คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 691 ช็อก ความแตกในไลฟ์สดซะงั้น
ตอนที่ 691 ช็อก ความแตกในไลฟ์สดซะงั้น
หลังจากที่เขาแน่ใจแล้วว่ารอบตัวไม่มีใครสังเกตเห็น เขาถึงได้เดินเข้ามา
จากนั้นก็เดินตามทางในร้านอาหารหาเลขห้องที่อิ๋งจื่อจินส่งมาให้
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “นั่งสิ สั่งต้มบะหมี่เซ็ตใหญ่เอาไว้ให้นายแล้ว”
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก” สีหน้าของฉินหลิงเยี่ยนดูซาบซึ้ง “บอสยังดีกับผมเหมือนเดิม”
เขาเพิ่งมาเมืองแห่งโลกได้เดือนเดียว ยังไม่ค่อยชินกับเทคโนโลยีของที่นี่
เรื่องที่ทำให้ฉินหลิงเยี่ยนรับไม่ได้มากที่สุดคือ พลเมืองชั้นหนึ่งจำนวนไม่น้อยไม่กินอาหาร ปกติ กินแค่อาหารเสริม
พวกแฮกเกอร์ชั้นยอดของสมาพันธ์แฮกเกอร์ก็เหมือนกัน
ถึงขั้นที่ใช้พวกยาต่างๆ มาระงับความง่วงเพื่อให้ทำงานได้มากยิ่งขึ้น ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์
ได้พบเจอคนคุ้นเคยสักที ฉินหลิงเยี่ยนไม่อยากรอแม้แต่นาทีเดียว
ปิงหลานเป็นมิตรมาก ยื่นมือออกไปหาเขา “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อปิงหลาน เป็นเพื่อนอาอิ๋ง คุณคือน้องชายของอาอิ๋งเหรอคะ”
“เอ่อ…” ฉินหลิงเยี่ยนถอดหมวก ดึงผ้าปิดปากลง ยื่นมือออกไปจับ “สวัสดีครับสวัสดี ฉินหลิงเยี่ยนครับ ผมไม่ใช่น้องชายของบอสหรอก แต่ผมนับถือเธอจากใจจริง”
“อ่อ งั้นคุณ…” ปิงหลานยังไม่ทันพูดจบ
คำพูดที่เหลือของเธอหยุดชะงัก
ปิงหลานมองใบหน้าของชายหนุ่ม ตกใจรีบชักมือกลับ “!”
ทำไมนายน้อยสมาพันธ์แฮกเกอร์ถึงมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับพวกเธอล่ะ!
ฉินหลิงเยี่ยนงง “ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
หน้าตาเขาก็ไม่ได้แย่นะ
“ไม่น่ากลัว” อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “แต่นายเก่งจนทำคนช็อกน่ะ”
ฉินหลิงเยี่ยนดีใจมาก “ก็จริง”
ปิงหลานยังอยู่ในอาการวิญญาณหลุดจากร่าง สีหน้าตะลึงค้าง
เมื่อกี้เธอได้ยินมาชัดเจนว่าอาจารย์มั่วเฟิงกับคุณหนูบิลจะไปที่สมาพันธ์แฮกเกอร์เพื่อพบประธานกับนายน้อยและพูดคุยความร่วมมือ
นายน้อยอยู่ตรงนั้น งั้นพวกเขาคุยกับอากาศเหรอ
อีกทั้งนายน้อยคนนี้ยังคุยกับเพื่อนอิ๋งอย่างสนิทสนมด้วย
อิ๋งจื่อจินวางเมนูอิเล็กทรอนิกส์ลง เหลือบตาขึ้น
“หนุ่มหน้าเด็ก ทำไมนายกลายเป็นนายน้อยสมาพันธ์แฮกเกอร์ล่ะ”
“เรื่องมันยาว” ฉินหลิงเยี่ยนเซ็งนิดหน่อย “เหล่าฟู่ล่ะ บอสมาเขาก็ต้องมาหรือเปล่า”
“อืม” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “วันนี้เขาไปพบสังฆราช สำนักผู้วิเศษค่อนข้างห่างจากที่นี่ ต้องรออีกหน่อย”
“โอ้โห!” ฉินหลิงเยี่ยนช็อก “ได้เจอผู้วิเศษเลยเหรอ”
เขาได้เป็นถึงนายน้อยของสมาพันธ์แฮกเกอร์ แต่ฟู่อวิ๋นเซินถึงขั้นได้เจอผู้วิเศษเลยเหรอ
เร็วขนาดนี้เลย
ปิงหลานฟังจนมึน “…”
เหมือนเธอหลุดเข้ามาในวงของพวกคนใหญ่คนโต ใช่ว่าคนธรรมดาแบบเธอจะเข้าถึงได้
หนึ่งชั่วโมงต่อมาประตูห้องอาหารก็เปิดออกอีกครั้ง
ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้ามา
เขานั่งข้างอิ๋งจื่อจิน ขาไขว้กัน ยิ้มมุมปาก “หนุ่มหน้าเด็ก สุดยอดเลยนี่ ไม่สิ ควรเรียกนายว่านายน้อย”
“เหล่าฟู่ นายไม่รู้หรอกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาฉันทรมานขนาดไหน” ฉินหลิงเยี่ยนน้ำตาซึม
“ในสมาพันธ์แฮกเกอร์ไม่มีของอร่อย มีแต่พวกอาหารเสริมสารพัด ถ้าไม่ติดว่าแถวนั้นมีชาวบ้านอาศัยอยู่เยอะ ร้านสะดวกซื้อคงไม่เอาอาหารมาขายหรอก”
ฟู่อวิ๋นเซินเลิกคิ้ว “น่าสงสารนะ กินสิ ฉันเลี้ยงเอง”
อาหารถูกเอามาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
ปิงหลานหัวไว พอกินเสร็จก็อ้างกลับไปทำการทดลอง ออกจากร้านอาหาร
ภายในห้องอาหารเหลือแค่สามคน
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น “เล่ามา นายเข้ามาได้ยังไง”
“ฉันเคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ น้องสาวที่ชอบกินเบียร์ของฉันเคยเป็นผลงานล้มเหลวของการดัดแปลงพันธุกรรม” ฉินหลิงเยี่ยนซดน้ำแกงเสร็จก็พูดขึ้น
“ความทรงจำของพวกเราช่วงก่อนห้าขวบมันเลือนลางมาก รู้แค่ว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า ถูกพ่อแม่เก็บไปเลี้ยง”
“เดือนที่แล้วฉันกับน้องสาวออกทะเล เจอพายุทอร์นาโด รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “มิน่า”
นอกจากเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรจะมีช่องทางเข้าออกเมืองแห่งโลกที่กำหนดไว้แล้วก็ยังมีเหตุไม่คาดคิดแบบนี้ด้วย
นอร์ตันก็บังเอิญหลุดเข้ามาเหมือนกัน
“ให้ตายเหอะ ฉันงงไปหมด ไม่เคยได้ยินชื่อเมืองแห่งโลกอะไรนี่เลย” ฉินหลิงเยี่ยนตบต้นขา
“จนปัญญา เงินที่ติดตัวมาใช้ที่นี่ไม่ได้ ฉันเลยต้องใช้ความสามารถหาเงิน”
“ฉันเลยให้น้องสาวฉันใช้ความสวยไปขอยืมคอมพิวเตอร์มาเครื่องหนึ่งแล้วโจมตีสมาพันธ์แฮกเกอร์ บอกพวกเขาว่าถ้าไม่ให้เงินฉันพันล้าน ฉันจะขายช่องโหว่ของพวกเขาให้คู่แข่ง”
อิ๋งจื่อจินหัวจะปวด “…”
มันก็ดูเป็นเรื่องที่คนอย่างฉินหลิงเยี่ยนจะทำแหละ
“ปรากฏว่าคราวนี้บังเอิญกว่า ตาแก่ประธานสมาพันธ์แฮกเกอร์นั่นกลับมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับฉันด้วย” ฉินหลิงเยี่ยนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ผายมือออก
“นายว่าเรื่องนี้มันตลกร้ายไหมล่ะ”
“สรุปว่าพวกนายสองพี่น้องคือเด็กทารกที่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ใช้เทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรมฟูมฟักขึ้นมาเหรอ” แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง
“และตอนนั้นคนที่ให้ยีนก็คือลูกชายของประธานสมาพันธ์”
“ถูกต้อง” ฉินหลิงเยี่ยนเกาหัว “ดังนั้นถ้านับญาติกันตาแก่นี่ก็เป็นปู่ของฉัน แต่ลูกชายเขาตายไปนานแล้ว เขาก็เลยยกตำแหน่งนายน้อยให้ฉัน”
“ส่วนน้องสาวฉัน ดูเหมือนจะเปิดไลฟ์สดในเน็ตนะ เต้น ร้องเพลง แต่ไม่เผยหน้า ตอนนี้มีแฟนคลับสิบล้านได้แล้ว หาเงินได้เยอะกว่าฉันอีก”
เมืองแห่งโลกมีประชากรทั้งหมดพันล้านคน
ภายในเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งเดือนดึงดูดแฟนคลับมาได้สิบล้าน สมกับเป็นฉินหลิงอวี๋ดารายอดนิยม
ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้าไป “ตอนนั้นที่คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์เริ่มใช้เทคโนโลยีเอ็มบริโอได้ทำการรวบรวมยีนของคนเก่งๆ ในเมืองแห่งโลกโดยอ้างชื่อผู้วิเศษ มีหลายคนที่ให้ยีนของตัวเอง ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลชั้นยอดของแต่ละวงการ”
“ฉันก็พอรู้มาบ้าง” อิ๋งจื่อจินพูด “ซิวบอกว่าเทคโนโลยีนี้ผิดจรรยาบรรณ ตอนปีสองพันเคยถูกเขา ผู้วิเศษผู้พิพากษา และผู้วิเศษเทวทูตร่วมกันออกคำสั่งให้ยุติ”
ตอนนี้การทดลองดัดแปลงพันธุกรรมที่ทำอยู่ทำได้แค่ปลูกถ่ายยีนเข้าไปส่วนหนึ่ง ห้ามสร้างเอ็มบริโอขึ้นมาเอง
“งั้นก็ยังดี เหยื่อคงไม่เยอะ” ฉินหลิงเยี่ยนครุ่นคิดแล้วถาม
“ซิวคือใครเหรอ บอสรู้จักคนใหญ่คนโตที่ไหนอีกเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินตอบแทนแบบไม่ใส่ใจ “ผู้วิเศษนักพรต”
ฉินหลิงเยี่ยน “…”
โอ้โห
ทำไมถึงมีแค่เขาคนเดียวที่ไม่รู้จักผู้วิเศษ!
เขาขอปลีกวิเวกแล้วงั้น
…
เวลาเย็น ศูนย์กลางเมืองแห่งโลก
รถราแล่นกันให้วุ่น แสงไฟหลากสีสว่างไสว
ภายในบาร์แห่งหนึ่ง
มีกลุ่มคุณชายรวมตัวกันในห้องเพรสซิเด้นท์ กำลังดื่มเหล้าอยู่
“เซ่าอิ่ง ฉันได้ยินมาว่าพ่อนายรับลูกนอกสมรสกลับมาเหรอ” คุณชายคนหนึ่งยิ้ม มองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ “ได้ยินว่าเป็นลูกของรักแรกของพ่อนายด้วย ทำไมนายยังมีเวลานัดพวกเราออกมาอีกล่ะ ไม่รู้สึกเป็นภัยเลยเหรอ”
ตระกูลใหญ่ให้ความสำคัญกับสายเลือดมาก โดยเฉพาะตระกูลอวี้ที่เน้นฝีมือต่อสู้เป็นหลัก
สมาชิกสายตรงของตระกูลอวี้มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ที่แน่นอน ไม่ต่างจากจอมยุทธ์
ถ้าแต่งงานมีลูกกับคนธรรมดา พรสวรรค์ฝึกต่อสู้ก็จะลดลง
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมตอนนั้นผู้เฒ่าอวี้กับคุณนายถึงค้านหัวชนฝาไม่ให้อวี้เซ่าอวิ๋นกับฟู่หลิวอิ๋งคบกัน
มีแค่จูซาที่เป็นผู้บัญชาการอัศวินเท่านั้นถึงจะคู่ควรตำแหน่งคุณนายใหญ่
อวี้เซ่าอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีความคิดเห็นใดๆ
สองมือของเขาประสานกัน กำลังจ้องภาพที่อยู่บนหน้าจอสามมิติกลางอากาศอย่างไม่วางตา
คุณชายเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “ดูอะไรอยู่เหรอ”
“คนหน้าใหม่ไลฟ์สด” ในที่สุดเซ่าอิ่งก็พูดขึ้น “เก่งพอสมควร เมื่อกี้เธอประกอบปืนเลเซอร์ได้ในหนึ่งนาที”
“หนึ่งนาทีเหรอ” คุณชายตะลึง “เร็วขนาดนี้น่าจะมาจากคณะวิศวะหรือเปล่า”
“ไม่รู้” แขนของเซ่าอิ่งวางพาดพนักพิงโซฟา “ไม่เผยหน้า อีกทั้งฝีมือเธอระดับนี้อย่างน้อยน่าจะเป็นนักวิจัยระดับเอ ตอนนี้คณะวิศวะนอกจากบิลตระกูลเรนเกลแล้วก็ไม่มีใครสู้ได้อีก”
คุณชายขยับเข้าไปดูใกล้ๆ พูดด้วยความตกใจ “มือสวยมาก เหมือนผลงานศิลปะ”
ห้องไลฟ์สดห้องนี้ได้รับความนิยมมากพอสมควร
[มามุงดูแอคหลุมของคุณหนูบิลแล้วค้าบบบ!]
[เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ประกอบพวกอาวุธกลไกเหมือนกัน เอาจริงนะ ถ้าบอกว่าไม่ใช่คุณหนูบิลฉันไม่เชื่อหรอก]
[คุณหนูบิล ขอดูหน้าหน่อยน้า]
วันนี้เป็นการไลฟ์สดครั้งแรกของอิ๋งจื่อจิน ปิงหลานดูอยู่นานแล้ว
เธอโมโหมาก
[ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่บิล เลิกสร้างข่าวลือสักทีได้ไหม]
แต่ไม่ว่าเธอจะอธิบายไปกี่ครั้ง ชาวเน็ตจำนวนหนึ่งก็ยังคงคิดว่าเป็นบิล
เวลานี้ภาพไลส์สดสั่นเล็กน้อย มีเงาของอีกคนปรากฏ
คนคนนั้นเพิ่งเคาะประตูเข้ามา เนื่องจากอยู่ไกลจึงติดในกล้องด้วย
[ฉันเห็นตราของคณะวิศวะ! อาจารย์มั่วเฟิง ต้องเป็นอาจารย์มั่วเฟิงแน่ๆ]
[ฮ่าๆๆ บอกแล้วว่านี่คือคุณหนูบิล]
คนคนนั้นหันมา ราวกับเพิ่งสังเกตเห็นว่าอิ๋งจื่อจินทำอะไรอยู่ พูดด้วยความตกใจเล็กน้อย “ไลฟ์สดอยู่เหรอ”
ในขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็ปรากฏในห้องไลฟ์สด
ชายชราผมขาว แต่ท่าทางกระฉับกระเฉง
ห้องไลฟ์สดเงียบไปสิบกว่าวินาทีถึงมีข้อความปรากฏ
[…คณบดีนอร์แมน?]
Comments