คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 653 รับการจากลาไม่ไหว / 654 ไม่ได้สติ
ตอนที่ 653 รับการจากลาไม่ไหว
“ท่านพ่อ ข้า…รู้สึกไม่ค่อยสบาย พวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ” ไป๋เจินจูกล่าว
เผยชิงหานมุ่นคิ้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ตงฟางมู่ก็กล่าวต่อขึ้นเลย “พอดีเลย หมอไป๋เชี่ยวชาญวิชาแพทย์เป็นอย่างยิ่ง ให้เขาดูอาการให้เจ้าสักหน่อยสิ”
ไป๋เจินจูแหวเสียงแหลมอีกครั้ง “มะ ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ขะ ข้าไม่ต้องการให้หมอดูอาการ ท่านพ่อ พวกเรากลับกันเถอะ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว”
เผยชิงหานเห็นนางมีท่าทางเช่นนั้น ด้วยกลัวว่าหากอยู่ต่อ นางเด็กน่าตายผู้นี้ต้องพูดอะไรที่ควรพูดแน่ จึงพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน หลายวันมานี้เจ้าเหนื่อยนัก รีบกลับไปพักผ่อนสักหน่อยก็ดี” เขาหันไปมองตงฟางหว่านเอ๋อร์ “หว่านเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากกลับไปกับพวกข้าจริงหรือ”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์คิดถึงอะไรบางอย่างอยู่ตลอด จึงพยายามไขว่คว้าความคิดนั้นเสมอ เมื่อถูกเผยชิงหานขัดจังหวะเช่นนี้ ความคิดที่เพิ่งเชื่อมต่อกันได้ก็พลันขาดสะบั้น
นางเงยหน้าขึ้นมองเผยชิงหาน แววตาสงบนิ่งเป็นพิเศษ สงบนิ่งเสียจนทำให้เผยชิงหานรู้สึกหวั่นใจ หรือนางจะไม่เกลียดชังเขาแล้ว ก่อนหน้านี้ยามที่นางมองเขา ในแววตาของนางมีแต่ความเกลียดชังและโกรธเคือง ไยความรู้สึกนั้นถึงหายไปไม่เห็นแล้วเล่า
เสียงของตงฟางหว่านเอ๋อร์สงบนิ่งยิ่งกว่า ราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่น “ไม่กลับแล้ว ต่อจากนี้ก็จะไม่กลับไปอีกแล้ว”
นางหมายความว่าอย่างไร เผยชิงหานพลันทำตัวไม่ถูก “หว่านเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ต่อจากนี้ก็จะไม่กลับไปอีกแล้ว? เจ้าอย่าได้ลืมสิ ว่าเจ้าเป็นภรรยาเอกของจวนชางหยวนโหว จะอยู่ที่สกุลตงฟางตลอดได้เช่นไรกัน”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์พลันหัวเราะ บนใบหน้าที่งดงามเบิกบานราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิเดือนสาม งดงามจนแสบตาเลยทีเดียว
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ในยามนี้เหมือนกับตอนที่เขาพบนางครั้งแรก งดงามเสียจนแทบจะขโมยลมหายใจของเขาไป รอยยิ้มเช่นนี้ เขาไม่ได้เห็นมานานเท่าไรแล้วนะ
“เผยชิงหาน ข้าต้องการหย่ากับท่าน จากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก!” นางอธิบายอย่างเย็นชา ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องครอบครัวอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยสักนิด
สำหรับนางแล้ว เผยชิงหานที่อยู่เบื้องหน้านี้ไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้ข้างนอก หรือคนแปลกหน้าบนถนนเลยสักนิด
ข้าต้องการหย่ากับท่าน จากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีก!
ประโยคนี้เหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ดังก้องจนทำให้เขาปวดหัว
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ว่าจะมีวันที่ตงฟางหว่านเอ๋อร์ขอหย่ากับเขา
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตงฟางหว่านเอ๋อร์จะตายที่สกุลเผย ตายต่อหน้าเขา ทว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่านางจะหย่าขาดกับเขาตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่
ไม่ เขาไม่มีทางยอมรับได้
ไม่มีทางเด็ดขาด
เผยชิงหานกล่าวว่า “ข้าจะถือว่าข้าไม่ได้ยินคำพูดของเจ้า และได้โปรดอย่าล้อเล่นเช่นนี้อีก ข้าไม่ตลกเลยสักนิด” แววตาของเขาหยั่งลึกขณะมองตงฟางหว่านเอ๋อร์ จนสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงพาไป๋เจินจูออกจากเรือนพักผ่อนของสกุลตงฟางไป
ตงฟางมู่จ้องมองเขาหลังของเขาที่กำลังเดินไกลออกไป ก่อนจะแค่นหัวเราะ “ล้อเล่น? เจ้าลองดูก็แล้วกัน ว่าแท้จริงแล้วบุตรีข้าล้อเล่นหรือไม่”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์กล่าวกับบิดาว่า “ท่านพ่อ หมอไป๋กับไป๋เจินจูผู้นี้รู้จักกันจริงหรือไม่”
เห็นท่าทางของบุตรสาวเป็นเช่นนี้ ตงฟางมู่ก็รู้ว่านางต้องเดาอะไรได้แล้วเป็นแน่ จึงทนปิดบังนางต่อไปไม่ได้อีกจริงๆ “หว่านเอ๋อร์ เจ้ารับปากข้านะ ว่าจะไม่ตื่นเต้นจนเกินไป ต้องฟังพ่ออย่างใจเย็น ตกลงหรือไม่”
หว่านเอ๋อร์รีบพยักหน้า “ตกลงเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ตื่นเต้น ไม่มีทาง ท่านพ่อรีบพูดเถอะ” แม้ปากจะบอกว่าไม่ตื่นเต้น แต่ความจริงนางเริ่มตื่นเต้นแล้ว ตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด
“หว่านเอ๋อร์ จื่อเอ๋อร์ไม่ใช่บุรุษ นางเป็นสตรี นางต่างหากคือเด็กที่สกุลไป๋เก็บมาเลี้ยงเมื่อสิบสามปีก่อน นางต่างหากที่เป็นสายเลือดสกุลตงฟางของพวกเรา” ตงฟางมู่กล่าว
ตงฟางหว่านเอ๋อร์มองบิดาของตนเองอย่างตกตะลึง ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงไม่ยอมหยุด หายใจถี่กระชั้น พูดอะไรไม่ออกสักคำ แต่น้ำตากลับไหลลงมาไม่ขาดสาย
……….
ตอนที่ 654 ไม่ได้สติ
ตงฟางมู่เห็นนางผิดปกติ ในใจรู้สึกเสียใจนัก ไม่ควรพูดออกไปเลย จื่อเอ๋อร์บอกไว้แล้วเชียวว่าให้รออีกสักสองวัน
เขากล่าวกับชุ่ยเอ๋อร์ว่า “เร็ว รีบไปเรียกจื่อเอ๋อร์มา เร็วหน่อย…”
จากนั้นตงฟางมู่ก็เดินไปยังข้างกายของบุตรี โอบนางไว้ในอ้อมกอด “หว่านเอ๋อร์ เจ้ารับปากพ่อแล้วนี่ ว่าจะไม่ตื่นเต้น หายใจเข้าลึกๆ นะ หายใจเร็วเข้า”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์คล้ายกับไม่ได้ยินคำพูดของบิดา นางพลันล้มลงใส่ในอ้อมอกของอีกฝ่าย สลบไสลไม่ได้สติ
ไป๋จื่อรีบมาถึง เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็รีบให้ตงฟางมู่วางนางนอนราบลงบนพื้น ส่วนตนเองคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ฝังเข็มที่จุดต่างๆ ทั่วร่างกายนางทีละเข็ม เพื่อปรับเลือดลมที่กำลังพลุ่งพล่าน
“เหตุใดจู่ๆ ถึงเป็นเช่นนี้เจ้าคะ เผยชิงหานว่าอะไรบ้าง” ไป๋จื่อฝังเข็มเสร็จแล้ว จึงถามตงฟางมู่
ตงฟางมู่พลันมีสีหน้าสำนึกผิด “ไม่ใช่เผยชิงหานหรอก ข้าเอง ข้าทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยบอกนางไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ นางจะเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ควรพูดออกไปเลย” เขาอยากจะกลับคำก็สายไปแล้ว
“ท่านอย่าโทษตนเองเลยเจ้าค่ะ นางไม่มีทางเป็นอะไรหรอก หลายวันนี้นางพักฟื้นร่างกายอย่างดี ร่างกายของนางฟื้นฟูขึ้นได้มากแล้ว เมื่อครู่เพียงตื่นเต้นเกินไปเท่านั้น เลือดลมไหลเวียนรุนแรงจนสลบไป ไม่ร้ายแรงหรอกเจ้าค่ะ ข้าคลายเลือดลมให้นางแล้ว อีกสักสองชั่วยามน่าจะฟื้น ส่งนางกลับไปที่เรือนก่อนเถอะเจ้าค่ะ” ไป๋จื่อว่า
ตงฟางมู่พยักหน้า พลางปลอบใจตนเองไปด้วย ก่อนจะรีบก้มตัวลงอุ้มหว่านเอ๋อร์ขึ้น พานางกลับไปที่เรือน หลังจากนั้นไป๋จื่อนำยาชิงซินออกมาเม็ดหนึ่ง ผสมน้ำป้อนให้นาง แล้วบอกกับชุ่ยเอ๋อร์ว่า “ยาชิงซินนี้เป็นเม็ดสุดท้ายแล้ว ข้าจะไปหลอมยา หากนางฟื้นแล้ว เจ้าก็ให้คนไปเรียกข้านะ”
…
ไป๋เจินจูและเผยชิงหานกลับถึงจวนโหวแล้ว เพิ่งลงจากรถม้าได้ไม่เท่าไร เผยชิงหานก็มองไป๋เจินจูด้วยใบหน้าเย็นชา เอ่ยว่า “เจ้าตามข้ามา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋เจินจูพลันหวั่นใจขึ้นมา ทว่าก็หนีไปไหนไม่พ้น จึงทำได้เพียงแข็งใจเดินตามหลังเผยชิงหานไปตลอดทางจนถึงห้องหนังสือของเขาในที่สุด
“พวกเจ้าออกไปให้หมด!” เผยชิงหานสั่งซานฝู
ซานฝูรีบนำสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติ รินน้ำชา และฝนหมึกออกจากห้องหนังสือไป ก่อนที่จะปิดประตูอย่างแน่นหนา
เผยชิงหานหมุนกายกลับมา จ้องมองไป๋เจินจูอย่างเฉยชา “พูดมา หมอไป๋จากโถงจี้เหรินผู้นั้นเป็นใคร”
ไหนเลยไป๋เจินจูจะกล้าพูดความจริง เพราะเพียงนางพูดออกไป นางจะต้องถูกเตะออกจากที่นี่ไปอย่างแน่นอน
นางกลอกตาอยู่รอบหนึ่ง คิดใคร่ครวญอยู่ในก่อน แล้วรีบเอ่ยว่า “หมอไป๋ผู้นั้นเป็นคนจากหมู่บ้านของพวกข้าจริงเจ้าค่ะ ทว่าข้ากับเขาไม่รู้จักมักจี่กัน แต่ถึงอย่างไรเสียเขาก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของข้า ข้าถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมา”
เพียงเท่านั้นหรือ
เผยชิงหานนึกถึงท่าทางของไป๋เจินจูในเวลานั้น ในใจรู้สึกสงสัย ถามอีกว่า “เช่นนี้ก็หมายความว่า หมอไป๋ผู้นั้นก็รู้ว่าเด็กคนนั้นยังไม่ตายสินะ”
ไป๋เจินจูรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่เจ้าค่ะๆ เขาไม่รู้ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แล้วเจ้าค่ะ”
เผยชิงหานถอนใจโล่งอก “เช่นนั้นแล้วมีอะไรน่ากลัว”
“ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัว เพียงแต่ตอนนั้นข้าได้ยินชื่อของนางแล้วก็พลันลนลาน เป็นข้าที่เสียกิริยาเจ้าค่ะ” ไป๋เจินจูยิ้มเจื่อน
เผยชิงหานหายสงสัยแล้ว จึงโบกมือว่า “เอาละๆ เจ้าก็ไม่ได้รู้จักการวางตัวทางสังคมนัก ต่อไปก็ค่อยๆ ปรับตัวเสีย จำคำของข้าไว้ พบเจอเรื่องใดอย่างใดแตกตื่น ต้องใจเย็นเข้าไว้ ยิ่งแตกตื่นก็ยิ่งมีแต่จะเสียเรื่อง เข้าใจหรือไม่”
ไป๋เจินจูพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แต่พวกเขาเหมือนจะไม่อยากรับข้าเป็นบุตรีนะเจ้าคะ” สถานที่แห่งนั้น นางไม่อยากกลับไปแม้อีกสักครั้ง
Comments