คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 643 ไปที่อยากไปไม่ได้ คนที่อยากพบก็ไม่ได้พบ / 644 ต้องสำเร็จเท่านั้น ผิดพลาดไม่ได้
ตอนที่ 643 ไปที่อยากไปไม่ได้ คนที่อยากพบก็ไม่ได้พบ
เมื่อออกจากเรือนฝูโซ่ว เมิ่งหนานก็กล่าวกับจินเสี่ยวอันว่า “เจ้าไปจัดการดูหน่อยเถอะ จดหมายของข้าหลังจากนี้ อย่าได้ส่งมาที่จวนนี้อีก ให้พวกเขาส่งไปที่เรือนรับแขก ข้าจะกำหนดเวลาไปรับ”
เขานำจดหมายกลับไปที่เรือนหนาน ครั้นเข้าประตูไปแล้วก็ปิดประตูทันที ก่อนจะนั่งลงฉีกซองจดหมายอย่างไม่รอช้า
หลังจากที่อ่านจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าจบลงแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปมาไม่หยุดหย่อน แววตามีแต่ความหวาดกลัวปกคลุมอยู่จนทั่ว
จินเสี่ยวอันไม่เคยเห็นเมิ่งหนานมีทีท่าเช่นนี้มาก่อน จึงรีบถาม “คุณชาย ในจดหมายว่าอย่างไรบ้างขอรับ ไยสีหน้าของท่านจึงเป็นเช่นนี้”
เมิ่งหนานวางจดหมายลงบนโต๊ะเสียงดัง กล่าวเสียงขรึมว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับอาจื่อแล้ว”
“กะ เกิดเรื่อง? เกิดเรื่องอะไรหรือขอรับ” จินเสี่ยวอันถามด้วยความร้อนใจ
จากนั้นเมิ่งหนานจึงส่งจดหมายให้เขา “เจ้าอ่านดูเอาเองแล้วกัน”
ครั้นแล้วเขาก็หมุนกายไปหยิบข้าวของในตู้เสื้อผ้า รอเวลาให้จินเสี่ยวอันอ่านจดหมายจบ เขาจัดเตรียมห่อผ้าหนึ่งเรียบร้อย ถือมันพลางไปหยิบกระบี่ด้ามยาว หมายจะเดินออกไปข้างนอก
จินเสี่ยวอันรีบขวางเขาไว้ “คุณชาย ท่านจะไปไหนขอรับ”
“ข้าจะไปตามหานาง” เมิ่งหนานตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
คำตอบนี้ทำให้จินเสี่ยวอันร้อนใจมาก “คุณชาย บนจดหมายก็บอกไว้ไม่ใช่หรือขอรับ แม่นางไป๋พ้นจากอันตรายแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใด ขอเพียงพ้นจากอันตรายได้ ขอเพียงยังอยู่ที่แคว้นฉู่ ไม่ช้าก็เร็วนางย่อมกลับหมู่บ้านหวงถัว ท่านไปตามหานางตอนนี้ ท่านจะไปตามหายังที่ใดกันขอรับ”
“ข้าจะไปรอนางที่หมู่บ้านหวงถัว” เมิ่งหนานเอ่ย
“คุณชาย ท่านโปรดใจเย็นๆ ก่อน อีกเดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้ว จะมีงานวันส่งท้ายปีเก่าที่ท่านรับผิดชอบดูแลเป็นปีแรก หากท่านไปตอนนี้ ใครจะเป็นคนทำงานนี้เล่าขอรับ ท่านต้องตั้งสติก่อน!”
เมิ่งหนานส่ายหน้า “ข้าไม่สนงานวันส่งท้ายปีเก่าอะไรนั้น เดิมทีมันก็ไม่ใช่งานที่ข้าอยากทำอยู่แล้ว ครั้งนี้พอเหมาะทีเดียว ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด” เขาเอียนเมืองหลวงจะแย่ จึงคิดจะจากไปเสียเลย และไม่ต้องการจะกลับมาอีกแล้ว
“คุณชาย ท่านหมายความว่าอย่างไร หากท่านไปแล้ว ฮูหยินและนายท่านจะทำเช่นไรขอรับ” จินเสี่ยวอันกลับสงบนิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ เขารู้ชัดแจ้งแก่ใจดีมาก ว่าคุณชายจะจากที่นี่ไปในเวลานี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
เมิ่งหนานชะงักฝีเท้า ความอัดอั้นสุมอยู่ในอก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็กัดฟันเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้นแล้ว ข้าเพียงอยากตามหาอาจื่อ” เขาดันร่างจินเสี่ยวอันออกให้พ้นทาง เปิดประตูจะออกไป
ทว่าเพิ่งจะเปิดประตูได้ไม่ทันไร ก็เห็นผู้เป็นมารดายืนอยู่เบื้องหน้า กำลังมองเขาพร้อมน้ำตานองหน้า “หนานเอ๋อร์ เจ้าจะไปจริงๆ หรือ เจ้าไม่ต้องการแม้แต่พ่อกับแม่แล้วใช่หรือไม่ เจ้าจะไปเพื่อเด็กสาวบ้านป่าคนเดียวเช่นนี้รึ”
เมิ่งหนานคิดว่าตนเองจะใจแข็งจากไปได้ ทว่าเมื่อเห็นใบหน้านี้ ใบหน้าที่มีแต่น้ำตาเปรอะเปื้อน เขาก็พบว่าตนเองไม่ได้ใจแข็งเช่นที่จินตนาการไว้
“ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงซ่อนจดหมายของข้าเอาไว้” เมิ่งหนานถาม
สวี่ซื่อจ้องมองใบหน้าของบุตรชาย แล้วถามย้ำชัดถ้อยชัดคำ “เช่นนั้นข้าจะถามเจ้า เจ้าจะไปจริงๆ ใช่หรือไม่ แต่นี้ต่อไปไม่เป็นบุตรชายสกุลเมิ่งแล้วใช่หรือไม่”
เมิ่งหนานนิ่งเงียบไปนาน ก่อนที่จะพูดออกมาในที่สุด “ข้าจะไปตามหานาง ขอเพียงนางปลอดภัย ข้าก็จะกลับมา”
“ไม่ได้!” สวี่ซื่อส่ายหน้าอย่างแรง
ชายหนุ่มกำห่อผ้าในมือแน่น ก่อนจะเบี่ยงกายหลบมารดา สาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปข้างหน้า
เบื้องหลังเขามีเสียงตะโกนด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูกของเหล่าสาวใช้ “ฮูหยิน ฮูหยินเป็นอะไรไปเจ้าคะ เร็ว รีบเชิญหมอมา ฮูหยินสลบไปแล้ว”
เมิ่งหนานกลับหลังหันไป ห่อผ้าในมือร่วงลงสู่พื้นดิน เขารู้ว่าตนเองไปไม่ได้แล้ว ไปที่ที่อยากไปไม่ได้ คนที่อยากพบก็ไม่ได้พบ
…
จวนเซียวอ๋อง
ฉู่เฟิงนั่งอยู่ที่ศาลาด้านในสวนดอกไม้ของจวนอ๋องด้วยสีหน้าอึมครึม ถึงแม้ลมหนาวจะเย็นยะเยือก แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นสักนิด เพราะเลือดร้อนทั่วกายกำลังปะทุอยู่ในเวลานี้
เขากล่าวกับองครักษ์ข้างกายว่า “จัดการเรียบร้อยดีกระมัง”
องครักษ์พยักหน้า “ท่านอ๋อง พรุ่งนี้ยามเที่ยงวัน จิ้นอ๋องจะต้องผ่านเนินม้าวิ่งแน่นอน ข้าน้อยจัดวางกับดักไว้ที่นั่นแล้วเรียบร้อย ถึงเขาจะมีปีกก็รอดยากแล้วขอรับ”
……….
ตอนที่ 644 ต้องสำเร็จเท่านั้น ผิดพลาดไม่ได้
ฉูเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “อย่าเพิ่งได้ใจไป เขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถ ครั้งนี้ต้องทำสำเร็จเท่านั้น ผิดพลาดไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”
องครักษ์รับคำ ก่อนจะล่าถอยไป
เขายกสุราที่เย็นชืดไปตั้งนานแล้วขึ้นจากบนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้ากระดกมันเข้าปากจนเกลี้ยงในคราวเดียว จากนั้นเขาก็ขว้างจอกสุราที่ทำจากหยกขาวในมือลงบนพื้น มันแตกกระจายทั่วบริเวณ เช่นเดียวกับสัมพันธ์พี่น้องที่ว่านั่น
หากพูดถึงสัมพันธ์พี่น้อง เขากับฉู่เยี่ยนคล้ายจะไม่มีสัมพันธ์พี่น้องอะไรนั่นสักนิด ฉู่เยี่ยนจากเมืองหลวงไปไกลตั้งแต่ยังเด็ก เขารู้ว่ามีคนผู้นี้อยู่บนโลก แต่กลับไม่เคยได้พบหน้า จนกระทั่งเขาเกือบจะลืมตัวตนของอีกฝ่ายไปแล้ว เมื่อฉู่เยี่ยนผู้นี้กลับมาอีกครั้ง เสด็จพ่อก็มีทีท่าไม่ใส่ไยดีเขา ทว่ายามที่เอ่ยถึงเขาเมื่อไร พระพักตร์ของพระองค์จะแย้มยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พระองค์ไม่เคยมีท่าทางเช่นนั้นมาก่อน ไม่ว่าจะเอ่ยถึงองค์ชายคนใดก็ตาม
เวลานั้นเขาถึงได้เข้าใจ ว่าความห่างเหินและเมินเฉยที่ว่า ก็เป็นเพียงวิธีการปกปิดและปกป้องอย่างหนึ่ง ท่ามกลางเหล่าพี่น้องทั้งหมด คนที่เสด็จพ่อใส่ใจและให้ความสำคัญที่สุดก็คือฉู่เยี่ยน มีเพียงฉู่เยี่ยนเท่านั้น
เมื่อก่อนเขาคิดเช่นไรก็ไม่เข้าใจ วังหลังมีสนมอยู่ตั้งมากมาย เหตุใดตำแหน่งฮองเฮาถึงได้ว่างเปล่า
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว โชคดีที่ยังไม่สายเกินไป
และโชคดีเช่นกันที่เขาทำให้มารดาของตนเอง ได้นั่งตำแหน่งอันทรงเกียรติที่เรียกว่าฮองเฮานี้ได้ในที่สุด บัดนี้เขาห่างจากตำแหน่งไท่จื่ออีกเพียงก้าวเดียว ขอเพียงฉู่เยี่ยนหายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง ก้าวนี้ของเขาก็อยู่แค่ปลายเท้าเท่านั้นเอง
เขาแม้กระทั่งลืมไปแล้ว ว่าฉู่เยี่ยนหน้าตาเป็นเช่นไร!
