คู่ชะตาบันดาลรัก 93 เปิดตัว

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 93 เปิดตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมิงเวยตอบ “ถูกคนพบเห็นก็ถูกแล้ว ไม่อย่างนั้นปลาจะติดเบ็ดได้อย่างไร พวกเราจะให้ผู้ใดติดเบ็ดกัน”

หยางชูเอียงศีรษะแล้วคิด “มีเหตุผล!”

“คุณชาย!” อาสวนตะโกนจากด้านบนจากนั้นก็โยนร่มลงมา

หมิงเวยเลิกคิ้วและมองไปที่ร่ม “ทำไมข้ารู้สึกว่าร่มคันนี้มีความลับอยู่”

หยางชูหัวเราะอย่างคาดเดาไม่ได้ แต่ไม่ตอบคำถามอันใด

…………..

ภายในวัดเป่าหลิง กำลังมีการแสดงเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา บนเวทีอันยิ่งใหญ่พระภิกษุสงฆ์จำนวนมากสวมเครื่องแต่งกาย และใช้ทักษะที่ไม่ค่อยชำนาญทำการแสดงเรื่องราวทางพุทธศาสนา

ฉีตงจวิ้นอ๋อง และเจ้าหน้าที่ตงหนิงหลายคนนั่งอยู่ในห้องโถงในเวลานี้ต่างชมแล้วยิ้มไปกับการแสดง

นี่เป็นภาพหายากที่จวิ้นอ๋องและเจ้าหน้าที่จะมีโอกาสมาอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตามฉีตงจวิ้นอ๋องเป็นผู้ที่มีกฎระเบียบ และไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่เป็นการส่วนตัว โอกาสที่ได้ร่วมสนุกกับผู้คนจำนวนมากเช่นนี้เพิ่งจะมีโอกาสได้สัมผัส

เจี่ยงเหวินเฟิงเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้ม

เขาบอกแล้วว่าตอนที่เขาต้องเดินทางกลับไม่จำเป็นต้องจัดงานเลี้ยง เพราะฉะนั้นผู้คนที่วัดเป่าหลิงในวันนี้ก็เหมือนเป็นการอำลาเขาไปในตัว

รถม้าของหน่วยลาดตระเวนจัดเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วเชื่อว่าพวกเขาคงจะออกเดินทางภายในไม่กี่วัน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตงหนิงมีความสุขมาก

พอส่งเขาเสร็จก็ถือว่าหายใจโล่งแล้ว!

หลายวันมานี้เป็นเพราะเจี่ยงเหวินเฟิงพวกเขาถึงได้รับคำดุด่ามากมาย ไร้ความสามารถบ้าง เป็นหมาหวงก้างแต่ไม่ยอมทำงานบ้าง กลัวอำนาจบ้าง

หึ! เจี่ยงชิงเทียนคนดีผู้นี้ใช้ชื่อเสียงของพวกเขาเป็นฐานที่จะเหยียบก้าวไปข้างหน้า

แต่ไม่เป็นไร ส่งเขากลับไปได้โดยดี ยอมเป็นเต่าสักเดือนจะเป็นอันใดกัน?

พอเจี่ยงเหวินเฟิงจากไปพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จ

บนเวทีกำลังแสดงตอนพระพุทธเจ้าสละเนื้อช่วยนก เจ้าอาวาสของวัดเป่าหลิงเป็นคนพูดคล่องโน้มน้าวจิตใจเก่ง หาหัวข้อคุยง่าย เขาพูดคุยกับเจี่ยงเหวินเฟิงโดยมีท่านเจ้าเมืองอู๋ และเจ้าหน้าที่คนอื่นพูดแทรกเป็นครั้งคราว

บรรยากาศค่อนข้างกลมกลืนทีเดียว

ในเวลานั้นเองก็มีสาวใช้จากจวนจวิ้นอ๋องเดินเข้ามา นางคำนับฉีตงจวิ้นอ๋องและกล่าวว่า “หวังเฟยเชิญจวิ้นอ๋องไปพูดคุยเจ้าค่ะ”

ฉีตงจวิ้นอ๋องทำท่าทางเหมือนหมดหนทาง เขาประสานมือคำนับเจี่ยงเหวินเฟิง

“มีภรรยาดุ ช่างน่าหัวเราะเยาะจริง” แล้วทุกคนก็หัวเราะออกมา และส่งฉีตงจวิ้นอ๋องจากไป

ฉีตงจวิ้นอ๋องออกจากห้องโถงและเข้าไปในวิหารแห่งหนึ่ง ผู้ที่รอเขาอยู่ในวิหารไม่ใช่หวังเฟย แต่เป็นนายท่านสี่

