คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 731 กรรมตามสนอง ขอร้องฟู่อวิ๋นเซิน

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 731 กรรมตามสนอง ขอร้องฟู่อวิ๋นเซิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 731 กรรมตามสนอง ขอร้องฟู่อวิ๋นเซิน

เซ่าอิ่งไม่ได้รู้สึกดีต่อความเผด็จการของคุณนายผู้เฒ่าอวี้เลยสักนิด

เขาต้องเรียนพวกความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลมาตั้งแต่เด็ก ห้ามแตะในสิ่งที่ตัวเองชอบ

เซ่าอิ่งถึงขั้นเคยคิดไว้ว่า ในอนาคตอันใกล้ ถ้าเขามีผู้หญิงที่ชอบ สุดท้ายก็ต้องลงเอยแบบอวี้เซ่าอวิ๋น

ถูกบังคับให้แยกจากกัน ถูกบีบให้แต่งงานเกี่ยวดอง

ตอนที่รู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของจูซากับอวี้เซ่าอวิ๋น เซ่าอิ่งกลับรู้สึกว่าสิ่งที่กดทับผูกมัดเขาไว้ในช่วงหลายปีมานี้ได้หายไปแล้ว

เดิมทีเขาเป็นคนที่อยู่ไหนก็ได้

แต่พอเห็นลูน่าเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่อยากเห็นเธอทุกข์ทรมานอีก

ได้ยินว่าตระกูลเรนเกลจะมีสมาชิกเข้าสำนักวิจัยทุกรุ่น ไม่รู้ว่าเขาเข้าไปตอนนี้ยังจะทันหรือเปล่า

“เซ่าอิ่ง หลานอย่าทำให้ย่าตกใจสิ” คุณนายผู้เฒ่าอวี้แอบดุเขา “หลานจะนามสกุลเรนเกลได้ยังไง เรนเกลมีอะไรดี มีแต่พวกคนอ่อนแอทั้งนั้น”

เธอพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง “แต่ถ้าหลานชอบสาวคนไหนในตระกูลเรนเกล ย่าเป็นแม่สื่อให้ได้ คนของตระกูลอวี้ของเราไม่มีเหตุผลต้องแต่งเข้าตระกูลอื่น!”

เซ่าอิ่งมีสีหน้าเย็นชา เขาเดินหนี

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ร้อนใจยิ่งกว่าเดิม “เซ่าอิ่ง!”

พ่อบ้านก็กำลังเก็บของเตรียมออก ได้ยินพอดีจึงอดพูดขึ้นไม่ได้

“คุณนายไม่ได้ดูการตัดสินโทษเหรอครับ”

“ผู้พิพากษาสั่งให้ตรวจดีเอ็นเอตรงนั้น คุณชายเซ่าอิ่งไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านหัวหน้าตระกูล แต่เป็นลูกของคุณลูน่าที่จูซาเอามาสวมรอยครับ”

เท้าของคุณนายผู้เฒ่าอวี้หยุดอยู่ที่เดิม สีหน้าเหลือเชื่อ “ว่าไงนะ!”

พ่อบ้านวางสัมภาระลง ช่วยหาคลิปออกมาให้เธออย่างเอาใจใส่ “คุณนายดูเองแล้วกันครับ”

คลิปวิดีโอการตัดสินโทษแพร่ในโลกไซเบอร์ไปทั่วแล้ว

ด้านหลังคำค้นยอดนิยมอันดับหนึ่งมีคำว่าฮอต

[ลิงก์คลิปเต็มอยู่ที่นี่ กดดูเลย!]

คุณนายผู้เฒ่าอวี้มือสั่นกดเปิดดู หลังจากเห็นผลตรวจดีเอ็นเอสามฉบับเธอก็วูบไปชั่วขณะ เกือบหมดสติไป

หลานชายที่เธอให้ความเอ็นดูมาหลายปีไม่ใช่สายเลือดตระกูลอวี้!

อวี้เซ่าอิ่งยังคงเป็นคุณชายสายตรงของตระกูลชั้นยอด แต่เธอไม่มีหลานชายแล้ว

“จูซาล่ะ!” คุณนายผู้เฒ่าอวี้รับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เธอโมโหมาก

“ให้นังผู้หญิงชั้นต่ำนี่มาเจอฉัน ฉันจะฆ่ามัน!”

“ลงนรกไปแล้ว” เซ่าอวิ๋นเดินถือดาบเข้ามา เหลือบมองแม่ ไม่มีความสงสารใดๆ

“แม่จะตามไปก็ได้นะครับ”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้สีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง รีบดูคลิปที่เหลือจนจบ

เสียงด่าเต็มเว็บดับบลิว

[สมน้ำหน้าผู้หญิงคนนี้ ตายไปไม่เสียดายหรอก!]

[สงสารคุณชายใหญ่กับคุณชายเซ่าอิ่งที่ถูกผู้หญิงคนนี้ทำลายชีวิต]

[ยินดีกับจูซาด้วยที่เป็นนังผู้หญิงชั้นต่ำอันดับหนึ่งในเมืองแห่งโลก!]

[สมน้ำหน้ายัยแก่ตระกูลอวี้นั่นด้วย จงใจพรากคนรักกัน ฮ่าๆ สุดท้ายไม่มีหลานแล้ว กรรมตามสนอง]

คุณนายผู้เฒ่าอวี้วิงเวียนศีรษะ หัวเอียง คราวนี้เธอเป็นลมไปแล้ว

อีกด้านหนึ่ง

สำนักผู้วิเศษ

ซาโรห์ฟังคนดูแลรายงานเสร็จก็เหลือบตาขึ้น ครุ่นคิดพลางพูด “ความทะเยอทะยานสูงมากจริงๆ”

แต่น่าเสียดายที่จูซาก็ยังมองโลกแคบเกินไป

ตระกูลของแบบนี้ไม่ได้คงอยู่ตลอดกาลในเมืองแห่งโลก

แค่พวกผู้วิเศษพูดมาคำเดียวก็ทำให้ตระกูลที่สืบทอดมาพันปีล่มสลายได้แล้ว

เมืองแห่งโลกอยู่มาหลายสิบศตวรรษแล้ว ตระกูลชั้นแนวหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก

แล้วจูซารับประกันได้เหรอว่าหลังจากที่ตัวเองควบคุมตระกูลอวี้กับตระกูลเรนเกลได้แล้ว สำนักผู้วิเศษจะไม่เปลี่ยนตระกูลอีก

คนดูแลยิ้ม “เกือบทำลายชื่อเสียงของท่านจักรพรรดินี โทษตายด้วยการชำแหละยังเบาไปเลยครับ”

“ทำลายไม่ได้หรอก” ซาโรห์ปิดหนังสือ สีหน้าเคร่งขรึม “แค่มดตัวเดียวยังคิดจะมายืนในตำแหน่งเทพ”

ผู้วิเศษทั้งยี่สิบสองคนก็คือเทพ จุดนี้ชาวเมืองแห่งโลกต่างยอมรับ

“ท่านจักรพรรดินีอยู่เหนือคนทั้งปวง” คนดูแลพูดอย่างนอบน้อม

“ยังมีอีกเรื่อง คุณนายซู่เวิ่นส่งคนออกนอกเมืองอีกแล้วครับ ไปตามหาร่องรอยของหัวหน้าตระกูลลูเอล”

“ลูเอล…” นิ้วของซาโรห์เคาะที่วางแขนเบาๆ

“ถ้าเดือนหน้าพวกเขายังไม่ได้ข้อมูลอะไรก็สั่งให้ตระกูลเรนเกลเลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่ได้”

ยี่สิบปีแล้ว

ถ้าลูเอลยังมีชีวิตอยู่ไม่มีทางไม่กลับมา

มีความเป็นไปได้แค่ตายแล้ว

ส่วนเรื่องจะให้ผู้วิเศษไปตามหาด้วยตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้

ซาโรห์ไม่ว่างสนใจมนุษย์ธรรมดา

คนดูแลเข้าใจ “ไว้ถึงเวลาผมจะถ่ายทอดคำสั่งของท่านจักรพรรดินีให้ครับ”

เขาถอยออกไป แอบส่ายหน้า

น่าเสียดาย ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลเรนเกลมองในแง่ดีไม่ได้เลย

แม้ตอนนี้จะมีทายาทสายตรงกลับเข้าไปเพิ่มอีกคน แต่การอบรมของตระกูลเรนเกลกับตระกูลอวี้ก็ต่างกัน

ภายในเวลาอันสั้น เซ่าอิ่งไม่มีทางชิงตำแหน่งนี้ได้

บิลที่เป็นลูกสาวของคุณนายรองก็เสื่อมเสียชื่อเสียงไปไม่น้อย

มีความสามารถขึ้นนั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้ แต่ทำให้คนยอมสยบไม่ได้

มองผิวเผินเป็นเพียงการเลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่ แต่ในความเป็นจริงคือการเริ่มต้นการเสื่อมถอยของตระกูลเรนเกล

ดูท่าอีกไม่นานเมืองแห่งโลกจะมีตระกูลใหม่ขึ้นมาแทนแล้ว

วันต่อมา

สำนักวิจัย

เรื่องของจูซาโด่งดังมาก ระหว่างทางมีแต่คนคุยกันเรื่องนี้

“รุ่นน้องอิ๋ง!” เยี่ยซือชิงกางแขนออกเพื่อกอดอิ๋งจื่อจิน “รุ่นน้องอิ๋ง พี่ได้ทำโปรเจ็กต์กับเธออีกแล้วนะ”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว ยิ้มบาง “งั้นก็ลำบากรุ่นพี่เยี่ยที่ต้องลงแรงมากหน่อยแล้วนะคะ”

“เรื่องเล็กๆ” เยี่ยซือชิงชะโงกหน้า “พี่ย้ายมาอยู่กับเธอแล้วกัน จะได้ทำโปรเจ็กต์สะดวก”

อิ๋งจื่อจินชะงัก พูดอ้อมค้อม “อาจจะไม่ได้ค่ะ แฟนฉันจะเข้ามาอยู่วันนี้”

“หา!” เยี่ยซือชิงตกใจ “สำนักวิจัยจะปล่อยให้เขาเข้ามาเหรอ”

สำนักวิจัยมีการคุ้มกันที่เข้มงวดมาก

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนนั้นเมอร์วินคิดจะทำร้ายอิ๋งจื่อจินถึงต้องเลือกเป็นนอกสำนักวิจัย

“อืม…” อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “ถ้าไม่ปล่อย เขาปีนกำแพงได้”

เยี่ยซือชิง “?”

คืออะไร พวกบอสไม่มาตามเส้นทางปกติกันเหรอ

เยี่ยซือชิงพูดเสียงเบา “รุ่นน้องอิ๋ง หักโหมมากเกินไปจะบาดเจ็บเอาได้ ระวังด้วยนะ อย่าหักโหมเกินไปล่ะ”

“เอ๊ะ แต่แฟนเธอหล่อขนาดนั้น ห้ามใจไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินที่สุขุมมาตลอดถึงกับออกอาการเป็นครั้งแรก “…”

เธอยังไม่เคยมีเรื่องแบบนั้น

“เดือนหน้าเธอจะไปพบผู้วิเศษแล้ว” เยี่ยซือชิงพูดต่อ “ไม่รู้ว่าครั้งนี้ผู้วิเศษคนไหนจะออกมา”

ทั้งสองคนคุยกันพลางเดินไปที่ห้องทดลอง บังเอิญเจอกับบิล เรนเกล ที่มาพร้อมทีมทำโปรเจ็กต์

“อิ๋งจื่อจิน” บิลหยุดเดิน พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “โปรเจ็กต์ครั้งนี้ฉันต้องชนะเธอให้ได้”

อิ๋งจื่อจินหันไปมองด้วยสายตาเย็นชา “ไม่จำเป็น”

การวิจัยเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่น่าสนใจทั้งนั้น

การแข่งขันช่วยกระตุ้นไฟในตัวได้ แต่ถ้าคิดแต่เรื่องแข่งขันก็จะหมดความหมายของเทคโนโลยี

“แข่งอะไร ยังขายหน้าไม่พออีกหรือไง” เยี่ยซือชิงแสยะยิ้ม “อ๋อ ฉันลืมไป พวกนักศึกษาที่เธอเล็งไว้ครั้งนี้ต่างไม่มีใครอยากอยู่โปรเจ็กต์เธอ”

บิลสีหน้าเปลี่ยน

“รุ่นน้องอิ๋ง ไปเถอะๆ” เยี่ยซือชิงดึงอิ๋งจื่อจิน “ซวยจริงๆ ที่มาเจอยัยนี่”

นักศึกษาคนอื่นที่ตามบิลมาก็ไม่กล้าพูดอะไร

“ทำเป็นเสแสร้ง” ดวงตาของบิลฉายแววรังเกียจ “ทำเป็นอวดดีไปเถอะ”

ทั้งๆ ที่ก็ใฝ่หาตำแหน่งและผลประโยชน์ที่สูงกว่า ทำเป็นมาเสแสร้งอยู่ตรงนี้

เธอล่ะเกลียดคนแบบนี้ที่สุด

แต่น่าเสียดาย ต่อให้วันหน้าอิ๋งจื่อจินมีผลงานติดตัวก็ไม่มีทางเทียบชั้นกับทายาทสายตรงของตระกูลเรนเกลได้

บิลขมวดคิ้ว

จูซาจะตายหรือไม่ตายเธอไม่สนใจ เรื่องที่เธอสนใจคือการกลับมาของอวี้เซ่าอิ่ง

มีคู่แข่งเพิ่มมาอีกคน น่าหงุดหงิดจริงๆ

ในเวลาเดียวกัน

ตระกูลอวี้

ผ่านไปหนึ่งคืน สายตาของคุณนายผู้เฒ่าอวี้เหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าสติเลื่อนลอยแล้ว

จนกระทั่งมีแขกมาเยี่ยม เธอถึงได้มีเรี่ยวแรงกลับมาบ้าง

“คุณนายผู้เฒ่า” หลิงอวี่ถอนหายใจ “พวกเราได้ยินเรื่องการตัดสินต่อหน้าสาธารณชนแล้วครับ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คุณนายผู้เฒ่าอย่าคิดมากไปเลยครับ”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ได้ฟังความโกรธก็กลับมาอีกครั้ง “นังผู้หญิงชั้นต่ำถูกลงโทษด้วยการชำแหละยังเบาเกินไป!”

เธอพยายามข่มความโกรธ พูดด้วยเสียงนุ่มนวล “ไม่ทราบว่าวันนี้คุณชายหลิงอวี่มามีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่าคะ”

“ก็ไม่ถึงกับสำคัญหรอกครับ วันนี้ผมแค่อยากมาถามคุณนายผู้เฒ่าครับ” หลิงอวี่จับปกคอเสื้อให้ดี “ตอนนั้นที่บอกว่าจะแนะนำคุณชายใหญ่ให้น้องสาวผมรู้จัก ยังจริงจังอยู่ไหมครับ”

อวี้เซ่าอิ่งไปอยู่ตระกูลเรนเกล ลูกชายของอวี้เซ่าอวิ๋นก็เหลือแค่ฟู่อวิ๋นเซินคนเดียวแล้ว

กอปรกับเมื่อวานฟู่อวิ๋นเซินประกาศชื่อฟู่หลิวอิ๋งต่อหน้าชาวเมืองแห่งโลกทั้งหมด ไม่ต้องเป็นลูกนอกคอกอีกต่อไป

เป็นลูกชายคนโตของตระกูลอวี้อย่างแท้จริง

เดิมทีหลิงอวี่ยังรู้สึกไม่พอใจการจับคู่นี้ แต่ตอนนี้เขาต้องคว้าไว้ให้มั่นแล้ว

คุณนายผู้เฒ่าอวี้อึ้งก่อน ต่อมาก็ดีใจมาก “นั่นสิคะ”

ทำไมเธอถึงลืมไปได้ว่าเธอยังมีหลานชายอีกคน

แถมหลานชายคนนี้เพิ่งกระชากโฉมหน้าที่แท้จริงของจูซาด้วย

นี่ก็แสดงว่าเขามีฝีมือพอตัว

อารมณ์หงุดหงิดที่อยู่ในใจคุณนายผู้เฒ่าอวี้มาหนึ่งวันหนึ่งคืนในที่สุดก็เบาลงไป

คุณนายผู้เฒ่าอวี้เก็บอาการ “คุณชายหลิงอวี่คะ เด็กๆ โตกันแล้ว เรื่องแนะนำให้รู้จักกันฉันยังต้องขอคิดดูอีกหน่อยค่ะ”

ตอนนี้ฟู่อวิ๋นเซินเลื่อนขั้นป็นทายาทคนโตแล้ว เธอจะต้องเลือกคู่ครองที่ดียิ่งขึ้นไปอีก

หลิงอวี่ยิ้ม สีหน้าไม่เปลี่ยน “คุณนายผู้เฒ่าน่าจะรู้นะครับว่าตระกูลไม่คงอยู่ถาวรไปตลอด แต่ลูกน้องที่ทำงานให้บรรดาผู้วิเศษคือได้เป็นตลอดไป”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ครุ่นคิด

ก็เป็นจริงอย่างว่า

เธอมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างตั้งใจ

หน้าตาของหนิงรั่วไม่ได้แย่ นิสัยอ่อนโยน จุดนี้ถูกใจคุณนายผู้เฒ่าอวี้

และที่สำคัญที่สุดคือ หนิงรั่วไม่ได้กุมอำนาจอะไรในมือ ควบคุมง่าย

คุณนายผู้เฒ่าอวี้ไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงแบบจูซาเข้ามาอยู่ในบ้านอีกเป็นอันขาด

“คุณหนูหนิงรั่วเป็นคนเพียบพร้อมจริงๆ” คุณนายผู้เฒ่าอวี้ยิ้ม

“ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักอวิ๋นเซินแน่นอนค่ะ ไม่สู้ตอนนี้เขาอยู่…”

พอพูดถึงตรงนี้ก็ชะงัก

คุณนายผู้เฒ่าอวี้มีสีหน้าร้อนรน รู้สึกอับอายขั้นสุด

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟู่อวิ๋นเซินอยู่ที่ไหน

“คุณนายผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลเลยสักนิดครับ” หลิงอวี่ยิ้ม “ลือกันไปทั่วเว็บดับบลิวแล้วครับว่าคุณชายใหญ่พักอยู่ในโรงแรมกลางเมือง พวกเราไปรอเขาย่อมต้องออกมาครับ”

“คุณชายหลิงอวี่ละเอียดรอบคอบจริงๆ” คุณนายผู้เฒ่าอวี้ยิ้มออกอีกครั้ง “งั้นพวกเราก็ไปกันค่ะ”

ช่วงสองวันนี้ชื่อเสียงของฟู่อวิ๋นเซินโด่งดังมาก

มีคนมารออยู่หน้าโรงแรมมากมาย ต่างมาด้วยความชื่นชม แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปได้

สุดท้ายหลิงอวี่ก็หยิบแอคเคาท์ผู้ดูแลเว็บดับบลิวออกมาถึงพาหนิงรั่วกับคุณนายผู้เฒ่าอวี้เข้าไปในโรงแรมได้

ทั้งสามคนรออยู่ที่ล็อบบี้

พอใกล้เที่ยงก็เห็นร่างสูงใหญ่ปรากฏที่หน้าลิฟต์

ฟู่อวิ๋นเซินมีความละม้ายคล้ายอวี้เซ่าอวิ๋นมากจริงๆ

แต่คนรุ่นหลังย่อมโดดเด่นกว่าคนรุ่นก่อน

ดวงตาดอกท้อทรงเสน่ห์มากกว่า ใบหน้าหล่อเหลาสยบคนได้ทั้งเมือง

ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้าอ่านข้อความในมือถือ

[แฟนสาวที่น่ารัก : ฉันแบ่งเตียงเล็กให้คุณครึ่งหนึ่งแล้ว คุณนอนริมนอก ฉันจะได้ไม่ตกลงไป]

ฟู่อวิ๋นเซินมองคำว่า ‘เตียงเล็ก’ แล้วเลิกคิ้ว

[โอเค]

สีหน้าของเขาเรื่อยเปื่อย เปลี่ยนหน้าต่างสนทนา

[แฟนสาวน่ารักเกินไปทำไงดี]

“พรวด” ฉินหลิงเยี่ยนที่กำลังกินข้าวอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่สมาพันธ์แฮกเกอร์ถึงกับสำลักพ่นน้ำอัดลม ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปล้มกลิ้ง

เขาตอบด้วยความโมโห

[นายติงต๊องหรือเปล่า!]

[เหล่าฟู่หน้าไม่อาย : เปล่า แค่อยากอวดนาย]

ฉินหลิงเยี่ยน “…”

[ตัดเพื่อน!]

ฟู่อวิ๋นเซินเก็บโทรศัพท์มือถือ หยิบกุญแจรถออกมา เดินออกโดยไม่ได้มองรอบๆ

“อวิ๋นเซิน อวิ๋นเซิน! นี่ย่าเอง” คุณนายผู้เฒ่าอวี้เดินเข้าไปด้วยความดีใจ อดเรียกไม่ได้ เธอเข้าประเด็นทันที “ต่อไปหลานก็คือทายาทคนโตเพียงคนเดียวของตระกูลอวี้แล้วนะ”

“ดูนี่ นี่คุณหนูหนิงรั่ว พี่ชายของเธอเป็นผู้ดูแลเว็บดับบลิว เป็นลูกน้องที่ขึ้นตรงกับผู้วิเศษนักพรต”

ขณะพูดคุณนายผู้เฒ่าอวี้ก็หันมองท้องฟ้า ยิ้มกว้างกว่าเดิม

“เที่ยงพอดี พวกเราไปกินข้าวทำความรู้จักกันเถอะนะ”

หนิงรั่วเดินเข้าไป ก้มหน้าเล็กน้อย แก้มแดงระเรื่อ

เธอพูดด้วยความเขินอาย “สวัสดีค่ะคุณชายฟู่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด