คู่ชะตาบันดาลรักบทที่ 444 ผู้มีความสามารถสูง

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter บทที่ 444 ผู้มีความสามารถสูง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่​หยาง​ชูจากไป​หมิง​เวย​ก็​ใช้ชีวิต​อย่าง​สบาย​ๆ ทุกวัน​ ซีเป่ย​ใน​เดือน​สี่เพิ่ง​เข้าสู่​ฤดูใบไม้ผลิ​ นาง​นอน​ตื่น​สาย​ทุก​วันก่อน​ลุก​ขึ้นไป​ทานอาหาร​ จากนั้น​ก็​จะอาบแดด​หรือ​คุย​เล่น​กับ​หนิง​ซิว​

หนิง​ซิว​ถามนาง​ “ขลุ่ย​นั่น​ล่ะ​”

ผ่าน​มาหลาย​วัน​แล้ว​หาก​ไม่ถามคง​ไม่ได้คืน​ หมิง​เวย​หยิบ​มัน​ออกมา​ แต่​ไม่ได้​มีความคิด​ที่จะ​ส่งคืน​

“ขลุ่ย​เลา​นี้​ผู้ใด​เป็น​คน​ทำ​หรือ​ ฝีมือ​ดีมาก​เจ้าค่ะ​”

หนิง​ซิว​ตอบ​ “ข้า​รู้จัก​แต่​เจ้าของ​ขลุ่ย​จะรู้​ผู้​ที่​ทำ​ขลุ่ย​ได้​อย่างไร​”

เช่นเดียวกับ​ผู้​ที่​เล่น​กู่​ฉิน​ส่วนใหญ่​มัก​ไม่ได้​ทำ​กู่​ฉิน​ขึ้น​เอง​ ผู้​เป่าขลุ่ย​ก็​ไม่ได้​เข้าใจ​วิธีทำ​ขลุ่ย​เช่นกัน​

“งั้น​หรือ​เจ้าคะ​” หมิง​เวย​สัมผัส​ขลุ่ย​ทีละ​นิ้ว​แล้ว​พบ​ว่า​นาง​สามารถ​เข้าใจ​ทุก​รายละเอียด​ได้​อย่าง​แม่นยำ​เมื่อ​หลับตา​ นี่​เป็น​ความรู้สึก​ที่​วิเศษ​มาก​ราวกับว่า​ขลุ่ย​เลา​นี้​นาง​ได้​สัมผัส​มาแล้ว​หลาย​พัน​ครั้ง​

อย่างเช่น​หาก​นาง​เลื่อน​นิ้ว​ลง​ก็​จะรู้​ว่า​ปลาย​ขลุ่ย​จะมีรอย​บุบ​เล็กน้อย​…

“เป็นไปได้​อย่างไร​…” นาง​พึมพำ​

หนิง​ซิว​รู้สึก​ว่า​มีบางอย่าง​ผิดปกติ​จึงถามออก​ไป​ว่า​ “ทำไม​หรือ​ มีปัญหา​อะไร​งั้น​หรือ​”

ผ่าน​ไป​นาน​กว่า​หมิง​เวย​จะปล่อยมือ​และ​พูดว่า​ “ข้า​เอง​ก็​เคย​มีขลุ่ย​ลักษณะ​เช่นนี้​เหมือนกัน​เจ้าค่ะ​”

หนิง​ซิว​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ขลุ่ย​ที่​นาง​ใช้ก่อนหน้านี้​ต่าง​จาก​อันนี้​และ​พูดว่า​ “ท่าน​ถามว่า​ข้า​รู้จัก​เจ้าของ​ขลุ่ย​นี้​หรือไม่​ เพราะ​อยากรู้​ว่า​คน​ทำ​ขลุ่ย​ของ​ท่าน​กับ​เขา​เป็น​คน​เดียวกัน​หรือเปล่า​งั้น​หรือ​”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ​” หมิง​เวย​ตอบ​ “พวกเขา​ไม่ใช่คน​เดียวกัน​อย่าง​แน่นอน​”

หนิง​ซิว​ตกใจ​ “รู้​ได้​อย่างไร​กัน​”

คำถาม​นี้​จะให้​หมิง​เวย​ตอบ​อย่างไร​ จะให้​ตอบ​ว่า​เพราะ​นาง​รู้​ว่า​คน​ทำ​ขลุ่ย​ยัง​ไม่เกิด​บน​โลก​ใบ​นี้​หรือ​ ไม่สิ ตามเวลา​แล้ว​เขา​คง​เกิด​แล้ว​เป็นแน่​ แต่​แค่​ยังอยู่​ใน​วัยทารก​ก็​เท่านั้น​

“อาจารย์​ ท่าน​ช่วย​พูดถึง​เจ้าของ​ขลุ่ย​นี้​สัก​เล็กน้อย​ได้​หรือไม่​เจ้าคะ​”

หนิง​ซิว​พยักหน้า​ “อันที่จริง​ข้า​พบ​เขา​เมื่อนานมาแล้ว​ตอนนั้น​ข้า​ยัง​ไม่สำเร็จ​การ​ร่ำเรียน​ ข้า​ได้​ตาม​ท่าน​อาจารย์​ไป​พัก​ที่​อาราม​เต๋า​ชั่วคราว​ อาราม​เต๋า​นั้น​ตั้งอยู่​บน​เขา​ที่​มีชื่อเสียง​ มีแม่น้ำ​ที่​ยิ่งใหญ่​ มีทิวทัศน์​ที่​สวยงาม​ตระการตา​ ข้า​ชอบ​หิน​ก้อน​ใหญ่​บน​ยอดเขา​มาก​ ข้า​ไป​ดีด​กู่​ฉิน​ที่นั่น​เป็น​บางครั้ง​….”

“วันหนึ่ง​ข้า​ไป​ที่​ยอดเขา​และ​เห็น​ว่า​มีคน​นั่ง​อยู่​บน​ก้อนหิน​ เขา​กำลัง​เล่น​ขลุ่ย​ แม้ว่า​เขา​จะไม่ได้​ใช้กำลังภายใน​ แต่​ข้า​สามารถ​บอก​ได้​ว่า​พลัง​คลื่นเสียง​ของ​เขา​ทรงพลัง​มาก​ เขา​เห็น​ข้า​ถือ​กู่​ฉิน​จึงถามว่า​เล่น​ดนตรี​ร่วมกัน​ดี​หรือไม่​ และ​ข้า​ก็​ตอบรับ​ มัน​เป็น​ช่วงเวลา​ที่​สนุก​ที่สุด​ใน​ชีวิต​ของ​ข้า​ที่​ได้​เล่น​ดนตรี​ร่วมกับ​ผู้อื่น​ และ​ข้า​เอง​ก็​ตระหนัก​ได้​ว่า​เสียง​กู่​ฉิน​ของ​ข้า​มีบางอย่าง​ขาดหาย​ไป​”

“ตั้งแต่​วันนั้น​เป็นต้นมา​พวกเรา​พบ​กันที่​ยอดเขา​ทุกวัน​ บางครั้ง​เล่น​ดนตรี​ด้วยกัน​ บางครั้ง​พูดคุย​กัน​เรื่อง​จังหวะ​ดนตรี​ และ​ด้วย​คำแนะนำ​ของ​เขา​ จังหวะ​ดนตรี​ของ​ข้า​จึงก้าวหน้า​อย่าง​รวดเร็ว​” หนิง​ซิว​ถามนาง​ “ท่าน​จำเพลง​ตัดขาด​ได้​หรือไม่​ เพลง​นั้น​ถูก​แต่ง​ขึ้น​ภายใต้​การ​แนะนำ​ของ​เขา​”

หมิง​เวย​ตกใจ​ “จริง​หรือ​ เขา​เป็น​คน​อย่างไร​เจ้าคะ​ อายุ​เท่าไร​ รูปร่างหน้าตา​เป็น​อย่างไร​ เขา​มีนาม​ว่า​อะไร​หรือ​”

หนิง​ซิว​ส่ายหน้า​ “ข้า​ไม่รู้​ชื่อ​ของ​เขา​ เคย​ถามแต่​เขา​ไม่ตอบ​ อายุ​น่าจะ​ประมาณ​สี่สิบ​ห้าสิบ​ หรือ​หกสิบ​เจ็ดสิบ​ก็​ไม่แน่ใจ​ หน้าตา​ธรรมดา​ทั่วไป​ แต่​มีความสามารถ​สูงมาก​”

ผู้​มีความสามารถ​บางคน​จาก​ต่างแดน​ ฝึกฝน​ร่างกาย​ ดูแลตัวเอง​เป็น​อย่าง​ดี​ทำให้​ไม่สามารถ​บอก​อายุ​ที่​แม่นยำ​ได้​ หมิง​เวย​ถามต่อ​ “เขา​มีรอย​แผลเป็น​บน​ใบหน้า​หรือไม่​เจ้าคะ​ น่าจะเป็น​ตำแหน่ง​นี้​” นาง​เอื้อมมือ​ไป​ลูบ​จาก​โหนกแก้ม​ซ้าย​ไป​จนถึง​ใบ​หู​

“ไม่มี” หนิง​ซิว​ยืนยัน​ “รูปลักษณ์​หน้าตา​ปกติ​มาก​”

พอ​เห็น​หมิง​เวย​ไม่มีชีวิตชีวา​เขา​จึงถาม “ทำไม​หรือ​ หรือว่า​เขา​เป็น​คนรู้จัก​ของ​ท่าน​”

หมิง​เวย​พูด​เสียง​เบา​ “เขา​เป็น​…อาจารย์​ของ​ข้า​”

หนิง​ซิว​มอง​นาง​ด้วย​ความประหลาดใจ​ “อาจารย์​งั้น​หรือ​”

เขา​รู้​ว่า​เคล็ด​วิชา​ของ​หมิง​เวย​มีที่มา​ที่​แปลก​ แต่​ชาติกำเนิด​ของ​นาง​ไม่มีอะไร​ให้​พูดถึง​เลย​คิดไม่ถึง​ว่า​จะพูดถึง​อาจารย์​ของ​นางใน​สถานการณ์​เช่นนี้​

หมิง​เวย​ส่าย​หัว​แล้ว​ยิ้ม​ “ข้า​คง​คิดมาก​ไป​ท่าน​อาจารย์​จะมาอยู่​ที่นั่น​ได้​อย่างไร​ เขา​…”

หนิง​ซิว​มอง​ไป​ที่​ขลุ่ย​ใน​มือ​ของ​นาง​ “ท่าน​จะบอ​กว่า​ขลุ่ย​นั่น​ อาจารย์​ของ​ท่าน​เป็น​คน​ทำ​งั้น​หรือ​”

“เจ้าค่ะ​ ตั้งแต่​ข้า​เริ่ม​เรียน​ขลุ่ย​ เขา​เป็น​คน​เลือก​วัสดุ​มาทำ​ด้วยตัวเอง​ข้า​ใช้มานาน​มาก​จนกระทั่ง​…”

จนกระทั่ง​ขึ้น​เขา​หมาง​ซาน​ย้อน​เวลา​มาสู่ยุค​สมัยนี้​ ขลุ่ย​เลา​นี้​อยู่​กับ​นาง​มามากกว่า​สิบ​ปี​นาง​ไม่มีทาง​ลืม​สัมผัส​นี้​ไป​ได้​หรอก​

“หลังจากนั้น​อาจารย์​ยังมี​ติดต่อ​กับ​ผู้​มีความสามารถ​ผู้​นั้น​หรือไม่​เจ้าคะ​”

หนิง​ซิว​พูด​อย่าง​เสียใจ​ “ไม่ได้​ติดต่อกัน​เลย​ เขา​อยู่​กับ​ข้า​มาเดือน​กว่า​จากนั้น​ก็​ไม่มาอีก​ ครั้งสุดท้าย​ข้า​เห็น​ขลุ่ย​ของ​เขา​บน​ก้อนหิน​ แต่​ไม่เห็น​เขา​ และ​ไม่ได้​เจอกัน​อีก​ตั้งแต่​นั้น​เป็นต้นมา​”

“จนกระทั่ง​ตอนนี้​หรือ​เจ้าคะ​”

“ตลอด​จนกระทั่ง​ตอนนี้​”

แม้จะตัดใจ​ยาก​ แต่​หมิง​เวย​ก็​คืน​ขลุ่ย​ให้​เขา​ “หาก​เป็น​อีก​สถานการณ์​ข้า​คง​ขอ​ขลุ่ย​นี้​จาก​ท่าน​ แต่​ขลุ่ย​นี้​เป็น​ความทรงจำ​ของ​อาจารย์​ ข้า​ไม่สมควร​ที่จะ​แย่งชิง​มัน​มาเจ้าค่ะ​”

หนิง​ซิว​รับ​ขลุ่ย​มาใส่เข้าไป​ใน​ช่อง​ลับ​ของ​กู่​ฉิน​แล้ว​พูดว่า​ “แม้จะไม่เคย​พบ​เจอกัน​อีก​เลย​ แต่​ข้า​คิด​ว่า​ผู้อาวุโส​ผู้​นั้น​เป็น​ผู้​ที่​มีความสามารถ​ที่​ยอดเยี่ยม​ เขา​จะต้อง​มีชีวิต​อยู่​ที่ไหน​สัก​แห่ง​ใน​โลก​นี้​แน่​”

หมิง​เวย​พยักหน้า​แล้ว​ยุติ​หัวข้อ​สนทนา​นี้​ บางที​…คน​ผู้​นั้น​อาจ​มีส่วน​เกี่ยวข้อง​กับ​ท่าน​อาจารย์​ บางที​ท่าน​อาจารย์​อาจ​เรียนรู้​การ​ทำ​ขลุ่ย​จาก​เขา​ก็​เป็นได้​

…………

สงคราม​ใน​ทุ่งหญ้า​เต็มไปด้วย​ความคึกคัก​ พวกเขา​จะได้รับ​รายงาน​การต่อสู้​จาก​แนวหน้า​เป็นระยะๆ​ ตอนแรก​หยาง​ชูจะเขียนจดหมาย​ให้​พวกเขา​เกี่ยวกับ​ประสบการณ์​ของ​ตนเอง​ ต่อมา​เนื่องจาก​การ​สู้รบ​ที่​ดุเดือด​เขา​จึงส่งจดหมาย​น้อยลง​เรื่อยๆ​

ซูถูกลับมา​ที่​หวา​งถิงแก้ไข​กองทหาร​ของ​เขา​อย่าง​รวดเร็ว​ และ​อาศัย​ช่วง​ที่​กองทัพ​แคว้น​ฉียัง​มาไม่ถึงจัดการ​เผ่า​เล็ก​ๆ ที่​ทร​ยศอย่าง​โหดเหี้ยม​ จากนั้น​เขา​ก็​นำ​กองกำลัง​กลับ​ไป​ป้องกัน​ และ​เผชิญหน้า​กับ​กองทัพ​แคว้น​ฉีที่​ทุ่งหญ้า​ ไม่รู้​ว่า​เขา​จัดการ​อย่างไร​ พวก​เผ่า​ที่​หนี​ออก​ไป​นั้น​สุดท้าย​ก็​กลับมา​ร่วม​กองกำลัง​กับ​เขา​ในที่สุด​

จากนั้น​ทั้งสองฝ่าย​ยื้อยุด​สู้กัน​ไป​สู้กัน​มาหู​เห​ริน​นั้น​ดุร้าย​ และ​จงซู่นำ​ทหาร​มาเพียง​แสน​นาย​เท่านั้น​จึงไม่สามารถ​กลืน​คู่ต่อสู้​ได้​ชั่วขณะหนึ่ง​

หมิง​เวย​กังวล​มาก​นาง​รู้​ว่า​ฮ่องเต้​องค์​ปัจจุบัน​นิสัย​เป็น​อย่างไร​ การ​ส่งกองทหาร​ไป​ที่​ทุ่งหญ้า​โดย​ปราศจาก​ความยินยอม​ของ​เขา​แน่นอน​ว่า​เป็นที่​ไม่พอใจ​เป็นแน่​ สอง​สามเดือน​ต่อมา​หาก​ไม่ได้​ชัยชนะ​ที่​น่าพอใจ​อาจ​มีคำ​สั่งการ​ให้​ถอนทหาร​ออก​

นี่​เป็น​โอกาส​ที่​ดี​! มีแม่ทัพ​อย่าง​จงซู่และ​เป่ย​หู​อยู่​ใน​ช่วงเวลา​ที่​อ่อนแอ​ที่สุด​ หาก​มีทหาร​มากกว่า​นี้​สัก​แสน​นาย​อาจ​เป็น​สงคราม​ทำลาย​แคว้น​ได้​เลย​ทีเดียว​ แต่​นาง​ก็​เข้า​ใจถึงความลังเล​ของ​ฮ่องเต้​เช่นกัน​ เพราะ​ยังมี​แคว้น​ฉู่ทางใต้​ที่​คอย​จ้อง​พร้อม​ตะครุบ​ดั่ง​พญา​เสือ​ หาก​ไม่สามารถ​กำจัด​พวกเขา​ได้​ใน​คราว​เดียว​ และ​แคว้น​ฉู่เกิด​โจมตี​ขึ้น​มาก็​จะเป็น​สงคราม​สอง​ฝั่งซึ่งจะเป็น​ภาระ​หนักอึ้ง​สำหรับ​แคว้น​

ระหว่าง​ซีเป่ย​กับ​เมืองหลวง​ การ​ส่งข่าว​ใช้เวลานาน​ จนกระทั่ง​สอง​เดือน​ต่อมา​ หมิง​เวย​ได้ข่าว​ว่า​ฮ่องเต้​อนุญาต​ใน​การ​ออกรบ​ครั้งนี้​อย่าง​ไม่เต็มใจ​ แต่​ต้อง​มีความคืบหน้า​ก่อน​ฤดูหนาว​

ลายมือ​ของ​กัว​สวี่​เป็น​สิ่งที่​ขาดไม่ได้​ใน​หมู่​พวกเขา​ ได้ยิน​ว่า​เรื่องราว​การ​เข้าไป​ใน​ค่าย​ศัตรู​เพียงลำพัง​ของ​เขา​ถูก​นักกวี​นำมา​เขียน​เป็น​เรื่องราว​แล้ว​นำ​ไป​เล่า​ใน​โรงเตี๊ยม​อย่าง​แพร่หลาย​

หลังจาก​การ​สู้รบ​ครั้งนี้​การ​กลับ​ไป​ยัง​ราชสำนัก​ของ​เขา​เป็นเรื่อง​ที่​แน่ชัด​แล้ว​

เวลา​ผ่าน​ไป​อย่าง​ช้าๆ และ​รวดเร็ว​พริบตาเดียว​ก็​เข้าสู่​ฤดูใบไม้ร่วง​…

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด