คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 797 ลดตัวตนเอง
ตอนที่ 797 ลดตัวตนเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวเอ่ยปากถาม ผู้คนที่กำลังสนทนากันในเรือนบุปผา เรือนด้านหลัง ก็พากันหยุด หันมามองทางนี้กันหมด
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวก็รับคำต่อ ฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้ลู่เจียวย่อมรู้จัก ก็คือฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกง
ท่านนี้เป็นพี่สะใภ้ของไทเฮาจ้าว ตระกูลจ้าวไม่เพียงแต่สถานะสูงส่ง แต่ยังมีบุตรีเป็นถึงไทเฮา ดังนั้นสถานะฮูหยินผู้เฒ่าท่านนี้จึงสูงส่ง เดินไปที่ใดก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
เดิมตระกูลจ้าวกับตระกูลหลี่สายสัมพันธ์ไม่ดี ตระกูลจ้าวคิดอยากมีองค์ชายสายพระโลหิตฝั่งตระกูลจ้าวสักคน แต่หญิงตระกูลจ้าวแต่งมากลับให้กำเนิดเพียงแค่องค์หญิงหมิงจู ไม่ได้ให้กำเนิดองค์ชาย
หญิงตระกูลหลี่แต่งมากลับให้กำเนิดบุตรชายคนแรก
ตระกูลจ้าวจะพอใจตระกูลหลี่หรือ แต่เพราะตระกูลจ้าวถูกอดีตฮ่องเต้ระแวง ดังนั้นตอนอดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์ชีพ จึงสงบเสงี่ยมและระวังตัวอย่างมาก
ตอนนี้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ตระกูลจ้าวจึงได้อาจหาญขึ้นมากกระมัง
ฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวมักถูกฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลจ้าวขัดคอ แต่วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวหาเรื่องลู่เจียว ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกลับยินดีร่วมวง พร้อมกันคอยเสริมอีกด้วย
ตระกูลหลี่กับตระกูลเซี่ยมีเรื่องกัน นางดีใจมาก
“ใช่ ฮูหยินเซี่ย ข้าก็อยากรู้ว่าเจ้าได้ทำทารุณกรรมองค์ชายรองหรือไม่ หากไม่ได้เคยทำทารุณกรรมองค์ชายรอง เหตุใดคนตระกูลเฉินจึงได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ ไร้แรงลมย่อมไร้คลื่นลม หากไม่มีเรื่องเช่นนี้ คนเขาจะแต่งเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร”
คนในที่นั้นไม่น้อยได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงกล่าวเช่นนี้ก็ไม่กล้าเอ่ยอันใด อย่างไรท่านนี้ก็เป็นพี่สะใภ้ไทเฮาและยังสนิทกับไทเฮามาก
แต่พวกนางก็ไม่กล้าเอ่ยรับคำฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว
ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่กลับไม่กลัวฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว เอ่ยขึ้นทันทีว่า “วาจาฮูหยินผู้เฒ่านี้ไม่ถูกต้อง หากเจียวเจียวทำไม่ดีต่อองค์ชายรองจริง องค์ชายรองก็คงไม่สนิทสนมกับนางกระมัง อีกอย่างควรเป็นเรื่องของฝ่าบาท ผู้อื่นไม่ควรร้อนใจในเรื่องนี้”
ลู่เจียวส่งสายตานิ่งเฉยมองไปยังฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กับฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว
กล่าวตามตรง นางรู้ว่าเหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จึงได้หาเรื่องนาง ก็ไม่ใช่เพราะนางขวางทางองค์ชายใหญ่หรือ
“จะว่าไปทั้งสองท่านก็เป็นฮูหยินสูงศักดิ์แห่งแคว้นต้าโจวเรา อายุอานามก็มากเพียงนี้แล้ว ยังมีประสบการณ์มามาก น่าจะกินเกลือมามากกว่าข้ามาก เหตุใดได้ยินข่าวลือเล็กน้อย ก็ฟังไปเชื่อไป หรือว่าอายุมากเป็นเหตุให้เป็นเช่นนี้”
ลู่เจียวไม่ได้เอ่ยวาจาหยาบช้าแม้สักนิด แต่ความในวาจากลับไม่อ้อมค้อม แทบจะบอกว่าจงหย่งโหวฮูหยินผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงเลอะเลือนแล้ว
คนในที่นั้นไม่น้อยฟังแล้วก็ต่างพากันสูดลมหายใจเฮือก เลื่อมใสในความกล้าหาญของลู่เจียวมาก นางกล้าว่าสองผู้เฒ่าเลอะเลือนด้วยสีหน้านิ่งเฉย นางไม่กลัวสองผู้เฒ่าเอาเรื่องหรือ
ฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวกับฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกั๋วกงสีหน้าย่ำแย่ทันที จ้องมองลู่เจียวด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
ลู่เจียวค่อยๆ ยกน้ำชาขึ้นจิบช้าๆ จากนั้นไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอันใด ก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจากอำเภอชิงเหอมาเมืองหนิงโจว แล้วก็มายังเมืองหลวง ทำความดีความชอบไว้ไม่น้อย ช่วยเหลือคนก็ไม่น้อย เชื่อว่าเรื่องพวกนี้ไม่ต้องให้ข้าเอ่ย ทั้งสองท่านก็คงเคยได้ยินมา ข้าดีต่อผู้อื่นได้ แล้วจะไม่ดีกับลูกที่ข้าเลี้ยงดูมาหรือ ถึงขั้นต้องทารุณกรรมเขาอีก
“แต่โบราณกาลมา มารดาเมตตาทำร้ายบุตร ในฐานะมารดา ข้ารักพวกเขาก็ย่อมต้องอบรมเข้มงวด ข้าไม่รู้ว่าอบรมบุตรชายจนเป็นผู้มีความสามารถ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นทำทารุณกรรมบุตรชายไปได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อว่าฮูหยินผู้เฒ่าทั้งสองอยู่บ้านไม่ได้อบรมหลานชายเข้มงวด หากข้าบอกต่อคนภายนอกว่าทั้งสองท่านทำทารุณกรรมหลายชายตนเองเล่า”
ลู่เจียวกล่าววาจาเนิบนาบ ทุกคนในที่นั้นต่างได้ยินแล้วก็พากันพยักหน้า หากว่าก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวลือนี้แล้วเกิดความสงสัยอยู่บ้าง ตอนนี้ได้ยินลู่เจียวเอ่ยเช่นนี้ แต่ละคนต่างรู้สึกว่านางไม่น่าจะทำทารุณกรรมองค์ชายรอง
เพราะคนผู้นี้ทำเรื่องดีงามไว้มากมายจริงๆ ช่วยเหลือชีวิตคนไว้ก็มากมาย ในเมื่อแม้แต่ราษฎรทั่วไปนางยังช่วย ไยต้องทำทารุณกรรมบุตรชายตนเองด้วย ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี เห็นชัดว่าคนบงการเบื้องหลังคิดให้ร้ายนาง
ฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็มองไปยังทุกคนที่กำลังกระซิบวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
สุดท้ายทั้งสองคนหันหน้าไปจ้องมองลู่เจียว แค่นเสียงฮึเยียบเย็นกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าดีเช่นนี้ ข่าวลือนี้มาจากที่ใด”
“ข้าก็มิใช่เงินทอง จะให้ทุกคนมาชอบข้าได้อย่างไร อย่างไรก็ต้องมีคนสองคนที่ไม่ชอบหน้าข้า คิดหาเรื่องข้า ก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือ ก็เหมือนทั้งสองท่าน ข้าเองก็มิได้ล่วงเกินทั้งสองท่าน แต่ทั้งสองท่านก็กำลังมาหาเรื่องข้าอยู่ไม่ใช่หรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบ ในใจทุกคนรอบด้านต่างเห็นด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าเผยโส่วฝู่เอ่ยปากว่า “ฮูหยินเซี่ย ฮูหยินผู้เฒ่าจวนจงหย่งโหวกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงเพียงแค่แปลกใจ จึงได้เอ่ยถาม พวกนางอายุมากเพียงนี้แล้ว จะมาหาเรื่องผู้น้อยเช่นเจ้าได้อย่างไร นั่นไม่ใช่เป็นเรื่องลดตัวตนเองลงมาหรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยเป็นท่านย่าเผยอวี่ พอเห็นสองผู้เฒ่าเอาเรื่องลู่เจียวก็ทนดูไม่ไหว ดังนั้นจึงเอ่ยปากขึ้น
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยคิดหาทางลงให้สองผู้เฒ่า ได้บอกเป็นนัยว่าสองผู้เฒ่าลดตัวตนเอง ถึงกับไปหาเรื่องกับผู้น้อยกว่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเผยเอ่ยปาก ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ก็รับคำ “ใช่ เจียวเจียว ฮูหยินทั้งสองเพียงแค่ล้อเจ้าเล่น พวกนางอายุมากเพียงนี้แล้วจะหาเรื่องผู้น้อยเช่นเจ้าได้อย่างไร ทำเช่นนั้นใช่ว่าเป็นผู้ใหญ่ไม่รู้ดำรงตนให้เป็นที่เคารพหรือ”
เถียนฮวนรับคำต่อ “ใช่ ฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงสถานะสูงศักดิ์ ไหนเลยจะมาหาเรื่องผู้น้อยเช่นพวกเรากัน”
แม้ว่าเอ่ยวาจาช่วยสองฮูหยินผู้เฒ่า แต่ความจริงกลับกำลังเอาเรื่องพวกนาง
ฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงย่อมฟังออก สองผู้เฒ่าสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง แต่กลับไม่อาจรับคำ จะรับคำได้อย่างไร หากรับคำก็เป็นการยอมรับว่าพวกนางจงใจหาเรื่องลู่เจียวอย่างนั้นหรือ
ลู่เจียวยิ้มพอใจ พลางพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็คิดมากไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าทั้งสองโปรดอภัย อย่าได้ตำหนิที่ข้าใจคอคับแคบคิดเล็กคิดน้อย”
ฮูหยินผู้เฒ่าจงหย่งโหวกับฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงโมโหจนพูดไม่ออก
ยามนี้นอกประตูเรือนบุปผา บ่าวรับใช้อ๋องจิ่นส่งเสียงดังขึ้น “อ๋องหมิงเสด็จ องค์หญิงหมิงจูเสด็จ”
ในเรือนบุปผา ทุกคนได้ยินเสียงรายงานด้านนอกก็รีบลุกขึ้นถวายพระพร
แม้ว่าอ๋องหมิงกับองค์หญิงหมิงจูอายุน้อย แต่ก็เป็นองค์ชายกับองค์หญิง พวกนางย่อมต้องถวายพระพร
เซียวเหวินอวี๋กับเซียวเยว่ก้าวเข้ามา คนในห้องโถงเห็นพวกเขาก็ถวายพระพรนอบน้อม “ถวายพระพรอ๋องหมิง องค์หญิงหมิงจู”
องค์หญิงหมิงจูเซียวเยว่เห็นท่านยายตนก็รีบเข้าไปหาอย่างดีใจ “ท่านยาย”
ฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงมององค์หญิงหมิงจู จากนั้นก็รับคำน้ำเสียงอ่อนแรง “อืม”
องค์หญิงหมิงจูมองออกว่าสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงไม่ค่อยดีนัก สีหน้านางพลันแปรเปลี่ยน ถามทันทีว่า “ท่านยาย สีหน้าท่านไยจึงไม่ดีเพียงนี้ หรือว่ามีคนรังแกท่าน ผู้ใดรังแกท่านยายข้ากัน”
ยามนี้บรรยากาศในเรือนบุปผาพลันย่ำแย่ขึ้นมาทันที ทุกคนพากันเงียบงัน
แม้ว่าองค์หญิงหมิงจูอายุเพียงสิบสามชันษา แต่เกิดในราชวงศ์ นางไม่เพียงแต่ดำรงตนสูงศักดิ์ แต่เพราะมารดาเป็นบุตรีจากจวนจ้าวกั๋วกง ดังนั้นก็ยิ่งไม่มีคนกล้ารังแกนาง ทำให้องค์หญิงหมิงจูมีนิสัยเอาแต่ใจและไร้เหตุผล
ยามนี้นางเห็นฮูหยินผู้เฒ่าจวนจ้าวกั๋วกงสีหน้าไม่ดีนัก ก็พลันโมโหขึ้นทันที
Comments