คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 781 อิ๋งจื่อจิน ‘ซาโรห์ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร’
ตอนที่ 781 อิ๋งจื่อจิน ‘ซาโรห์ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร’
ผู้วิเศษถือกำเนิดมาได้หลายสิบศตวรรษแล้ว หรืออาจนานกว่านั้น
นอกจากผู้วิเศษประเภทกองหนุนอย่างผู้วิเศษนักพรตที่ไม่เหมาะกับไปต้านภัยพิบัติขนาดใหญ่แล้ว ผู้วิเศษคนอื่นอย่างพระจันทร์ พระอาทิตย์ เป็นต้น ต่างก็เคยดับสูญไปแล้วหลายครั้งมากน้อยแตกต่างกันไป
แต่มีแค่ผู้วิเศษหอคอยเพียงคนเดียวที่ไม่เคยดับสูญเลย
อย่างมากสุดก็แค่บาดเจ็บสาหัส
เพราะเขาควบคุมภัยพิบัติได้
แน่นอนว่าก็มีขอบเขต
ภัยพิบัติที่หอคอยสร้างขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางสู้ภัยธรรมชาติของจริงได้
หากเจอภัยพิบัติอย่างสนามแม่เหล็กเหนือใต้สลับขั้ว หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก
ต่อให้เป็นผู้วิเศษหอคอยก็ต้องดับสูญ
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น เรื่องเล่นงานผู้วิเศษประเภทกองหนุนกับคนธรรมดาทั่วไปก็สบายมากสำหรับเขา
แผ่นดินไหวที่ทำขึ้นมาง่ายๆ สามารถทำลายเมืองๆ หนึ่งได้ในชั่วพริบตา
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ผู้วิเศษหอคอยสร้างภัยพิบัติขึ้นมาเอง
ตรงทางเข้าเมืองแห่งโลกมีพื้นที่ทางทะเลที่ไร้ผู้คนอยู่พอดี เป็นสุดยอดทำเลที่จะเกิดสึนามิหรือพายุทอร์นาโดกลางทะเล
เมืองที่อยู่ใกล้จุดนี้ที่สุดก็ยังห่างออกไปหลายพันเมตร ไม่มีทางดึงดูดความสนใจคนอื่นๆ ได้
เห็นได้ชัดว่าผู้วิเศษหอคอยต้องการถล่มเครื่องบินหลายสิบลำนี้
“แอนโทนี่ บังคับเครื่องบินทุกลำให้ดี” ฟู่อวิ๋นเซินกดไมโครโฟนตรงหูแล้วกำชับ “ถ้าแม้แต่ลมระดับนี้นายยังเอาไม่อยู่ กลับไปฉันจะปลดนายออกจากตำแหน่ง”
ภายในห้องนักบิน พอแอนโทนี่ได้ยินประโยคนี้ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
เขารีบนั่งตัวตรง สีหน้าจริงจัง “ครับผู้บัญชาการ”
ไอบีไอพิทักษ์สันติสุขของโลกมาหลายปี เครื่องบินรบย่อมถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษ สามารถรับมือกับภัยพิบัติหลากหลายแบบได้
กอปรกับมีเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน เครื่องบินรบเหล่านี้จึงทนลมพายุระดับสิบเจ็ดได้
ถึงแม้ผู้วิเศษหอคอยจะสร้างพายุทอร์นาโดกับสึนามิขึ้นมาเองได้ แต่ก็ไม่ได้อานุภาพสูงเท่าแบบที่เกิดจากธรรมชาติ
ฟู่อวิ๋นเซินเอามือเกี่ยวเอวอิ๋งจื่อจินไว้แล้วพุ่งลงด้านล่าง
ทั้งสองคนแปลงโฉมแล้ว
ฟู่อวิ๋นเซินปล่อยกำลังภายในท่ามกลางลมพายุ ก่อเกิดเป็นคลื่นพลัง
“ตูม!”
กำลังภายในอันหนักหน่วงกลายเป็นกำแพงกั้น ขวางลมพายุที่เข้ามาโจมตี
ส่วนอิ๋งจื่อจินก็ปล่อยกำลังภายในลงด้านล่าง สยบเกลียวคลื่นในทะเลที่กำลังปั่นป่วน
ทั้งสองคนเข้าขากันดี ช่วยปูทางที่สงบให้เครื่องบิน
ปรมาจารย์จอมยุทธ์ไม่นอนหลายวันหลายคืนก็ไม่เป็นไร พวกเขาต่างเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ยกเว้นเจียงหราน
ผู้อาวุโสรองอึ้งมาก
เดิมทีเขาเคยเห็นแค่ผู้นำของสามตระกูลอย่างหลิน เซี่ย เย่ว์ ที่มีพลังแบบนี้ นั่นต้องมีวรยุทธ์ถึงสามร้อยปีขึ้นไป
ปรากฏว่านี่เพิ่งไม่เจอกันแค่สามเดือน วรยุทธ์ของสองคนนี้ขึ้นไปถึงระดับนี้แล้วเหรอ!
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า หรี่ตามอง “เขาอยู่มุมตะวันตกเฉียงใต้ ทิศทางเจ็ดนาฬิกา”
ฟู่อวิ๋นเซินมองไป แต่กลับเห็นเพียงความมืด
แต่อิ๋งจื่อจินบอกว่าอยู่ก็แสดงว่าอยู่
“เข้าถึงตัวยาก” ฟู่อวิ๋นเซินหยิบปืนเลเซอร์ออกมาเล็งไปยังทิศทางที่อิ๋งจื่อจินบอก
อิ๋งจื่อจินพูดขึ้นอีกครั้ง “ห่างจากเครื่องบินลำแรกสามร้อยแปดสิบสี่เมตรสามสิบสี่เซนติเมตร”
พลังของเทพพยากรณ์มีระดับความแม่นยำที่น่ากลัวขั้นสุด
ฟู่อวิ๋นเซินเหนี่ยวไกทันที
“ปัง!”
แสงเลเซอร์พุ่งไป ทะลุฝ่าอากาศท่ามกลางเสียงดังสนั่น
ปืนเลเซอร์ยิงโดนผู้ชายผมดำที่สวมชุดตัวยาวแบบผู้วิเศษ
ถึงแม้บาดแผลจะผสานอย่างรวดเร็ว แต่สีหน้าของหอคอยก็ยังคงเปลี่ยนไปมาก
ใครยังจะสามารถยิงได้อย่างแม่นยำท่ามกลางลมพายุที่พัดกระหน่ำขนาดนี้ได้
ราวกับเขานึกอะไรออก “หรือว่าจะเป็น…”
วงล้อแห่งโชคชะตาตายไปแล้ว หรือว่าจะเป็นเทพพยากรณ์สหายเก่าของซิวคนนั้น
ขณะที่หอคอยระแวงก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งทันที
เขาวาร์ปห่างออกไปหลายร้อยเมตรในชั่วพริบตา
แต่อิ๋งจื่อจินแค่มองแวบเดียวก็พูดขึ้น “ผู้บัญชาการ มุมตะวันออกเฉียงใต้ ทิศทางห้านาฬิกา ห่างจากคุณเจ็ดร้อยเก้าสิบแปดเมตรสามสิบสี่เซนติเมตร”
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินเรียบเฉย เขาเหนี่ยวไกอีกครั้ง
“ปัง!”
ยิงถูกอีกครั้ง
สีหน้าของหอคอยบิดเบี้ยว “ให้ตายเถอะ”
บาดแผลของผู้วิเศษผสานได้อย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องแค่ไม่กี่วินาที
ถึงแม้ปืนเลเซอร์จะทำเขาบาดเจ็บไม่ได้ แต่ก็สร้างผลกระทบได้
อีกฝ่ายเป็นใคร
เขาแสยะยิ้ม เพิ่มกำลังพายุทอร์นาโด
ขณะเดียวกันก็มีเสียงฟ้าร้อง
“ครืนนน”
สายฟ้าพาดผ่าน เพียงชั่วพริบตาผ่าไปที่เครื่องบินลำหนึ่ง
แอนโทนี่สีหน้าเปลี่ยนทันที เตรียมกดปุ่มฉุกเฉิน
แต่ในเวลานี้เองกลับมีเงาของใครคนหนึ่งปรากฏเหนือเครื่องบิน รับสายฟ้านั้นไว้
“ฟึ่บ!”
ผู้วิเศษลำดับที่ยี่สิบ ผู้วิเศษพระอาทิตย์
พลังพิเศษ ปกป้อง!
อวี้เสวี่ยเซิงเอามือลง ยิ้มบาง “ไม่ต้องกังวล พวกเรามาทัน”
“อาอิ๋ง ที่เหลือฉันกับเสวี่ยเซิงจัดการเอง” ฉินหลิงอวี๋สีหน้าเย็นชา “ผู้วิเศษก็ต้องสู้กับผู้วิเศษด้วยกันสิ”
ขณะพูดเธอก็หันไปมองฟู่อวิ๋นเซินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
อวี้เสวี่ยเซิงเล่าเรื่องฟู่อวิ๋นเซินให้เธอฟังแล้ว
เธอไม่รู้สาเหตุของสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งนั้น
แต่ชาตินี้ ฟู่อวิ๋นเซินเป็นเพื่อนของอวี้เสวี่ยเซิง
พวกเขายืนอยู่ฝั่งเพื่อนตัวเองเท่านั้น
อวี้เสวี่ยเซิงก้มหน้า ขยับปากแต่ไม่เปล่งเสียง “ระวังถูกสังเกตเห็น”
มิฉะนั้นเดี๋ยวถึงเวลาจะไม่ได้ออกมาแค่ผู้วิเศษหอคอยแล้ว
หอคอยไม่เห็นขณะที่พวกเขาคุยกัน
แต่เขารู้ว่าใครที่ขัดขวางการโจมตีของเขา “เหยียน!”
ถึงแม้ผู้วิเศษพระอาทิตย์จะไม่ใช่ผู้วิเศษประเภทต่อสู้ แต่พลังป้องกันของเขาแข็งแกร่งมาก
กอปรกับมีการช่วยเหลือจากผู้วิเศษพระจันทร์อีก ต่อให้เป็นเขาก็เอาชนะไม่ได้
หอคอยแสยะยิ้ม เก็บพลังควบคุมภัยพิบัติแล้วหันตัวออกจากตรงนั้น
เขาจะไปก็ไม่มีใครขัดขวางเขาได้
ความแค้นครั้งนี้ไว้ค่อยคิดบัญชีกัน
“สวบ…”
แสงจันทร์ทะลุผ่านเมฆครึ้ม ลมฝนเคลื่อนหาย ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ
แอนโทนี่ปาดเหงื่อบนศีรษะ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก ตัวยังสั่นอยู่
เวลานี้ในที่สุดเขาถึงตระหนักได้ว่ายังมีพลังที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่แบบนี้อยู่บนโลกด้วย
แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธ์
ไม่ต่างจากเทพ
เมื่อไม่มีการขัดขวางของผู้วิเศษหอคอย เครื่องบินหลายสิบลำก็เคลื่อนเข้าสู่เมืองแห่งโลกแล้วลงจอดอย่างมั่นคง
“อ๊ากกก เกิดอะไรขึ้น แผ่นดินไหวเหรอ หรือว่าไฟไหม้” อยู่ๆ เจียงหรานก็สะดุ้งตื่น เห็นซากปรักหักพังด้านนอก เขางุนงง “พวกเรามาถึงเมืองแห่งโลกแล้วเหรอ!”
นี่มันไม่เหมือนสถานที่ที่เทคโนโลยีล้ำหน้าแบบที่เขาคิดไว้
น่าเกลียดจริงๆ
หลิงเหมียนซีกดเขาลงไป “สักวันนายคงหลับแล้วไหลตายไปเลย”
เมื่อวานเย็นไม่ว่าเครื่องบินจะเคลื่อนขึ้นหรือฝ่าหลุมอากาศ เจียงหรานก็ยังไม่ตื่น
ปรากฏว่าพอเครื่องบินลงจอด เขากลับตื่นเองอัตโนมัติ
สภาพร่างกายเป็นแบบไหนกัน
พลังทำลายล้างของผู้วิเศษหอคอยแข็งแกร่งมาก แม้แต่ภายในเมืองแห่งโลกก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
แถบนี้พังพินาศหมด
“พี่…” เจียงหรานโมโหสุดๆ แต่ก็กลัว ทำได้เพียงหันไปฟ้องเนี่ยอี้ “คุณชายเนี่ย คุมแฟนตัวเองหน่อยสิ”
“ดูพี่ผมสิ ชอบใช้ความรุนแรงขนาดนี้ วันหน้าคุณชายเนี่ยจะทำไง”
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าพี่สาวของเขาหาแฟนได้ยังไง
เนี่ยอี้พูดเสียงขรึม “ไม่เป็นไร ผมชอบ ผมยินดี”
หลิงเหมียนซีเหลือบมองเจียงหราน “ไม่รู้ว่าใครกันนะที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีแฟน”
เจียงหราน “…”
ทำไมคนที่บาดเจ็บมักเป็นเขาเสมอ
นอกเครื่องบิน
“หนีไปแล้ว” ฉินหลิงอวี๋ขมวดคิ้ว “ซาโรห์สั่งหอคอยไม่ได้ และเขาก็ไม่มีทางยอมแลกชีวิตเพื่อซาโรห์ ก็แค่ทำพอเป็นพิธี”
อวี้เสวี่ยเซิงหันหน้าไป “ซาโรห์ไม่มีทางล้มเลิก เธอไม่มีทางปล่อยให้เดวิลกับผู้วิเศษอีกสามคนก่อสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สอง”
“ฉายาจักรพรรดินี ยัยนั่นก็เลยแต่งตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดินี” ฉินหลิงอวี๋แสยะยิ้ม “ดีแต่สั่งอยู่ในสำนักผู้วิเศษ ทำไมไม่ออกมาเองล่ะ”
“สังฆราชยังมองตัวเองเป็นสังฆราชเลย” อวี้เสวี่ยเซิงยิ้ม “ไม่รู้ว่าถ้าจักรพรรดิกลับมาจะคิดแบบนี้ด้วยหรือเปล่า”
เขาพูดจบก็หยุดเล็กน้อยแล้วไปอีกด้านกับฟู่อวิ๋นเซิน
“อาอิ๋ง ฉันรู้ว่าเธอมีพลังที่เหนือกว่าผู้วิเศษ” ฉินหลิงอวี๋สีหน้าหนักใจ “ก็แค่ยังไม่ฟื้นกลับมา เธอปกป้องฉันไว้ตั้งหลายครั้ง ฉันก็อยากปกป้องเธอบ้าง”
“อืม” อิ๋งจื่อจินจับศีรษะ สมองปรากฏชิ้นส่วนความทรงจำอย่างไม่หยุดหย่อน “ฝากไปบอกผู้หญิงคนนั้นหน่อยสิ”
“ซาโรห์ วิคตอเรียเหรอ” ฉินหลิงอวี๋พยักหน้า “บอกอะไรล่ะ ฉันบอกให้แน่”
สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเย็นชาลง น้ำเสียงฟังดูห่างเหิน “คิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“จึ๊ ยัยนั่นคงได้โมโหอกแตกตาย ยัยนั่นไม่ชอบให้ใครมาท้าทายอำนาจของตัวเอง” ฉินหลิงอวี๋หัวเราะ ยักไหล่ “ฉันกับเสวี่ยเซิงจะส่งคนของพวกเธอกลับไปก่อนแล้วกัน พวกเขาทำอะไรพวกเธอสองคนไม่ได้ แต่คนพวกนี้ยังอยู่ในอันตราย”
อิ๋งจื่อจินตอบอืมแล้วหันหน้าไป
ฟู่อวิ๋นเซินรูปร่างสูงโปร่ง แสงจันทร์สาดส่องลงบนตัวเขา ดูมีออร่าเคลือบอยู่หนึ่งชั้น
ช่วยขับให้ใบหน้าของเขายิ่งหล่อเหลา ชวนสะกดใจ
ขายาวของเขางออยู่ รูปร่างสมบูรณ์แบบ
มีเศษเสี้ยวความทรงจำแวบผ่านอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง แต่เลือนรางมาก แยกไม่ออกว่าคืออะไร
อิ๋งจื่อจินพึมพำเสียงเบา “ดวงดาวเจิดจรัส…”
ดวงดาวเจิดจรัส บุตรแห่งเกียรติยศ
ฟู่อวิ๋นเซินเพิ่งคุยกับอวี้เสวี่ยเซิงเสร็จก็เห็นอิ๋งจื่อจินเหม่อมองเขา ไม่รู้ว่ามองอยู่นานเท่าไรแล้ว
เขาเดินเข้าไป โน้มตัวลงหยิกแก้มเธอ “เป็นอะไรไป ขวัญหายเหรอ”
“ก็แค่อยู่ๆ…” อิ๋งจื่อจินชะงัก เธอเลิกคิ้ว “รู้สึกว่าคุณหน้าตาดี เจริญตา แค่ได้มองก็พอแล้ว”
“เพิ่งสู้เสร็จก็อ้อนเลยเหรอ ไปเอาแบบอย่างมาจากไหน” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น ยิ้มมุมปาก “แค่ให้กอดมันไม่พอแล้ว จะจุดไฟแล้วไม่ดับไฟไม่ได้นะ”
“อยากทำยังไงก็เชิญ แต่ขอเตือนว่า…” อิ๋งจื่อจินซบตัวเขา พูดอย่างใจเย็น “อย่าทำตัวเป็นอันธพาลต่อหน้าลูกชาย”
พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินก็ชะงัก เขาหันไป
ดวงตาดอกท้อของเขากวาดมองพร้อมสายตาอำมหิต
เจียงหราน “…”
เขามันก็แค่หมาโสดที่แอบเดินผ่าน ไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไรเลยนะ
ถูกฆ่าเฉย!
…
สำนักผู้วิเศษ
หอคอยกลับมาถึงชั้นบนสุด สองมือกอดอก “ซาโรห์ ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรคุณก็ไปทำเอง ผมไม่มีทางทำอีกแล้ว”
สภาพของเขาทุเรศมาก เสื้อผ้าถูกปืนเลเซอร์ยิงจนเป็นรูพรุน
ซาโรห์มองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แทบไม่อยากเชื่อ “หอคอย คุณแพ้เป็นด้วยเหรอ”
ผู้วิเศษหอคอย ฝีมือต่อสู้แทบจะสูสีกับอัศวินรถม้า
เพราะนอร์ตันทำเป็นไม่แยแส ซาโรห์ถึงได้ไปขอให้หอคอยออกมา
ต่อให้ผู้วิเศษคู่รักฟื้นคืนความทรงจำและพลัง ก็ไม่มีทางแข็งข้อกับหอคอย
“ผมเหรอ” หอคอยมองต่ำ “คุณคาดหวังในตัวผมมากเกินไปหรือเปล่า ลืมแล้วเหรอว่าผมไม่ใช่ผู้วิเศษที่เก่งที่สุด”
ซาโรห์กำมือแน่น
ผู้วิเศษมีพลังพิเศษได้ เดิมทีก็เพื่อเอาไว้รับมือกับภัยพิบัติน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้น
เมื่อภัยพิบัติใหญ่กำลังจะมาถึง ก็จะเรียกผู้วิเศษทั้งหมดให้กลับมา
เว้นเสียแต่คนที่ดับสูญไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ผู้วิเศษหอคอยไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด
หอคอยปัดชุดของตัวเองอย่างใจเย็น พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าประชดหรือโกรธ “อีกอย่าง ผมจะไปสู้คู่ผัวเมียนั่นได้ยังไง”
ซาโรห์หันขวับ
ที่ด้านนอกห้องโถง มีสองคนยืนอยู่ข้างกัน
สีหน้าของซาโรห์ขรึมลงทันที “พระจันทร์ เหยียน”
ตามคาด มันต้องมีคนมาทำเสียเรื่อง
“ซาโรห์ เธอเตือนฉัน งั้นฉันก็ขอเตือนเธอเหมือนกัน” ฉินหลิงอวี๋ยิ้ม “ฉันกับเหยียนไม่มีทางยอมให้เธอทำร้ายคนบริสุทธิ์เพื่อฆ่าคู่รักหรอกนะ”
อย่าว่าแต่บนเครื่องบินมีอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินเลย ต่อให้เป็นคนที่พวกเขาไม่รู้จัก พวกเขาก็ไม่มีทางนิ่งดูดาย
พวกเขาเป็นผู้วิเศษ เดิมทีก็เกิดมาเพื่อปกป้องพลเมืองโลกอยู่แล้ว
แต่ซาโรห์กลับไม่ทำแบบนั้น เลือกที่จะลงมือกับคนธรรมดา
ฉินหลิงอวี๋จ้องซาโรห์ “เธออยู่เมืองแห่งโลกนานเกินไปก็เลยคิดว่าตัวเองสั่งได้ทุกคนงั้นสิ”
ซาโรห์กำคฑาแน่น พูดเสียงเย็นชา “สรุปว่าพวกเธอจะรอดูให้สงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่สองเกิดขึ้น พอถึงตอนนั้นคนที่ติดร่างแหจะไม่ใช่แค่คนที่เข้าเมือง แต่เป็นทั้งโลก!”
“เรื่องสงครามศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครรู้เส้นสนกลใน” อวี้เสวี่ยเซิงพูด “ซาโรห์ คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้น”
ซาโรห์ชักสีหน้าไม่พูดอะไร
ทันใดนั้นฉินหลิงอวี๋ก็หัวเราะ “จริงสิ มีสาวที่ทั้งสวยทั้งเก่งฝากมาบอกเธอด้วย”
ซาโรห์สีหน้าเปลี่ยน “ใคร”
สมองของเธอเริ่มค้นหาผู้วิเศษผู้หญิงทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ผู้วิเศษดวงดาวเหรอ
แต่คงไม่กล้าขนาดนั้น
ผู้วิเศษคู่รักเหรอ
ยิ่งเป็นไปไม่ได้
ใครกันแน่
กล้าท้าทายเธอ!
“ใครก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ…” ฉินหลิงอวี๋พูด ถ่ายทอดคำพูดของอิ๋งจื่อจินอย่างไม่มีผิดเพี้ยน “ซาโรห์ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
Comments