คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 733 ผลตรวจ ลูกสาวของซู่เวิ่น

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 733 ผลตรวจ ลูกสาวของซู่เวิ่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 733 ผลตรวจ ลูกสาวของซู่เวิ่น

ลูน่าย่อมรู้เรื่องความวุ่นวายของตระกูลเรนเกลในปีนั้นดี

และก็รู้ว่าการสูญเสียลูกสร้างความสะเทือนใจให้แม่คนหนึ่งมากขนาดไหน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าลูเอลพี่ใหญ่ของเธอหายตัวไป ซู่เวิ่นต้องแบกรับเรื่องทุกอย่างไว้คนเดียว

เนื่องจากเซ่าอิ่งถูกจูซาลักพาตัวไปสิบแปดปี ลูน่าเข้าใจความเจ็บปวดนี้ดี

เธอกับสามีก็แยกทางกันแล้ว หลายปีมานี้ใช้ชีวิตเหมือนศพเดินได้

ต่อให้ซู่เวิ่นจะเข้มแข็งขนาดไหนก็ยังเป็นผู้หญิงที่สูญเสียลูกไปอยู่ดี

ลูน่าก็รู้เรื่องที่ซีนายตามหาหลานสาวมานาน

มีเด็กสาวที่เหมือนซู่เวิ่นยิ่งกว่าอิ๋งจื่อจิน แต่มีแค่อิ๋งจื่อจินคนเดียวที่ยังไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ

ทำแบบนี้ไม่แน่อาจช่วยซู่เวิ่นได้

ถ้าไม่ใช่ก็แค่สูญเปล่า ไม่ได้เสียหายอะไร

แต่ถ้าใช่…

ลูน่าไม่กล้าคิดต่อแล้ว

“ได้ครับคุณลูน่า” หมอพยักหน้า “รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผลก็ออกมาแล้วครับ”

เขาก้มหน้ามอง พบว่าซองพลาสติกทั้งสองไม่มีเขียนชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

แต่ไหนแต่ไรมาลูกนอกสมรสของตระกูลชั้นแนวหน้ามีอยู่ไม่น้อย หมอเองก็ไม่มีเวลาไปยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่น

เขาเอาตัวอย่างทั้งสองชุดไปเข้าเครื่องตรวจ

แต่ละนาทีแต่ละวินาทีต่อมาลูน่าเหมือนอยู่บนเตาย่าง ร้อนใจเหลือเกิน

ในที่สุดห้านาทีผ่านไปเครื่องก็ร้อง “ติ๊ง”

มีกระดาษเด้งออกมาอัตโนมัติ

ลูน่ารีบเข้าไปหยิบกระดาษใบนั้นมาดูทันที

[ดำเนินการพิสูจน์ดีเอ็นเอตามกฎของเมนเดลและการประยุกต์ใช้ต่างๆ จาก STR เก้าตำแหน่ง เช่น DBS1179 ซึ่งเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่สืบทอดกันมาของมนุษย์ อัตราความเป็นไปได้ที่ไม่ใช่มารดาคือ 0.99999999989

จากการพิสูจน์ข้างต้น ตัวอย่างเอเป็นลูกสาวในสายเลือดของตัวอย่างบี]

ลูกสาวแท้ๆ!

ลูน่ามือสั่น ตัวก็เริ่มสั่น

ราวกับถูกฟ้าผ่า เธอยืนนิ่งไม่ได้สติ

ที่แท้ก็…

เวลานี้ภายในห้องทำงาน

หลังจากผู้ช่วยเอาตัวอย่างดีเอ็นเอทั้งสองนี้เก็บเข้าคลังข้อมูล ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป

เขามองตัวอย่างบี มือสั่น รีบกดโทรออก

พอโทรติดหน้าจอสามมิติก็ปรากฏในห้องทำงานทันที

เป็นชายวัยกลางคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับซู่เวิ่น

แต่แววตาดุดันยิ่งกว่า ไร้ความอ่อนโยน

ชายวัยกลางคนมีสีหน้าหงุดหงิด “มีเรื่องอะไร”

“ท่านครับ” ผู้ช่วยพูดเสียงเบา “เมื่อครู่ทางนี้ได้มีการตรวจดีเอ็นเอ ปรากฏว่าตัวอย่างดีเอ็นเอทั้งสองชนิดมีความสัมพันธ์เป็นแม่กับลูกสาวครับ”

ชายวัยกลางคนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วมันเกี่ยวกับฉันยังไง”

ผู้ช่วยร้อนใจ “แต่หนึ่งในสองตัวอย่างเป็นของคุณนายซู่เวิ่นครับ!”

เนื่องจากซู่เวิ่นหมดสติไปนานมาก เลือดของเธอได้ถูกโรงพยาบาลเอาไปตรวจและเก็บไว้เพื่อสะดวกต่อการหาทางทำให้เธอฟื้น ด้วยเหตุนี้จึงมีข้อมูลของเธอในคลังพันธุกรรม

อีกทั้งยังถูกเน้นสีแดงระดับหนึ่ง

พอเอาเข้าไปเทียบผลก็ออกมา

หลังจากได้ฟัง ชายวัยกลางคนที่อยู่ในจอก็มีสีหน้าตะลึง พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “แล้วอีกตัวอย่างล่ะ!”

ลูกสาวของซู่เวิ่นไม่ได้ตายตั้งแต่เกิดแล้วเหรอ

แล้วจะมีคนที่พันธุกรรมสอดคล้องกันได้ยังไง!

“ไม่พบข้อมูลที่สอดคล้องกันครับ” ผู้ช่วยส่ายหน้า “คุณลูน่าก็ไม่ได้บอก ท่านครับ เอาไงดีครับ”

“ขวางเธอไว้! ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม” ชายวัยกลางคนสั่ง เขาแสยะยิ้ม “ลูกสาวบ้าบออะไรกัน ฉันที่เป็นลุงคนนึงล่ะที่ไม่เชื่อ”

“หลานสาวของฉันตายไปตั้งแต่สิบเก้าปีก่อนแล้ว จะมีโผล่มาได้ยังไงอีก!”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่ชายวัยกลางคนก็เริ่มลนลาน

ลูน่าทำอะไร หาลูกชายแท้ๆ ของตัวเองเจอแล้วเลยคิดจะช่วยซู่เวิ่นตามหาลูกสาวด้วยงั้นเหรอ

เหลวไหลสิ้นดี

“ครับท่าน” ผู้ช่วยตอบ “ห้ามให้คุณนายซู่เวิ่นรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด”

หลังจากจบการสนทนากับชายวัยกลางคนเสร็จ เขาก็กดโทรออกอีกครั้งแล้วถึงเดินออกไปเรียก “คุณลูน่าครับ”

ลูน่าพยายามดึงสติกลับมา ไม่ได้สนใจผู้ช่วย

เธอเดินออกพลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทรหาซู่เวิ่น

แต่วินาทีถัดมากลับรู้สึกชาที่คอ

เบื้องหน้าวูบลง สูญเสียความรู้สึกตัวในชั่วพริบตา ทรุดลงไปกองบนพื้น

บอดี้การ์ดสองคนเข้ามาประคองเธอทันที

นี่เป็นห้องวีไอพีจึงไม่มีคนอื่น

“ขอโทษด้วยครับคุณลูน่า” ผู้ช่วยกับหมอมองหน้ากัน “ทำตามคำสั่งของนายท่าน พาเธอไปที่ตระกูลไลน์เจอร์”

ตระกูลไลน์เจอร์

ตระกูลทางฝ่ายซู่เวิ่น

อีกด้านหนึ่ง

คุณชายห้าที่โดนข่มก็ตามเซ่าอิ่งมาที่สำนักวิจัย แต่ปากก็ยังไม่หยุดพูด “นายมาทำโปรเจ็กต์ที่สำนักวิจัยเหรอ เอ๊ะ เมื่อไรจะเอาอาวุธมาให้ฉันเล่นสักชิ้นล่ะ”

เซ่าอิ่งสีหน้าเรียบเฉย ไม่สนใจ

เขามองที่อยู่ที่ลูน่าให้มา เดินไปยังห้องทดลองที่อิ๋งจื่อจินอยู่

พอเห็นอิ๋งจื่อจิน คุณชายห้าก็ดวงตาเปล่งประกาย

“พี่สะใภ้ใหญ่! ฮาย พี่สะใภ้ใหญ่!” เขาโบกไม้โบกมือ “พี่สะใภ้ใหญ่ ผมน้องห้าไง ยังจำผมได้หรือเปล่า”

อิ๋งจื่อจินหันหน้าหนี ไม่อยากสนใจ

ดูจากไอคิวแล้ว เซ่าอิ่งไม่ใช่สายเลือดของตระกูลอวี้แน่นอน

เซ่าอิ่งหยุดเดิน คราวนี้กลายเป็นเขาที่ทำหน้างง “พี่สะใภ้ใหญ่เหรอ”

“ใช่สิ นี่ผู้หญิงของพี่ใหญ่ ก็คือพี่สะใภ้ใหญ่ของฉัน” คุณชายห้าภูมิใจ “เอ๊ะ ฉันมีพี่สะใภ้ใหญ่ นายไม่มีใช่ไหมล่ะ ใครใช้ให้นายไปอยู่ตระกูลเรนเกลล่ะ”

เซ่าอิ่ง “…”

คุณชายห้าเริ่มระแวงขึ้นมาทันที “พูดมานะ นายมาหาพี่สะใภ้ใหญ่คงไม่ได้คิดจะตีท้ายครัวพี่ใหญ่ใช่ไหม!”

เซ่าอิ่งหัวจะปวด

ทันใดนั้นเขาก็พบว่าเขาอยู่ในตระกูลอวี้มาสิบแปดปีค่อนข้างลำบากพอสมควร

เซ่าอิ่งวางกล่องของขวัญที่เตรียมมา “นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยครับคุณอิ๋ง”

ลูน่ารู้มาจากซู่เวิ่นว่าอิ๋งจื่อจินชอบกินขนมหวาน ก็เลยตั้งใจทำขนมให้เขาเอามาเป็นของขวัญพบหน้า

“ขอบคุณค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้าตอบ “นั่งสิคะ ตามสบาย”

เยี่ยซือชิงชะโงกหน้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ดวงตาเปล่งประกาย “น้องชายสุดหล่อ”

คุณชายห้าชี้ตัวเอง สีหน้าคาดหวัง “งั้นผมล่ะ ผมหน้าคล้ายเขามากนะ”

ก็ต้องหล่อเหมือนกันแน่นอน

เยี่ยซือชิงปฏิเสธทันที ตอบอย่างไม่ปรานี “นายแก่แล้ว”

คุณชายห้า “…”

นี่เป็นครั้งแรกที่เซ่าอิ่งมาสำนักวิจัย และก็เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับอุปกรณ์เครื่องกลมากมายขนาดนี้

เขาหยิบอะไหล่หลายชิ้นขึ้นมา มือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่กี่นาทีก็ประกอบได้หนึ่งชิ้น

อิ๋งจื่อจินกับเยี่ยซือชิงก็กำลังประกอบชิ้นส่วน

มีแค่คุณชายห้าที่มองจนตาลาย ไอคิวไม่ถึง ทำได้เพียงไปมองวิวที่หน้าต่าง

ห้องทดลองใหญ่มาก เป็นแบบใช้ร่วมกัน แบ่งเป็นคอกกั้นจำนวนมาก

บิลกับสมาชิกกลุ่มเข้ามา ไปยังโต๊ะที่จองไว้

“บิล นั่นน้องชายเธอไม่ใช่เหรอ” ทันใดนั้นมีนักศึกษาคนหนึ่งมาสะกิดไหล่บิล พูดด้วยความแปลกใจ “ทำไมไปหาอิ๋งจื่อจินล่ะ”

บิลขมวดคิ้ว พอมองไปก็สีหน้าเปลี่ยน

เด็กหนุ่มใบหน้าโดดเด่น เครื่องหน้าคมชัด

ไม่เหมือนคนในตระกูล

แต่พรสวรรค์ด้านเทคโนโลยีชัดเจนมาก เขาเป็นสายเลือดตระกูลเรนเกลอย่างแท้จริง

“ไปก็ไปสิ” บิลละสายตากลับมา “แค่น้องชายคนเดียว ฉันไม่เสียดายหรอก”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ตระกูลไลน์เจอร์

ไซคูเดินไปเดินมาอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้วยความร้อนใจ

จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้า

“พามาแล้วครับท่าน” บอดี้การ์ดวางลูน่าที่สลบอยู่บนเก้าอี้แล้วโค้งตัวด้วยความนอบน้อม

“ดีมาก” ในที่สุดไซคูก็โล่งอก “เธอยังไม่ได้บอกใครใช่ไหม”

“ยังครับท่าน” คราวนี้คนที่ตอบคือผู้ช่วย “พวกเราลงมือก่อนเธอจะโทรศัพท์ครับ”

ไซคูถึงได้วางใจ

โชคดีที่ในศูนย์ตรวจดีเอ็นเอมีคนของตระกูลไลน์เจอร์ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางได้รู้ข่าวที่น่าตกใจแบบนี้

ผู้ช่วยลังเล “แต่ว่าท่านครับ ยังไงซะเธอก็เป็นสมาชิกสายตรงของตระกูลเรนเกล พวกเราบังคับพาตัวเธอมาที่นี่ สำนักผู้วิเศษจะไม่…”

“สำนักผู้วิเศษเหรอ” ไซคูทำเสียงจึ๊ “พวกนายไม่รู้แต่ฉันรู้ดี มีข่าวมาจากกองบัญชาการอัศวินแล้ว ท่านจักรพรรดินีต้องการให้ตระกูลเรนเกลเลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่”

“ถ้าเปลี่ยนหัวหน้าตระกูล ทั้งตระกูลเรนเกลก็ต้องล้างไพ่”

ลูน่าจัดอยู่ในกลุ่มสมาชิกสายตรงที่ไม่โดดเด่นที่สุด ใครจะไปสนใจเธอ

“ไป ไปเจอน้องสาวสุดที่รักของฉันหน่อย” ไซคูจัดชุดสูทตัวเองให้เรียบร้อย “ตั้งแต่เธอฟื้นมาฉันยังไม่ได้ไปเจอเลย”

ไซคูพาคนไปที่คฤหาสน์ตระกูลเรนเกล

ซู่เวิ่นกำลังสะสางงานอยู่

เธอมองไซคูแวบหนึ่ง สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

“น้องเล็ก ก่อนหน้านี้ที่บ้านยุ่งมาก พี่รองเลยไม่มีเวลามาเยี่ยมเธอเลย” ไซคูสั่งให้คนยกพวกกล่องเข้ามา “นี่เป็นของบำรุงที่ทางตระกูลซื้อมาจากคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ในราคาสูง”

ซู่เวิ่นยังคงไม่มองเขา “เลิกพูดไร้สาระ มีธุระอะไร”

“น้องเล็กนี่ฉลาดจริงๆ” ไซคูก็ไม่อ้อมค้อม พูดเข้าประเด็น “ที่พี่รองมาเพราะอยากให้เธอรับไมเดนเป็นลูกบุญธรรม”

ไมเดนเป็นลูกชายคนสุดท้องของไซคู

เขาพูดอย่างใจเย็น “ดูนะ หลานสาวของพี่ก็ตายไปนานแล้ว เธอไม่มีลูกเลยสักคน เดี๋ยวตอนตายไม่มีคนส่งดวงวิญญาณจะทำไง”

ในที่สุดซู่เวิ่นก็เงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชาสุดขั้ว

“น้องเล็ก นี่ก็เป็นความต้องการของคุณพ่อเหมือนกัน” ไซคูยิ้ม “เธอรับเขาเป็นลูก เดี๋ยวถึงเวลาคนที่สืบทอดตระกูลเรนเกลก็คนกันเองทั้งนั้น เป็นไง”

“เรื่องพวกนี้พี่ไม่ต้องคิดแทนหรอก” ซู่เวิ่นวางถ้วยชาลง “ใครก็ได้ส่งแขกที”

“ซู่เวิ่น พี่มาแนะนำด้วยความหวังดีนะ” ไซคูหุบยิ้ม แววตาขรึมลง “ลูเอลเป็นตายไม่รู้ หัวหน้าตระกูลต้องเปลี่ยนคนแน่นอน เปลี่ยนเป็นคนของตัวเองย่อมดีกว่าปล่อยให้ตกเป็นของสายอื่นหรือเปล่า”

“คนอื่นขึ้นตำแหน่งเธอก็ต้องลง คิดเหรอว่าสายอื่นในตระกูลเรนเกลจะปล่อยเธอไว้

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าซู่เวิ่นคิดอะไรอยู่

เมื่อไรที่สำนักผู้วิเศษมีคำสั่งให้เลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่ อำนาจทั้งหมดของซู่เวิ่นก็ต้องถูกยึดไป

แบบนั้นที่เธอแต่งเข้าตระกูลเรนเกลไม่เท่ากับสูญเปล่าเหรอ

ซู่เวิ่นโยนถ้วยชาใส่หน้าไซคู พูดเสียงเย็นชา “ไม่ต้องส่งแล้ว ไสหัวไป!”

พวกคนรับใช้ไม่กล้าส่งเสียง

“ได้ ซู่เวิ่น คอยดูเถอะ!” ไซคูเช็ดน้ำชาที่เลอะหน้า “รอศัตรูของเธอมาสืบทอดตระกูลเรนเกลต่อ ดูซิเธอจะยังมีชีวิตรอดอย่างปกติสุขได้หรือเปล่า”

เขาแสยะยิ้มแล้วหันตัวเดินออก

เขาจะรอให้ซู่เวิ่นมาขอร้องเขา

ไซคูเพิ่งเดินไปได้ก้าวเดียวก็ถูกคนคุ้มกันสองคนของตระกูลเรนเกลมาล็อกตัวโยนออกไป

ส่วนพวกกล่องที่เขาเอามาก็ถูกโยนออกไปข้างนอกด้วย

ซู่เวิ่นนวดขมับ สูดลมหายใจเข้าลึก

เธอเอามือปิดตา ร่องนิ้วเริ่มเปียกชื้น น้ำตาไหลหยดลงทีละหยด

นี่คือความเจ็บปวดในใจเธอ

คนสนิทเดินเข้ามา รู้สึกแย่เช่นกัน “คุณนายใหญ่”

“ไม่เป็นไร” ซู่เวิ่นเงยหน้า ขอบตายังคงแดง แต่สีหน้ากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “ให้พวกคนคุ้มกันฝึกต่อ เพิ่มกองกำลังให้มากขึ้น”

คนสนิทพยักหน้า จะออกไปทำตามคำสั่ง

แต่พอเขาเดินไปถึงประตูก็เหมือนสังเกตเห็นอะไร รีบกลับมาทันที “คุณนายใหญ่ พ่อบ้านส่งข่าวมาครับ”

ซู่เวิ่นอึ้ง “รีบเอามาดูหน่อย”

คนสนิทยื่นอุปกรณ์ส่งข่าวให้

ในนั้นมีข้อความที่ส่งมาเมื่อสองนาทีก่อน

[คุณนายใหญ่ครับ พวกเรากำลังกลับ]

ซู่เวิ่นใจสั่น ตอบกลับ

[เข้าใจแล้ว]

ในที่สุดก็มีข่าวคราวแล้ว

เวลาห้าโมงเย็น งานของกลุ่มก็เสร็จสิ้น

เยี่ยซือชิงบิดขี้เกียจ “เดี๋ยวไปกินข้าวที่ไหนดี”

นี่เป็นคำถามที่คุณชายห้าตอบได้ เขาระริกระรี้ทันที “ผมรู้ๆ โซนใจกลางเมืองมีบุฟเฟต์ร้านหนึ่ง อร่อยสุดๆ”

เซ่าอิ่งเอาแต่เงียบมาตลอด

อิ๋งจื่อจินนึกถึงที่ฟู่อวิ๋นเซินบอกว่าน้องชายหายไปคน เธอจึงให้ความสนใจเซ่าอิ่งหน่อย “เป็นอะไรไป”

“ผมติดจีพีเอสไว้ที่เธอ” เซ่าอิ่งขมวดคิ้ว “แต่จีพีเอสมันไม่ขยับนานแล้ว แถมตำแหน่งที่บอกพิกัดก็ไม่ใช่สถานที่ที่เธอไปบ่อย”

“อีกอย่าง เธอบอกว่าตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลเสร็จก็จะกลับบ้าน”

ถึงแม้คำว่า ‘แม่’ จะยังเรียกออกมายาก แต่หลังจากเซ่าอิ่งกลับไปอยู่ตระกูลเรนเกลก็เริ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของลูน่า

พบความผิดปกติย่อมไม่ชอบมาพากล

อิ๋งจื่อจินวางชิ้นส่วนในมือลง เธอลุกขึ้น “ไปที่นั่นกัน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด