คู่ชะตาบันดาลรักบทที่ 468 ชมพิธี

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter บทที่ 468 ชมพิธี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยาง​ชูเปลี่ยน​เสื้อผ้า​ใน​รถม้า​แล้ว​ตรง​ไป​ที่​สระ​ฉางเล่อ​ วันนี้​กองทัพ​ซีเป่ย​นำ​ชัยชนะ​กลับ​เมืองหลวง​ ฮ่องเต้​ต้องการ​จัด​พิธี​เดินขบวน​ที่​สระ​ฉางเล่อ​

เมื่อ​เขา​ก้าว​เข้าไป​ใน​ซุ้มที่​ตกแต่ง​อย่าง​สวยงาม​สายตา​นับไม่ถ้วน​ก็​มอง​มาที่​เขา​

สอง​ปี​ครึ่ง​แล้ว​ที่​หยาง​ชูออกจาก​เมืองหลวง​ สำหรับ​เมืองหลวง​ที่​มีเรื่อง​แปลกใหม่​อยู่​ทุกวัน​ ใน​ช่วงเวลา​อัน​สั้น​นี้​เลี่ยง​ไม่ได้​ที่จะ​มีบางคน​ลืมเลือน​คุณชาย​สามตระกูล​หยาง​ไป​ เมื่อ​เห็น​เยวี่ย​อ๋อง​องค์​ใหม่​ดวงตา​ของ​พวกเขา​ก็​เปล่งประกาย​

เขา​ถูก​พา​ตัว​ไป​พบ​ฮ่องเต้​ ฮ่องเต้​มอง​เขา​อยู่​นาน​พระองค์​แทบจะ​จำหยาง​ชูตรงหน้า​เขา​ไม่ได้​

เขา​ตัว​สูงขึ้น​ ผิว​ยังคง​ขาว​ แต่​ดูเหมือน​จะแข็งแกร่ง​เด็ดเดี่ยว​กว่า​เมื่อก่อน​ กลิ่นอาย​คุณชาย​เจ้าเสน่ห์​เมื่อก่อน​ยาม​อยู่​เมืองหลวง​หาย​ไป​แล้ว​เหลือ​เพียงแต่​กลิ่นอาย​ของ​วีรบุรุษ​เท่านั้น​

เมื่อ​เห็น​หยาง​ชูเป็น​เช่นนี้​ฮ่องเต้​ยิ่ง​รู้สึก​เสียใจ​ใน​ภายหลัง​ และ​อิจฉา​อยู่​ลึก​ๆ

ตน​อายุ​มาก​แล้ว​สอง​ปี​มานี้​อาการ​ปวด​พระเศียร​ยิ่ง​รุนแรง​มากขึ้น​

เมื่อก่อน​เขา​สามารถ​พูด​ได้​อย่าง​ภาคภูมิใจ​ว่า​ตน​เป็น​ฮ่องเต้​ที่​มีความรับผิดชอบ​ต่อ​หน้าที่​ ตื่น​ยาม​เหมา​[1]ทุกวัน​ และ​มักจะ​ยุ่ง​จนถึง​ดึกดื่น​ แต่​ตอนนี้​เขา​ไม่สามารถ​แบกรับ​งานบริหาร​ได้​มาก​เช่นนั้น​แล้ว​ เขา​จะมีอาการ​กำเริบ​ทุกๆ​ สอง​เดือน​

ความ​เยาว์​เป็น​สิ่งที่​เขา​ปรารถนา​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ใน​ตอนนี้​ ซึ่งเขา​ไม่มีทาง​ได้มา​

เขา​อิจฉา​ความ​เยาว์​ของ​หยาง​ชู แค่​มองดู​ก็​รู้​ว่า​อีก​ฝ่าย​มีกำลังวังชา​เต็มเปี่ยม​ ยิ่งไปกว่านั้น​ไม่ว่า​เขา​จะตาบอด​แค่​ไหน​ เขา​ก็​เห็น​ว่า​หยาง​ชูดีขึ้น​กว่า​แต่ก่อน​ การ​พัก​ตัว​เป็นเวลา​นาน​กว่า​สอง​ปี​นั้น​แท้จริง​แล้ว​เป็น​การฝึกฝน​แบบ​หนึ่ง​สำหรับ​อีก​ฝ่าย​ ขจัด​ความใจร้อน​ไม่มั่นคง​ของ​ตนเอง​เมื่อก่อน​ออก​ไป​เผย​ให้​เห็น​ความ​สดใส​ของ​หยก​อย่าง​แท้จริง​

ฮ่องเต้​เงียบ​ ไม่มีเสียง​อะไร​ภายใน​ซุ้ม

หยาง​ชูคุกเข่า​ สายตา​มอง​ต่ำ​ไม่หงุดหงิด​แต่อย่างใด​

ใน​ตอนที่​ขุนนาง​ทั้งหลาย​รู้สึก​ว่า​บรรยากาศ​แปลก​ๆ ฮ่องเต้​ก็​เอ่ย​ขึ้น​มาในที่สุด​ “เจ้ารู้​หรือไม่​ว่า​มีความผิด​”

หยาง​ชูก้ม​ศีรษะ​ลง​และ​ตอบ​ว่า​ “กระหม่อม​กล้า​ปฏิเสธ​พระ​เมตตา​ของ​ฝ่าบาท​ทำให้​ฝ่าบาท​เป็นกังวล​แล้ว​”

ฮ่องเต้​พูด​ “รู้​ก็​ดีแล้ว​ เจิ้น​ให้​เจ้าไป​ซีเป่ย​เพราะ​ต้องการ​ให้​เจ้าสัมผัส​ประสบการณ์​ความลำบาก​ หลังจากนี้​จะได้​รู้ความ​ไม่ก่อเรื่อง​อีก​ แต่​เจ้าขุ่นเคือง​เจิ้น​แล้วไป​ขลุก​ตัว​อยู่​ใน​กองทัพ​ตั้งใจ​ทำให้​เจิ้น​โกรธ​หรือ​ ข้า​ให้​บทเรียน​เจ้าไม่มาก​พอ​หรือ​”

หยาง​ชูก้มหน้า​รับฟัง​

ฮ่องเต้​ถอนหายใจ​ “เสด็จ​พี่ใหญ่​ได้​ทิ้ง​สายเลือด​อย่าง​เจ้าไว้​ พวกเรา​ระมัดระวัง​มาหลาย​ปี​เพื่อ​ปกป้อง​เจ้าดูเหมือนว่า​เจ้าเติบโต​ขึ้น​ แต่​ยัง​ไม่รู้ความ​”

หยาง​ชูเงยหน้า​ขึ้น​ราวกับว่า​เขา​ต้องการ​จะพูด​ แต่​ก็​ไม่รู้​จะพูด​อะไร​ ร่องรอย​ความ​สับสน​แวบ​เข้ามา​ใน​แววตา​ของ​เขา​ซึ่งเขา​ก็​ยัง​ปิดปาก​ไม่พูด​อะไร​

“เอาล่ะ​” น้ำเสียง​ของ​ฮ่องเต้​อ่อน​ลง​ “รู้​ว่า​เจ้ามีข้อสงสัย​มากมาย​ใน​ใจเรื่อง​พวก​นั้น​เอาไว้​ค่อย​คุย​กัน​ภายหลัง​กองทัพ​ซีเป่ย​เข้า​เมือง​มาแล้ว​ ชมพิธี​ก่อน​เถอะ​”

“พ่ะย่ะค่ะ​” หยาง​ชูลุกขึ้น​แล้ว​มีคน​พา​เขา​ไป​รวมกลุ่ม​กับ​สมาชิก​ใน​ราชวงศ์​เพื่อ​ชมพิธี​

เนื่องจาก​ตำแหน่ง​ของ​เขา​สูงกว่า​คนอื่นๆ​ เขา​จึงยืน​กับ​องค์​ชาย​ใหญ่​ทั้ง​สาม

ไท่จื่อ​และ​ซิ่น​อ๋อง​ดู​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​

ไท่จื่อ​ดู​สงบ​ เขา​ใน​วัย​ยี่สิบ​เจ็ด​ปี​อยู่​ใน​วัย​ที่​ต้อง​แบก​รับภาระ​แล้วจึง​ดู​สงบนิ่ง​กว่า​เมื่อก่อน​ เมื่อ​เห็น​หยาง​ชูก็​พยักหน้า​ให้​ และ​ยิ้ม​ทักทาย​ ดู​มีความ​เป็น​รัชทายาท​อย่าง​มาก​

หยาง​ชูเห็น​ความเกลียดชัง​ลึก​ๆ จาก​หว่าง​คิ้ว​ของ​เขา​เมื่อ​เทียบ​กับ​ความอ่อนแอ​ใน​อดีต​ ความเกลียดชัง​ใน​ตอนนี้​ทำให้​เขา​ตกใจ​

ซิ่น​อ๋อง​เอง​เดิมที​ไม่ใช่คน​ซื่อสัตย์​อยู่แล้ว​ เขา​ดู​ท่าที​กระฉับกระเฉง​มีชีวิตชีวา​ ใจกว้าง​ เมื่อ​เห็น​หยาง​ชูเดิน​เข้ามา​ก็​คุย​กับ​เขา​อย่าง​สนิทสนม​ และ​ถามเรื่อง​กองทัพ​ซีเป่ย​ หยาง​ชูเพียง​ตอบ​สั้น​ๆ ไม่กี่​คำ​ เมื่อ​อีก​ฝ่าย​ถามลึก​ขึ้น​อีก​ก็​ตอบ​ไป​ว่า​ไม่สนใจ​กิจ​การทหาร​

รอ​พวกเขา​พูดคุย​กัน​เสร็จ​อัน​อ๋อง​ก็​โน้มตัว​เข้ามา​กระซิบ​ “หยาง​ซาน​เจ้ากล้า​มาก​ที่​วิ่ง​เข้าไป​ต่อสู้​” พูด​จบ​เขา​ก็​ตบ​ปาก​ตนเอง​เบา​ๆ “ดู​ข้า​สิ เรียก​จน​ชินปาก​ไป​แล้ว​ ตอนนี้​ไม่สามารถ​เรียก​เจ้าว่า​หยาง​ซาน​ได้​อีก​ต้อง​เรียก​หลานชาย​ต่างหาก​ถึงจะถูก​”

เมื่อ​เห็น​ว่า​ตนเอง​ได้เปรียบ​เขา​ก็​ยิ้มเยาะ​ เมื่อก่อน​หยาง​ชูต้อง​เรียก​เขา​ว่า​เสด็จ​อา​ แต่​ความสัมพันธ์​ที่​ห่าง​กัน​อีก​ทั้ง​ยัง​ก่อเรื่อง​ทำให้​ไม่สามารถ​พูด​เรื่อง​ความ​อาวุโส​ได้​ ตอนนี้​พวกเขา​เป็น​อา​หลาน​กัน​จริงๆ​ แล้​วจะ​ดูหมิ่น​เขา​ไม่ได้​อีก​ จึงสามารถ​ยก​เรื่อง​ความ​อาวุโส​กด​อีก​ฝ่าย​ได้​

เขา​ยังคง​ยิ้ม​หยาง​ชูเหลือบมอง​อย่าง​เฉยเมย​ ความกลัว​ที่​ถูก​อีก​ฝ่าย​บีบ​คอ​เมื่อ​ครั้งก่อน​เดินทาง​ออกจาก​เมืองหลวง​แวบ​เข้ามา​ทำให้​เขา​ยิ้ม​ไม่ออก​อีกต่อไป​

เมื่อ​คิด​ว่า​ตอนนี้​ตน​เป็น​ผู้อาวุโส​จะทำตัว​อ่อนแอ​ได้​อย่างไร​เด็ก​คน​นี้​ไม่สามารถ​ทำร้าย​เขา​ได้​อีกแล้ว​เขา​กระแอม​แล้ว​ทำ​หน้า​บึ้งตึง​ “ทำไม​หรือ​ ใน​พิธี​วันนี้​เจ้าคิด​จะก่อเรื่อง​อีก​หรือ​”

หยาง​ชูถอน​สายตา​แล้ว​พูด​อย่าง​ไม่ใส่ใจ “เปล่า​พ่ะย่ะค่ะ​ แค่​นึกถึง​เรื่อง​เมื่อก่อน​แล้ว​รู้สึก​ว่า​ทำเกินไป​คิด​ว่า​ควร​ต้อง​ขออภัย​เสด็จ​อา​สาม”

คำ​ว่า​เสด็จ​อา​สามทำให้​จิตใจ​ของ​อัน​อ๋อง​เบิกบาน​เมื่อ​คิด​ว่า​หยาง​ซาน​ต้อง​มีวันนี้​! ใช่ ต้อง​ขอประทาน​อภัย​!

“เจ้าคิด​จะขออภัย​อย่างไร​ล่ะ​ วางใจ​เถอะ​ ขอ​เพียง​เจ้ามีความจริงใจ​ อา​สามเป็น​คน​มีเมตตา​ไม่ทำให้​เจ้าลำบากใจ​หรอก​”

หยาง​ชูพูด​ “ครั้งนี้​ข้า​ได้​ม้าพันธุ์​ดี​มากมาย​จาก​เป่ย​หู​ว่า​กัน​ว่า​มีลูกหลาน​ม้าเหงื่อ​โลหิต​[2] หลาน​เห็น​ว่า​น่าสนใจ​ ไม่ทราบ​ว่า​เสด็จ​อา​สามสนใจ​หรือไม่​”

อัน​อ๋อง​ตา​เป็นประกาย​ “ม้าเหงื่อ​โลหิต​หรือ​ ข้า​สนใจ​!”

หยาง​ชูยิ้ม​ “เช่นนั้น​จะส่งไป​ที่​จวน​ท่าน​ภายหลัง​”

“ได้​ๆ!” อัน​อ๋อง​โยน​ความขัดแย้ง​ระหว่าง​ทั้งสอง​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​

ไม่ใช่ว่า​เขา​โง่ แต่​เขา​เสียเปรียบ​มาตั้งแต่​เล็ก​จึงคุ้นชิน​กับ​การ​ไม่ถือสา​ อย่างไร​ก็​ไม่มีผู้ใด​สนับสนุน​เขา​ถือสา​มากความ​ไป​คน​ที่​ลำบาก​ก็​เป็น​เขา​อยู่ดี​

“อ้อ​ ข้า​ว่า​เสด็จ​พ่อ​ดี​ต่อ​เจ้านะ​” อัน​อ๋อง​จิก​กัด​ไป​คุย​เล่น​ไป​ “นาม​ตำแหน่ง​ของ​ข้า​กับ​พี่​รอง​เป็น​ชื่อ​เมือง​ แต่​ของ​เจ้าเป็น​ชื่อ​แคว้น​ เป็นการ​ข่ม​อา​อย่าง​พวกเรา​อย่าง​แท้จริง​”

หยาง​ชูตอบ​แบบ​ขอไปที​ “เป็น​เพราะ​พระมหากรุณาธิคุณ​ของ​ฝ่าบาท​”

“จวน​ของ​เจ้าจัดเตรียม​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​อยู่​ถนน​สาย​เดียว​กับ​ข้า​ ต่อไป​แวะ​มาหา​ข้า​ได้​!” อัน​อ๋อง​เหลือบมอง​อีก​สอง​คน​ “เมื่อก่อน​ข้า​เกลียด​เจ้าตอนนี้​คิด​ว่า​เจ้าน่าสน​ใจดี​”

หยาง​ชูอด​กระตุก​มุมปาก​ไม่ได้​ โส่วเซี่ยง​หลู่​เฉียน​มอง​อยู่​ด้าน​ข้าง​อย่าง​เย็นชา​ คำพูด​ของ​ฮ่องเต้​ก่อนหน้านี้​ทำให้​เขา​ถอนหายใจ​ใน​ใจ

มีการ​ระบุ​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​ใน​รายงาน​สงคราม​ใน​ซีเป่ย​ว่า​หยาง​ชูใช้รูปแบบ​ค่าย​กล​ห่วง​คู่​อีก​ทั้ง​ยัง​นำ​ทัพ​โจมตี​ด้วย​ตนเอง​ จงซู่จงใจแบ่ง​ความดี​ความชอบ​ให้​เขา​ ซึ่งความดี​ความชอบ​นั้น​ก็​เป็น​ของจริง​ ฮ่องเต้​ไม่พูดถึง​เรื่อง​นี้​เอาแต่​พูดว่า​เขา​ก่อเรื่อง​เป็น​คน​ไม่รู้ความ​เป็น​การโยน​ความดี​ความชอบ​ของ​เขา​ออก​ไป​

และ​เหล่า​องค์​ชาย​ ไท่จื่อ​ ซิ่น​อ๋อง​ล้วน​…อัน​อ๋อง​ดี​หน่อย​ แต่​ก็​ไม่น่าไว้วางใจ​

นั่น​ทำให้​เขา​อด​กังวล​ไม่ได้​!

เขา​ไม่มีเวลา​คิด​เรื่อง​นี้​เพราะ​จงซู่นำ​กองทัพ​ซีเป่ย​เข้า​เมือง​มาแล้ว​ ฮ่องเต้​นำ​คณะ​เสนาบดี​ไป​ยัง​ซุ้มที่​ตกแต่ง​อย่าง​สวยงาม​ เฝ้าดู​กองทัพ​ซีเป่ย​เคลื่อน​ทัพ​เข้ามา​ใกล้​

รอ​จงซู่นำ​กองทัพ​ซีเป่ย​เข้าไป​คารวะ​ ฮ่องเต้​ให้​เขา​ถอด​ชุด​เกราะ​จากนั้น​ก็​เริ่ม​การเฉลิมฉลอง​

สถานที่​ยิ่งใหญ่​อลังการ​เช่นนี้​เหล่า​สนม​เอง​ก็​เข้า​ร่วมงาน​ด้วย​ หยาง​ชูมอง​สถานที่​ที่​เหล่า​สนม​ประทับ​ด้วย​ท่าที​เหม่อลอย​

ณ ตอนนี้​ไม่มีผู้รับ​ตำแหน่ง​ฮองเฮา​ผู้​ที่​มีสถานะ​สูงสุด​ใน​วังหลัง​จึงเป็น​เผย​กุ้ยเฟย​ หยาง​ชูทอด​มอง​ร่าง​ที่อยู่​ใน​ชุด​พิธี​จาก​ที่​ไกลๆ​ ด้วย​ความรู้สึก​เศร้า​เสียใจ​

เขา​สูด​หายใจเข้า​ลึก​ๆ แล้ว​หันกลับ​ไป​สนใจ​พิธี​ต่อ​

อย่า​ใจร้อน​ๆ อดทน​รอ​…

……………

[1] ยาม​เหมา​ : เวลา​ 05.00 น.​ – 07.00 น.​

[2] ม้าเหงื่อ​โลหิต​ : เป็น​ม้าสายพันธุ์​หนึ่ง​ ตาม​ตำนาน​กล่าว​กัน​ว่า​ม้าพันธุ์​ดังกล่าว​ยาม​ที่​ออก​วิ่ง​ บริเวณ​แผงคอ​จะมีเหงื่อ​ไหล​ออกมา​ เป็น​สีแดงสด​คล้าย​เลือด​ ว่า​กัน​ว่า​ใน​สมัย​ จักรพรรดิ​ฮั่น​อู่​ตี้​เคย​ส่งทหาร​ไป​ยัง​ซอี๋ว์​เพื่อ​ออก​เสาะแสวงหา​ม้าเหงื่อ​โลหิต​นี้​ และ​ยังมี​เรื่องเล่า​ว่า​ม้าสายพันธุ์​นี้​เคย​เป็น​พาหนะ​ให้​กับ​เจงกิสข่าน​อีกด้วย​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด