คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 810 พ่ออิ๋งสายโหด

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 810 พ่ออิ๋งสายโหด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 810 พ่ออิ๋งสายโหด

“…”

สมองของนักมายากลหยุดทำงานไปชั่วขณะ หูก็ดับชั่วครู่

เวลานี้เหมือนเขาไม่ได้ยินอะไรเลย

ถูกคำพูดนี้กระแทกจนเห็นดาวเห็นเดือน

หอคอยกับโจ้วเหยียนเป็นผู้วิเศษสายต่อสู้ทั้งคู่ ซ้อมพวกเขาน่วมงั้นเหรอ

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ มีคนมาบอกเขาแบบนี้ นักมายากลไม่มีทางเชื่อ แถมยังจะหัวเราะใส่

แต่พอปะติดปะต่อกับที่เมื่อคืนนักบวชหญิงบอกว่าเดวิลกลับมาแล้ว…

นักมายากลเงยหน้าด้วยความหวาดกลัว มองผู้ชายหล่อเหลาที่พร้อมสยบทุกคน จากนั้นก็ร้องออกมาเหมือนจะขาดใจ “เดวิล!”

คราวนี้เขาไม่มีความมั่นใจที่จะขัดขืนแล้ว

เขาเป็นผู้วิเศษสายสนับสนุน มีเหรอจะกล้าแข็งข้อกับผู้วิเศษเดวิล

“แกนี่มันหนวกหูจริง” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินชำเลืองมอง ยกมือขึ้น

เป๊าะ สองเสียง สองแขนของนักมายากลหัก

ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน วงล้อแห่งโชคชะตากับนักมายากลมีร่างกายที่อ่อนแอที่สุด

อวี้เซ่าอวิ๋นที่ถูกอวี้เสวี่ยเซิงประคองมาเห็นภาพนี้พอดี “…”

เขาเงียบไปชั่วขณะ เริ่มคิดทบทวนว่าสายตาของตัวเองมีปัญหาหรือเปล่า

“โอ๊ะ ตายังมีแววอยู่นะ” ฉินหลิงอวี๋ตบมือ “รู้ด้วยว่านี่เดวิล ยอมแพ้เร็วขนาดนี้เลย”

นักมายากลหน้าซีด มองฉินหลิงอวี๋ อวี้เสวี่ยเซิง รวมถึงซิวที่แต่ไหนแต่ไรไม่ค่อยยุ่งเรื่องอะไร หน้าผากมีเหงื่อผุด

ผู้วิเศษสี่คน!

“พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ!” ทันใดนั้นนักมายากลก็ร้องด้วยความตื่นตกใจ “เขาคือเดวิลนะ! ใครเป็นคนเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์ ก็เขา พวกคุณยังจะช่วยเขาอีก! ไม่กลัวถูกเขาฆ่าทิ้งหรือไง!”

“พระจันทร์ เหยียน ตอนนั้นพวกคุณก็ร่วมสงครามด้วย ครั้งนี้พวกคุณจะช่วยคนเลวเหรอ!”

นักมายากลหันไปมองซิว “นักพรต วงล้อแห่งโชคชะตาตายยังไง ไม่แน่เขาอาจเป็นคนฆ่า คุณยังจะช่วยเขาอีกเหรอ!”

ซิวกำลังจัดแต่งทรงผมสีน้ำเงินเข้มของตัวเอง พอได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้น พูดด้วยความแปลกใจ “หา พูดกับผมเหรอ”

นักมายากลโกรธแทบกระอักเลือด

“ใช่ เดวิลเป็นคนเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์” ฉินหลิงอวี๋พูด “แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ทำร้ายใคร นอกจากสำนักผู้วิเศษที่เสียหายไปครึ่งหนึ่ง”

ผู้วิเศษแต่ละคนที่เข้าร่วมสงครามศักดิ์สิทธิ์ต่างจดจำได้ดี

เธอกับอวี้เสวี่ยเซิงกลับจากนอกเมืองมาทันเวลา ได้เข้าร่วมสงครามด้วย แต่สงครามก็จบเร็วกว่าที่เธอคิด

สำนักผู้วิเศษแทบกลายเป็นซากปรักหักพัง แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ

เขาเป็นผู้วิเศษ ไม่ได้แตะต้องชาวเมืองแม้แต่คนเดียว

ต่อมาฉินหลิงอวี๋ลองคิดดูดีๆ รู้สึกว่าสงครามศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่นอน

“ไร้สาระ!” นักมายากลโมโห “เพราะพวกเราขัดขวางเขาไว้ต่างหาก เขาถึงได้ทำอันตรายใครไม่ได้ไง!”

“ตลกเป็นบ้า” ฉินหลิงอวี๋แสยะยิ้ม “ถ้าเขาอยากทำแบบนั้นจริง ร่วมมือกับจักรพรรดิและยมทูต ลำพังแค่พวกคุณคิดว่าจะขวางได้เหรอ”

อยู่ๆ นักมายากลก็พูดไม่ออก

ก็จริง

ตอนนั้นผู้วิเศษหอคอยกับผู้วิเศษอัศวินรถม้าไม่อยู่ มีเหรอจะขวางผู้วิเศษเดวิลที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งได้

“เลิกพูดเถอะ” ฟู่อวิ๋นเซินปัดอกเสื้อ “เอากลับไปให้เยาเยาใช้ทดลองยา”

เขาหันหน้าไป “คุณก็ไปตระกูลเรนเกลด้วยเลยแล้วกัน”

อวี้เซ่าอวิ๋นดึงสติกลับมาอย่างงงๆ เม้มริมฝีปาก “ได้”

ตระกูลเรนเกล

อิ๋งจื่อจินไม่ได้เล่าเรื่องที่เมื่อคืนถูกรุมโจมตีให้ลูเอลกับซู่เวิ่นฟัง นั่งออกแบบโปรเจ็กต์อยู่ในห้องชั้นบน

ภายในห้องรับแขก

ซู่เวิ่นกับลูเอลกำลังคุยอยู่กับพวกผู้อาวุโสใหญ่และเจียงหราน จนกระทั่งฟู่อวิ๋นเซินพานักมายากลกลับมา

ซู่เวิ่นตกใจ “คุณชายเจ็ด นี่คือ?”

เธอรู้ว่าพวกเขาเป็นศัตรูกับสำนักผู้วิเศษแล้ว

บทสรุปมีแค่ถ้าไม่ตายไม่เลิกรา

แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะไปจับตัวนักมายากลมาจากสำนักผู้วิเศษ

“ครับคุณป้า ของขวัญของเยาเยา” ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า ยิ้มพลางพูด “เธอขาดหนูทดลอง นี่ก็พอดี สดๆ ใหม่ๆ”

ลูเอล “…”

ขนาดเขายังไม่กล้าลงทุนให้ลูกสาวขนาดนี้

“ตาแก่นี่ก็คือนักมายากลเหรอ” เจียงหรานเดินเข้าไปด้วยความสงสัย วนรอบนักมายากล “ตอนวันคัดเลือกหัวหน้าตระกูลเห็นไม่ชัด ตอนนี้ดูแล้ว หน้าตาอัปลักษณ์ใช่ย่อย”

“นั่นสิครับ” พ่อบ้านมองด้วยสายตารังเกียจ “เมื่อก่อนเห็นจากภาพเหมือนดูใจดีมีเมตตา ตอนนี้นับวันจะยิ่งโหดเหี้ยม จิตใจอำมหิต ขยะชัดๆ!”

ผู้วิเศษที่เคยสูงส่งในอดีต บัดนี้กลายเป็นหนูข้างถนนที่ผู้คนไล่ตี

นักมายากลไม่เคยโดนหยามเกียรติแบบนี้มาก่อน

แต่ฟู่อวิ๋นเซินอยู่ข้างๆ เขาไม่มีแม้แต่ความกล้าจะเงยหน้าขึ้น

“เข้าใจแล้ว เยาเยาอยู่ข้างบนนะ” ซู่เวิ่นไม่ถามอะไรมาก “ขึ้นไปหาได้”

