คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 698 เปิดเผยสถานะ แสบหน้า
ตอนที่ 698 เปิดเผยสถานะ แสบหน้า
น้ำเสียงของเซ่าอวิ๋นราบเรียบ
แต่คำพูดนี้ของเขาเมื่อเข้าหูคนอื่น ราวกับมีฟ้าผ่า ระเบิดข้างหูชายวัยกลางคน เสียงดังเปรี้ยงปร้าง
ตูม สมองของเขาว่างเปล่า
นายใหญ่มอร์แกนกับสมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลก็ได้ยินแล้ว ต่างเงยหน้าด้วยความตกใจ
คุณชายใหญ่เหรอ
ผู้สืบทอดเพียงคนดียวของตระกูลเหรอ
พวกเขาได้ยินอะไรน่ะ!
คุณชายสายตรงของตระกูลอวี้ไม่ใช่เซ่าอิ่งเหรอ
เซ่าอวิ๋นมีลูกชายอีกคนตั้งแต่เมื่อไรกัน
เรื่องที่อวี้เซ่าอวิ๋นสมองตายไม่ใช่ความลับในเมืองแห่งโลก
หลายคนไม่รู้อดีตระหว่างเขากับฟู่หลิวอิ๋ง และก็ไม่รู้จักชื่อฟู่หลิวอิ๋ง แต่มากน้อยยังพอได้ยินข่าวสมัยเขาหนุ่มๆ อยู่บ้าง
แต่คนที่อวี้เซ่าอวิ๋นแต่งงานด้วยคือผู้บัญชาการจูซา ทั้งยังเป็นผู้บัญชาการหญิงแบบที่ร้อยปีจะมีสักคนของสำนักผู้วิเศษ
ตอนนี้มีลูกชายโผล่มาอีกคน จูซารับได้เหรอ
“ละ ลูกชาย…” สีหน้าของชายวัยกลางคนซีดเหมือนกระดาษ ร่างกายสั่นไปทั้งตัว ตาเหลือก ขาดก็แค่น้ำลายฟูมปาก
หูของเขาอื้ออึง สมองสับสน
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่า ครั้งนี้อีวานก็แค่ทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ไปหาสาวสวยที่บาร์ มีเรื่องนิดหน่อย
ปรากฏว่ากลับแจ็กพ็อตเจอคุณชายใหญ่ตระกูลอวี้ แถมยังพูดต่อหน้าอวี้เซ่าอวิ๋นว่าจะฆ่าฟู่อวิ๋นเซิน
พอนึกถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนก็หน้ามืด ตั้งสติไม่ได้ เป็นลมล้มพับไป
คนคุ้มกันของตระกูลมอร์แกนไม่มีสักคนกล้าเข้าไปช่วยอีวานที่หมดสติอยู่บนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
“ท่านหัวหน้าตระกูลมาด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะพวกคุณมีเกียรติมากเหลือเกินหรอกนะ” หัวหน้าคนคุ้มกันเดินก้าวไปหา พูดเสียงเย็นชา “เป็นเพราะท่านหัวหน้าตระกูลกำลังจะไปหาคุณชาย ทางผ่านพอดี ก็เลยแวะมาที่นี่ เข้าใจไหม”
เขาแสยะยิ้ม “ส่วนพวกคุณ คิดจะให้ท่านหัวหน้าตระกูลไปลงโทษคุณชายให้งั้นเหรอ”
“กล้าเหลือเกินนะ อยากมาเป็นหัวหน้าตระกูลอวี้เองเลยไหมล่ะ”
“…”
ภายในห้องโถงใหญ่ยังคงเงียบสงัด
นายใหญ่มอร์แกนรับไม่ไหว แข้งขาอ่อนแรง ทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น
เขาพยายามคำนับสุดชีวิต สีหน้าลนลานทำอะไรไม่ถูก “ท่านหัวหน้าตระกูล ตระกูลมอร์แกนไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูด้วยนะครับ ผมไม่รู้เรื่องที่สองพ่อลูกนี้ทำเลยจริงๆ”
“ไม่รู้เหรอ” เซ่าอวิ๋นก้มหน้า น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย “งั้นคุณก็เป็นนายใหญ่ที่แย่มากจริงๆ”
นายใหญ่มอร์แกนนั่งตัวแข็งอยู่ที่พื้น เหงื่อไหลไม่หยุด ซึมเปียกไปทั้งตัว
คำพูดนี้คือต้องการเปลี่ยนเขาออกจากตำแหน่งนายใหญ่!
ถึงขั้นที่สมาชิกในตระกูลคนไหนก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียวก็ต้องซวยไปด้วยทั้งหมด!
หัวหน้าคนคุ้มกันทำเสียงฮึดฮัด แอบด่าในใจ พวกโง่
หัวหน้าตระกูลพยายามหาทางชดเชยให้คุณชายใหญ่มาตลอด แต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงเย็นชา ไม่มีความคืบหน้าอะไร
ครั้งนี้ตระกูลมอร์แกนรนหาที่ตายชัดๆ
แขนขาดแค่สองข้างยังถือว่าอวี้เซ่าอวิ๋นใจอ่อนด้วยซ้ำ
“เอาตัวเขาไปที่ศาลตัดสิน” เซ่าอวิ๋นยืดตัวขึ้น ชี้อีวานที่สลบอยู่ “สมัยนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์เจริญก้าวหน้า ชอบรังแกผู้หญิงขนาดนี้ เอาไปตัดท่อนล่างทิ้งซะ”
หัวหน้าคนคุ้มกันกำมือคารวะ “ครับ!”
“จัดการคนพวกนี้ด้วย” เซ่าอวิ๋นพูดจบก็ถือดาบเดินออกจากบ้านตระกูลมอร์แกน
นายใหญ่มอร์แกนยังคงนั่งตัวแข็งอยู่บนพื้น
คราวนี้ตระกูลมอร์แกนจบสิ้นแล้ว!
…
โรงแรมใจกลางเมือง
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าไปมอง เท้าชะงัก สุดท้ายก็ไปเปิดประตู
เขายืนพิงประตู มองผู้ชายหน้าคุ้นที่แก่ไปตามวัย ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “มีอะไร”
เซ่าอวิ๋นขยับริมฝีปาก พูดเสียงเบา “เจ้าเจ็ด พ่อจัดการตระกูลมอร์แกนให้แล้ว พวกเขาไม่มีทางมาหาเรื่องลูกอีก”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ “พวกเขาก็ไม่มีปัญญาหรอก”
เซ่าอวิ๋นเงียบไปเล็กน้อยแล้วถึงพูดต่อ “เจ้าเจ็ด วันนี้พ่อเอาข้อมูลมาให้ นี่เป็นเบาะแสทั้งหมดที่พ่อหาได้”
ฟู่อวิ๋นเซินหันไปมองอิ๋งจื่อจินที่ดูโทรทัศน์จนหลับอยู่บนโซฟา แววตาของเขาอ่อนลง
แต่พอหันกลับมาสายตาก็เย็นชาเหมือนเดิม เขายืดตัวขึ้น กวักมือเรียก “คุยทางนี้แล้วกัน”
เซ่าอวิ๋นโล่งอก ตามฟู่อวิ๋นเซินเข้าไปในห้องข้างๆ
ภายในห้องนี้มีอุปกรณ์เทคโนโลยีขนาดใหญ่ และยังมีหุ่นยนต์อีกหลายตัว
เซ่าอวิ๋นอึ้ง “โรงแรมนี้ติดตั้งครบครันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“เมื่อก่อนไม่มี” ฟู่อวิ๋นเซินกดปุ่ม “พอผมซื้อก็มีแล้ว”
เซ่าอวิ๋นตะลึงเล็กน้อย “สะ ซื้อแล้วเหรอ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินงอขาพิงกำแพง “เข้าเรื่อง”
สำหรับเขา วิธีหาเงินมีมากมาย
ตอนนั้นเขาสร้างฐานะที่ยุโรปด้วยมือเปล่า พอเปลี่ยนสถานที่ก็ไม่ต่างกัน
เซ่าอวิ๋นสีหน้าเคร่งขรึม ส่งไฟล์เอกสารเข้าหน้าจอสีน้ำเงินที่ลอยอยู่กลางอากาศทันที “เจ้าเจ็ด ดูนี่”
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้น
เขากดๆ หน้าจอนั้น ภาพก็เลื่อนไป
สัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำเคยปรากฏในเมืองแห่งโลกทั้งหมดสิบสามครั้ง ครั้งแรกสุดคือเมื่อปลายศตวรรษที่สิบแปด ปีพันเจ็ดร้อยเก้าสิบแปด
ปรากฏไม่บ่อย เลยไม่มีคนสนใจ
“พ่อสืบไม่พบต้นตอของพวกเขา หลายเบาะแสถูกทำลายทิ้ง” เซ่าอวิ๋นพูดเสียงขรึม “พ่อเลยเดาว่าต้องเกี่ยวกับสำนักผู้วิเศษแน่นอน”
หลังจากอ่านจบ ฟู่อวิ๋นเซินก็ค่อยๆ พูดขึ้น “สันนิษฐานขั้นต้นว่ามีอย่างน้อยสามผู้วิเศษ”
เซ่าอวิ๋นดวงตาเบิกโพลง “สามเลยเหรอ!”
แค่คนเดียวก็น่ากลัวมากพอแล้ว นี่มีตั้งสาม
สามคนไหนบ้าง
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้แล้ว และก็ยุ่งไม่ได้ด้วย”
ผู้วิเศษเปรียบเสมือนเทพสำหรับคนในเมืองแห่งโลก
อายุยืนไม่แก่ชรา พลังแข็งแกร่ง
ทุกคนที่อยู่ใต้ผู้วิเศษก็เหมือนมด
ต่อให้เป็นตระกูลอวี้ที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง ผู้วิเศษใช้นิ้วเดียวก็บดขยี้ได้
“พ่อไม่มีทางปล่อยให้ลูกสืบคนเดียว” เซ่าอวิ๋นขมวดคิ้ว “แต่ผู้วิเศษจะทำเรื่องพวกนั้นไปทำไม”
“ไม่ทราบ” ฟู่อวิ๋นเซินปิดหน้าจอที่ลอยอยู่ “ไว้ผมสืบได้แล้วจะบอกคุณ”
เซ่าอวิ๋นวางมือลง เขาเม้มริมฝีปาก “เจ้าเจ็ด ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรมาบอกพ่อได้นะ”
ฟู่อวิ๋นเซินรู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องตระกูลมอร์แกน
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ยิ้มพลางพูด “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ผมอยู่คนเดียวมาได้ตั้งหลายปีขนาดนี้ ชินแล้ว”
เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่อวี้เซ่าอวิ๋นฟังแล้วกลับเจ็บปวดหัวใจ
“คุณอวี้ ถ้าคุณเจอปัญหา ผมจะช่วย ไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม” ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แต่ผมไม่มีทางไปใช้ชีวิตกับคุณ และก็ไม่มีทางเรียกคุณว่าพ่อ เท่านั้นเอง”
เซ่าอวิ๋นก้มหน้า ยิ้มเศร้า “พ่อไม่คู่ควรเป็นพ่อของลูก พ่อไม่เคยเลี้ยงลูกเลยสักวัน ถึงขั้นที่ยี่สิบกว่าปีนี้ก็ไม่รู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่พูดอะไรอีก กลับเข้าห้องชุดเพรสซิเด้นท์สวีท
เขาโน้มตัว อุ้มอิ๋งจื่อจินขึ้นมาจากโซฟาด้วยความระมัดระวัง กระชับมือเล็กน้อย
อิ๋งจื่อจินตื่นแล้ว เธอลืมตา “มีอะไรเหรอ”
“เปล่า” คางของฟู่อวิ๋นเซินวางอยู่บนบ่าเธอ หัวเราะเบาๆ “พี่ชายรู้สึกโชคดีที่มีความสามารถปกป้องเธอได้ก่อนที่เราจะเจอกัน ไม่ต้องถูกขังอยู่ในตระกูล”
แต่อวี้เซ่าอวิ๋นไม่โชคดีแบบนั้น
เรียกได้ว่า หลายคนไม่โชคดีแบบนี้
…
เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลมอร์แกนได้แพร่ไปทั่วทั้งแวดวงตระกูลสูงศักดิ์ของเมืองแห่งโลกในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน
โดยเฉพาะเรื่องที่อวี้เซ่าอวิ๋นยืนยันจากปากตัวเองถึงผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูล สร้างความฮือฮาไปทั้งแวดวงไฮโซ
ชาร์ตอันดับคำค้นของเว็บดับบลิวก็ถูกยึดครองด้วยข่าวนี้
#ผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลอวี้#
#คุณชายใหญ่ผู้ลึกลับ#
ตระกูลอวี้ย่อมได้ข่าวนี้ก่อนใคร
คนรับใช้และบรรดาลูกน้องต่างตะลึง แต่ก็รู้กาลเทศะว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาควรยุ่ง
“คุณนายใหญ่ คุณนายผู้เฒ่า ท่านหัวหน้าตระกูลคิดจะทำอะไรกันแน่ครับ” พ่อบ้านไม่เข้าใจเลยจริงๆ รู้สึกโกรธมาก “เขาพูดแบบนี้ เอาคุณชายเซ่าอิ่งไปไว้ที่ไหนกัน!”
จูซาต่างหากที่แต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง ฟู่หลิวอิ๋งไม่มีชื่อแม้แต่น้อย
มีสิทธิ์อะไร
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็โมโหมาก “แก่แล้ว ลูกชายคิดจะเป็นปรปักษ์ ตอนนั้นฉันกับพ่อเขาใจอ่อนเกินไป ไม่ควรให้ผู้หญิงคนนั้นออกจากเมือง!”
ประเด็นคือพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าฟู่หลิวอิ๋งจะตั้งท้องอยู่
พ่อบ้านมองจูซาด้วยความร้อนใจ “คุณนายใหญ่ พูดอะไรหน่อยสิครับ”
แค่จูซาไปพูดกับผู้วิเศษ สามารถจัดการสถานะของฟู่อวิ๋นเซินได้สบาย
แต่จนถึงตอนนี้เธอยังไม่พูดอะไร ใจดีเกินไปแล้ว
พ่อบ้านรู้สึกนับถือจูซาจากใจจริง
“พวกเราแค่สนับสนุนการตัดสินใจของท่านหัวหน้าตระกูลก็พอแล้ว” จูซายิ้ม “ผู้สืบทอดยังต้องมีการทดสอบ จุดนี้ไม่มีทางเปลี่ยน”
“ถูกต้อง” คุณนายผู้เฒ่าอวี้พูดเสียงเย็นชา “บททดสอบคัดเลือกหัวหน้าตระกูลมีหลายรายการ เขาก็ต้องมีความสามารถเองด้วย”
คนที่อยู่นอกเมืองมาตั้งแต่เด็ก มีเหรอจะสู้อวี้เซ่าอิ่งที่พวกเขาฟูมฟักมาอย่างดีได้
…
สำนักวิจัย
สัปดาห์นี้โปรเจ็กต์ของกลุ่มบีคืบหน้าเร็วมาก ตามกลุ่มเอทันแล้ว
เยี่ยซือชิงเลื่อมใสในความสามารถของอิ๋งจื่อจินจนแทบจะคุกเข่าคำนับ “อาอิ๋ง เธอเก่งมากเลยนะ”
“ฉันยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมาก” อิ๋งจื่อจินประกอบชิ้นส่วนในมือ “ยังห่างชั้นอีกไกล”
คณบดีนอร์แมนสมกับเป็นอันดับหนึ่งในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ความรู้แน่นมาก
เธอได้ความรู้ใหม่ๆ จากเขามากมาย
แต่ด้วยเทคโนโลยีของเมืองแห่งโลกในตอนนี้ก็ไม่เพียงพอที่จะสร้างยานอวกาศข้ามจักรวาลได้จริงๆ
“แค่นี้ก็เก่งมากเกินแล้วนะ” เยี่ยซือชิงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “เอ๊ะ อาอิ๋ง ประเมินภาพรวมปลายปีเธอเป็นนักวิจัยระดับเอสได้เลยนะ”
โปรเจ็กต์นี้พวกเขาลงแรงไม่เยอะ อิ๋งจื่อจินเป็นคนวาดแบบทั้งหมด
“นักวิจัยระดับเอสงั้นเหรอ” มีเสียงพูดประชดดังขึ้น “เยี่ยซือชิง พวกเธอเพ้อเจ้ออะไรกันอยู่ รู้หรือเปล่าว่านักวิจัยระดับเอสหมายถึงอะไร”
สมาชิกกลุ่มเอเดินเข้ามา
สวีจิ่งซานพูดดูถูก “เดี๋ยวรอผลโปรเจ็กต์ออกมาก็รู้แล้วว่าความคิดของเธอมันน่าตลกขนาดไหน”
นักวิจัยระดับเอส ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์สิบปีขึ้นไป
ตอนนี้ทั่วทั้งคณะวิศวะมีนักวิจัยระดับเอสอยู่แค่ยี่สิบคน ทั้งคณะรวมอาจารย์ด้วยมีกันอยู่ร่วมพันคน
“เอาสิ รอก็รอ” เยี่ยซือชิงแสยะยิ้ม “รอผลโปรเจ็กต์ออกมา ฉันบอกแล้ว นายจะต้องเสียใจ”
เธอไม่สนใจอีก ประกอบชิ้นส่วนกับอิ๋งจื่อจินต่อ
สวีจิ่งซานอึ้ง ขมวดคิ้ว “พวกเขาคงไม่ได้ทำส่วนแรงขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญออกมาได้แล้วหรอกนะ”
ส่วนที่สำคัญที่สุดของยานอวกาศก็คือส่วนนี้
ถ้าในส่วนใจกลางของแรงขับเคลื่อนผิดพลาด อย่าว่าแต่ยานอวกาศจะออกไปได้ไม่ถึงหลายหมื่นปีแสง ยังมีความเป็นไปได้ที่จะระเบิดระหว่างขึ้นฟ้า
เมืองแห่งโลกดำเนินโปรเจ็กต์ด้านการบินและอวกาศมานานแล้ว ระหว่างนั้นมีนักวิจัยและนักบินหลายคนต้องตายไปเพราะเหตุนี้
“จะเป็นไปได้ยังไง” สมาชิกคนหนึ่งพูด “พวกเขาไม่เคยเรียน จะทำอะไรได้”
สวีจิ่งซานพยักหน้าแล้วถึงยิ้มออก เห็นบิลเอาแต่เงียบตลอด “คุณหนูบิล เป็นอะไรไปครับ”
บิลพูดเสียงเย็นชาโดยไม่แม้แต่จะมองเขา “เปล่า”
สวีจิ่งซานก็ไม่อะไร เขายิ้ม “คุณหนูบิลครับ ได้ยินว่าตระกูลเรนเกลต้องการเกี่ยวดองกับสมาพันธ์แฮกเกอร์ จริงไหมครับ”
พอเขาถามแบบนี้ สมาชิกคนอื่นก็มองมาด้วยความอยากรู้
สีหน้าของบิลดีขึ้นมาบ้าง “ก็แค่ต้องการ ยังอยู่ในช่วงพูดคุย”
“นายน้อยคนนั้นหน้าตาไม่เลว อายุก็ไม่มาก” สมาชิกอีกคนพูด “เหมาะสมกับคุณหนูบิลดีนะครับ”
“อันที่จริงคนที่เหมาะสมที่สุดคือคุณชายเซ่าอิ่งของตระกูลอวี้ต่างหาก” มีคนพูดต่อ “แต่น่าเสียดาย เด็กกว่าคุณหนูบิลสี่ปี อายุไม่เข้ากัน”
“ก่อนหน้านี้มีพูดถึงคุณชายใหญ่คนใหม่ของตระกูลอวี้ด้วยไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่าอายุเท่าไร”
ช่วงนี้สำนักวิจัยก็คุยเรื่องนี้กัน
ก็แค่ในเน็ตไม่ได้เผยรูปถ่ายกับข้อมูลอื่นๆ
“คุณหนูบิล พูดถึงก็มาเลยครับ” สวีจิ่งซานยิ้ม “มาหาคุณหนูบิลแน่เลยครับ”
คนอื่นๆ มองไป
ครั้งนี้ฉินหลิงเยี่ยนไม่ได้พรางตัว
เขาเปิดประตูห้องทดลอง สองมือล้วงกระเป๋า เดินอาดๆ เข้าไป
อิ๋งจื่อจินพูดโดยไม่เงยหน้า “มาแล้วเหรอ นั่งสิ”
Comments