ตั้งแต่เขาจากเมืองหลวงขึ้นเหนือไป ก็เป็นเวลาสิบปีแล้วกระมัง
ในเมื่อจากไปนานถึงเพียงนั้นแล้ว ไยต้องหวนกลับมาอีก
…
วันที่ยี่สิบเอ็ด เดือนสิบสอง ฝนตกทั่วฟ้า
ฝนในฤดูหนาวเย็นเยียบเป็นพิเศษ ราวกับว่าหยาดฝนทุกเม็ดที่ตกกระทบลงบนใบหน้า เป็นเหมือนดังเข็มเย็นๆ ที่แทงเข้าสู่เนื้อหนัง
“ท่านอ๋อง ฟ้ามืดแล้ว พวกเราหาที่พักค้างแรมเถอะขอรับ อีกเดี๋ยวหากฝนตกลงมาห่าใหญ่ จะยิ่งไม่สะดวกกว่าเดิม” โจวกังกล่าวกับหูเฟิง
หูเฟิงมองไปเบื้องหน้า บัดนี้เส้นทางซ่อนตัวอยู่ในม่านฝนเลือนราง มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเอาเสียเลย
“ก็ดีเหมือนกัน ตั้งค่ายเถอะ!” เขาเอ่ยเสียงเรียบ
เหล่าทหารมีประสบการณ์มาก ผ่านการเดินทางทั้งตะวันออกและตะวันตก ไม่นานนักก็ตั้งกระโจมเจ็ดแปดหลังได้แล้ว หูเฟิงและพวกโจวกังเข้าไปในกระโจมหลังที่ใหญ่ที่สุด ภายในนั้นจัดกระถางถ่านสองใบเอาไว้แล้ว
ทั้งสี่คนนั่งลงล้อมรอบกระถางถ่านใบหนึ่ง อาอู่ช่วยหูเฟิงปลดอาภรณ์ที่ชุ่มน้ำของเขาออก แล้วพาดมันไว้ที่ข้างๆ กระถางถ่านอีกใบหนึ่ง
“ท่านอ๋อง บาดแผลของท่านมีเลือดซึมออกมาอีกแล้ว” อาอู่มองผ้าพันแผลบนกายของหูเฟิง บนนั้นมีเลือดสดๆ ซึมออกมา
หูเฟิงก้มหน้ามองครั้งหนึ่ง จากนั้นก็สวมเสื้อผ้าสะอาด พูดด้วยเสียงที่เรียบเฉย “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
อาอู่ถอนใจเสียงหนึ่ง “หากอาจื่ออยู่ที่นี่ ด้วยวิชาแพทย์ของนางแล้ว นางไม่มีทางปล่อยบาดแผลของท่านทิ้งไว้เนิ่นนานเช่นนี้แน่”
บัดนี้หูเฟิงมุ่นคิ้ว นั่งลงเบื้องหน้ากระถางถ่านอีกครั้ง ก่อนจะพูดกับโจวกัง “อีกนานหรือไม่ กว่าจะถึงเมืองหลวง”
โจวกังหยิบแผนที่ออกมาจากในอกเสื้อ หลังจากมองดูอย่างละเอียดแล้ว เขาก็รีบกล่าวว่า “พรุ่งนี้ผ่านเนินม้าวิ่งตรงนี้ไปแล้ว ก็จะถึงถนนหลวงแล้วขอรับ จากนั้นเดินทางอีกวันหนึ่งก็จะถึงเมืองหลวง”
หูเฟิงรับแผนที่มาจากมือของโจวกัง เขามองดูอย่างถี่ถ้วนเช่นกัน หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันไม่ได้คลายออกแม้สักนิด “พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ราบรื่นเกินไปเลยหรือ”
ฟู่เจิงกล่าวต่อ “ท่านอ๋องพูดถูก การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นนัก ด้วยนิสัยของเซียวอ๋อง เขาไม่ทางให้พวกเรากลับไปที่เมืองหลวงทั้งเป็นแน่”
หูเฟิงส่งแผนที่คืนให้โจวกัง “หากเป็นพวกเจ้า คิดอยากซุ่มโจมตีบนเส้นทางช่วงสุดท้ายนี้ พวกเจ้าจะเลือกที่ใด”
ทั้งสามคนสุมหัวกันดูแผนที่ ก่อนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ภูเขาผานหลง?”
หูเฟิงพยักหน้า “หากเป็นคนทั่วไป เกรงว่าจะเลือกภูเขาผานหลงกระมัง ตรงนั้นอันตรายนัก โจมตีง่าย ป้องกันยาก แต่หากส่งคนหลายคนมาซุ่มอยู่ที่นี่ พวกเราหมายจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น ก็เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก”
Comments