คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 825 ข่าวสะเทือนโลก! ผู้วิเศษสี่คนแรก
ตอนที่ 825 ข่าวสะเทือนโลก! ผู้วิเศษสี่คนแรก
ควบคุมความตาย ปกครองเด็ดขาด
ถึงแม้จนถึงตอนนี้หอคอยก็ยังไม่รู้ว่าทำไมพลังความสามารถของผู้วิเศษยมทูตถึงเหนือกว่าผู้วิเศษคนอื่นไปมาก ถึงขั้นที่เหนือกว่าผู้วิเศษสี่คนแรกด้วยซ้ำ
แต่นี่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นสาวกของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
นับตั้งแต่เขากลายเป็นผู้วิเศษ เขาก็ไปต้านภัยพิบัติมาหลายศตวรรษนับไม่ถ้วน
หอคอยเบื่อชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้นานแล้ว
ต้านภัยพิบัติ ดับสูญ ต้านต่อ น่าเบื่อจริงๆ
แต่ก็พอดี อีกไม่นานก็จะเกิดภัยพิบัติใหญ่ทำลายล้างโลกแล้ว พวกเขาจะได้ไม่ต้องไปต้านภัยพิบัติอีก
เมื่อเป็นแบบนี้ มนุษย์ก็จะสูญพันธุ์ไปหมดแบบไดโนเสาร์ในอดีต
หอคอยกับโจ้วเหยียนต่างมีท่าทีนอบน้อมต่อผู้วิเศษยมทูต
มีเพียงอัลไคด์ผู้วิเศษดวงดาวที่ไม่ได้เคารพเขาเท่าไร พูดจาเป็นกันเอง
“จริงสิ วงล้อแห่งโชคชะตาในชาตินี้ชอบเล่นเทคโนโลยี” อัลไคด์กวาดตามองซาโรห์ที่สลบอยู่บนพื้น ทำเสียงหึเบาๆ “ท่านก็ระวังยัยนั่นจะถ่ายติด”
“ฉันรู้จักผู้หญิงคนนั้นดี มีความรอบคอบ เป็นนิสัยปกติของเธออยู่แล้ว” ยมทูตพูด “แต่ไม่ต้องกังวลหรอก ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในอาณาบริเวณของฉันล้วนตายหมด เธอไม่มีทางถ่ายติด ไม่มีทางบันทึกภาพได้”
แม้ยมทูตจะพูดแบบนี้ แต่อัลไคด์ก็ยังคงสำรวจซาโรห์ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความระแวง
สุดท้ายก็พบอุปกรณ์ถ่ายภาพกับเครื่องบันทึกเสียงขนาดจิ๋วตามคาดจริงๆ
เธอถอดออกมาแล้วทำลายทิ้ง
“นายท่าน” โจ้วเหยียนที่นอนอยู่อีกเตียงหนึ่งพูดขึ้น “อนาคตที่นายท่านบอกว่าไม่มีทางถูกเปลี่ยนคืออะไรเหรอครับ”
“หลังปี 20XX ฉันเห็นแต่ความตาย” ยมทูตตอบ “ไม่มีร่องรอยของการฟื้นคืนชีพและลมหายใจของสิ่งมีชีวิต”
โจ้วเหยียนกับหอคอยมองหน้ากัน
นี่ก็หมายความว่าเป็นภัยพิบัติระดับทำลายล้างโลก
ผู้วิเศษสี่คนแรกสุดก็ดับสูญอย่างสิ้นเชิงไปแล้วสองคน วันพิพากษากับเดอะเวิลด์ก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นโลกจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับพวกเขา
…
ในเวลาเดียวกัน ภายในคุกไฟฟ้า
ฟู่อวิ๋นเซินมองในคุกที่ว่างเปล่า เลิกคิ้ว “เยาเยา เหมือนที่เธอคิด ถูกเอาตัวไปแล้ว”
“ตามคาด ฉันพยากรณ์ไม่ได้ และก็ไม่มีใครพบเห็น” อิ๋งจื่อจินย่อตัวนั่งลง “แต่ฉันแน่ใจได้แล้วว่าเป็นใคร”
เธอติดตั้งกล้องวงจรปิดกับเครื่องอัดเสียงไว้ แต่กลับไม่มีข้อมูลใดๆ ส่งกลับมา
วิเคราะห์จากพลังพิเศษของผู้วิเศษแต่ละคนก็เป็นได้แค่ยมทูตแล้ว
แผ่นหลังของฟู่อวิ๋นเซินหดเกร็ง
ทั้งสองคนกลับไปที่ห้องรับแขก พวกฉินหลิงอวี๋กับอวี้เสวี่ยเซิงก็อยู่กันหมด
ซีซาร์กำลังคิดหาทางเอาชนะนอร์ตัน พอเห็นอิ๋งจื่อจินเขาก็ลุกขึ้นทันที “บอส”
นอร์ตันทำเสียงจึ๊
เขาประมาทซีซาร์ไปหน่อยจริงๆ
หมอนี่เป็นถึงจักรพรรดิ
“เป็นยมทูต ฉันรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงหานาย พลัง และก็ยุติธรรมเจอ” อิ๋งจื่อจินทำมือบอกให้ซีซาร์นั่งลง
ซีซาร์สีหน้าจริงจัง “หาเจอได้ยังไง”
“ยมทูตควบคุมความตาย เห็นได้ชัดว่าพลังของเขาพัฒนาได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับหอคอยและคนห้อยหัว” อิ๋งจื่อจินตอบ “ยังไม่พูดเรื่องพลังต่อสู้ เอาแค่พลังโดยรวม เขาอยู่เหนือกว่าฉันกับผู้บัญชาการ”
พอได้ยินแบบนี้พวกฉินหลิงอวี๋ก็สีหน้าเปลี่ยน
นอร์ตันหรี่ตา “แบบนั้นไม่เท่ากับว่าเก่งกว่าผู้วิเศษสี่คนแรกสุดอีกเหรอ”
“เป็นแบบนั้น” อิ๋งจื่อจินหรี่ตาเล็กน้อย “แต่ถ้าแค่เปิดการกลับหัวไม่มีทางถึงระดับนี้แน่”
ยมทูตไปทำอะไรมากันแน่ นี่คือปริศนา
“ดังนั้นเขาสามารถรู้ได้ว่าผู้วิเศษคนไหนตายอย่างสิ้นเชิงหรือยัง” อิ๋งจื่อจินพูดต่อ “จากนั้นเขาก็จะส่งพวกหอคอยไปไล่ฆ่าผู้วิเศษที่เปลี่ยนภพ แต่เนื่องจากการวิเคราะห์ของเขามีขีดจำกัดระหว่างที่ไล่ฆ่าจึงมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง”
ลูเอลกับฟู่หลิวอิ๋งก็เป็นสองคนที่เกิดข้อผิดพลาดขณะตามฆ่า
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีแค่ลูเอลกับฟู่หลิวอิ๋งที่ถูกฆ่า
ซีซาร์เม้มริมฝีปากแน่น
ถ้าไม่เพราะเขาบังเอิญพบอิ๋งจื่อจิน อีกทั้งยังได้นอร์ตันช่วยใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุขยายขีดจำกัดของร่างกาย
เกรงว่าในบรรดาผู้วิเศษที่ดับสูญอย่างสิ้นเชิงคงมีเขาเพิ่มอีกคน
“เขาทำไปเพื่ออะไร” ฉินหลิงอวี๋ไม่เข้าใจ “ฉันกับเสวี่ยเซิงก็เคยไปทำภารกิจกับยมทูต ดูไม่น่าเป็นคนแบบนั้นเลยนะ”
หลิงเหมียนซีนึกถึงสงครามศักดิ์สิทธิ์ตอนนั้น เธอเองก็สงสัย “นั่นสิ เขาไม่น่าใช่คนแบบนั้น”
“ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะดูยังไงนี่ก็เป็นสงครามที่หนักหนามาก” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “ทุกคน พวกเราต้องเตรียมใจพร้อมเสียสละ”
คำพูดนี้สุขุมจริงจัง แต่ไม่มีใครแสดงสีหน้าหวาดกลัว
พวกเขาเตรียมพร้อมมานานแล้ว
หลิงเหมียนซีครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “อาอิ๋ง พวกเราควรเรียกสังฆราชกับนักบวชหญิงมาด้วยไหม”
“ยมทูตเอาตัวซาโรห์ไปแล้ว เป้าหมายต่อไปจะต้องเป็นสังฆราชกับนักบวชหญิงแน่”
“ไม่จำเป็น” อิ๋งจื่อจินตอบ “คนน้อยก็ยังดีกว่าคนไม่จริงใจ ช่วงหลายปีมานี้แม้มือพวกเขาจะไม่เปื้อนเลือด แต่ก็ช่วยคนผิดมาตลอด”
ฉินหลิงอวี๋เห็นด้วย “คนน้อยยังดีกว่าคนแทงข้างหลัง”
อวี้เสวี่ยเซิงยิ้มบาง “ยมทูตเอาหอคอยกับคนห้อยหัวไปเป็นพวก มีแค่พวกซาโรห์สามคนที่ไม่ถูกชวนไป แสดงให้เห็นว่าเขาไม่แยแส”
“แต่ก็ต้องจับตาดูทางสังฆราชกับนักบวชหญิงไว้” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ยมทูตทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคยอยู่หน่อยๆ”
คนอื่นๆ มองหน้ากันอีกครั้ง พยักหน้าเบาๆ แล้วแยกย้าย
ฟู่อวิ๋นเซินไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ในการประชุมครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ
เขาพิงกำแพง เอาแต่มองท้องฟ้านอกหน้าต่าง
อิ๋งจื่อจินเดินไปอยู่ด้านหลังของเขา เงียบอยู่สักพักแล้วถามขึ้นอีกครั้ง “ยมทูตรักพวกพ้องจริงเหรอ”
ฟู่อวิ๋นเซินยืนอยู่ริมหน้าต่างเงียบๆ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ตอบเธอ
หลังจากเงียบไปนานมากเขาถึงพูดขึ้น ยิ้มบาง “ไม่รู้สิ”
อิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย
ฟู่อวิ๋นเซินหันกลับมากอดเธอ แววตาวูบไหว “คุณอิ๋ง ฉันมีแค่เธอแล้วนะ”
น้อยครั้งที่เขาจะแสดงออกด้านที่อ่อนแอ
ไม่ว่าเมื่อไร เขามักแข็งแกร่งเสมอ ยืนหยัดได้โดยลำพัง
ครั้งล่าสุดที่เห็นเขาอ่อนแอเป็นตอนที่ผู้เฒ่าฟู่จากไป
เธอเห็นเขานั่งอยู่บนเขาห่อตัวตากฝนอยู่คนเดียว หัวใจเธอก็อ่อนยวบในทันที
มือของอิ๋งจื่อจินสั่นเล็กน้อย ตบหลังเขาเบาๆ “พี่ชาย มีฉันอยู่นะ”
…
เนื่องจากชาวเมืองแห่งโลกร่วมเป็นพยานที่จักรพรรดินีถูกพิพากษา จึงเหลือแต่ชื่อในสำนักผู้วิเศษแล้ว
ประตูเมืองหลายแห่งที่เชื่อมระหว่างเมืองแห่งโลกกับเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร เวลานี้แค่ผ่านด่านตรวจค้น ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรผ่าน ก็สามารถเข้าออกได้อย่างสบายแล้ว
ขณะเดียวกันเมืองแห่งโลกก็ยกเลิกการปิดกั้นสัญญาณ นอกเมืองในเมืองติดต่อกันได้ตามใจ
ช่วงไม่กี่วันมานี้อิ๋งจื่อจินส่งพวกซู่เวิ่นกับลูเอลไปอยู่ประเทศจีนแล้ว ให้พวกเขาพักอยู่ที่บ้านตระกูลจี้
มหาวิทยาลัยตี้ตูรับนักศึกษาไว้จำนวนมากไม่ได้ จึงแบ่งส่วนหนึ่งในอยู่คณะเครื่องกลของมหาวิทยาลัยนอร์ตัน
กอปรกับมีนักเล่นแร่แปรธาตุหลายคนที่อิ๋งจื่อจินส่งไปให้ด้วย รองอธิการบดีจึงยิ้มหน้าไม่หุบ
เว็บบอร์ดเอ็นโอเคพูดคุยกันเรื่องนี้
บรรดาบอสติงต๊องทั้งหลายพากันสนอกสนใจ
[มีใครตั้งกลุ่มไปสำรวจเมืองแห่งโลกหรือยัง ขอไปด้วย ฉันอยากเห็นว่าหลายร้อยปีให้หลังเทคโนโลยีจะพัฒนาไปถึงขั้นไหน]
[ฉันก็อยากไปด้วย! อยากรู้ว่าใครเป็นใหญ่ในเมืองแห่งโลก สุดยอดขนาดนี้!]
แต่ไม่นานกระทู้เหล่านี้ก็ถูกบล็อกไม่ให้แสดงความคิดเห็น
ขณะเดียวกันก็มีประกาศถูกปักหมุดเน้นสีแดงปรากฏอย่างรวดเร็ว
[สถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าเมืองแห่งโลกเด็ดขาด!]
อีกด้านหนึ่งไอบีไอก็กำลังยุ่งจนหัวหมุน
ช่วงนี้มีคนที่ออกจากเมืองแห่งโลกมาสมัครงานอยู่ไม่น้อย แต่ละคนฝีมือดีทั้งนั้น
ลิซิเนียสรวบรวมรายงานของนักสืบกับเจ้าหน้าที่สืบค้นเสร็จก็ส่งให้ฟู่อวิ๋นเซินหนึ่งฉบับ
เขาเพิ่งนั่งลง กำลังจะล็อกอินเข้าเว็บบอร์ดเอ็นโอเคเพื่อดูว่าช่วงสองวันนี้มีข่าวซุบซิบหรือข่าวใหญ่อะไรหรือเปล่า
“โครม!”
ประตูถูกพัง มีคนบุกเข้ามาคนหนึ่ง
ไป๋เจี้ยง
สีหน้าของเธอเคร่งเครียด “เกิดเรื่องแล้วลิซิเนียส!”
ลิซิเนียสลุกขึ้นทันที ทำความเคารพ “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณไป๋เจี้ยง”
นับตั้งแต่รู้ว่าไป๋เจี้ยงมาจากเมืองแห่งโลก สมาชิกไอบีไอก็ให้เกียรติเธอยิ่งกว่าเดิม
ไป๋เจี้ยงเหงื่อแตกเต็มศีรษะ หายใจหอบ “กะ ก่อนคุณอิ๋งไปได้ให้ช่องทางติดต่อผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยนอร์ตันไว้”
“หากพวกเราต้องการอาวุธอะไรก็ไม่ต้องสั่งจองผ่านเว็บบอร์ดเอ็นโอเค ซื้อจากทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันได้โดยตรง”
“ครับ ผมทราบ” ลิซิเนียสรีบยื่นกระดาษทิชชู่ให้ “คุณไป๋เจี้ยงดื่มน้ำก่อนครับ ค่อยๆ พูด ไม่ต้องรีบครับ”
ไป๋เจี้ยงเริ่มดีขึ้น แต่สีหน้ายังคงซีดเซียว
พอเห็นเธอเป็นแบบนี้ลิซิเนียสก็ชักใจคอไม่ดี
“เมื่อกี้ทางมหาวิทยาลัยนอร์ตันโทรมา บอกว่ามีรายงานด่วนจากหอสังเกตการณ์ดวงดาว!” ไป๋เจี้ยงที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอดมีอาการร้อนรนเป็นครั้งแรก “มีดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งที่รัศมียาวกว่าสามพันห้าร้อยเมตรกำลังพุ่งมาทางโลกด้วยความเร็วสูง! ตอนนี้เข้ากาแล็กซีทางช้างเผือกแล้ว!”
“คาดว่าจะถึงในวันที่ 1 มกราคม ปี 20XX เวลาศูนย์นาฬิกา!”
Comments