คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 715 ล้มจนลุกไม่ขึ้น ซู่เวิ่นเล่นงาน
ตอนที่ 715 ล้มจนลุกไม่ขึ้น ซู่เวิ่นเล่นงาน
ทุกคนที่อยู่ในโต๊ะอาหารถึงกับหยุดชะงัก
คลิปเสียงยังคงเล่นต่อ
‘ยัยนั่นจะมาเป็นตัวถ่วง ฉันไม่ต้องการ แต่อิ๋งจื่อจินไปแล้ว กลุ่มเอก็ว่างหนึ่งที่พอดี นายตัดสินใจเอานะว่าอยากมาอยู่ไหม’
‘ครับๆ ขอบคุณครับคุณหนูบิล’
เป็นเสียงผู้หญิงกับเสียงผู้ชาย
แค่ได้ยินเสียงอาจยังตัดสินอะไรไม่ได้
แต่ประเด็นอยู่ที่คนแฉคลิปเสียงได้ลงโปรแกรมเทียบเสียงไว้ให้ด้วย
พอมีโปรแกรม ต่อให้เป็นคนนอกก็มองออกว่าเสียงผู้หญิงก็คือบิล เรนเกล
เป็นบิลแน่นอน
“นี่ใครกัน” ซีซาร์ลูบคาง ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “บอสรับคนที่นี่เป็นลูกน้องอีกแล้วเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้ามองเขา
ซีซาร์หุบปากทันที ยังไม่ทันทำหน้าน้อยใจก็ต้องหดกลับไป
“ถอดรหัสได้แล้ว” ฉินหลิงเยี่ยนกดๆ บนหน้าจอ
“ไหนดูซิ คนโพสต์เวยปั๋วชื่อสวีจิ่งซาน เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแฮะ”
เยี่ยซือชิงที่ยังอยู่ในอาการตะลึงตอบออกมาโดยอัตโนมัติ “ก็คือคนที่ทรยศไปอยู่กลุ่มเอ”
“นี่มันแฉกันเองนี่หว่า” ฉินหลิงเยี่ยนทำเสียงจึ๊ “ไม่เลว ชักสนุกแล้วสิ”
ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า “ทำไมไม่บอกล่ะ”
อิ๋งจื่อจินพิงเก้าอี้ สีหน้าเรื่อยเปื่อย เลิกคิ้วมองเขา
“เพราะอันที่จริงฉันต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำ ฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่กลุ่มเดียวกับเธอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ
“ไม่จำเป็นต้องยอมถูกรังแก บอกพี่ชาย พี่ชายจะปกป้องเธอเอง”
ดวงตาดอกท้อคู่งามตามธรรมชาติของฟู่อวิ๋นเซินทอประกายอ่อนๆ ดุจสายธารแห่งดวงดาว
เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ลุ่มลึกชวนหลงใหล
อิ๋งจื่อจินพลิกมือจับมือเขา สีหน้าจริงจัง “แค่ฝัน”
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหว เขาหัวเราะเบาๆ
บางทีอาจไม่ใช่แค่ฝัน
“นั่นสินะ ก็ไม่รู้ใครถ่วงใครกันแน่” ฉินหลิงเยี่ยนทำเสียงฮึดฮัด
“ครั้งก่อนที่ฉันไปหาบอส คุณหนูตระกูลเรนเกลคนนี้ก็ชอบมองเหยียดคนอื่น ตระกูลใหญ่โตอวดดีเหลือเกิน”
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น หุ่นยนต์บริกรก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ
ฉินหลิงเยี่ยนหลบอัตโนมัติ พูดพึมพำ “ถ้าฉันหาแฟนไม่ได้ ฉันจะซื้อมนุษย์หุ่นยนต์กลับไป ไม่เห็นแตกต่างกับคนตรงไหน”
“คิดเยอะแล้ว” ฉินหลิงอวี๋หยิบตะเกียบ “มนุษย์หุ่นยนต์ก็ไม่ชอบนายหรอก”
ฉินหลิงเยี่ยน “…”
เนื่องจากซีนายส่วนสูงไม่พอ เธอจึงยืนบนเก้าอี้เตรียมคีบกับข้าว
ทันใดนั้นกลับถูกมือของใครบางคนกดศีรษะให้นั่งกลับไป
นอร์ตันเอาจานใบหนึ่งวางตรงหน้าเธอแล้วยิ้มอย่างสบายๆ “เด็กน้อย กินของพวกนี้สิ”
ซีนายมองผักใบเขียวในจาน “…”
โมโห!
ซีซาร์มองฟู่อวิ๋นเซินที่กำลังแกะกุ้งให้อิ๋งจื่อจิน จากนั้นก็มอง ‘สองพ่อลูก’ นอร์ตันกับซีนาย
เขารู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล แต่ก็บอกไม่ถูก
ช่างเถอะ ตัวคนเดียวก็มีความสุขดี
…
พอคลิปเสียงถูกแฉ กระแสในเน็ตก็เกิดระลอกใหม่
กอปรกับนามสกุลเรนเกลมีความโด่งดังอยู่แล้ว ชาร์ตอันดับคำค้นก็เลยเต็มไปด้วยชื่อของบิล
[ว้าว ฉันอ้วกจริงละ เป็นไฮโซแล้วดูถูกคนธรรมดาใช่ไหม ก็แค่มีชาติกำเนิดดี เรื่องแบบนี้มันเลือกกันได้เหรอ ถ้าเธอไม่ใช่คนตระกูลเรนเกล มีเหรอจะกล้าอวดดี]
[หมดความชื่นชมในตัวบิลก็วันนี้ นึกไม่ถึงว่านางฟ้าแสนเพอร์เฟกของฉันจะมีธาตุแท้แบบนี้ คนอย่างพวกเราคงเป็นแค่หมาในสายตาเธอ]
[เลิกติดตาม ใช่ว่าจะไม่มีช่องไลฟ์ช่องอื่นให้ดู อวดดีทำไม]
[คุณอิ๋งไม่มีช่องไลฟ์สดเหรอ ไม่ได้อะไรนะ แค่อยากดูคนสวย]
พอบิลได้อ่านคอมเมนต์เหล่านี้ก็โมโหอยากปาโทรศัพท์มือถือทิ้ง
เธอรู้ดีว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปเสียง
บิลมือสั่น กดโทรหาสวีจิ่งซานทันที น้ำเสียงโมโห “สวีจิ่งซาน นายหมายความว่าไง”
“ผมหมายความว่าไงน่ะเหรอ” สวีจิ่งซานแสยะยิ้ม “ตอนที่มั่วเฟิงลงโทษคุมประพฤติผม คุณไม่พูดอะไรเลย คุณไม่ได้ตรวจส่วนปีกให้ละเอียดเหรอ ทำไมไม่เตือนผม”
“อ่อ ผมลืมไป คุณเองก็น่าจะไม่เก่งพอ ตอนนั้นอิ๋งจื่อจินแค่ดูภาพแบบร่างก็รู้แล้วว่ามีปัญหา ทำไมคุณถึงดูไม่ออกล่ะ”
“ยังไงซะคุมประพฤติก็ไม่ต่างจากถูกไล่ออก อย่างมากพวกเราก็ลงเหวไปด้วยกัน”
ชื่ออิ๋งจื่อจินได้ทำให้สติของบิลขาดผึงอย่างสิ้นเชิง
“สวีจิ่งซาน หุบปากไปเลยนะ!” เธอกดตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้ง
“ตุบ” โทรศัพท์มือถือกลิ้งออกไปไกลหลายเมตรถึงหยุดลง
บิลยังไม่ทันหายโมโหก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น
เสียงนั้นสั่งเธอ
“เก็บขึ้นมา”
พอเห็นคนที่มาบิลก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ “ป้าใหญ่”
เมื่อกี้ซู่เวิ่นได้ยินหมดแล้วเหรอ
“มีความสามารถที่น่าชื่นชม แต่กลับอวดดี ดูถูกคนอื่น ก่อนอื่นเลยเป็นปัญหาที่การอบรมสั่งสอน”
ซู่เวิ่นมองเธอ “ไปสำนึกผิดที่หอบรรพชนเดี๋ยวนี้ หนึ่งสัปดาห์ ห้ามลุกไปไหน”
บิลตะลึง “ป้าใหญ่?”
เธอยังต้องไปสำนึกผิดที่หอบรรพชนอีกเหรอ
นี่มันวิธีลงโทษตั้งแต่สมัยไหนแล้ว
ซู่เวิ่นกลับไม่พูดอะไรอีก เธอเอามือกระชับเสื้อคลุม ไอเล็กน้อยแล้วออกไป
พ่อบ้านเข้ามาพูดอย่างอ้อมๆ “คุณหนูบิลครับ อย่าทำพวกเราลำบากใจเลยนะครับ”
บิลหลุบตาลง กำมือแน่น
เมื่อก่อนพวกคนรับใช้เรียกเธอว่าคุณหนูใหญ่
ตอนนี้พอซู่เวิ่นฟื้นขึ้นมา พวกคนรับใช้ก็พากันเปลี่ยนคำเรียก
เธอรู้ว่าเพราะอะไร
เพราะคำเรียกนี้เป็นของศพทารกที่ถูกฝังมาเกือบยี่สิบปีแล้วคนนั้น
บิลขัดคำสั่งไม่ได้ ถูกพ่อบ้านพาไปที่หอบรรพชน
เธอคุกเข่าลงตรงหน้าป้ายวิญญาณ มองชื่อ ‘ถานซิน’ สีหน้าอึมครึมไม่พอใจ
ตายแล้วยังจะมาแย่งชิง
แต่ก็โชคดีที่ตายไปแล้ว
บิลคุกเข่าอยู่สามชั่วโมงก็มีคนเข้ามาในหอบรรพชน
เป็นคุณนายรอง
คราวนี้บิลอดพูดขึ้นไม่ได้ “คุณแม่ ป้าใหญ่เขา…”
“อดทนไว้” คุณนายรองยังคงสุขุมใจเย็น “เห็นจุดจบของอาสะใภ้สามไหม อย่าเพิ่งทำอะไรจนกว่าจะมีคำสั่งเลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่ลงมา”
คุณนายสามเกี่ยวพันต่อการทำร้ายซู่เวิ่น อีกทั้งยังเข่นฆ่าญาติสายอื่นอีกไม่น้อย
หลังจากซู่เวิ่นจัดการลงโทษด้วยตัวเอง ไม่เพียงแต่คุณนายสามจะถูกยึดบรรดาศักดิ์ของตระกูล แม้แต่ศพก็ไม่มีสิทธิ์ฝังในสุสานของตระกูล
อีกทั้งยังทำครอบครัวพ่อแม่ของคุณนายสามเดือดร้อนไปด้วย ถูกลงโทษมากพอสมควร
ซู่เวิ่นดูเหมือนคนอ่อนโยนใจดี แต่วิธีการโหดเหี้ยมเด็ดขาด
บิลก้มหน้า “เข้าใจแล้วค่ะคุณแม่”
คุณนายรองเข้าไปจุดธูป ปลอบบิลอยู่สักพักถึงออกไป
…
ไม่กี่วันต่อมา
โรงพยาบาลศูนย์กลาง
โชคดีที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ของเมืองแห่งโลกในตอนนี้เจริญก้าวหน้า บาดแผลของจูซาหายดีตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
แต่เธอยังใช้ข้ออ้างว่ารักษาตัว นอนอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด
“อย่างน้อยเธอก็เคยเป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์” ฉางซานนั่งอยู่ข้างเตียงเธอ รู้สึกโมโห
“ถูกเด็กที่เพิ่งมาอยู่ในเมืองแห่งโลกได้ไม่นานทำบาดเจ็บขนาดนี้ ขายหน้าไหม”
เป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวินได้ ไม่ว่ายังไงฝีมือการต่อสู้ก็สูสีกับจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สามร้อยปีแล้ว
ต่อให้อยู่โลกจอมยุทธ์ก็ยังฝีมือระดับแนวหน้า
ฉางซานไม่เข้าใจว่าทำไมจูซาที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมในโครงการซูเปอร์ทหารของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์มาแล้วถึงถูกฟู่อวิ๋นเซินทำร้ายบาดเจ็บสาหัสได้
“ฉันประมาทเอง” จูซาบังริมฝีปาก สีหน้าอ่อนเพลีย “ใครจะไปรู้ว่าเขาจะไม่แคร์ว่าคุณนายผู้เฒ่าจะมองยังไง ลงมือกับฉันทันที”
แต่ไหนแต่ไรมาเธอถนัดครองใจคน
เดิมทีคิดว่าฟู่อวิ๋นเซินเป็นลูกชายของฟู่หลิวอิ๋ง ไม่ว่ายังไงก็ต้องอยากประจบเอาใจคุณนายผู้เฒ่า ใครจะไปคิดว่าเขาไม่เล่นไปตามเกมเลยสักนิด
“เธอก็จริงๆ เลย” ฉางซานนวดหว่างคิ้ว “ท่านจักรพรรดินีไม่ได้ส่งคนมาเหรอ”
“พี่ก็มองพวกผู้วิเศษดีเกินไป” จูซายิ้ม “ถึงฉันจะเคยเป็นคนใกล้ชิดของท่านจักรพรรดินี แต่พอถอนตัวออกมาแล้ว ฉันก็ไม่ต่างจากชาวเมืองทั่วไปในสายตาของเธอ ผู้วิเศษไม่มีทางเข้ามายุ่งเรื่องของพวกเรา”
“ก็จริง” ฉางซานสีหน้าขรึมลง “แต่ไม่ว่ายังไง จะปล่อยให้น้องพี่ถูกลูกธนูปักฟรีๆ ไม่ได้”
จูซาเปลี่ยนเรื่อง “พี่ ได้ยินว่าหน่วยอัศวินดาบอาญาสิทธิ์เปลี่ยนผู้บัญชาการแล้วเหรอ”
“ใช่ ไม่รู้ว่าเป็นคนที่มาจากไหน เอาชนะผู้บัญชาการคนเก่าได้” พอพูดถึงเรื่องนี้ฉางซานก็อารมณ์เสียกว่าเดิม “เดิมทีผู้บัญชาการก็จะปลดระวางแล้ว เปลี่ยนเป็นพี่ขึ้นแทน ตอนนี้พี่เลยต้องเป็นรองผู้บัญชาการ”
แม้รองผู้บัญชาการกับผู้บัญชาการจะต่างกันแค่คำเดียว แต่อำนาจต่างกันเยอะมาก
เขารอตำแหน่งผู้บัญชาการมาตลอด อยู่ๆ ก็มีคนมาตัดหน้า
“วางใจได้ น้องพี่” ฉางซานยืนขึ้น “ตระกูลอวี้ไม่มีทางตกไปอยู่ในมือคนอื่น พี่จะช่วยกำจัดภัยคุกคามเธอเอง”
จูซาไม่พยักหน้าและไม่ส่ายหน้า เธอแค่ยิ้ม “พี่ เลือดของเขามีคุณสมบัติพิเศษ ระวังให้ดี”
ฟู่หลิวอิ๋งตายไปแล้ว
ควรถึงตาฟู่อวิ๋นเซินสักที
Comments