หรือก็คือ นายท่านสาม นั่นเอง

สาวใช้นำน้ำชามาให้ ฉีตงจวิ้นอ๋องที่เมื่อครู่ดื่มชาจนรู้สึกคลื่นไส้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และโบกมือให้พวกเขาเอาออกไป

“หายากมากที่ท่านจะออกมาข้างนอก” เขาพูด

นายท่านสามยิ้ม “ข้าน้อยเป็นคนที่ตายไปแล้วคงไม่ดีหากจะออกมาข้างนอก หากเป็นเรื่องสำคัญของท่านอ๋อง ข้าน้อยต้องระวังตัวมากกว่าเดิม”

ฉีตงจวิ้นอ๋องยิ้ม “สำหรับเรื่องนี้เปิ่นหวางจะจดจำไว้แน่นอน แม้ท่านจะไม่ได้อยู่ข้างกายเปิ่นหวาง แต่ใจที่กล้าหาญนี้อยู่กับเปิ่นหวางเสมอ”

นายท่านสามยอมเสี่ยงออกจากเรือนมาไม่ใช่เพื่อฟังคำชมจากฉีตงจวิ้นอ๋อง เขาเข้าประเด็น “การเดินทางมาที่นี่เป็นกลลวง พวกเขาสองคนนัดพบส่วนตัว แต่จริงๆ แล้วเป็นการแอบเล็ดลอดหนีไปอย่างแยบยล ที่หินเทพธิดาทิ้งไว้เพียงสาวใช้ ส่วนเจ้านายนั้นหายตัวไป”

ฉีตงจวิ้นอ๋องเลิกคิ้ว

“ตั้งแต่พวกเขามาที่ตงหนิงก็เริ่มแสดงละคร” นายท่านสามกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ต่อหน้าแกล้งทำเป็นไม่ถูกกันก็เพื่อให้พวกเราเห็นร่องรอยจนไม่สามารถค้นหาความจริงได้ เจี่ยงเหวินเฟิงดึงดูดความสนใจของเราในด้านสว่าง ส่วนคนที่ถือกระบี่อยู่จริงๆ นั่นคือคุณชายหยาง!

ดูเหมือนว่าเจี่ยงเหวินเฟิงกำลังได้รับชื่อเสียง แต่ที่จริงแล้วคุณชายหยางกำลังเตรียมการโจมตี ท่านอ๋อง สถานการณ์ในตอนนี้วิกฤตมาก หากของสิ่งนั้นถูกพวกเขาพบเข้าแล้วก็มีเหตุผลที่จะลงมือกับพวกเราได้”

ฉีตงจวิ้นอ๋องคิด “สิ่งนั้นดูผิวเผินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเปิ่นหวาง ถึงจะหาพบ แต่ก็ไม่สามารถทำอันใดเปิ่นหวางได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

นายท่านสามส่ายหน้า “หากของสิ่งนั้นตกไปอยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาก็หาเหตุผลที่จะลงมือกับท่านได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากสูญเสียมันไปเรื่องสำคัญของท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว”

ฉีตงจวิ้นอ๋องเดินไปเดินมาภายในห้องแล้วถามว่า “ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเขาพบเบาะแสจริงๆ”

“มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง หนึ่งคือพวกเขายังไม่รู้เรื่องราวภายใน แต่จงใจให้พวกเราติดเบ็ด สองคือพวกเขาพบเบาะแสเข้าแล้ว และรอพวกเราเข้าไปติดเบ็ดอยู่ แต่ไม่ว่าจะทางใดพวกเขาก็ต้องการให้เราติดเบ็ดอยู่ดี”

“หากเป็นเช่นนั้นเหตุใดพวกเราถึงต้องทำตามความต้องการของพวกเขาด้วยเล่า ปล่อยให้พวกเขาเสียเที่ยวไปเองไม่ดีกว่าหรือ”

นายท่านสามถอนหายใจ “เพราะพวกเราไม่สามารถรับความเสี่ยงไปมากกว่านี้อีกแล้วขอรับท่านอ๋อง!”

เขาพูดว่า “นี่ไม่ใช่การแข่งขันที่ยุติธรรม พวกเขาอาจแพ้แต่ก็สามารถใช้เวลาอีกเพียงไม่กี่ปีได้ แต่ท่านอ๋อง ท่านแพ้ไม่ได้ตราบใดที่ยังมีความเป็นไปได้เล็กน้อย หากพวกเขาหาของสิ่งนั้นพบถือเป็นภัยพิบัติสำหรับพวกเรา!”

ฉีตงจวิ้นอ๋องบีบพัดในมือของเขา

ฉินอ๋อง บิดาของเขาเสียชีวิตเมื่อสิบเก้าปีก่อน ในตอนนั้นเขายังคงเป็นฉินอ๋องซื่อจื่อที่น่าภูมิใจ

ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะกลายเป็นนักโทษในชั่วข้ามคืน หลังจากติดคุกหลายเดือนในที่สุดเขาก็ได้รับการปล่อยตัวแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ไท่จื่อ ท่านลุงของเขา ฉินอ๋องผู้เป็นบิดา จิ้นอ๋องผู้เป็นอาล้วนเสียชีวิตหมด ท่านอาคนสุดท้องจ้าวอ๋องได้กลายเป็นชูจวิน[1]คนใหม่

ต่อมาเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง ผู้คนต่างพูดว่าฮ่องเต้ทรงมีพระเมตตาต่อพี่น้องและลูกหลาน มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาหลายปีนี้เป็นอย่างไร

มีข่าวมาว่าหลิ่วหยางจวิ้นอ๋องลูกพี่ลูกน้องของเขาถูกตัดสินว่าเป็นกบฏ ซึ่งทำให้เขานอนไม่หลับมาหลายเดือนแล้ว

น่ากลัวเกินไป…เขาไม่อยากเป็นเช่นนั้น

“ถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดี”

ฉีตงจวิ้นอ๋องคิดถึงเรื่องนั้นก็อดไม่ได้ที่จะบ่นอีกครั้ง “หากท่านรู้ว่าของสิ่งนั้นสำคัญ เหตุใดไม่หาที่ซ่อนให้ดีกว่านี้”

“เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ” นายท่านสามก้มหัว “ในตอนนั้นมีสายลับกำลังจับตามองข้าน้อย ข้าน้อยจึงต้องมอบของสิ่งนั้นให้ตระกูลจี้ ฝากนางนำกลับมาที่ตงหนิง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานางเก็บตัวอยู่แต่ในเรือน ไม่ออกไปที่ใด ข้าน้อยเลยคิดว่าฝากไว้กับนางน่าจะปลอดภัยที่สุด ไม่คิดว่าจะผิดพลาดเช่นนี้…”

ฉีตงจวิ้นอ๋องอดกลั้นความไม่พอใจของตนไว้แล้วกล่าวปลอบประโลมเขา

“เรื่องนี้จะโทษท่านไม่ได้ ท่านจัดการของสิ่งนั้นตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว จนกระทั่งตอนนี้…ผู้ใดจะคิดว่าคนโง่จะกลายเป็นคนเก่งขึ้นมาได้แล้วยังไปสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขาด้วย”

“ดังนั้นข้าน้อยจึงต้องการชดเชยความผิดพลาดในครั้งนี้!” นายท่านสามเงยหน้าขึ้นและกล่าวอย่างแน่วแน่ “ท่านอ๋องเราไม่มีเวลามากแล้ว พวกเราจำเป็นต้องลงมือตอนนี้ถึงจะหยุดพวกเขาได้ทัน”

ฉีตงจวิ้นอ๋องเลิกคิ้ว “เปิ่นหวางเชื่อใจท่าน แต่จะให้ลงมืออย่างไร หากพวกเราจะลงมือต้องมีเหตุผลกับพวกเขาด้วย”

นายท่านสามเงยหน้าอันหล่อเหลาขึ้นแล้วพูดอย่างจริงใจ “สร้างเรื่องขึ้นมาแล้วก็ไม่สามารถวางมือได้ พวกเขาแสร้งทำเป็นนัดพบกันถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ทำให้เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผิดไปเสียเลย ทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับมาได้อีก…”

ฉีตงจวิ้นอ๋องประหลาดใจ “ท่านต้องการฆ่าพวกเขาหรือ”

นายท่านสามตอบ “มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่จะป้องกันไว้ได้”

ฉีตงจวิ้นอ๋องเคาะพัดกับฝ่ามือ “แต่เจี่ยงเหวินเฟิงยังอยู่ที่นี่ เกรงว่าเขาจะพบเห็นข้อผิดพลาดนี้เข้า…”

นายท่านสามถอนหายใจแล้วชี้ไปด้านนอก “ตำนานของหินเทพธิดา ท่านเคยได้ยินหรือไม่”

ฉีตงจวิ้นอ๋องพยักหน้า “ทำไมหรือ”

“ข้าน้อยเคยเปิดบันทึกประวัติศาสตร์ กล่าวว่าเทวดาลงมาจุติเป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่เรื่องที่ว่าปราบปรามปีศาจนั้นกลับมีเหตุผล…”

………………………………..

[1] ชูจวิน :ว่าที่กษัตริย์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด