คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 694 คุกเข่าตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน ไม่กล้าเงยหน้า

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 694 คุกเข่าตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน ไม่กล้าเงยหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 694 คุกเข่าตรงหน้าอิ๋งจื่อจิน ไม่กล้าเงยหน้า

เวลาแบบนี้ยังจะใจเย็นได้ขนาดนี้อีก

ไม่รู้ว่าควรพูดว่ามีสติในยามคับขัน หรือใจกล้าไม่เกรงกลัวใครกันแน่

แต่พอบิลมองไป หน้าก็ซีดลงทันที

“สนทำไมว่าเธอจะถืออะไร” คุณนายสามไม่อยากจะมอง “จับตัวไว้!”

คนที่อยู่ในห้องรักษากลับไม่มีใครขยับ พวกคนคุ้มกันที่เข้ามาก็ตะลึงจนหยุดอยู่กับที่

คุณนายสามสังเกตเห็นได้ถึงความผิดปกติ ขมวดคิ้วพลางพูด “ทำอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบจับตัวไว้อีก!”

“พี่สะใภ้สาม อำนาจใหญ่โตจริงนะคะ” มีเสียงเย็นชาดังขึ้น “จดหมายของผู้วิเศษ พี่สะใภ้กล้ามองข้าม แถมยังจะจับคนไว้”

พอได้ยินแบบนี้คุณนายสามก็สีหน้าเปลี่ยน เงยหน้าทันที

อักษรดำบนกระดาษขาว เขียนไว้อย่างชัดเจน

โดยเฉพาะด้านล่างมีลายเซ็นสองชื่อ เปรียบเสมือนมีดที่เฉาะลงมาบนหัว

ผู้วิเศษนักพรต ซิว!

ผู้วิเศษอัศวินรถม้า นอร์ตัน!

สองผู้วิเศษลงนามในจดหมายด้วยกัน

ใครจะกล้าไม่ทำตาม

สีหน้าของหมอก็เปลี่ยนไป หน้าซีดแล้วซีดอีก

แข้งขาอ่อนแรงในทันที ทรุดลงคุกเข่าบนพื้นดังตุบ

ต่อมาก็มีเสียงดังตุบต่อเนื่อง คนอื่นๆ ในห้องรักษาต่างก็คุกเข่าลง

จดหมายของผู้วิเศษเทียบเท่าได้พบผู้วิเศษ

พบแล้วไม่คำนับ ก็คือการไม่ให้ความเคารพ

คุณนายสามถูกบังคับให้ต้องคุกเข่า ดวงตาเบิกโพลง

เธอถลึงตามองจดหมายอนุญาตในมืออิ๋งจื่อจิน รู้สึกเหลือเชื่อ

สาเหตุที่ตระกูลเรนเกลแสดงถึงอำนาจก็เพราะสามารถเข้าถึงผู้วิเศษได้ง่ายกว่าใคร

ไม่เหมือนตระกูลอวี้ที่ยังต้องอาศัยจูซาที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวิน ถึงจะเชิญผู้วิเศษมารักษาอวี้เซ่าอวิ๋นได้

แต่ผู้วิเศษที่ตระกูลเรนเกลเข้าพบบ่อยที่สุดก็มีแค่ผู้วิเศษจักรพรรดินีและผู้วิเศษสังฆราช

แล้วสองท่านนี้?

“พี่สะใภ้สาม อย่าลืมนะว่า พี่ใหญ่มีความรู้ความสามารถในการปกครอง” ซีนายมองออกว่าคุณนายสามคิดอะไรอยู่ สีหน้าเย็นชา “เขาเคยติดต่อกับผู้วิเศษ นี่ใช่เรื่องแปลกหรือไงคะ”

คราวนี้ไม่ใช่แค่คุณนายสามที่สีหน้าเปลี่ยน โมเชี่ยนก็เริ่มหน้าเสีย

ลูเอล เรนเกล

หัวหน้าตระกูลที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์พันปีของตระกูล

ลูเอลยังเป็นคนในตระกูลเรนเกลเพียงคนเดียวที่ความสามารถในการต่อสู้พอสูสีกับสมาชิกสายตรงของตระกูลอวี้

ตอนนั้นที่เขาแต่งงานกับซู่เวิ่น ได้รับคำอวยพรจากผู้วิเศษ ชาวเมืองแห่งโลกก็ร่วมฉลองด้วยทั้งหมด

และก็เพราะลูเอล สถานะของตระกูลเรนเกลถึงได้มั่นคงยิ่งขึ้น

ลูเอลเคยไปที่สำนักผู้วิเศษหลายครั้ง

แต่เขารู้จักผู้วิเศษกี่คนกันแน่ คุณนายสามกับโมเชี่ยนก็ไม่แน่ใจ

คุณนายสามเหงื่อท่วม

ลูเอลหายสาบสูญไปนานขนาดนี้ แต่ซีนายยังสามารถอ้างชื่อของเขาเกลี้ยกล่อมผู้วิเศษสองคนได้เลยเหรอ!

ผู้วิเศษนักพรต ผู้ก่อตั้งเว็บดับบลิว ชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าผู้วิเศษนักมายากล

ส่วนผู้วิเศษอัศวินรถม้า พวกเขาเคยเห็นชื่อในหนังสือ กลายเป็นตำนานไปแล้ว

คุณนายสามไม่ได้คิดไปทางอิ๋งจื่อจิน

ในสายตาของเธอ อิ๋งจื่อจินเป็นแค่ผู้ช่วยของอวี้เสวี่ยเซิง ถึงเข้ามาในเมืองแห่งโลกได้

อย่าว่าแต่ผู้วิเศษเลย แม้แต่คนใหญ่คนโตอย่างนายน้อยสมาพันธ์แฮกเกอร์ อิ๋งจื่อจินก็ไม่มีทางรู้จัก

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง

จดหมายที่อยู่ในมืออิ๋งจื่อจินมีลายเซ็นของผู้วิเศษ แฝงด้วยอำนาจของผู้วิเศษ

คุณนายสามกับบิลคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ ตัวสั่นไม่หยุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

เอาแค่จุดนี้ ไม่มีทางที่จะปลอมจดหมายขึ้นมา

“พวกเราใจร้อนเกินไป” โมเชี่ยนทำลายความเงียบขึ้นก่อน เขาเองก็รู้สึกกดดันมาก พูดตะกุกตะกัก “ในเมื่อผู้วิเศษทั้งสองออกคำสั่งแล้ว พวกเราก็ไม่ขอรบกวน ขอยกสิทธิ์ในการรักษาคุณนายใหญ่ให้พวกคุณทั้งสองครับ”

คำพูดนี้มองผิวเผินคือยอมทำตามคำสั่ง

แต่ในความเป็นจริงได้แสดงออกว่า เกิดซู่เวิ่นเป็นอะไรไปในระหว่างรักษาก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขาแล้ว

“พี่สามวางใจได้” ซีนายพูด “เดิมทีพี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่”

โมเชี่ยนรู้สึกกระอักกระอ่วน เขาไม่พูดอะไรอีก แต่จำต้องคุกเข่าต่อ

สิบนาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินก็เอามือลง พับจดหมายเก็บกลับ

ในที่สุดความกดดันที่แผ่ซ่านอยู่ในใจของทุกคนก็หายไป

คุณนายสามหมดแรงในชั่วขณะ ตาเหลือกหมดสติไปทันที

โมเชี่ยนรีบเข้าไปประคองเธอไว้ พาเธอออกจากห้องรักษา

แม้บิลจะมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่หน้าก็ซีดเหมือนกระดาษ

เธอเม้มริมฝีปาก เหลือบมองอิ๋งจื่อจินแล้วเกาะกำแพงเดินออกไป

ภายในห้องรักษาเหลืออยู่แค่สามคน

“อาอิ๋ง ฉันปิดกล้องวงจรปิดทั้งหมดในห้องรักษาแล้ว” ซีนายพยักหน้าให้อิ๋งจื่อจิน “พวกเราต้องออกไปด้วยไหม”

“ไม่ต้อง” อิ๋งจื่อจินหยิบเข็มทองขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่อะไร ไม่ถึงกับต้องผ่าอกเปิดท้อง”

ซีนายพยักหน้า นั่งลงด้านข้าง ตั้งใจดูการรักษา

ครั้งนี้อิ๋งจื่อจินไม่ได้ทิ่มเข็มด้วยความรวดเร็ว กลับช้ามากด้วยซ้ำ

นิ้วสั่นเล็กน้อยตอนเธอทิ่มเข็มที่สาม

อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ค่อยๆ สูดลมหายใจ ตั้งสมาธิ ทิ่มเข็มต่อ

ครั้งนี้เธอเพิ่มความเร็ว

ต่อมาซีนายก็แทบมองตามมือของเธอไม่ทัน

เข็มถูกเอาขึ้นเอาลง เร็วมากจนแทบเห็นเป็นแค่ริ้วเงา

ศาสตร์มืดสิบสามเข็ม!

ใช้การฝังเข็มเปิดชีพจรของผู้ป่วยทั่วทั้งร่างกายเพื่อให้เลือดลมไหลเวียน ปลุกเส้นประสาทให้ฟื้น ปรับการทำงานของสมอง

ขอแค่ฝีมือการรักษาของแพทย์แผนโบราณล้ำเลิศพอก็จะไม่มีทางเกิดผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น

นี่คือประสิทธิผลที่ยาชนิดไหนก็ให้ไม่ได้

หนึ่งชั่วโมงต่อมาอิ๋งจื่อจินก็ดึงเข็มทองเล่มสุดท้ายออก

ความสนใจของซีนายไปอยู่ที่หน้าจอเครื่องมือแพทย์ เธอลุกพรวด

เธอเห็นอย่างชัดเจนว่า คลื่นสมองที่อยู่บนหน้าจอเริ่มขึ้นลงเป็นคลื่นใหญ่ สุดท้ายมีแนวโน้มคงที่

เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองใช้หลักการเดียวกับเครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ก็แค่สิ่งที่ตรวจคือคลื่นไฟฟ้าสมอง

ก่อนหน้านี้คลื่นที่แสดงบนหน้าจอจะมีขึ้นลงบ้างนิดหน่อยเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นตรง

นี่ก็แสดงว่าจิตรู้สำนึกของซู่เวิ่นฟื้นกลับคืนมาแล้ว

ซีนายยืนอึ้ง เหม่อลอยไปชั่วขณะ ขอบตารื้น

เธอไม่ได้คาดหวังอะไรมาก นึกไม่ถึงว่าจะเห็นผลเร็วขนาดนี้

อิ๋วจื่อจินเก็บเข็มเงินกับเข็มทองทั้งหมด ถอดถุงมือที่ใช้สำหรับการแพทย์แล้วยืนขึ้น

ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากเตียง ทันใดนั้นก็มีแรงบางอย่างมาคว้ามือเธอ

เท้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก เธอหันไปมอง เป็นครั้งแรกที่ยืนตัวแข็ง

มือข้างหนึ่งของซู่เวิ่นที่ขาวซีดจนแทบโปร่งใสจับมือเธอไว้

เป็นซู่เวิ่น

เธอนอนอยู่บนเตียง ตาปิดสนิท ไม่ได้ฟื้นขึ้นมา

แต่ร่างกายของเธอมีการตอบสนองหลายอย่าง มืออีกข้างก็ยกขึ้น คล้ายต้องการคว้าอะไร

ซีนายดึงสติกลับมา ดวงตาเบิกโพลง “พี่สะใภ้ใหญ่!”

ซู่เวิ่นหมดสติไปเกือบยี่สิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากขนาดนี้

อิ๋งจื่อจินไม่ขยับ ยืนอยู่ที่เดิม ปล่อยให้ซู่เวิ่นจับเธอไว้

ห้านาทีเต็มๆ ซู่เวิ่นถึงปล่อยมือ

ครั้งนี้เป็นอิ๋งจื่อจินที่จับมือซู่เวิ่น เอากลับไปวางบนเตียง

ซีนายใจเย็นลง เงยหน้าถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ฟื้นเหรอ”

“อืม เธอยังต่อต้านอยู่นิดหน่อย เพราะดินแดนความฝันที่เธอสร้างให้ตัวเองมันสวยงามมาก” อิ๋งจื่อจินเงียบไปเล็กน้อย “พอฟื้นขึ้นมาเธอจะต้องเผชิญกับความจริงที่สามีกับลูกไม่อยู่”

“ยี่สิบปีก่อนเธอสูญเสียความอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ถ้าจะให้ฟื้นขึ้นมาทันทีก็ค่อนข้างยาก”

“วันนี้ฉันใช้วิธีศาสตร์มืดสิบสามเข็มรักษา ทำให้จิตรู้สำนึกของเธอฟื้นกลับมา” อิ๋งจื่อจินพูดต่อ “แต่ศาสตร์มืดสิบสามเข็มใช้ได้แค่เจ็ดวันครั้ง ไม่อย่างนั้นจิตใจของเธอจะรับไม่ไหว”

“อีกเจ็ดวันฉันจะมาใหม่ ทำการปลุกการทำงานต่างๆ ในร่างกายทั้งหมด เธอก็จะฟื้นขึ้นมาได้”

ยี่สิบปี สุดท้ายปาฏิหาริย์ก็บังเกิด

ซีนายขยี้ตา เดินเข้าไปกอดอิ๋งจื่อจิน “อาอิ๋ง ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก”

“ปล่อยให้เธอพักผ่อนก่อน” อิ๋งจื่อจินมองซู่เวิ่นแล้วพูดต่อ “ระยะนี้ฉีดพวกสารอาหารก็พอแล้ว เอาเครื่องมือที่ช่วยประคองชีวิตออกได้”

หลังจากจิตรู้สำนึกของซู่เวิ่นฟื้นกลับมา หากยังใช้เครื่องมือพวกนี้อีก กลับจะยิ่งทำให้ฟื้นยากกว่าเดิม

เพราะพึ่งพาจนกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว พอจะให้พึ่งตัวเองเลยยาก

เมื่อครู่เธอใช้ศาสตร์มืดสิบสามเข็มก็เลยตัดการเชื่อมต่อระหว่างซู่เวิ่นกับพวกเครื่องมือต่างๆ

“ได้” ซีนายเริ่มทำทันที

ไม่ถึงห้านาทีข่าวเรื่องจิตรู้สำนึกของซู่เวิ่นฟื้นกลับมาก็ได้แพร่ไปทั่วทั้งตระกูลเรนเกล

คนทั้งตระกูลเกือบหมื่นคนรวมคนรับใช้ต่างรู้หมด

มีคนแก่หลายคนที่ทำงานในตระกูลเรนเกลหลายสิบปีถึงกับไปขอบคุณอิ๋งจื่อจินด้วยตัวเอง

แต่นี่ไม่รวมถึงสมาชิกสายตรงคนอื่นๆ

“ทำไงดีคะคุณแม่” บิลหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม “แพทย์แผนโบราณคนนั้นทำให้ป้าใหญ่ฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ ด้วย”

ตอนแรกที่พวกเขาขัดขวางไม่ให้อิ๋งจื่อจินฝังเข็มให้ซู่เวิ่น ไม่ใช่เพราะกลัวช่วยซู่เวิ่นให้ฟื้นได้

แต่เป็นเพราะกลัวอิ๋งจื่อจินทำซู่เวิ่นตาย แล้วสำนักผู้วิเศษจะโกรธพาลลงโทษพวกเขาไปด้วย

แต่นึกไม่ถึงว่าจะช่วยซู่เวิ่นได้จริงๆ!

เจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรยังมีแพทย์แผนโบราณที่เก่งขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ

พอคิดว่าซู่เวิ่นใกล้ฟื้นเต็มที จิตใจของบิลก็ร้อนเป็นไฟ

ลูเอลหายสาบสูญ ซู่เวิ่นหมดสติ

ยี่สิบปีมานี้อำนาจของตระกูลเพิ่งโอนมาอยู่ในมือของพวกเขากับคุณนายสาม

ใครล่ะจะอยากให้ถูกยึดกลับไป

“แตกตื่นทำไม ซู่เวิ่นฟื้นมาก็ไม่เป็นภัยต่อลูกเสียหน่อย” คุณนายรองได้ยินแบบนี้ก็จิบชาหนึ่งอึก “ตระกูลเราจะไม่มีนายไม่ได้ ลุงใหญ่ของลูกหายสาบสูญนานเกินไป ไม่ต่างกับตายไปแล้ว”

“ทางสำนักผู้วิเศษก็มีความเคลื่อนไหวนานแล้ว เตรียมเลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่ รุ่นหนุ่มสาวนอกจากลูกแล้วก็ไม่มีใครที่พอจะต่อสู้ได้”

บิลขมวดคิ้ว “แม่ลืมไปหรือเปล่าคะว่ายังมีอาอีกคน”

ถึงแม้ซีนายจะเป็นผู้อาวุโสของเธอ แต่อายุก็ยังไม่มาก

“ซีนายยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่” คุณนายรองส่ายหน้า “เธอออกจากตระกูลไปสิบปีโดยไม่มีสาเหตุ แม้แต่การทดลองที่สำนักวิจัยก็ต้องหยุดลง ตอนนี้รู้จักกลับมาแล้วเหรอ”

“อีกอย่างเธอก็สุขภาพอ่อนแอมาตลอด สู้ใครไม่เป็น เทียบกับลูกไม่ได้หรอก”

ถึงแม้ตระกูลเรนเกลจะไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการต่อสู้เท่าตระกูลอวี้ แต่ถ้าเป็นหัวหน้าตระกูล ความสามารถในการต่อสู้ก็เป็นสิ่งจำเป็น

บิลคิดแล้วก็เห็นด้วย ในที่สุดก็ยิ้มออก “คุณแม่มองได้ทะลุปรุโปร่งจริงๆ ค่ะ”

คุณนายรองถอนหายใจ “แต่ครอบครัวลุงใหญ่ของลูกก็ชะตาไม่ดีเลยจริงๆ ถ้าลูกของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าจะเก่งขนาดไหน”

คนเก่งกับคนเก่งแต่งงานกัน ยีนของรุ่นหลังมีเหรอจะด้อย

บิลพูด “โชคดีที่ตายต่างหากล่ะคะ”

“นั่นสิ โชคดีที่ตายไป” คุณนายรองพูด “ลูกตั้งใจเตรียมตัวโปรเจ็กต์ทดลองของตัวเองดีกว่า ขึ้นเป็นนักวิจัยระดับเอสให้ได้ในเดือนหน้า”

บิลพยักหน้า

เธอเปิดขวดอาหารเสริม ก้มหน้าตอบข้อความ

[ฉันไม่มีทางอยู่กลุ่มทดลองกลุ่มเดียวกับยัยนั่น]

เวลาบ่าย

อิ๋งจื่อจินกลับเข้าสำนักวิจัย

เพื่อป้องกันคณะพันธุศาสตร์มาเล่นตุกติก การเรียนระหว่างเธอกับคณบดีนอร์แมนจึงทำกันอย่างลับๆ

สมาชิกในโปรเจ็กต์ทดลองรู้แค่ว่าเธอเข้ามาด้วยอันดับหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ในปีนี้

พอเห็นอิ๋งจื่อจินเข้ามา บรรดาสมาชิกในห้องทดลองก็วางงานในมือลง

บรรยากาศแปลกพอสมควร

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ ทักทายแล้วนั่งลง

“นักศึกษาอิ๋ง เธอไปล่วงเกินคุณหนูบิลมาหรือเปล่า” นักศึกษาหญิงคนหนึ่งพูดด้วยความลังเล “คุณหนูบิลบอกว่าจะไม่อยู่กลุ่มเดียวกับเธอ”

โปรเจ็กต์ทดลองมีทั้งหมดสองกลุ่ม

กลุ่มเอคือกลุ่มทางการ กลุ่มบีคือกลุ่มสำรอง

คณบดีนอร์แมนจัดให้อิ๋งจื่อจินอยู่กลุ่มเอ

“ไม่เป็นไร ฉันอยู่กลุ่มเดียวกับเธอก็ได้” อิ๋งจื่อจินทำหน้าเนือย “เหมือนกันหมด”

นักศึกษาหญิงดีใจ “เธอจะมาอยู่กลุ่มพวกเราจริงเหรอ”

ถ้าอิ๋งจื่อจินมาอยู่กลุ่มบี ต่อให้พวกเขาไม่มีความสามารถเท่ากลุ่มเอก็ยังมีโอกาสสำเร็จได้

“ขอโทษที” เวลานี้มีนักศึกษาชายจากกลุ่มบียืนขึ้น “ทางคุณหนูบิลคนไม่พอ ฉันต้องไปช่วย”

เมื่อกี้เขาติดต่อบิล บิลบอกว่าอิ๋งจื่อจินไปแล้ว กลุ่มเอขาดหนึ่งคน ให้เขาเข้าไปอยู่ได้

นักวิจัยที่เพิ่งเข้าคณะวิศวกรรม แม้จะเป็นที่หนึ่งของปีนี้

แต่ถ้าเทียบกับบิลที่กำลังมุ่งมั่นเพื่อเป็นนักวิจัยระดับเอส แถมยังเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเรนเกล มันก็ยังเทียบกันไม่ได้

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าควรเลือกอยู่ข้างใครถึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด

พอคำพูดนี้ออกมา สมาชิกกลุ่มบีก็สีหน้าเปลี่ยน

เพราะนี่คือสมาชิกกำลังสำคัญของกลุ่มพวกเขา ถ้าไปอยู่กลุ่มเอแล้วพวกเขาจะทำอย่างไร

นักศึกษาหญิงมองด้วยสายตาโมโห “นาย…”

นักศึกษาชายเม้มริมฝีปาก “ขอโทษจริงๆ”

เขาต้องคำนึงถึงตัวเอง มีเวลาสนใจคนอื่นที่ไหนกัน

อิ๋งจื่อจินจับบ่านักศึกษาหญิง เหลือบตาขึ้น “ปล่อยเขาไปเถอะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด