คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 713 นึกเสียใจ ศึกเดียวชื่อเสียงระบือไกล!

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 713 นึกเสียใจ ศึกเดียวชื่อเสียงระบือไกล! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 713 นึกเสียใจ ศึกเดียวชื่อเสียงระบือไกล!

[แยกย้ายๆ กลุ่มเอล้มเหลวแล้ว กลุ่มบียิ่งไม่มีอะไรให้ดูเข้าไปใหญ่]

[ได้เวลาแยกย้ายแล้ว เดิมทีก็มาเพื่อดูคุณหนูบิล แอบผิดหวังนะ]

[จะว่าไปฉันไม่เคยได้ยินชื่อใครในกลุ่มบีเลยนะ!]

[หัวหน้ากลุ้มบีพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ชื่ออิ๋งจื่อจิน สอบเข้าคณะวิศวะได้อันดับหนึ่งของปีนี้ แต่มีข่าวมาว่าเดิมทีเธออยู่กลุ่มเอ แต่ถูกคุณหนูบิลไล่ออกไป]

[ไล่ออกไปเหรอ เอาล่ะ ไปดีกว่า กลุ่มบีคงบินไม่ขึ้นหรอก]

“พรึ่บ” เพียงชั่วพริบตายอดคนดูไลฟ์สดลดลงไปหลายแสน

ทางด้านห้องปฏิบัติการ

สีหน้าของมั่วเฟิงไม่สู้ดีนัก

ใครๆ ต่างก็รู้ว่าบิลเป็นลูกศิษย์ของเขา และก็รู้ว่าเขาเป็นคนปลุกปั้นบิลมากับมือ

มั่วเฟิงเองก็มั่นใจการทดลองบินในวันนี้มาก

เขาไม่ได้ชี้แนะอะไรกลุ่มเอมากเพื่อกันข้อครหา

แต่ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้

มั่วเฟิงขมวดคิ้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ช่วยกันบังคับยานอวกาศของกลุ่มเอกลับมาจากอวกาศ

จากนั้นก็ออกไปตรวจสอบที่ด้านนอกด้วยตัวเอง

เกิดปัญหาที่ปีกด้านขวาตามคาด

โครงที่ค้ำตรงปีกเกิดการแตกหัก ทำให้ไม่สามารถแบกรับน้ำหนักได้

หากไม่เรียกกลับมาให้ทันเวลา อีกสักพักยานอวกาศทั้งลำก็จะระบิดออกอย่างสิ้นเชิง

แม้แต่ส่วนขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญก็ยังเกิดร่องรอยของการถูกเผาไหม้

มั่วเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก หลังจากจัดการผลงานที่ล้มเหลวนี้เสร็จเขาก็ลุกออกจากสนามทดลองบิน

“อาจารย์มั่วเฟิงครับ” เจ้าหน้าที่ตะโกนเรียก “ไม่ดูการทดลองบินของกลุ่มบีเหรอครับ”

มั่วเฟิงส่ายมือ “ไม่ดูแล้ว”

เดิมทีกลุ่มบีก็เป็นกลุ่มสำรอง ไม่มีอะไรน่าดู

เจ้าหน้าที่ก็ไม่แปลกใจ เขานั่งหน้าแท่นควบคุมแล้วกดปุ่มถัดไป

“ครืนนน”

เสียงเคลื่อนที่ดังขึ้น ยานอวกาศของกลุ่มบีเริ่มเคลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า

นี่เป็นการทดลองบินครั้งแรกของพวกเขา

เยี่ยซือชิงประหม่าเล็กน้อย จับมืออิ๋งจื่อจินไว้

อิ๋งจื่อจินตบบ่าของเธอ มองหน้าจอใหญ่ “วางใจได้”

เวลานี้มั่วเฟิงเดินออกไปนอกสนามทดลองบินแล้ว

แต่ทันใดนั้นกลุ่มคนที่มุงดูอยู่โดยรอบก็ร้องเสียงตื่นเต้น

เท้าของมั่วเฟิงหยุดชะงัก หันขวับ หันไปมองหน้าจอขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนสนามทดลองบิน

ยานอวกาศสีเงินทะยานขึ้นสู่ห้วงอวกาศอย่างมั่นคง

เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับกลุ่มเอที่เพิ่งบินขึ้นไปไม่นานก็ระเบิด

มีผลงานล้มเหลวของกลุ่มเอก่อนหน้า ความแปลกใหม่นี้เลยทำให้ชาวเน็ตตื่นเต้นขึ้นมาทันที

[บินขึ้นไปแล้ว!]

[กลุ่มบีใช้ได้เลยนะ ไหนใครว่าไม่ไหว]

[พูดตามตรง การออกแบบภายนอกของกลุ่มบีสวยจริงๆ นะ]

“โลดแล่นในอวกาศ ต่อไปคือการโลดแล่นในอวกาศแล้ว!” นักข่าวก็ตื่นเต้นไม่ไหว

“ทุกท่านจับตาดูให้ดีนะครับ!”

เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าแท่นควบคุมก็ไม่คาดคิดว่ากลุ่มบีจะทดลองบินได้ราบรื่นขนาดนี้

เขามือสั่น จากนั้นถึงกดปุ่มที่สอง

หน้าจอเลือนรางไปหลายนาที

“สวบ…”

เสียงดังชัดเจนออกมาจากอุปกรณ์ที่รับสัญญาณจากอวกาศมาสู่ภาคพื้นดิน

เมื่อหน้าจอปรากฏภาพที่ชัดเจนอีกครั้ง ยานอวกาศก็ไปอีกสถานที่แล้ว

บนตัวยานก็ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์จำพวกกล้องบันทึกภาพเอาไว้ สามารถถ่ายปรากฏการณ์ทั้งหมดในห้วงอวกาศออกมาได้อย่างคมชัด

อวกาศที่มืดมิดมีแสงสารพัดสี และมีดวงดาวมากมายที่อยู่บนโลกมองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า

นี่คือกาแล็กซีทางช้างเผือกที่ลึกลับและกว้างใหญ่

บนหน้าจอก็ได้แสดงระยะห่างที่มีหน่วยเป็นปีแสง

[สองหมื่นหกพันปีแสง!]

ตัวเลขนี้คล้ายระเบิดปะทุกลางอากาศ สนั่นหวั่นไหวท่ามกลางฝูงชน

[โอ้โห สุดยอด นี่จะเหาะออกจากทางช้างเผือกแล้ว!]

[แบบนี้จะไม่ดูกันอีกเหรอ ฉันขอดูก่อนล่ะ]

[ฉันขอประกาศเลยนะ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ไอดอลของฉันเปลี่ยนคนแล้ว ต่อไปคุณอิ๋งก็คือไอดอลของฉัน]

ยานอวกาศที่โลดแล่นออกไปได้สองหมื่นหกพันปีแสง คณบดีนอร์แมนคิดค้นได้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน

ตอนนี้สถิติของเมืองแห่งโลกอยู่ที่หกหมื่นหกพันปีแสง

แต่อิ๋งจื่อจินเป็นนักศึกษาหน้าใหม่ ทดลองบินครั้งแรกก็ไปได้ระยะที่ไกลขนาดนี้แล้ว พูดได้เพียงว่าเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาเพื่อการบินและอวกาศโดยเฉพาะ

“เอ๊ะ รุ่นน้องอิ๋ง” เยี่ยซือชิงกลับแปลกใจนิดหน่อย

“ฉันจำได้ว่าส่วนของแรงขับเคลื่อนหัวใจสำคัญที่เธอทำออกมาสามารถโลดแล่นในอวกาศไปได้ไกลสามหมื่นปีแสง”

เส้นผ่าศูนย์กลางของทางช้างเผือกคือหนึ่งแสนปีแสง

ระบบสุริยะห่างจากศูนย์กลางของทางช้างเผือกเกือบสามหมื่นปีแสง

ดังนั้นถ้าอยากบินออกจากทางช้างเผือก โลดแล่นไปได้ไกลสามหมื่นปีแสงก็เพียงพอแล้ว

แต่ตอนนี้ยานอวกาศหยุดอยู่ที่ชายขอบของทางช้างเผือก ยังขาดอีกนิดถึงจะออกไป

อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองหน้าจอ หรี่ตาลงเล็กน้อย “น่าจะเกิดปัญหา ระยะที่ไปได้ก็เลยลดลงนิดหน่อย”

เรื่องที่สำนักผู้วิเศษห้ามการคิดค้นยานอวกาศข้ามจักรวาล เธอเคยตั้งข้อสันนิษฐานไว้ในใจมากมาย แต่ก็ไม่อาจแน่ใจได้

ตอนนี้ไม่ควรสร้างความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น

“อ่อๆ” เยี่ยซือชิงไม่คิดอะไรมาก “ยังไงแค่นี้ก็สุดยอดมากแล้ว”

อิ๋งจื่อจินหาวหวอด หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาฟู่อวิ๋นเซิน

พูดด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อน “พี่ชาย มองมุมล่างขวาของปีกให้ดี”

“หืม?” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินเหลือบขึ้น สายตาเคลื่อนไป

ตรงนั้นเป็นจุดที่ไม่สะดุดตา

แต่เขารู้จักสไตล์ของอิ๋งจื่อจินดี มองลวดลายที่เป็นอักษรบนนั้นออก

เอสวาย

อักษรย่อของยาวิเศษ

ชื่อกลุ่มคู่จิ้นของพวกเขา

ถูกยานอวกาศพาไปโฉบเฉี่ยวในทางช้างเผือก ด้านหลังเป็นท้องฟ้าที่ไม่สิ้นสุด

กว้างใหญ่ไพศาล

หัวใจเหมือนถูกสะกิดเบาๆ

ฟู่อวิ๋นเซินหัวเราะ สีหน้าเรื่อยเปื่อย “คำสารภาพรักที่มาจากนักศึกษาวิศวะเหรอ”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วพูดเสริม “นักศึกษาวิศวะที่หัวไม่ล้าน”

อีกด้านหนึ่ง

ซีซาร์อดสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงไม่ได้

“เดิมทีฉันคิดว่าบอสเป็นหมอดูมาตลอด ใครจะไปรู้ว่าด้านวิทยาศาสตร์ก็เก่งขนาดนี้ด้วย”

ศาสตร์เหนือธรรมชาติไม่ได้เป็นฝ่ายตรงข้ามกับวิทยาศาสตร์มาตลอดเหรอ

นอร์ตันกอดอก พอได้ฟังก็เลิกคิ้วขึ้น “แน่นอน เพราะฉันไม่ได้ผ่าชำแหละเธอ”

ได้ยินแบบนี้ซีนายก็หดตัว

ช่วงหลายวันนี้ที่เธอติดตามนอร์ตัน เธอระแวงมาตลอดว่าเขาจะหยิบมีด

สามสิบนาทีต่อมาการทดลองบินครั้งแรกก็สำเร็จอย่างเป็นทางการ

เจ้าหน้าที่กดปุ่ม หลังจากเรียกยานอวกาศกลับมาแล้วก็เริ่มทดลองบินรอบสอง

มีนักบินอวกาศฝึกหัดสามคนเข้าไปในยานอวกาศ

ตอนที่เห็นการทดลองบินครั้งที่สองราบรื่น มั่วเฟิงก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่

เขาเม้มริมฝีปาก ข่มความหงุดหงิดในใจ “บิล ไปเถอะ”

อารมณ์ก็บิลก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

เธอกำมือแน่น สีหน้าย่ำแย่

เธอทำส่วนขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญไม่ได้มีปัญหาอะไร สามารถโลดแล่นในอวกาศได้ไกลถึงสามหมื่นปีแสงแน่นอน

แต่เนื่องจากส่วนปีกที่สวีจิ่งซานรับผิดชอบเกิดปัญหาใหญ่ ทำให้มีผลลัพธ์แบบนี้

บิลอัดอั้นตันใจ ก้มหน้าพูด “อาจารย์คะ ความผิดหนูเองค่ะ”

“ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก” มั่วเฟิงขมวดคิ้ว “สมาชิกกลุ่มเป็นตัวถ่วงของเธอ”

บิลไม่กล้าบอกว่าเธอเป็นคนเปลี่ยนจากอิ๋งจื่อจินเป็นสวีจิ่งซาน

เธอรู้ความสามารถของพวกเยี่ยซือชิงที่อยู่กลุ่มบีดี

ตอนนี้โปรเจ็กต์สำเร็จได้ กำลังสำคัญคืออิ๋งจื่อจินแน่นอน

พอนึกถึงตรงนี้บิลก็เสียใจเหลือเกิน

“คุณหนูบิลครับ!” สวีจิ่งซานรีบวิ่งตามออกมา “คุณหนูบิล โทษผมไม่ได้จริงๆ นะครับ ผมแค่…”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” มั่วเฟิงขัดจังหวะคำพูดของสวีจิ่งซาน “เพราะนายคนเดียวที่ส่งผลต่อทั้งโปรเจ็กต์ หยุดพักกิจกรรมทุกอย่างชั่วคราว คุมประพฤติ!”

สวีจิ่งซานลนลานขึ้นมาทันที “อาจารย์มั่วเฟิง!”

สองวันก่อนมั่วเฟิงจะคุมประพฤติอิ๋งจื่อจิน สวีจิ่งซานสะใจ

แต่พอเรื่องมาเกิดกับตัวเขา เขากลับรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

มั่วเฟิงมีนิสัยเผด็จการจนชิน ไม่ฟังคำคัดค้านของสวีจิ่งซาน เขาปลอบบิล “ความล้มเหลวเป็นแม่ของความสำเร็จ ครั้งหน้าเธอต้องสำเร็จแน่”

บิลพยักหน้า มองสวีจิ่งซานด้วยสายตาเย็นชา เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

สวีจิ่งซานเย็นเฉียบไปทั้งตัว

เขาไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ และไม่ใช่นักวิจัยระดับเอส

แค่มั่วเฟิงสั่งก็ชี้ชะตาของเขาได้

สมองของสวีจิ่งซานตื้อไปหมด

ถ้าตอนนั้นเขาไม่ออกจากกลุ่มบีคงไม่มีทางเป็นแบบนี้หรือเปล่า

อย่างน้อยก็ไม่มีทางถูกคุมประพฤติ

สวีจิ่งซานเหม่อมองยานอวกาศบนหน้าจอขนาดใหญ่ อารมณ์เสียใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ปกคลุมหัวใจของเขา

ส่วนอาจารย์กับลูกศิษย์ที่เดินออกไปกลับถูกกลุ่มนักข่าวที่สังเกตเห็นเข้าไปรุมล้อม

มั่วเฟิงขมวดคิ้ว “พวกคุณจะทำอะไร เธอไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น”

แต่พวกสื่อมีเมตตาที่ไหนกัน

พวกเขาแสวงหาประเด็นร้อนกันอยู่ตลอด

พวกนักข่าวไม่สนใจคำพูดของมั่วเฟิง พากันยื่นไมโครโฟนเข้าไป ไม่ยอมให้บิลออก

“คุณหนูบิลคะ มีอะไรอยากพูดเรื่องความล้มเหลวในวันนี้ไหมคะ”

“คุณหนูบิลครับ ได้ยินว่าเดิมทีคุณอิ๋งเป็นคนกลุ่มเอ แต่ถูกคุณไล่ไปกลุ่มบี แต่ตอนนี้กลุ่มบีกลับประสบความสำเร็จ คุณรู้สึกนึกเสียใจบ้างไหมครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด