คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 718 เดวิลกลับมาแล้ว ผู้วิเศษอยู่ครบ!
ตอนที่ 718 เดวิลกลับมาแล้ว ผู้วิเศษอยู่ครบ!
เมอร์วินอดตัวสั่นไม่ได้ เขาร้องเหมือนจะขาดใจอีกครั้ง “แกเป็นใครกันแน่!”
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ นิ้วเรียวยาวดีดเบาๆ
กำลังภายในถูกปล่อย ผนึกจุดลมปราณของเมอร์วินไว้
เขายกมือ หยิบหน้ากากหนังมนุษย์ที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์สามมิติขึ้นมาใส่
ใบหน้าเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
แต่บุคลิกที่แผ่ซ่านอยู่ในตัวกลับถูกบดบังไม่มิด แม้จะแปลงโฉมแล้วก็ตาม
ฟู่อวิ๋นเซินล็อกตัวเมอร์วิน พาไปถึงด้านล่างของสำนักผู้วิเศษ
จากนั้นก็อาศัยกำลังภายในกระโดดขึ้นไปอย่างง่ายดาย
เสียงลมครูดผ่านข้างหู
เบื้องหน้าของเมอร์วินเลือนราง เขารู้สึกหวาดกลัวแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
สำนักผู้วิเศษเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ลอยอยู่กลางอากาศ ห่างจากพื้นหลายร้อยเมตร
ถึงแม้จะบอกว่าการเข้าพบผู้วิเศษมีสองวิธี
วิธีหนึ่งคือผ่านทางช่องทาง อีกวิธีคือขึ้นไปโดยตรง
แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครขึ้นไปได้โดยไม่อาศัยแรงจากภายนอกช่วย
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่!
ทันใดนั้นสมองของเมอร์วินก็ปรากฏคำๆ หนึ่ง
ผู้วิเศษ!
มีแค่ผู้วิเศษที่จะขึ้นไปบนสำนักผู้วิเศษได้อย่างง่ายดาย
เขาสั่นไปทั้งตัว รู้สึกเหลือเชื่อ
เมอร์วินไม่โง่
แค่คุยกับฟู่อวิ๋นเซินไม่กี่คำเขาก็รู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้มาเอาคืนแทนอิ๋งจื่อจิน
อิ๋งจื่อจินมีผู้วิเศษหนุนหลังเลยเหรอ!
ล้อเล่นบ้าบออะไรกัน
“ท่านผู้วิเศษ ผมขอร้อง ไว้ชีวิตผมเถอะนะครับ” เมอร์วินตัวอ่อนยวบ เขาขยับไม่ได้ ทำได้เพียงเอ่ยปากอ้อนวอน สติแตก “ขอร้องล่ะ ผมขอร้อง อย่าถือสาหาความคนธรรมดาอย่างผมเลยนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่มีเลยจริงๆ!”
ถ้าเขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินรู้จักผู้วิเศษ เขาจะเลือกฆ่าบิลแน่นอน
ตระกูลเรนเกลต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนยังจะสู้สำนักผู้วิเศษได้อีกเหรอ
ตึง!
ประตูบานที่สองของผู้วิเศษนักมายากลถูกถีบออก
พลั่ก เมอร์วินถูกโยนลงบนพื้น
ทั้งสองเสียงดังพอสมควร เวลานี้นักมายากลอยู่ที่นี่พอดี
“ใคร” เขาไม่พอใจมากที่ถูกรบกวน “ไม่ได้บอกพวกนายไว้หรือไงว่าวันนี้ฉันมีธุระ ห้ามมารบกวน”
นักมายากลเดินออกมา
ฟู่อวิ๋นเซินหันไปมองด้านนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
สายตานั้นดุจมีสายฟ้าฟาด
ชวนให้หวาดกลัว
เท้าของนักมายากลชะงักอยู่ที่เดิม สีหน้าตื่นกลัวในชั่วพริบตา
เมื่อเขาได้สติกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มตรงหน้าก็หันตัวเดินออกไปแล้ว ด้านหลังเย็นชาสุดขั้ว
นักมายากลเคยเห็นรูปถ่ายของนักศึกษาคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ของปีนี้
เมอร์วินเป็นอันดับสาม เขาย่อมจำได้
แต่ตอนนี้อันดับสามคนนี้กลับหมดลมหายใจอยู่ตรงหน้าเขา
“เกิดอะไรขึ้น” ซาโรห์เดินเข้ามา ขมวดคิ้ว “บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำการทดลองของคุณที่สำนักผู้วิเศษ ถ้าระเบิดจะทำไง”
“เกี่ยวอะไรกับผม” นักมายากลโมโหแทบกระอักเลือด “เมื่อกี้มีคนบุกเข้ามา เขาเป็นคนทำเสียงดังต่างหาก!”
ซาโรห์แววตาขรึมลง “ใคร”
เธออยู่ที่นี่ตลอด ไม่สังเกตเห็นว่ามีคนนอกเข้ามา
นักมายากลลองนึกดู เขาได้ยินเสียงเมอร์วินพูดว่า ‘ผู้วิเศษ’
เขาตัวสั่นขึ้นมาทันที เริ่มสั่นอย่างรุนแรง “ต้องเป็นผู้วิเศษเดวิลแน่!”
“พอเขากลับมาก็จับนักศึกษาของผม เอามาวางอำนาจข่มต่อหน้าผม ต้องเป็นเดวิลแน่นอน!”
ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยนทันที “เห็นชัดแล้วเหรอ”
“ไม่ชัด แต่เป็นเขาแน่นอน” บนศีรษะนักมายากลมีเหงื่อออก “นอกจากเขาแล้วยังจะมีใครสร้างแรงกดดันมหาศาลให้ผมได้มากขนาดนี้อีก”
ซาโรห์ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “มานี่ก่อน”
นักมายากลสูดลมหายใจเข้าลึก เดินตามซาโรห์ไปห้องด้านหลังประตูบานที่สี่
“ถ้าเป็นเดวิล แสดงว่าเขายังไม่ฟื้นคืนพลังกับความทรงจำอย่างสมบูรณ์” ซาโรห์นั่งอยู่บนบัลลังก์ นิ้วเคาะเบาๆ “ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางไป”
แต่พอคำพูดนี้ออกมากลับทำให้นักมายากลกลัวยิ่งกว่าเดิม
ยังไม่ฟื้นกลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์ก็วางอำนาจในสำนักผู้วิเศษแล้ว
นี่ถ้าความสามารถกลับคืนมาหมดจะสยองขนาดไหน!
“ซาโรห์!” นักมายากลกัดฟันพูด “ต้องหาเขาให้เจอแล้วฆ่าเขาก่อนที่พลังของเขาจะฟื้นกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์”
“พวกเราจะไม่ตามหาเดวิล” ซาโรห์ลุกขึ้น “ให้นักบวชหญิงลองทำนายดูว่าคนที่บุกสำนักผู้วิเศษในวันนี้คือใครกันแน่”
ถ้าหาเดวิลโดยตรงไม่มีทางทำนายได้
ห้องของนักบวชหญิงอยู่ติดกับซาโรห์ ถูกเชิญมาอย่างรวดเร็ว
“ได้” หลังจากเธอทราบคำร้องขอของซาโรห์เธอก็พยักหน้า “ฉันจะเริ่มทำนายเดี๋ยวนี้”
ผู้วิเศษเดวิลเป็นศัตรูร่วมกันของพวกเขา
…
อีกด้านหนึ่ง
ภายในคาเฟ่โซนใจกลางเมือง
หลังจากอิ๋งจื่อจินแยกกับเยี่ยซือชิงเธอก็รับนัดซิว
เธอเอามือเท้าศีรษะ กำลังพักสายตา
ทันใดนั้นเธอได้ลืมตาขึ้น
ซิวสะดุ้งตกใจ “ท่านเทพ เป็นอะไรอีก หัวใจผมไม่ค่อยจะดีนะ”
“เกิดเรื่องนิดหน่อย” อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง หยิบไพ่ทาโรต์ออกมากางเรียงบนโต๊ะ “ขอยืมพลังพิเศษของนายหน่อย”
ซิวลงมือพลางถาม “จะทำนายใครเหรอ”
คนที่เข้าออกคาเฟ่มีเยอะมาก ผู้คนพลุกพล่าน แต่กลับไม่มีใครสนใจโต๊ะที่สะดุดตาที่สุดโต๊ะนี้
พลังซ่อนตัว!
ไม่กี่นาทีต่อมาอิ๋งจื่อจินถึงลืมตาขึ้น
แววตาเคลือบความเย็นชาบางๆ
แต่ไหนแต่ไรมาเธอทำนายเรื่องของฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้ แต่ถ้ามีคนคิดใช้การทำนายเล่นงานเขา เธอจะรู้สึกได้
ซิวก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ เขาพูดเสียงขรึม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เพิ่งสู้กับคนไป” อิ๋งจื่อจินเงียบเล็กน้อย “ในบรรดาผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคนมีใครทำนายเป็นอีกนอกจากน้องสาวนาย”
ซิวอึ้ง “ยังมีนักบวชหญิง ความสามารถของเธอค่อนข้างกระอักกระอ่วน ทำนายเป็นนิดหน่อย ปรุงยาเป็นนิดหน่อย”
“ถ้าเรื่องทำนายเธอสู้น้องสาวผมไม่ได้ เรื่องปรุงยาก็สู้นักมายากลไม่ได้ แต่เธอพอสร้างค่ายกลได้ พลังโจมตีแข็งแกร่งกว่าผมที่เป็นผู้วิเศษสายซัพพอร์ตอย่างเดียว”
ผู้วิเศษลำดับที่สามจากยี่สิบสองคน ผู้วิเศษนักบวชหญิง
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกว่าเข้าใจ “นายบอกว่าระหว่างผู้วิเศษเคยเกิดสงครามครั้งหนึ่ง น้องสาวนายก็ดับสูญในสงครามครั้งนั้นเหรอ”
ซิวสีหน้าขรึมลง “ใช่”
อิ๋งจื่อจินรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ซิวไม่อยากนึกถึง จึงไม่ถามต่อ เธอพูด “งั้นเมื่อกี้ฉันน่าจะสู้กับนักบวชหญิง”
“นักบวชหญิงเหรอ” ซิวขมวดคิ้ว “ผมจะกลับไปดูที่สำนักผู้วิเศษหน่อย ช่วงนี้ไม่ควรมีเรื่องอะไรถึงจะถูก”
ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากทำสงคราม
ซิวยืนขึ้น แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไป “อ้อจริงสิ ไหนๆ คุณก็ไม่มีอะไรทำ งั้นช่วยผมดูแลเว็บดับบลิวหน่อยสิ ยังไงซะคุณก็เก่งคอมพิวเตอร์อยู่แล้วนี่”
พอได้ยินแบบนี้อิ๋งจื่อจินก็วางส้อมกับมีดลง ตบมือ
แปะๆๆ
ทำแบบขอไปที
ซิวงงนิดหน่อย “คุณตบมือให้ผมทำไม”
“ชื่นชมนาย ไม่เจอกันนานขนาดนี้ยังฝันกลางวันเก่งเหมือนเคย”
“…”
เขากะแล้ว
…
ในขณะเดียวกัน
พรวด…
อยู่ๆ นักบวชหญิงก็กระอักเลือด
คราวนี้ซาโรห์ก็ตกใจกลัวไปด้วย
เธอรีบประคองนักบวชหญิง “เกิดอะไรขึ้น”
“มีคนขัดขวางฉัน เก่งกว่าฉันด้วย” นักบวชหญิงหน้าซีด ส่ายหน้า “ทำนายไม่ได้แล้ว โทษที”
“ขัดขวางเธอเหรอ” ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง “หรือจะเป็นวงล้อแห่งโชคชะตา”
ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน คนที่มีความสามารถในการทำนายมีแค่สองคน
คือนักบวชหญิงกับวงล้อแห่งโชคชะตา
คนที่มีความสามารถในการทำนายเหนือกว่านักบวชหญิง นอกจากวงล้อแห่งโชคชะตาแล้วยังจะมีใครอีก
“วงล้อแห่งโชคชะตาดับสูญอย่างสิ้นเชิงไปแล้วไม่ใช่เหรอ” นักมายากลขมวดคิ้ว “อีกอย่าง ต่อให้เธอไม่ได้ดับสูญ มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องช่วยเดวิล”
ผู้วิเศษไม่ใช่เทพ จึงไม่ใช่ว่าตายไม่ได้
ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน ผู้วิเศษที่ดับสูญไปอย่างสิ้นเชิงแล้วมีสามคน
พลังของพวกเขาหายไปหมดสิ้น แม้แต่กลับมาเกิดใหม่ก็ทำไม่ได้แล้ว
“พูดถึงใครนะ” เวลานี้มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้น “วงล้อแห่งโชคชะตาเหรอ”
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ บนศีรษะมีมงกุฎ ใบหน้าหล่อเหลา บุคลิกน่าเกรงขาม
ผู้วิเศษสังฆราช หลุยส์ ธีเซียส!
“หลุยส์ พอพูดถึงวงล้อแห่งโชคชะตาคุณก็ออกมาเลยนะ” ซาโรห์พูด “พิธีใหญ่ครั้งหน้าของเมืองแห่งโลก คุณไปเปิดแทนฉันหน่อยนะ”
ปลายปีของทุกปีในเมืองแห่งโลกจะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่เสียงระฆังปีใหม่จะดังขึ้น ชาวเมืองทุกคนจะเข้าร่วม และนั่นก็เป็นโอกาสเดียวที่คนส่วนใหญ่จะได้เห็นผู้วิเศษ
หลายสิบปีมานี้ซาโรห์เป็นคนทำพิธีตลอด
เมื่อก่อนสองคนจะสลับกัน แต่สังฆราชอ้างว่าป่วย นานแล้วที่ไม่ได้เข้าร่วม
หลุยส์เดินเข้ามา เขายิ้มพลางพูด “ผมแค่ได้ยินว่าพวกคุณพูดถึงเดวิล”
นักมายากลตัวสั่นอีกรอบ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังอย่างกระชับ
“ไม่ นอกจากวงล้อแห่งโชคชะตาแล้วยังมีอีกคน” หลุยส์ฟังจบก็พูดขึ้น “เทพพยากรณ์”
พอชื่อนี้ออกมาสีหน้าของผู้วิเศษที่อยู่ตรงนั้นก็เปลี่ยนไป
สายตาของซาโรห์จับจ้อง “คนข้างนอกที่รู้จักกับซิวนั่นน่ะเหรอ”
เรื่องที่ซิวไปตั้งสมาพันธ์ลับที่ยุโรปไม่ได้เป็นความลับอะไรในสำนักผู้วิเศษ
หลังจากที่รู้ว่ามีเทพพยากรณ์ พวกผู้วิเศษถึงตระหนักได้ว่าจะต้องมีอีกหลายจักรวาลแน่นอน
อีกทั้งในจักรวาลอื่นก็จะมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า
เทพพยากรณ์คนนี้ก็คือตัวอย่างที่ชัดมาก
เทพพยากรณ์ถึงขั้นที่สามารถข้ามจักรวาลมายังโลกได้ ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าพลังต่อสู้ของ ‘เขา’ จะแข็งแกร่งขนาดไหน
ถ้าอย่างนั้นในจักรวาลอื่นจะมีคนระดับเทพพยากรณ์อีกมากมายขนาดไหน
เอาแค่จุดนี้จะปล่อยให้ยานอวกาศข้ามจักรวาลถูกคิดค้นขึ้นมาไม่ได้!
เกิดมีเรื่องอะไรที่สำนักผู้วิเศษควบคุมไม่ได้ แบบนั้นจะยิ่งเลวร้าย
“งั้นผมยอมหวังให้เป็นวงล้อแห่งโชคชะตามากกว่า” นักมายากลกำหมัดทุบโต๊ะ “พวกเราไม่รู้จักเทพพยากรณ์เท่าไร ขนาดซิวยังไม่เคยเห็นว่าเทพพยากรณ์หน้าตาเป็นยังไง ชายหรือหญิง”
อีกทั้งเท่าที่ซิวบอก เทพพยากรณ์ไปมาอย่างไร้ร่องรอย นิสัยก็เอาแน่เอานอนไม่ได้
ถ้าเทพพยากรณ์ร่วมมือกับผู้วิเศษเดวิล งั้นควรจะป้องกันอย่างไร
“ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ให้ดี” ซาโรห์ใจเย็นลง “ไม่ว่ายังไง พิธีศักดิ์สิทธิ์ก็ห้ามถูกทำลาย”
มิฉะนั้นบารมีของเธอกับหลุยส์จะถูกกวาดล้างไม่มีเหลือ
…
ความโกลาหลภายในสำนักผู้วิเศษไม่ได้ส่งผลต่อทั่วทั้งเมืองแห่งโลก
แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้คณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์กลับวุ่นวาย
เมอร์วินเป็นอันดับสามของปีนี้ เป็นเป้าหมายที่ทางคณะต้องบ่มเพาะอย่างดี กลับหายตัวไป
ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าเขาออกจากสำนักวิจัยไปเอง เข้าไปในซอยหนึ่งแล้วหายสาบสูญไป
คณบดีสืบอยู่นาน ทั้งยังได้ติดต่อสมาพันธ์แฮกเกอร์ แต่ก็สืบไม่พบร่องรอยใดๆ
คณะที่มีความขัดแย้งกับคณะพันธุศาสตร์ก็มีแค่คณะวิศวกรรมศาสตร์
ไม่แน่คณะวิศวะอาจใช้อาวุธขั้นสูงอะไรลงมือกับเมอร์วินก็ได้
คณบดีคณะพันธุศาสตร์ขมวดคิ้ว ลุกไปตึกอำนวยการของคณะวิศวกรรมศาสตร์
เวลานี้คณบดีนอร์แมนกำลังอยู่ในห้องทำงาน
[ลูกศิษย์ บ่ายนี้ว่างหรือเปล่า มีโปรเจ็กต์จะให้ดู]
อิ๋งจื่อจิน : [ตอนเย็นได้ค่ะ ตอนนี้ซื้อกระโปรงอยู่]
คณบดีนอร์แมน “?”
ทำไมลูกศิษย์ของเขาสองคนช่วงนี้ถึงหลงรักการใส่กระโปรงล่ะ
[ก็ได้ ซื้อตามสบาย ไม่ต้องซื้อมาฝากนะ]
พอเห็นข้อความนี้อิ๋งจื่อจินก็เลิกคิ้ว
ดูท่าคณบดีนอร์แมนจะช็อกหนักจากซีนาย
เธอเก็บโทรศัพท์มือถือ เดินตามหลังซู่เวิ่น
“ยินดีต้อนรับครับคุณนายใหญ่” ผู้จัดการร้านทักทายอย่างนอบน้อม “ไม่ทราบว่าวันนี้คุณนายใหญ่จะรับอะไรดีครับ”
“จะสั่งตัดชุดสักหน่อย” ซู่เวิ่นยิ้ม “เมื่อก่อนสั่งตัดชุดกับที่นี่บ่อยๆ ฉันชอบฝีมือของพวกคุณมากกว่า”
ซู่เวิ่นหมดสติไปเกือบยี่สิบปี เจ้าของร้านนี้ก็เปลี่ยนคนนานแล้ว แต่ฝีมือยังอยู่
ผู้จัดการร้านยินดี “เชิญทางนี้ครับคุณนายใหญ่”
ซู่เวิ่นหันไปกวักมือเรียก “เยาเยา มานี่สิ มาวัดตัวหน่อย”
อิ๋งจื่อจินเดินเข้าไป “ค่ะ”
ผู้จัดการมองอิ๋งจื่อจิน รู้สึกตะลึงในความงาม
เดิมทีเขาคิดว่าซู่เวิ่นสวยมากแล้ว อย่างไรเสียก็เคยเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งที่มีชื่อเสียงไปทั่วเมืองแห่งโลก
แต่นึกไม่ถึงว่ายังมีคนสวยกว่านั้นอีก
หน้าตาของอิ๋งจื่อจินมีพลังทำลายล้างสูง ไม่เหมือนซู่เวิ่นที่สวยแบบอ่อนโยน แต่โหดยิ่งกว่า
“นี่คือคุณหนูใหญ่ใช่ไหมครับ” ผู้จัดการยิ้ม “คุณหนูใหญ่ยืนกับคุณนายใหญ่ เหมือนพี่น้องกันเลยครับ”
Comments