คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 641 ผู้สูงศักดิ์มักขี้ลืม / 642 ไม่ติดกับนาง
ตอนที่ 641 ผู้สูงศักดิ์มักขี้ลืม
ชั้นสองมีห้องรับรองเรียงรายอยู่ทั้งแถว มีทั้งห้องขนาดเล็กและใหญ่ ทว่าก็จัดการห้องให้ตามจำนวนคนที่มาเยือนทั้งนั้น
ภายในห้องรับรองทุกห้องล้วนมีช่างปักผ้ามากประสบการณ์คนหนึ่ง คอยเลือกผ้าและให้คำแนะนำแก่เหล่าฮูหยินและคุณหนูทั้งหลาย
ขณะนี้ประตูห้องรับรองหนึ่งเปิดอ้าอยู่ ภายในมีเสียงสนทนาดังลอดออกมาด้วย
“หนานเอ๋อร์ เจ้าดูสิ ผ้าที่เสวี่ยเอ๋อร์เลือกให้เจ้ายอดเยี่ยมนัก เจ้าสวมแล้วจะต้องเหมาะมากเป็นแน่”
“พี่หนานรูปร่างดีเจ้าค่ะ ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น”
“เจ้านี่ปากหวานเหลือเกินนะ ยังไม่ทันแต่งเข้าสกุลเมิ่งเลย เจ้าก็มีใจออกจากสกุลเดิมเสียแล้ว พี่ใหญ่ของเจ้าคงต้องชอกช้ำเป็นแน่ เจ้ามาที่หอเทียนอีวันนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการเลือกผ้าให้พี่ใหญ่ของเจ้าหรอกรึ”
“ไอ้หยา พี่สะใภ้ ท่านอย่าพูดมั่วสิเจ้าคะ!”
เผยเซี่ยเฉินฟังออก ว่านั่นเป็นเสียงของเจิ้งหรูเสวี่ย นางเคยพบอีกฝ่ายอยู่สองหน และเป็นดังคำร่ำลือจริงๆ ว่าเจิ้งหรูเสวี่ยเป็นสตรีที่อ่อนช้อย ฉลาดเฉลียว งดงาม และใจกว้างนัก
ครั้นเดินไปถึงหน้าประตู นางทำเป็นเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ ทว่าก็หันหลังกลับไปมองในทันที ก่อนจะแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจเอ่ยว่า “พี่เสวี่ยเอ๋อร์? เป็นท่านจริงๆ หรือ” นางยิ้มหวานเดินเข้าไป
เจิ้งหรูเสวี่ยชะงัก สตรีเบื้องหน้านางผู้นี้เป็นใครกัน ไยนางถึงจำไม่ได้สักนิดเลยเล่า
หานซื่อที่อยู่ข้างๆ นางจึงถาม “อีกฝ่ายทักทายเจ้า เจ้าไม่ตอบรับได้เช่นไรกัน”
คราวนี้เจิ้งหรูเสวี่ยถึงได้ลุกขึ้น ยิ้มพลางกล่าวกับเผยเซี่ยเฉินว่า “ข้าขี้ลืมนัก ไม่ทราบเจ้าเป็นคุณหนูสกุลใดกัน”
เผยเซี่ยเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง นางคิดไม่ถึงเลยว่าเจิ้งหรูเสวี่ยจะจำนางไม่ได้ “พี่เสวี่ยเอ๋อร์ ท่านช่างเป็นผู้สูงศักดิ์มักขี้ลืมเสียจริง ที่งานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศที่บ้านของหลิวซื่อหลางเมื่อครั้งก่อน พวกเราได้พบกันที่นั่น ข้าเผยเซี่ยเฉินเจ้าค่ะ”
ในบรรดาสกุลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในเมืองหลวง มีสกุลเผยเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น จวนชางหยวนโหวนั่นเอง
ทุกคนเดาฐานะของนางได้ในทันที ทว่าสายตาของทุกคนกลับจับจ้องไปที่เบื้องหลังของนาง หญิงสาวที่มีสีหน้าระแวดระวังตัวผู้นั้นคงจะเป็นคุณหนูใหญ่ ที่ชางหยวนโหวเพิ่งพานางกลับมาจากข้างนอกกระมัง
เจิ้งหรูเสวี่ยจำได้แล้ว “อ้อ ที่แท้เป็นคุณหนูรองสกุลเผยนี่เอง ข้าก็ว่าเหตุใดถึงได้คุ้นหน้าเช่นนี้ เจ้าก็มาตัดชุดเช่นกันหรือ”
เผยเซี่ยเฉินกวาดสายตามองภายในห้องอย่างรวดเร็ว เห็นเมิ่งหนานนั่งดื่มชาอยู่ที่ริมหน้าต่าง นางย่อมมองเขาอยู่หลายห้วง พาให้พวงแก้มของนางแดงระเรื่อ ลามไปจนถึงใบหู จากนั้นนางก็พยักหน้าน้อยๆ “เจ้าค่ะ ข้ากับท่านแม่ รวมถึงคุณหนูใหญ่มาดูผ้าที่มาใหม่ ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเช่นนี้ ได้พบกับพี่เสวี่ยเอ๋อร์ที่นี่ด้วย”
หานซื่อที่นั่งอยู่ข้างๆ เจิ้งหรูเสวี่ยพลันมีความต้องการอยากหัวเราะเยาะปรากฏบนใบหน้า นางยิ้มอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง “เดิมทีข้าก็อยากเชิญพวกเจ้าให้นั่งด้วยกันนะ ทว่าห้องนี้เล็กไปหน่อย ไว้วันหน้าเถอะ”
นี่ถือเป็นการส่งแขกแล้ว เผยเซี่ยเฉินรู้อยู่แก่ใจดี จึงรีบเอ่ยกับเจิ้งหรูเสวี่ย “ท่านค่อยๆ เลือกนะเจ้าคะ วันหน้าหากท่านมีเวลาว่าง ต้องมาหาข้าที่จวนโหวด้วยนะเจ้าคะ!”
เจิ้งหรูเสวี่ยรับคำตามมารยาท จากนั้นเผยเซี่ยเฉินก็ย่อกายให้ฮูหยินที่อยู่ด้านข้าง บนใบหน้าแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มที่นางคิดเอาเองว่าเหมาะสมที่สุด แล้วหมุนกายไปอย่างสง่างาม ก้าวขาออกจากห้องนี้ไป
นางคิดว่าตนเองสร้างความประทับใจให้กับฮูหยินเมิ่งแล้ว อย่างน้อยตั้งแต่ก้าวแรกที่นางเดินออกไป ก็ทำให้ฮูหยินเมิ่งรู้แล้วว่ามีนางผู้นี้อยู่บนโลกด้วย
เผยเซี่ยเฉินเพิ่งออกไปไม่นาน หานซื่อก็กำชับสาวใช้ข้างกายว่า “รีบไปปิดประตูเสีย อย่าปล่อยให้คนแปลกๆ เช่นนั้นเข้ามาอีก” นางมองเห็นชัดเจน ว่าเผยเซี่ยเฉินผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาหาหรูเสวี่ย อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ แต่กลับมีดวงตาเจ้าเล่ห์เสียแล้ว ยามที่นางมองเมิ่งหนาน ลูกตาของนางแทบจะแนบชิดอยู่บนร่างกายของเขาอยู่แล้วเชียว
เด็กสาวน่าตายผู้นี้เพิ่งจะอายุไม่เท่าไร ก็หมายแย่งบุรุษจากสกุลเจิ้งของพวกนางแล้วหรือนี่ แต่ดูจากพฤติกรรมของมารดาแท้ๆ เบื้องหลังนางผู้นั้น ก็นับว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นแล้ว ล้วนเป็นปิศาจจิ้งจอกทั้งสิ้น
……….
ตอนที่ 642 ไม่ติดกับนาง
เมิ่งหนานรู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะตนตกหลุมพรางของผู้เป็นมารดาเข้าให้แล้ว นางบอกไว้ดิบดีว่าให้เขามารับนางกลับจวน แล้วไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้
หานซื่อเห็นเมิ่งหนานนั่งอยู่ไกลนัก ในมือถือถ้วยชาไม่ยอมวาง เดี๋ยวพักหนึ่งก็มองออกไปนอกหน้าต่าง อีกพักหนึ่งก็คลี่พัดในมือเล่น ไม่ชายตาแลหรูเสวี่ยตรงนี้สักครั้งเดียว
น่าเสียดายนัก เมิ่งหนานไม่ติดกับนาง
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ยังมีอะไรอีกมากที่ต้องเตรียมให้พร้อมในงานเลี้ยงวันส่งท้ายปีเก่า ข้าต้องเร่งมือให้มาก ไม่อาจล่าช้าได้อีกแล้ว”
ฮูหยินสกุลเมิ่งอยากรั้งเขาไว้ ทว่าเห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยสบอารมณ์เช่นนี้ ในที่สุดก็ต้องปิดปาก ทำได้เพียงมองบุตรชายของตนเองหายไปจากประตู
เจิ้งหรูเสวี่ยตาแดง ก้มหน้างุด “ท่านน้า เสวี่ยเอ๋อร์ก็ต้องขอลาแล้วเจ้าค่ะ”
หานซื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกกังวลและลำบากใจในทันที ความรู้สึกมากมายสับสนปนเป
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป
เมิ่งหนานขึ้นไปนั่งบนรถม้า จินเสี่ยวอันที่อยู่ด้านข้างยิ้มว่า “คุณชาย ตอนที่ท่านเพิ่งออกมา ขอบตาคุณหนูเจิ้งแดงเถือกทีเดียว ตอนนี้เกรงว่าคงร้องไห้ไปแล้ว”
ชายหนุ่มถอนใจเสียงหนึ่ง ก่อนจะหลับตาลง เบื้องหน้าของเขามีแต่ไป๋จื่อเสมอมา เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ๆ จะถาม “ช่วงนี้มีจดหมายของข้าบ้างหรือไม่”
จินเสี่ยวอันส่ายหน้า “ไม่มีขอรับ ข้าไปที่หน้าประตูจวนทุกวัน แต่พวกเขาล้วนบอกว่าไม่มี”
เมิ่งหนานพลันลืมตา “ไม่ถูกต้อง!”
“อะไรไม่ถูกต้องหรือขอรับ” จินเสี่ยวอันถาม
“ข้ากับเฉินไท่เหรินตอบจดหมายกันทุกสิบวัน ก่อนหน้านี้ทุกอย่างตรงเวลาเสมอ ถูกต้องหรือไม่” เมิ่งหนานย้อนถามคนสนิท
ฝ่ายจินเสี่ยวอันพยักหน้า “ถูกต้องขอรับ ก่อนหน้านี้ทุกอย่างตรงเวลา ช่วงนี้เขาอาจจะยุ่งก็ได้นะขอรับ”
เมิ่งหนานส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ เฉินไท่เหรินรู้ว่าข้ารอจดหมายของข้าอยู่ ต่อให้ยุ่งเท่าไรก็ไม่น่าจะล่าช้าถึงเพียงนี้ อีกอย่าง ระยะเวลาตั้งสิบวัน เขียนจดหมายฉบับเดียวไม่เหนือบ่ากว่าแรงกระมัง”
‘เขาก็ไม่ได้ว่างเขียนจดหมายทั้งวันเสียหน่อย งานการหรือธุระอะไรก็มีต้องทำนะขอรับ’ จินเสี่ยวอันกล่าวในใจ
“เดี๋ยวกลับจวนแล้วเจ้าก็ไปถามสักหน่อย ถามมาให้ชัดเจนแน่ชัด ข้าไม่เชื่อว่าผ่านมาตั้งครึ่งเดือนแล้ว ทว่าแม้แต่จดหมายฉบับหนึ่งของข้าก็ไม่มี” เมิ่งหนานสั่งจินเสี่ยวอัน
จินเสี่ยวอันรับคำ “ขอรับ ถึงจวนแล้วข้าจะไปถามให้”
ปลายยามเซิน จินเสี่ยวอันรีบร้อนวิ่งกลับมาที่เรือนหนาน “คุณชายขอรับ เป็นเช่นที่ท่านเดาไว้จริงๆ”
เมิ่งหนานพลันเลิกคิ้ว “เป็นเช่นไรบ้าง”
“ทีแรกคนที่หน้าประตูไม่ยอมพูด ข้าจึงเค้นให้เขาตอบความจริงออกมาจนได้ มีจดหมายอยู่หลายฉบับมากขอรับ ทว่าฮูหยินปิดปากพวกเขา ไม่ให้พวกเขาพูดขอรับ”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ สีหน้าคร่ำเคร่ง ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปนอกเรือน มุ่งหน้าไปยังเรือนฝูโซ่ว
“คุณชาย ท่านมีธุระอะไรหรือเจ้าคะ ฮูหยินยังไม่กลับมาเลยเจ้าค่ะ”
เมิ่งหนานไม่สนใจสาวใช้ผู้นั้น เขากระวีกระวาดเข้าไปในห้องของมารดา ครั้นแล้วก็ค้นหาจนทั่วห้อง ทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง หีบต่างๆ โต๊ะหนังสือ สุดท้ายพบจดหมายเหล่านั้นใต้หมอนบนเตียงของนาง ทั้งหมดมีด้วยกันสี่ฉบับ
เขาคุ้นชินกับตัวหนังสือบนจดหมายอย่างมาก ล้วนเป็นลายมือของเฉินไท่เหรินทั้งสิ้น ดูจากตัวหนังสือเหล่านี้แล้ว อีกฝ่ายคงจะร้อนใจทีเดียว เพราะมันไม่ค่อยเป็นระเบียบอย่างเคย
“คุณชาย ท่านทำอะไรเจ้าคะ” สาวใช้สองคนมองคุณชายด้วยสีหน้าหวั่นเกรง อยากจะขวางเขา ทว่าก็ไม่กล้าเดินไปข้างหน้า
เมิ่งหนานยกจดหมายในมือขึ้น กล่าวกับพวกนางว่า “เมื่อฮูหยินกลับมาแล้ว บอกนางว่าข้านำจดหมายเหล่านี้ไปแล้ว และต่อไปขออย่าให้นางเสียแรงเปล่าเช่นนี้อีก”
Comments