คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 795 อ๋องจิ่น อ๋องหมิง

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 795 อ๋องจิ่น อ๋องหมิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 795 อ๋องจิ่น อ๋องหมิง

เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปจ้องใส่อู่เป่าน้อย เอ่ยเตือนเขาว่า “นั่นคือภรรยาข้า เจ้ามีความสามารถก็ไปหาภรรยาของตนเอง”

อู่เป่าน้อยส่ายหน้าทันที “ข้าไม่หาหรอก ข้าไปหาท่านแม่ข้าแล้ว”

กล่าวจบก็วิ่งออกไป

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไร้วาจาจะกล่าว หันหลังเดินทางไปที่ทำการ

ข่าวลือลู่เจียวทำทารุณกรรมองค์ชายรองแพร่ไปทั่วเมืองหลวง แต่ก็จางหายลงอย่างรวดเร็วเพราะฝ่าบาททรงนิ่งเงียบ

คนไม่น้อยแน่ใจว่า ฮูหยินเซี่ยน่าจะไม่ได้ทำทารุณกรรมองค์ชายรอง หากนางทำทารุณกรรมองค์ชายรองจริง ฝ่าบาทคงจะไม่ยอมจบเรื่องเช่นนี้

กอปรกับตระกูลเฉินเองก็ออกมายืนยันว่าข่าวลือไม่ได้มาจากตระกูลเฉิน แต่มาจากสะใภ้รองตระกูลเฉิน สะใภ้รองตระกูลเฉินเพราะคุณธรรมบกพร่อง จึงถูกตระกูลเฉินหย่า นางโกรธแค้นลู่เจียวมาก จงใจแต่งข่าวลือออกมาให้ร้ายลู่เจียว ความจริงไม่มีเรื่องเช่นนั้น ตอนนี้องค์ชายรองยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ย่อมเป็นเพราะการอบรมจากฮูหยินเซี่ย

พอทุกคนคิดถึงความเก่งกาจยอดเยี่ยมขององค์ชายรอง รูปงามทั้งสูงทั้งหล่อ วงหน้าราวภาพวาด ยังเป็นคนมองโลกสดใส มองไม่เห็นร่องรอยทารุณกรรมบนตัวเขาจริงๆ หากเขาถูกฮูหยินเซี่ยทำทารุณกรรมมาจริง จะยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร

ดังนั้นข่าวลือที่ทุกคนได้ยินมาก่อนหน้านี้ก็ย่อมเป็นแค่ข่าวลือ ไม่ใช่ความจริง

ฮองเฮากับองค์ชายใหญ่ลงมือล้มเหลว ฮองเฮายังถูกฮ่องเต้ตักเตือนจนไม่กล้าทำอันใดพลการอีก

ดังนั้นในและนอกเมืองหลวงจึงสงบลง

แต่เพราะวันอภิเษกขององค์ชายใหญ่ที่กำลังจะมาถึง ขุนนางในราชสำนักยื่นฎีกาให้ฝ่าบาทแต่งตั้งรัชทายาทแคว้นต้าโจว

องค์ชายใหญ่อายุสิบเจ็ดแล้ว และยังเป็นสายพระโลหิตสายตรงจากมารดาที่เป็นภรรยาเอก ตอนนี้ยังได้กำหนดวันอภิเษกแล้ว ถึงเวลาแต่งตั้งเขาเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวพอดี

คนหนึ่งยื่นฎีกา หลายคนก็ส่งเสียงประสานรับ

แต่นอกจากคนไม่กี่คนนี้แล้ว คนอื่นๆ ต่างนิ่งไม่เคลื่อนไหว เพราะฝ่าบาทระยะนี้ให้ความสำคัญกับองค์ชายรองอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้น่าจะไม่ทรงเห็นชอบให้แต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และขุนนางในราชสำนักต่างพากันมองออกว่าองค์ชายรองยอดเยี่ยมกว่าองค์ชายใหญ่

องค์ชายรองอายุเพียงสิบห้าชัญษา ก็ประสบความสำเร็จในหลายเรื่องตั้งแต่อายุน้อยๆ เช่น อายุน้อยๆ ก็ก่อตั้งร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉาง อายุสิบสามสอบซิ่วไฉได้ สิบห้าเสนอความเห็นต่อกรมคลังหลายเรื่อง ทำให้กรมคลังมีระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยังช่วยกรมคลังสะสางบัญชีค้างเดิมจนเรียบร้อยกระจ่างชัดเจน

นี่อายุเพียงแค่สิบห้า วันเวลาผ่านไปนานวัน ก็มีแต่จะยิ่งยอดเยี่ยม

หลังขุนนางในราชสำนักได้สัมผัสกับองค์ชายรอง ก็พบว่าองค์ชายรองไม่เพียงแต่ใจคอกว้างขวาง ยังยอมรับฟังผู้อื่น และยังมีความคิดเป็นของตนเอง ขุนนางที่เคยได้คุยกับเขาล้วนแล้วแต่เลื่อมใสเขา อายุน้อยๆ ก็มีจิตใจกว้างขวางเช่นนี้ หากเขาได้เป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าโจว ก็จะเป็นวาสนาของแคว้นต้าโจว

เพราะความยอดเยี่ยมขององค์ชายรอง ขุนนางที่เดิมให้การสนับสนุนสายพระโลหิตสายหลักไม่น้อยพากันนิ่ง สุดท้ายมีเพียงไม่กี่คนที่ขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งรัชทายาท ขุนนางคนสำคัญที่เสนอยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายใหญ่

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรขุนนางเบื้องล่าง สุดท้ายก็ไปหยุดที่องค์ชายใหญ่ “เซียวเจิน เจ้าคิดเห็นเช่นไรในเรื่องนี้”

ฮ่องเต้ถึงกับทรงถามองค์ชายใหญ่

เซียวเจินจะกล่าวอันใดได้ หรือว่าจะบอกว่า หม่อมฉันอยากเป็นองค์ชายรัชทายาทแคว้นต้าโจวหรือ ได้แต่ถ่อมตนกล่าวว่า “เสด็จพ่อเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ หม่อมฉันรู้สึกว่ายามนี้ไม่ควรเร่งรีบแต่งตั้งรัชทายาท แต่ควรเห็นแก่แผ่นดินต้าโจวเป็นสำคัญ”

พอองค์ชายใหญ่กล่าวเช่นนี้ เซียวอวี้ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็หันไปมีราชโองการ “เราเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ ไม่เร่งรีบแต่งตั้งรัชทายาทในตอนนี้ แต่องค์ชายใหญ่ได้เวลาอภิเษกแล้ว เราขอแต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นอ๋องจิ่น องค์ชายรองเป็นอ๋องหมิง”

บรรดาขุนนางในราชสำนักสบตากัน ขุนนางที่ก่อนหน้านี้ยื่นฎีกาให้ฝ่าบาทแต่งตั้งรัชทายาทแคว้นต้าโจว ยามนี้พากันนิ่งอึ้งยิ่งกว่าผู้ใด

พวกเขาทูลให้ฝ่าบาทแต่งตั้งรัชทายาท ฝ่าบาทไม่ได้ทรงแต่งตั้งรัชทายาท แต่กลับแต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นอ๋อง และยังถึงกับเป็นอ๋องจิ่น

จิ่น? หมายความว่าอย่างไร

แต่องค์ชายรองอายุยังน้อยกลับได้แต่งตั้งเป็นอ๋อง และยังเป็นอ๋องหมิง

พอได้ฟังพระราชทินนาม ก็ฟังออกว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับองค์ชายรองยิ่งกว่า

ยามนี้คนครึ่งหนึ่งในราชสำนักต่างเอนเอียงไปทางองค์ชายรอง

เริ่มแรก ฝ่าบาทก็ให้ความสำคัญกับองค์ชายรอง หากไม่เหนือความคาดหมาย องค์ชายรองก็จะได้เป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าโจว

อ๋องจิ่นหรือองค์ชายใหญ่เซียวเจินคิดไม่ถึงว่าตนเองจะไม่ได้เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว ถึงกับได้เป็นอ๋องแคว้นต้าโจว เป็นอ๋องก็แล้วไป แต่เสด็จพ่อถึงกับพระราชทานราชทินนามให้เขาว่าอ๋องจิ่น

หันไปมองน้องรอง เสด็จพ่อถึงกับพระราชทานราชทินนามว่าอ๋องหมิง[1]

เซียวเจินเห็นเสด็จพ่อตนมีราชโองการเช่นนี้ แววตาที่ขุนนางในราชสำนักไม่น้อยที่พากันมองไปยังน้องรองก็อ่อนโยนมาก

อ๋องหมิงเซียวเหวินอวี๋รีบคุกเข่าลงขอบพระทัย “หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงเมตตา”

ในใจเซียวเจินค่อยๆ เริ่มโกรธแค้นเซียวอวี้มากขึ้น เขาพยายามบังคับอารมณ์ตนเองเอาไว้ กำมือแน่นขอบพระทัยตามเซียวเหวินอวี๋ ขุนนางในราชสำนักต่างพากันแสดงความยินดีต่อท่านอ๋องทั้งสอง

เซียวเหวินอวี๋อารมณ์ดีมาก ยิ้มบางอย่างดีใจ กลับกัน เซียวเจินกลับมีสีหน้าเย็นเยียบ ทำให้บรรดาขุนนางต่างรู้สึกว่าเซียวเจินไม่หนักแน่นพอ แม้ไม่พอใจพระราชทานจากฝ่าบาท แต่ในฐานะสายพระโลหิตสายหลัก ก็ควรหนักแน่นสุขุมดุจภูผาไท่ซาน ไหนเลยควรมีสีหน้าเช่นนี้ทันทีที่ฝ่าบาทมีราชโองการพระราชทานบรรดาศักดิ์ จิตใจยังอีกไกลนัก

ฮองเฮาที่อยู่วังหลังกำลังรอฟังข่าวจากทางท้องพระโรงด้านหน้ามาตลอด ก่อนหน้านี้นางได้รับข่าวจากบิดาที่ส่งเข้าวังมาว่า วันนี้จะมีขุนนางยื่นฎีกาให้ฝ่าบาทแต่งตั้งรัชทายาทแคว้นต้าโจว ฮองเฮาร้อนพระทัยมาก ไม่รู้ว่าเซียวอวี้จะยอมแต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวหรือไม่

ฮองเฮารอคอยไปมากลับไม่ได้ข่าวว่าองค์ชายใหญ่ได้เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว แต่กลับได้ข่าวว่า องค์ชายใหญ่ได้เป็นอ๋องจิ่นแคว้นต้าโจว

ฮองเฮาคิดว่าตนเองฟังผิด รีบถามขันทีที่มารายงานทันที “เจ้าว่าฝ่าบาทพระราชทานให้บุตรชายข้าเป็นอ๋องจิ่นแห่งแคว้นต้าโจวหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา”

ฮองเฮาได้คำตอบแน่นอนแล้วก็ไม่ทนไม่ไหว คว้าสิ่งของข้างกายใดได้ก็ขว้างปาทิ้ง จากนั้นนางยังลุกขึ้นเดินไปพระที่นั่งด้านหน้าด้วยความเดือดดาลอย่างที่สุด บ่าวหญิงสูงวัยกับหัวหน้านางกำนัลรีบไล่ตามไป เตือนอย่างร้อนใจว่า “ฮองเฮา ท่านจะไปที่ใด”

ฮองเฮาโมโหตงาดว่า “ข้าจะไปถามฝ่าบาทดูว่าทรงหมายความเช่นใด เหตุใดพระราชทานตำแหน่งอ๋องจิ่นใหบุตรชายข้า แม้ไม่แต่งตั้งบุตรชายข้าเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจวในตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ควรแต่งตั้งให้เป็นอ๋องเฉิน[2] เหตุใดจึงแต่งตั้งเขาเป็นอ๋องจิ่น”

“ข้าจะไปถามฝ่าบาทว่าทรงคิดให้พวกเราแม่ลูกยืนอยู่ในจุดใด”

บ่าวหญิงสูงวัยกับหัวหน้านางกำนัลต่างพากันร้อนใจ ฝ่าบาทมีราชโองการแล้ว ฮองเฮายามนี้ไปก็แก้ไขเรื่องอันใดไม่ได้ มีแต่จะทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วก็เท่านั้น

“ฮองเฮา ฝ่าบาทตัดสินพระทัยแล้ว พวกเราอย่าไปดีกว่าเพคะ กลับไปหาทางกันก่อนเถอะนะเพคะ”

“ใช่เพคะ ฮองเฮา ฝ่าบาทไม่ใช่ท่านอ๋องแล้ว ฮองเฮาโปรดอย่าได้ทำอย่างที่เคยเป็นมานะเพคะ”

เมื่อก่อนตอนฝ่าบาทเป็นอ๋องเยียน บางครั้งทำให้พระชายาไม่พอใจ พระชายาก็จะไประบายอารมณ์ใส่ ท่านอ๋องก็อดกลั้นไว้ แต่ตอนนั้นเหนือเขาขึ้นไปยังมีอดีตฮ่องเต้ พระชายาเป็นพระชายาที่อดีตฮ่องเต้พระราชทานให้ท่านอ๋อง แม้ท่านอ๋องไม่พอใจ ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ ตอนนี้เขาเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจว แม้พระชายาเป็นฮองเฮา แต่ก็ต้องระงับโทสะ ไหนเลยควรวิ่งไประบายโทสะดังเช่นเมื่อก่อน นี่ไม่ใช่ว่าจะยิ่งทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วหรือ

[1] ในสมัยโบราณพระราชทินนามที่พระราชทานให้กับ “อ๋อง” ที่เป็นตำแหน่งบรรดาศักดิ์อันดับหนึ่ง อาจแต่งตั้งตามพื้นที่ที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้ไปปกครอง แต่ต่อมาใช้อักษรความหมายมงคลตั้งราชทินนาม หมิง แปลว่าแสงสว่าง จิ่น แปลว่ารอบคอบระมัดระวัง คำว่า จิ่น จึงไม่ได้มีความเป็นมงคลเท่ากับคำว่า หมิง และอาจแฝงความหมายอื่นอีก

[2] อักษรเฉินตัวนี้มีหลายความหมาย อาจหมายถึงบัลลังก์ฮ่องเต้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด