทะ…ท่าน…”
เฉิงหย่วนพูดติดอ่างอยู่นานก็ยังพูดให้เต็มคำไม่ได้
เท้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก นวดศีรษะ แอบรู้สึกจนปัญญา “นายทำเขาตกใจ”
เฟิงซิวไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เขาพูดขึ้น “ไม่ทำให้ตกใจสักหน่อยเดี๋ยวเขาจะข้ามหัวผมได้”
ยังจะมาศิษย์นงศิษย์น้อง
ฝันหวานเหลือเกินนะ
“ทะทะ…ท่านบูรพาจารย์!” ในที่สุดเฉิงหย่วนก็เรียกออกมาได้ เขาปาดเหงื่อ ยังคงกล้าๆ กลัวๆ
“อาจารย์ ผมขอสาบานเลยว่าผมไม่เคยหมายความเป็นอื่น”
“เอาล่ะ รู้ว่านายไม่รู้” เฟิงซิวพยุงเขาขึ้นมา “เอาเป็นว่าจำไว้แล้วกัน นายไม่มีศิษย์น้อง มีแค่บูรพาจารย์”
เฉิงหย่วน “…”
เสียดแทงใจจัง
“ฉันไปก่อน” อิ๋งจื่อจินดึงปีกหมวกลงมาบังแดด “ไม่ได้ออกมาเดินนานแล้ว จะไปเดินเล่นหน่อย”
เฟิงซิวเหลือบมองเฉิงหย่วน
เฉิงหย่วนเข้าใจทันที รีบตามไปคุ้มกัน
เซี่ยฮ่วนหรานตายไปแล้ว นอกจากเฟิงซิวก็เฉิงหย่วนที่วรยุทธ์สูงที่สุด
เขามองอาคารที่อยู่ด้านหน้า “ท่านบูรพาจารย์จะไปคุกของศาลสถิตยุติธรรมเหรอครับ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ไปดูหน่อย”
จอมยุทธ์ที่เก่งกาจที่สุดของตระกูลเซี่ยถูกฆ่าไปแล้ว
บางคนทำผิด โทษไม่ถึงตาย แต่ก็ละเว้นการลงโทษตามกฎไม่ได้
แต่ไหนแต่ไรมาศาลสถิตยุติธรรมตัดสินด้วยความยุติธรรม
คุณนายเซี่ยก็ถูกจับขังคุก
สองตาของเธอเหม่อลอย ไม่มีมาดคุณนายแบบเมื่อก่อนหลงเหลืออีกแล้ว
ตอนที่เห็นอิ๋งจื่อจิน ในที่สุดแววตาของคุณนายเซี่ยก็กลับมารวมศูนย์อีกครั้ง
เธอรีบกระโจนเข้ามาที่ซี่กรง ดวงตาแดงก่ำน่ากลัว “อิ๋งจื่อจิน! แกยังไม่ตาย! นี่แกยังไม่ตายเหรอ!”
“ทำไมเนี่ยนเนี่ยนของฉันตายแต่แกไม่ตาย มีสิทธิ์อะไร!”
“เซี่ยเนี่ยนตายเพราะก่อกรรมทำเข็ญไว้เยอะ” เฉิงหย่วนมีสีหน้าเย็นชา
“ฆ่าคนไปตั้งมากขนาดนั้น สมควรตายแล้ว!”
เซี่ยเนี่ยนทำตัวกร่างในโลกจอมยุทธ์มาหลายปี ตระกูลหลิ่วก็ล่มสลายเพราะเธอ
“ฆ่าคนไปตั้งมากงั้นเหรอ” แววตาของคุณนายเซี่ยเคียดแค้น
“ชีวิตคนชั้นต่ำพวกนั้น คู่ควรเอามาเทียบกับลูกสาวฉันเหรอ”
โลกจอมยุทธ์วัดกันที่ฝีมือ ใช้กำลังคุยกัน
พวกคนที่ถูกเซี่ยเนี่ยนฆ่า พูดได้เพียงว่าฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้
“ชีวิตลูกสาวแกคือชีวิต ชีวิตคนอื่นไม่ใช่หรือไง” เฉิงหย่วนแสยะยิ้ม
“คุณนายเซี่ย สองมาตรฐานจริงนะ”
เขาหันไป กลืนคำว่า ‘ศิษย์น้อง’ ได้ทันเวลา พูดเสียงเบา
“ท่านบูรพาจารย์ครับ เดี๋ยวผมพาออก อย่าให้คนแบบนี้ทำเสียอารมณ์เลยครับ”
อิ๋งจื่อจินยกมือห้าม “ขอฉันคุยกับเธอหน่อย”
ถึงเฉิงหย่วนจะไม่เข้าใจ แต่ก็ถอยไปอยู่ด้านข้าง
“แกมีอะไรจะพูดกับฉัน” คุณนายเซี่ยทำสีหน้าดูถูก
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่มีทางพูดกับแก แกอยากจะฆ่าก็เชิญเลย ยังไงซะสามีกับลูกสาวของฉันก็ตายไปแล้ว ฉันมีชีวิตอยู่ยังจะมีความหมายอะไร”
“คุณนายเซี่ย ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลเซี่ยโกหกคุณ” อิ๋งจื่อจินพูด
“รู้หรือเปล่าว่าทำไมอยู่ๆ ลูกชายของคุณก็หมดสติไม่ฟื้น”
พอพูดถึงเซี่ยอวี้ สีหน้าของคุณนายเซี่ยก็บิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม
“ที่ลูกชายฉันสลบไม่ฟื้นเพราะแกไม่ยอมแต่งงานกับเขา!”
เป็นเพราะพวกเขาดูถูกอิ๋งจื่อจิน คิดว่าเป็นแค่แพทย์แผนโบราณ
ถ้าตอนนั้นฆ่าอิ๋งจื่อจินทิ้งเสีย ตระกูลเซี่ยยังจะตกต่ำถึงขั้นนี้เหรอ
“ตระกูลเซี่ยของพวกคุณอยู่ในโลกจอมยุทธ์มานานขนาดนี้ แต่ละรุ่นฆ่าคนบริสุทธ์ไปตั้งมาก”
อิ๋งจื่อจินก้มหน้าแสยะยิ้ม
“คิดจริงเหรอว่าจะไม่มีกรรมตามสนอง”
คุณนายเซี่ยเงยหน้าทันที “แก…แกหมายความว่าไง”
“เขาดวงแข็ง อีกทั้งยังเป็นจอมยุทธ์มากพรสวรรค์ที่หาได้ยาก คนแบบนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของการเอามารับเคราะห์” น้ำเสียงของอิ๋งจื่อจินเย็นชา “บาปกรรมในรุ่นนี้ของตระกูลเซี่ยล้วนไปตกอยู่ที่ตัวเขาทั้งหมด”
“บางเรื่องผู้อาวุโสใหญ่ของพวกคุณก็ไม่ได้โกหกหรอก ถ้าฉันแต่งงานกับเซี่ยอวี้ก็จะแบ่งเบาเคราะห์กรรมมาจากเขาได้ส่วนหนึ่ง พอเขาแบกรับน้อยลงก็ย่อมฟื้นขึ้นมาได้”
อิ๋งจื่อจินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันลองคิดดู ก่อนที่จะเป็นเซี่ยอวี้ ในรุ่นนี้ของพวกคุณก็เคยมีคนต้องสังเวยชีวิตบริสุทธิ์ใช่ไหมล่ะ”
“ไม่…ไม่ๆ!” คุณนายเซี่ยหน้าซีดต่อเนื่อง เธอส่ายหน้าสุดชีวิต มีเลือดไหลออกจากมุมปาก
“ฉันไม่เชื่อ…ฉันไม่เชื่อ!”
“แน่นอนว่าผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลเซี่ยยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้ใครมารับกรรม” อิ๋งจื่อจินพูดต่อ “เซี่ยฮ่วนหรานเป็นคนเลือกเซี่ยอวี้ต่างหาก”
“รู้หรือเปล่าว่าทำไมเซี่ยฮ่วนหรานถึงเลือกเซี่ยอวี้ เพราะเมื่อก่อนเซี่ยเนี่ยนเคยไปบอกเขาว่าไม่อยากให้เซี่ยอวี้แย่งชื่อเสียงความเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ไปจากเธอ”
“คุณนายเซี่ย นี่ก็คือลูกสาวที่คุณรักนักรักหนา”
ความจริงแต่ละคำพูดได้ทำให้คุณนายเซี่ยเริ่มสติแตก
“ไม่! กรี๊ดดด ไม่จริง!” คุณนายเซี่ยกรีดร้องเหมือนคนบ้า “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ!”
อิ๋งจื่อจินยืดตัวตรง ไม่มองคุณนายเซี่ยอีก “ไปเถอะ”
เฉิงหย่วนฟังแล้วก็ตกใจมาก “มีเรื่องแบบนี้จริงเหรอครับ”
“อืม” อิ๋งจื่อจินตอบ “เซี่ยฮ่วนหรานพูดออกมาหมดก่อนตาย”
“ต่ำช้าจริงๆ” เฉิงหย่วนแทบหยุดหายใจ “ผมเคยเจอเซี่ยอวี้ เขาเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์จริงๆ แต่กลับถูกเซี่ยเนี่ยนทำลายไปทั้งแบบนี้”
สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ เซี่ยอวี้ก็คือคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มากที่สุด
ในบันทึกของศาลสถิตยุติธรรม เซี่ยอวี้ไม่เคยฆ่าคน ไม่เข้ากับนิสัยอวดดีของตระกูลเซี่ย
เป็นคุณชายที่สง่างาม
“เขาถูกส่งไปที่บ้านตระกูลตี้อู่แล้ว ผู้เฒ่าชวนจะช่วยดูแลเขาให้” อิ๋งจื่อจินพูด “ตระกูลเซี่ยล่มสลาย เซี่ยฮ่วนหรานตาย บาปกรรมถูกหักล้าง เขายังมีโอกาสฟื้น”
เฉิงหย่วนพยักหน้า “ถือเป็นข่าวดีแล้วครับ”
…
อิ๋งจื่อจินออกจากคุก กลับห้องนอนที่ฟู่อวิ๋นเซินเตรียมไว้ให้เธอ
เธอเปิดคอมพิวเตอร์ที่ซีนายดัดแปลงให้ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตของเมืองแห่งโลกได้สำเร็จ
ถ้าไม่มีใบอนุญาตเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของภายใน เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรก็ไม่มีทางเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของเมืองแห่งโลกได้
[ดวงตากำลังสแกน…]
[ตรวจสอบอัตลักษณ์เสร็จเรียบร้อย!]
[ยินดีต้อนรับ นักศึกษาระดับต้นที่รัก ระบบตรวจพบว่าคุณยังไม่ได้เลือกคณะ กรุณาเลือกคณะที่คุณต้องการเข้า]
อิ๋งจื่อจินหรี่ตามองชื่อหลายสิบคณะที่อยู่บนหน้าจอ
ซีนายใช้สิทธิพิเศษช่วยให้เธอได้โควตานักศึกษาของสำนักวิจัย
ในเมืองแห่งโลก สำนักวิจัยเป็นอีกอิทธิพลใหญ่ที่นอกเหนือจากตระกูลอวี้กับตระกูลเรนเกล
แต่ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอวี้หรือตระกูลเรนเกลก็ต้องให้เกียรติสำนักวิจัยทั้งนั้น
อย่างไรเสียผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าทุกชิ้นของเมืองแห่งโลกก็ผลิตจากสำนักวิจัย
อีกทั้งสำนักวิจัยยังขึ้นตรงกับสำนักผู้วิเศษ
มีสองคณะใหญ่ที่สถานะสูงที่สุด
คณะหนึ่งคือคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ อีกคณะหนึ่งคือคณะวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน
ทั้งสองคณะใหญ่นี้เป็นกำลังสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีของเมืองแห่งโลก
ไซมอน แบรนด์ อดีตอาจารย์ของเธอก็เคยอยู่คณะวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน
นิ้วของอิ๋งจื่อจินเคาะแป้นคีย์บอร์ด สุดท้ายก็กดคณะวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน
ถึงแม้เธอจะสนใจชีววิทยาและพันธุศาสตร์มากกว่า แต่เพื่อให้โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลสามารถวิจัยออกมาได้สำเร็จ เลือกคณะวิศวกรรมจะมีส่วนช่วยได้มากกว่า
ต้องยอมรับเลยว่า เธอยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ในด้านเทคโนโลยี
[วันทดสอบ: วันที่ 24 กรกฎาคม]
[กรุณาเข้าทดสอบตรงเวลา]
อิ๋งจื่อจินกดยืนยัน ปิดคอมพิวเตอร์ สวมเสื้อคลุมแล้วออกไป
ในเวลาเดียวกันที่เมืองแห่งโลก ภายในห้องทำงานของฝ่ายรับนักศึกษาสำนักวิจัย
มีเสียง “ติ๊ด” บนหน้าจอสีฟ้าสามมิติที่ลอยอยู่กลางอากาศกำลังโอนถ่ายข้อมูลของนักศึกษาคนใหม่เข้ามาทันที
แอดมินเงยหน้ามอง เกือบพ่นน้ำออกมา
สมัยนี้แม้แต่นักศึกษาระดับต้นก็กล้าลงสมัครสอบคณะวิศวกรรมแล้วเหรอ
แอดมินเหลือบมองข้อมูลของอิ๋งจื่อจิน
อายุสิบเก้าปี
ตามคาด เด็กรุ่นใหม่ไฟแรงไม่เกรงกลัวอะไร
แต่นักศึกษาระดับต้นคนนี้ก็หน้าตาใช้ได้เลยทีเดียว
แอดมินดื่มน้ำ ไม่อ่านอีก ยกมือกดปิดหน้าต่างนี้แล้วเปิดไลฟ์สด
ในห้องไลฟ์สดเป็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังประกอบอาวุธเลเซอร์ที่สำนักวิจัยเพิ่งคิดค้น
ความนิยมสูงมาก มีข้อความเด้งขึ้นบนหน้าจอเรื่อยๆ ทั้งยังมีกล่องของขวัญขนาดใหญ่จำนวนไม่น้อย
มีเศรษฐีทุ่มเงินมาสิบล้าน
ด้านบนของห้องไลฟ์สดเป็นชื่อของหญิงสาว
บิล เรนเกล
ยังไม่พูดถึงความสามารถที่สูงมากของบิล เอาแค่นามสกุลเรนเกลก็เพียงพอที่จะดึงดูดชาวเมืองแห่งโลกให้มาดูไลฟ์สดของเธอแล้ว
แอดมินก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้น
เขากำลังดูอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นสายตาก็ชะงัก
ทำไมเขารู้สึกว่านักศึกษาระดับต้นที่เมื่อครู่สมัครเข้าทดสอบคณะวิศวกรรมหน้าตาแอบคล้ายคุณหนูบิล
ไม่สิ ควรบอกว่าคุณหนูบิลหน้าคล้ายนักศึกษาระดับต้นคนนั้น
แต่ความสวยก็ยังสู้นักศึกษาระดับต้นคนนั้นไม่ได้
เหมือนเป็นเวอร์ชันต่ำกว่า
ต้องเป็นภาพลวงตาแน่
นักศึกษาระดับต้นที่ยังไม่ได้เข้าสำนักวิจัยอย่างเป็นทางการจะเทียบกับคุณหนูตระกูลเรนเกลได้ยังไง
บิล เรนเกล เป็นถึงหนึ่งในดาวรุ่งดวงใหม่ของสำนักวิจัยเชียวนะ
แอดมินส่ายหน้า ข่มความคิดเหลวไหลของตัวเอง ดูไลฟ์สดต่อ
…
โลกจอมยุทธ์
เซี่ยฮ่วนหรานตายแล้ว เมฆครึ้มที่ปกคลุมโลกจอมยุทธ์ก็สลายไปด้วย
แต่ความสามารถที่ฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินแสดงออกมาตอนสู้กับเซี่ยฮ่วนหรานกลับทำให้จอมยุทธ์คนอื่นๆ หวาดกลัวมาก
เซี่ยฮ่วนหรานตายไปกลับมีสองคนนี้โผล่มาแทน
นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเห็น
โลกจอมยุทธ์ของพวกเขา ทำไมต้องยกย่องคนนอกสองคนด้วย
ครั้นแล้วภายใต้การนำของตระกูลหลินและตระกูลเย่ว์ หนังสือยินยอมฉบับหนึ่งก็ได้ถูกส่งไปให้เฟิงซิว
จอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งก็มาที่ศาลสถิตยุติธรรม
คุกเข่าให้เฟิงซิว
“ผู้อาวุโสเฟิงซิว นี่คือหนังสือยินยอมของจอมยุทธ์หมื่นคนครับ” จอมยุทธ์ที่นำมายื่นเอกสารให้ฉบับหนึ่ง “ผู้อาวุโสเฟิงซิวเพิ่งกลับมาอาจไม่ทราบว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนท้องถิ่นในโลกจอมยุทธ์ครับ”
“การมีตัวตนของพวกเขาได้ทำลายสมดุลของโลกจอมยุทธ์”
“ขอผู้อาวุโสเฟิงซิวช่วยออกหน้าด้วย ขับไล่พวกเขาออกจากโลกจอมยุทธ์ อีกทั้งต้องถอนกำลังภายในของพวกเขาเพื่อปกป้องคนธรรมดาในโลกปุถุชนด้วยครับ!”
ด้านล่างมีหนึ่งหมื่นรายชื่อ ทั้งยังประทับรอยนิ้วมือเลือด
ไม่มีสักคนเดียวที่คัดค้านไม่ให้เฟิงซิวกำจัดภัยร้ายของโลกจอมยุทธ์
“ขอผู้อาวุโสเฟิงซิวโปรดช่วยกำจัดสองคนนี้เพื่อโลกจอมยุทธ์ด้วยครับ”
“นั่นสิครับ ผู้อาวุโสเฟิงซิวเพิ่งกลับมาไม่นานอาจไม่รู้ว่าสองคนนอกนี้สร้างภัยให้โลกจอมยุทธ์มากขนาดไหน”
“พวกเขาอายุน้อยขนาดนี้ แถมวรยุทธ์สูง ดีไม่ดีอาจเหมือนแพทย์ผิดจรรยาบรรณของโลกแพทย์แผนโบราณที่เดินบนเส้นทางชั่วร้ายก็ได้นะครับ”
“ต้องกำจัดทิ้ง!”
หลินอู๋เลี่ยงกับเย่ว์ชิงเหอที่เป็นผู้นำของสองตระกูลหลินกับเย่ว์ต่างไม่พูดอะไร
แต่เห็นได้ชัดว่าคำพูดของคนพวกนี้ได้รับความเห็นชอบจากพวกเขา
เฟิงซิวกำเอกสารแน่น ข่มความโกรธ เขาพูดขึ้น “ฉันออกหน้าเรื่องนี้ไม่ได้หรอก”
โลกจอมยุทธ์เน่าเละเทะถึงขั้นนี้แล้ว
พอคำพูดนี้ออกมา บรรดาจอมยุทธ์ก็เงียบไป
เฟิงซิวออกหน้าให้ไม่ได้แล้วยังจะมีใครทำได้อีก
เฟิงซิวพูดต่อ “ฉันต้องเชิญอาจารย์ของฉันมา”
หลินอู๋เลี่ยงกับเย่ว์ชิงเหอมองหน้ากัน ต่างเห็นความตะลึงในดวงตาของกันและกัน
เฟิงซิวยังมีอาจารย์อีกเหรอ
อาจารย์ของเขาคือใคร
เฟิงซิวเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งแล้ว แบบนั้นอาจารย์ของเขาจะถึงขั้นไหน
อีกอย่าง พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเฟิงซิวยังมีอาจารย์ด้วย
หลินอู๋เลี่ยงกับเย่ว์ชิงเหอมองหน้ากันอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ไม่ทราบว่าอาจารย์ของผู้อาวุโสเฟิงซิวตอนนี้อยู่แห่งหนใด”
“กินข้าวอยู่ เดี๋ยวก็มา” เฟิงซิวโยนหนังสือยินยอมไว้ด้านข้าง “ถ้าพวกนายไม่ว่างจะออกไปก่อนก็ได้”
แม้เฟิงซิวจะพูดแบบนี้ แต่ใครจะกล้าออกไปจริงๆ
หลินอู๋เลี่ยงกับเย่ว์ชิงเหอก็นั่งรออยู่กับที่
รออยู่หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ประตูห้องตัดสินถึงเปิดออก
ทุกคนหันไปมองโดยอัตโนมัติ
ใบหน้านั้นคนในโลกจอมยุทธ์ตอนนี้ต่างรู้จัก
แพทย์แผนโบราณอันดับหนึ่ง ฝูซี
ฝูซีเป็นอาจารย์ของเฟิงซิวเหรอ!
“อ่อ ศิษย์น้องฉันมาแล้ว” เฟิงซิวลุกขึ้น เดินเข้าไปต้อนรับ “ศิษย์น้อง”
ฝูซีพยักหน้าเล็กน้อย “ศิษย์พี่”
เฟิงซิวยกมือ “เชิญ”
ทั้งสองคนเดินขึ้นหน้า แต่กลับไม่ได้นั่งตำแหน่งบนสุด
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเว้นไว้ให้ใคร
สามสิบนาทีต่อมาประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
Comments