ฟู่อวิ๋นเซินหิ้วนักมายากลขึ้นชั้นบน เดินไปที่หน้าห้องนอนแล้วเคาะประตู

“ประตูไม่ได้ล็อก เข้ามาได้” อิ๋งจื่อจินเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์ “กลับมาแล้วเหรอ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินปล่อยมือ โยนนักมายากลลงพื้น พูดเสียงเนือย “คุณอิ๋งโปรดรับไว้”

“พอดี” อิ๋งจื่อจินดึงหูฟังออก “ฉันก็เตรียมยาพร้อมแล้ว คุณกลับมาได้เวลาพอดี”

ฟู่อวิ๋นเซินนั่งพิงเก้าอี้ เลิกคิ้ว “ขอเป็นผู้ชมได้หรือเปล่า”

“ได้” อิ๋งจื่อจินหยิบกล่องทรงยาวที่ภายในบรรจุเข็มเงินกับเข็มทองออกมา “ยังไงซะคืนนี้คุณก็เข้าห้องไม่ได้”

ฟู่อวิ๋นเซิน “…”

นักมายากลมองอิ๋งจื่อจินหยิบเข็มทองยาวเจ็ดนิ้วขึ้นมา เขาสั่นไปทั้งตัว

เขาย่อมรู้ว่านี่คือวิธีของแพทย์แผนโบราณ

เมื่อไม่กี่เดือนก่อนพวกเขาเพิ่งฆ่าแพทย์แผนโบราณที่รักษาซู่เวิ่นไป

แต่ดูจากตอนนี้ แพทย์แผนโบราณคนนั้นไม่ตาย ปกปิดตัวตนไว้อย่างดี!

“ไม่ๆๆ ไม่นะ!” สีหน้าของนักมายากลเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “แกเป็นหมอนะ! แกใช้ยาพิษไม่ได้!”

พลังพิเศษของเขาก็คือปรุงยา มองปราดเดียวก็รู้ว่ายาพิษพวกนี้อันตรายขนาดไหน

ผู้วิเศษไม่ใช่เทพ ต่อให้มีพลังเยียวยาในตัวที่ดีเลิศขนาดไหนก็บาดเจ็บได้

“ใช่ ฉันเป็นหมอ และก็เป็นนักปรุงยาพิษด้วย” อิ๋งจื่อจินไม่พูดพล่ามทำเพลง ยัดยาเม็ดแรกเข้าไป “ไม่เจอกันนานนะ เอ็ม”

พอได้ยินแบบนี้นักมายากลก็ดวงตาเบิกโพลง

มีแค่ไม่กี่คนที่เรียกเขาว่าเอ็ม

มันคือฉายาของเขาบนชาร์ตนักปรุงยาพิษของสมาพันธ์ลับตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาออกไปท่องเที่ยว

“พวกแกสืบมาตลอดว่าใครเป็นคนทำเอสยี่สิบสามตัวล่าสุด” อิ๋งจื่อจินล้วงพวกขวดยาออกมา “เดาถูกแล้ว นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งไงล่ะ”

นักมายากลตัวสั่นขึ้นมาทันที แผ่นหลังมีเหงื่อซึมอีกครั้ง

ดวงตาของเขาเบิกโพลงสุดขีด “แก!”

“ตอนนั้นที่ฉันถอนพิษให้ปู่ฟู่ก็คิดอยู่ว่า นักปรุงยาพิษอันดับสองมีชีวิตอยู่นานจริงๆ ออกมาอีกแล้ว เป็นคู่ต่อสู้ที่ใช้ได้” อิ๋งจื่อจินพูด “แต่กลับไม่คิดว่าจะเป็นผู้วิเศษ”

ตอนที่รู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินคือผู้วิเศษเดวิล นักมายากลแค่รู้สึกเหลือเชื่อ

แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับอิ๋งจื่อจิน เขารู้สึกเพียงว่าสติแตก

เพราะเขาคาดเดาไว้ว่านักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งคือผู้แข็งแกร่งที่มาจากจักรวาลอื่น

ในความคิดของเขา นักปรุงยาพิษอันดับหนึ่งทำให้เขาหวาดกลัวได้ยิ่งกว่าผู้วิเศษเดวิล

นักมายากลส่งเสียงกรีดร้องต่อเนื่อง “นายท่าน พวกเราเป็นนักปรุงยาพิษเหมือนกัน วงการเดียวกัน ผมยังไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อคุณเลยนะ! ปล่อยผมไปเถอะ ไว้ชีวิตผมด้วย!”

“พ่อฉันต้องทุกข์ทรมานเจียนตายถึงยี่สิบปีเพราะหมอกพิษเล่นแร่แปรธาตุที่แกสร้างขึ้น” อิ๋งจื่อจินหลับตาลง “พ่อแท้ๆ ของฉันความจำเสื่อมยี่สิบปีต้องระหกระเหินอยู่ในประเทศจีนก็เพราะพวกแก ส่วนแม่ฉันก็หมดสติไปยี่สิบปี”

“ป้าฟู่ตายเพราะพวกแก ปู่ฟู่กับย่าฟู่ก็ต้องมาจากไป”

เธอลืมตาขึ้น สายตาอาฆาต “แค้นนี้จะให้ชำระยังไง แกชดใช้ได้หมดเหรอ!”

นักมายากลฟังจนใกล้สิ้นหวังเต็มที

ตอนนั้นที่พวกเขาเล่นงานตระกูลฟู่กับฟู่หลิวอิ๋ง ใครจะไปคาดคิดว่าฟู่อวิ๋นเซินจะเป็นผู้วิเศษที่กลับชาติมาเกิด

ฆ่านักวิจัยทุกคนที่ทำการทดลองบนเกาะ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าคนเดียวที่หนีรอดไปได้จะเป็นพ่อบุญธรรมของอิ๋งจื่อจิน

ปล่อยหมอกพิษในเมืองมหาวิทยาลัย นักมายากลไม่รู้เลยสักนิดว่าฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจินอยู่ในนั้นด้วย!

ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ทำให้พวกเขากลายเป็นศัตรูกันได้

ไม่ตายไม่เลิกรา

“นายท่าน! ผมขอร้อง” นักมายากลไม่มีแล้วความหยิ่งผยองแบบผู้วิเศษ เริ่มอ้อนวอน “ผมแค่ทำหน้าที่ปรุงยา ผมไม่รู้เรื่องอื่นเลยครับ! พวกเขาทำทั้งนั้น แผนทุกอย่างก็พวกเขาวางกันเอง!”

“หลังจากครั้งนั้นตอนศตวรรษที่สิบหก ช่วงหลายศตวรรษนี้ผมก็ไม่ได้ออกไปนอกเมืองแห่งโลกอีกเลย!”

“ก็จริง” อิ๋งจื่อจินยิ้ม สายตาเย็นชา “งั้นท่านผู้นั้นคือใคร”

นักมายากลอ้าปาก แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ

เขาพยายามเค้นลำคอ แต่ก็ยังคงพูดชื่อนั้นออกมาไม่ได้

อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย

ดูท่าสถานะของนักมายากลจะอยู่ต่ำที่สุด

ท่านผู้นั้นออกคำสั่งปิดปากเขาได้โดยตรง

อาจใช้ชิป อาจใช้สสารเล่นแร่แปรธาตุ และก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้พลังพิเศษ

นักมายากลพูดออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงอ้อนวอน “นายท่านไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตผมด้วย!”

ถ้าเขารู้ว่าจะมีวันนี้ มีเหรอที่เขาจะทำยาพิษกับหมอกพิษพวกนั้น มีเหรอจะกล้าทำอะไรพวกเวินเฟิงเหมียน

“จริงสิ ได้ยินว่าพวกแกต้องการให้เทพพยากรณ์ช่วยงั้นเหรอ” อิ๋งจื่อจินหยิบยาออกมาอีกหนึ่งเม็ด เหลือบตาขึ้นเล็กน้อย “เทพพยากรณ์ก็คือฉันเอง”

เธอพูดพลางหักขากรรไกรนักมายากล “ยังมีอะไรอยากพูดอีกไหม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด