คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 807 สอบถาม

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 807 สอบถาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 807 สอบถาม

เซียวเหวินอวี๋หยุดการเคลื่อนไหว มององค์หญิงหมิงจูด้วยสีหน้าเย็นเยียบพลางครุ่นคิด หากวันหนึ่งเขาได้ขึ้นครองราชย์จริงๆ จะต้องทำให้หญิงผู้นี้อยู่ไม่สู้ตาย

ไทเฮาจ้าวได้ฟังองค์หญิงหมิงจู ก็รีบหันไปมองลู่เจียว จากนั้นก็ถามเซียวอวี้ “นี่มันเรื่องอันใดกัน”

เซียวอวี้ตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “นางมีอาการภูมิแพ้ สงสัยว่ามีคนวางยาพิษนาง”

ไทเฮาจ้าวเลิกคิ้วกล่าวว่า “หมิงจูสุขภาพดีมาตลอด อยู่ดีๆ จะมาเป็นภูมิแพ้ได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องสืบให้กระจ่าง อย่าให้ถูกคนลงมือวางยาเข้าจริงๆ เป็นถึงองค์หญิง ยังปล่อยให้คนวางอุบายได้”

เซียวอวี้รับคำกล่าวว่า “เสด็จแม่วางใจ เราจะให้คนไปสืบเรื่องนี้”

เซียวอวี้กล่าวจบก็มองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ฮูหยินเซี่ยกลับไปได้แล้ว”

ไม่ว่าอย่างไรลู่เจียวก็เคยช่วยชีวิตเขาไว้ หากยังไม่ได้สืบความกระจ่างว่านางลงมือกับองค์หญิง เขาจะไม่มีทางเอาเรื่องนาง

ลู่เจียวรับคำพยักหน้า องค์หญิงหมิงจูเห็นเซียวอวี้ให้ลู่เจียวออกจากวัง ก็รีบตะโกนดังว่า “เสด็จย่า ให้คนขวางนางไว้ ขวางนางไว้ นางเป็นคนทำร้ายข้าอย่างแน่นอน”

ไทเฮาจ้าวมองไปยังลู่เจียว สีหน้าลู่เจียวไม่ดีนัก กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “องค์หญิงทรงไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว ก่อนทรงกล่าวอันใดก็ควรคิดชั่งน้ำหนักดูก่อน ว่ากล่าวเช่นนี้ได้หรือไม่ ทรงว่าหม่อมฉันวางยาองค์หญิง เอาหลักฐานมา หากมีหลักฐานจริงว่าหม่อมฉันวางยาพิษองค์หญิง หม่อมฉันก็ยอมให้องค์หญิงลงอาญา ตอนนี้ปากแดงๆ นี้คิดกล่าวอันใดก็กล่าวออกมา อย่ากล่าววาจาตามอำเภอใจดีกว่า พูดออกมาก็รังแต่จะทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะองค์หญิง”

ลู่เจียวกล่าวจบมองไปยังเซียวอวี้กล่าวว่า “หม่อมฉันทูลลา”

กล่าวจบก็ไม่สนใจคนในตำหนักอีก หันหลังนำคนจากไป

ไทเฮาจ้าวเห็นลู่เจียวแข็งกร้าวเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกอัดอั้น มองไปยังเซียวอวี้กล่าวว่า “วาจาและกิริยาท่าทางหญิงผู้นี้ไร้ความเคารพยำเกรงมากเกินไปหรือไม่”

เซียวอวี้กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หรือว่าจะให้เราลงอาญานางเพราะวาจาและกิริยานางไม่ดี เสด็จแม่อย่าลืมว่านางเป็นฮูหยินขุนนางใหญ่”

แม้ว่าราชวงศ์สถานะสูงส่ง แต่ไม่อาจลงอาญาผู้ใดอย่างไร้เหตุผล หากเป็นเช่นนี้ แคว้นต้าโจวก็คงล่มสลายลงในเร็ววันนี้แล้ว

เซียวอวี้กล่าวจบมองไปยังหมอหลวงฉีกับฉีเหล่ยกล่าวว่า “พวกเจ้าสองคนรอให้อาการองค์หญิงไม่เป็นอันใดก่อนค่อยออกจากวัง”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

เซียวอวี้หันไปมองอ๋องจิ่นกับอ๋องหมิง “พวกเราไปกันเถอะ”

เซียวอวี้หันหลังพาอ๋องจิ่นกับอ๋องหมิงกลับไป

ผู้ใดจะรู้ว่าองค์หญิงหมิงจูเห็นลู่เจียวไปแล้ว และเห็นอ๋องหมิงจะไปอีก ก็ร้อนใจตะโกนดังขึ้นทันที “เสด็จย่าอย่าให้เซียวเหวินอวี๋ไปเพคะ ต้องเป็นเขาทำร้ายหม่อมฉันอย่างแน่นอนเพคะ”

ไทเฮาจ้าวได้ยินเสียงตะโกนองค์หญิงหมิงจู ตั้งสติได้ก็รีบอุดปากนาง นางหันไปแว้งกัดลู่เจียวได้ แต่ไม่อาจแว้งกัดองค์ชายตามอำเภอใจได้

เซียวอวี้ได้ฟังคำองค์หญิงหมิงจูก็หันไปมอง สีหน้าเขาราวกับน้ำค้างแข็ง แววตาเย็นเยียบ

“เจ้าช่างไร้เหตุผลสิ้นดี เป็นถึงองค์หญิง เหตุใดโง่เง่าดังสุกร”

องค์หญิงหมิงจูคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายถึงกับได้ฟังรับสั่งจากเสด็จพ่อเช่นนี้ ทำเอานางถึงกับนิ่งงันไปทันที

เซียวอวี้หันหลังพาคนเดินออกไป ไม่สนใจองค์หญิงหมิงจูอีก

ฮองเฮามององค์หญิงหมิงจูด้วยสายตาเยียบเย็น รู้สึกว่าหญิงผู้นี้โง่เง่าจริงๆ ถูกไทเฮาจ้าวเลี้ยงจนโง่หรือ เดิมเสด็จพ่อเจ้ายังสงสารเจ้า ส่วนเจ้า เจ้าถือโอกาสนี้ให้ฝ่าบาททรงส่งคนไปสืบเรื่องนี้ ฝ่าบาทย่อมทรงสืบได้เป็นแน่

หากสืบได้ความอันใด ย่อมต้องมีคำตอบให้นาง ตอนนี้ดีเลย หลักฐานอันใดก็ไม่มี ถึงกับแว้งกัดคนนี้ทีคนนั้นที

ฮองเฮาคิดไปก็ถวายพระพรไทเฮาจ้าวไปด้วย “เสด็จแม่ หม่อมฉันยังมีงานในวัง ขอทูลลาเพคะ”

พวกพระสนมก็พากันรีบทูลลา “หม่อมฉันยังมีงานในวังเช่นกันเพคะ”

สุดท้ายในตำหนักบรรทมก็เหลือเพียงองค์หญิงหมิงจูกับไทเฮาจ้าว คนอื่นพากันถอยออกไป

องค์หญิงหมิงจูมองไทเฮาจ้าวพลางร้องไห้ดังอย่างปวดใจ ไทเฮาจ้าวเองก็เริ่มทนรำคาญไม่ไหว แต่เพราะเป็นหลานสาวแท้ๆ ดังนั้นจึงต้องอดทนปลอบใจนาง

“เอาละ เด็กดี อย่าได้เสียใจไป เสด็จย่าจะจัดการเรื่องนี้เอง หากสืบได้ว่าเป็นเซียวเหวินอวี๋หรือฮูหยินเซี่ยเป็นคนลงมือ เสด็จย่าก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไป”

ไทเฮาจ้าวกล่าวจบก็ไม่รอให้องค์หญิงหมิงจูเอ่ย รีบกล่าวว่า “เสด็จย่าจะให้คนไปหาหมอที่มีวิชาการแพทย์ร้ายกาจเข้าวังมารักษาให้เจ้า อาการภูมิแพ้ของเจ้าจะต้องรักษาหายได้แน่”

องค์หญิงหมิงจูได้ฟังคำพูดไทเฮาจ้าวก็พยักหน้า “เพคะ”

ในห้องทรงอักษร เซียวอวี้ให้อ๋องจิ่นเซียวเจินไปทำงานที่กรมอาญา เขาให้อ๋องหมิงเซียวเหวินอวี๋อยู่ต่อ

อ๋องจิ่นได้ฟังเซียวอวี้ก็เกิดความเคียดแค้นชิงชังขึ้นในใจ เสด็จพ่อต้องการชี้แนะเซียวเหวินอวี๋เพียงคนเดียวหรือ

แม้ว่าเซียวเจินโกรธแค้น แต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า หันหลังออกจากห้องทรงอักษรไป

ในห้องทรงอักษร เซียวอวี้รอจนเซียวเจินไปแล้ว จึงได้นิ่งมองเซียวเหวินอวี๋ ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “คุกเข่าลง”

เซียวเหวินอวี๋ย่อมคุกเข่าลง เซียวอวี้เอ่ยถามน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้าเป็นคนลงมือกับหมิงจูใช่หรือไม่ เพราะครั้งก่อนนางหาเรื่องมารดาเลี้ยงเจ้าใช่หรือไม่”

เซียวเหวินอวี๋เงยหน้ามองไปยังเซียวอวี้ ค่อยๆ ยิ้มเย็นกล่าวว่า “เสด็จพ่อคิดว่าเป็นฝีมือหม่อมฉันก็เป็นหม่อมฉัน หากหม่อมฉันแก้ตัว เสด็จพ่อก็คงไม่เชื่อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยต้องทรงถามหม่อมฉัน”

เขากล่าวจบก็ไม่รอให้เซียวอวี้ถามต่อ เอ่ยขึ้นว่า “เสด็จพ่อมีราชโองการลงอาญาหม่อมฉันเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบก็ก้มหน้าลงไม่มองเซียวอวี้อีก

เซียวอวี้มองเขาแล้วก็ค่อยๆ สงบอารมณ์เย็นลง สุดท้ายถามว่า “ไม่ใช่ฝีมือเจ้าจริงหรือ”

เซียวเหวินอวี๋ทูลตอบอย่างเศร้าเสียใจว่า “เสด็จพ่อทรงคิดว่าอย่างไรก็อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

เขากล่าวจบพลันเงยหน้ามองไปยังเซียวอวี้ “หม่อมฉันนึกเสียใจภายหลังแล้วที่ยอมกลับเข้าวัง นึกเสียใจภายหลังที่ยอมรับเสด็จพ่อแล้ว”

เซียวอวี้ได้ฟังเขาก็สะเทือนใจ จ้องมองเขาดุดัน

เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้สนใจเขา แค่นยิ้มเอ่ยว่า “ราชวงศ์น่ากลัวเกินไป ต้องระวังทุกฝีก้าว ต้องสงสัยทุกเรื่อง”

เขากล่าวจบก็คุกเข่าลงหมอบต่ำที่สุด “เสด็จพ่อโปรดปลดสถานะหม่อมฉันเถอะพ่ะย่ะค่ะ หรือแต่งตั้งหม่อมฉันไปครองพื้นที่อื่น ให้หม่อมฉันไปอยู่ที่นั่นเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวอวี้คิดไม่ถึงว่าเซียวเหวินอวี๋ถึงกับจะจากไป พลันพูดอันใดไม่ออกเป็นนาน สุดท้ายกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เสด็จพ่อเพียงแค่ถามดู เจ้าทำอันใดกัน”

ครั้งนี้เซียวเหวินอวี๋ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะจากไป เขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้น กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ขอเสด็จพ่อทรงมีราชโองการให้หม่อมฉันออกไปครองพื้นที่บรรดาศักดิ์อ๋อง ไม่ว่าที่ใด หม่อมฉันยินดีไปทั้งสิ้น จะไม่ก้าวเข้าเมืองหลวงตลอดชีวิต”

เซียวอวี้เห็นเขาเช่นนี้ ก็คิดถึงความฉลาดของเขา อย่างไรก็ตัดใจให้เขาจากไปไม่ได้

หากไม่เห็นเซียวเหวินอวี๋ ไม่แน่ว่าเขายังอาจคิดว่าเซียวเจินไม่เลว แต่ตอนนี้มีเซียวเหวินอวี๋มาเทียบ เซียวเจินก็ด้อยกว่าอยู่สักหน่อยจริงๆ ไม่ใช่สักหน่อย แต่มากมายหลายอย่าง รัชทายาทแคว้นต้าโจว ควรเป็นอย่างเซียวเหวินอวี๋ที่มองการณ์ได้ไกล

เซียวอวี้คิดครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “เอาละ ลุกขึ้นได้ เรื่องนี้เสด็จพ่อคิดมากไปเอง”

เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้ลุกขึ้น ยังคงดึงดันทูลต่อ “เสด็จพ่อ หากไม่ทรงมีราชโองการพระราชทานพื้นที่บรรดาศักดิ์ให้หม่อมฉันออกจากวัง จากนี้ไป หม่อมฉันก็จะยินดีมีใต้หล้าสี่สมุทรเป็นบ้าน”

เซียวอวี้เห็นเซียวเหวินอวี๋เช่นนี้ ก็ปวดหัวหนักกล่าวน้ำเสียงเข้มงวดว่า “เจ้าไม่ยอมจบใช่หรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด