คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 655 เสียการใหญ่ / 656 ไม่รู้อะไรสักอย่าง
ตอนที่ 655 เสียการใหญ่
เผยชิงหานแค่นหัวเราะ “พวกเขาจะอยากรับหรือไม่ก็ไม่ต้องสนใจ เจ้าจำไว้ก็พอว่าตอนนี้เจ้าคือคุณหนูใหญ่แห่งสกุลเผย บุตรีแห่งจวนชางหยวนโหว เข้าใจหรือไม่”
ไป๋เจินจูรีบตอบรับ “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
เผยชิงหานเกลียดสตรีที่ตอบรับว่าเห็นชอบเพียงลูกเดียวเช่นนี้เป็นที่สุด เมื่อเห็นไป๋เจินจูเป็นเช่นนั้น ในใจเขาก็ยิ่งรังเกียจ จึงโบกมือเอ่ยว่า “ออกไปเสีย”
เมื่อไป๋เจินจูออกจากห้องหนังสือไปแล้ว ลมข้างนอกพัดพาให้นางรู้สึกหนาวเหน็บจนตัวสั่นอยู่ระลอกหนึ่ง เสื้อผ้าด้านในเปียกชุ่มอยู่นานแล้ว หากไม่ใช่เพราะมีชุดคลุมด้านนอกบดบังเอาไว้ ความน่าอับอายของนางคงปรากฏออกมาให้ผู้อื่นเห็น
ทันทีที่กลับไปถึงเรือนหลาน ไป๋เจินจูก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่พบปะผู้ใด เอาแต่นอนเหม่อลอยอยู่บนเตียง
ทำเช่นไรดี นางเด็กน่าตายไป๋จื่อมาแล้วหรือนี่ ว่าแต่นางมาได้อย่างไร เหตุใดนางถึงตามติดเหมือนวิญญาณตามตัวเช่นนี้ จะไม่ยอมเห็นตนได้ดิบได้ดีเลยกระมัง
บัดนี้นางอยู่ที่สกุลตงฟาง แล้วฐานะของนาง…ไม่ ไม่มีทาง ดูจากท่าทางของตงฟางหว่านเอ๋อร์แล้ว เห็นได้ชัดว่ายังไม่รู้ฐานะของไป๋จื่อ หากพวกเขารู้ฐานะของไป๋จื่อละก็ เหตุใดจะไม่ยอมฉีกหน้ากันซึ่งหน้าเล่า
ทำเช่นไรดี
ไม่ได้การแล้ว นางนั่งคอยท่าอยู่เฉยๆ ไม่ได้ หากปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไปนานเข้า ตำแหน่งคุณหนูใหญ่แห่งสกุลเผยต้องถูกไป๋จื่อแย่งไปแน่
“เด็กๆ!”นางลุกขึ้นจากเตียง เรียกคนที่อยู่ข้างนอก
สาวใช้เปิดประตูเข้ามา ย่อกายทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่มีคำสั่งใดเจ้าคะ”
“เตรียมรถ ข้าจะไปเยี่ยมพ่อและแม่เลี้ยงที่เรือนรับรอง” ไป๋เจินจูกล่าว
ครั้นสาวใช้รับคำแล้ว ไป๋เจินจูก็สั่งอีกว่า “เตรียมของไปสักหน่อยด้วย”
สาวใช้เงยหน้ามองนางครั้งหนึ่ง แต่เห็นนางไม่ได้สั่งอะไรอีก จึงออกจากห้องไป
ฝ่ายสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกถามว่า “มีอะไรหรือ”
“คุณหนูใหญ่บอกว่าจะไปเรือนรับรอง ให้เตรียมรถม้าและของขวัญ” สาวใช้เอ่ย
สาวใช้อีกคนหนึ่งยิ้มถาม “ของขวัญ? เตรียมของขวัญอะไร”
สาวใช้ส่ายหน้า “คุณหนูไม่ได้บอก เตรียมๆ ไปเถอะ จำพวกขนมหวานหรือใบชาก็ใช้ได้ เตรียมไปอย่างละจำนวนหนึ่งก็พอแล้วละ” เรื่องการเตรียมของขวัญเช่นนี้ โดยทั่วไปแล้วเจ้านายจะกำชับด้วยตนเองว่าควรเตรียมอะไรบ้าง
ทว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้น่าจะยังไม่รู้ประสาเท่าไร อีกอย่างนางเพิ่งมาอยู่ที่จวนโหวได้ไม่นาน นายท่านเองก็ไม่ได้เอ่ยอนุญาตอะไร นางย่อมไม่มีสิทธิ์ใช้ของดีๆ ภายในจวนอยู่แล้ว
โชคดีที่เมื่อครู่นางไม่ได้ปากมาก ไม่เช่นนั้นหากเซียงอี๋เหนียงรู้เข้า นางคงจะต้องลำบากเป็นแน่
ไป๋เจินจูออกมาจากจวนโหว มุ่งหน้าไปยังเรือนรับรองอย่างเร็วนี่
นี่เป็นครั้งแรกที่นางออกมาจากในจวนเพียงลำพัง ทว่าตอนนี้นางไม่มีกะใจชื่นชมความคึกคักและรุ่งเรืองของเมืองหลวงเอาเสียเลย
“โอ้…นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่หรอกหรือ ไยคุณหนูใหญ่ถึงมีเวลามาพบคนต่ำต้อยเช่นพวกข้าเล่า” หลิวซื่อเห็นมองไป๋เจินจูที่แต่งกายงดงามทั้งตัว เห็นแล้วเข็ดฟันจนแทบจะร่วงลงมา
ไป๋เจินจูกล่าวกับสาวใช้ที่อยู่เบื้องหลัง “พวกเจ้าคอยข้าอยู่ที่ลานบาน ข้ากับแม่เลี้ยงมีธุระจะพูดกัน”
หลิวซื่อเห็นสีหน้านางแปลกไป จึงไม่ได้พูดอะไรมากอีก เพียงตามนางเข้าไปในเรือน
“เป็นอะไรไป ชีวิตของคุณหนูใหญ่ไม่สุขสบายหรือ เหตุใดมีสีหน้าอมทุกข์ปานนี้” เมื่อเข้าไปในเรือนแล้ว หลิวซื่อก็อดค่อนแคะไม่ได้
ไป๋เจินจูนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะพูดกับหลิวซื่อว่า “ไป๋จื่อมาที่นี่แล้ว”
หลิวซื่อพลันชะงักงัน “เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
ไป๋เจินจูเงยหน้าขึ้นมองหลิวซื่อ พูดย้ำชัดทีละคำ “ไป๋จื่อมาที่เมืองหลวงแล้ว ตอนนี้อยู่ที่เรือนคฤหาสน์สกุลตงฟาง”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร พวกเจ้าพบนางแล้วหรือ” หลิวซื่อถาม
ไป๋เจินจูจึงเล่าเรื่องที่สกุลตงฟางในวันนี้ให้ฟังรอบหนึ่ง หลิวซื่อฟังจบแล้วก็ใจเต้นระส่ำ “หมายความว่า ตอนนี้ไป๋จื่ออยู่ข้างกายแม่แท้ๆ ของเจ้า กำลังรักษาอาการป่วยให้นางอย่างนั้นหรือ เช่นนั้น…ก็เท่ากับเสียการใหญ่แล้วสิ!”
“ก็เป็นเพราะเสียการใหญ่แล้วอย่างไรเล่า ข้าถึงมาปรึกษากับท่านที่นี่” ไป๋เจินจูกล่าว
……….
ตอนที่ 656 ไม่รู้อะไรสักอย่าง
“พวกเขายังไม่รู้ฐานะของไป๋จื่อหรือ” หลิวซื่อถาม
ไป๋เจินจูพยักหน้า “น่าจะยังไม่รู้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางเรียกไป๋จื่อว่าหมอไป๋แน่ ยิ่งไม่มีทางรู้ว่าเผยชิงหานพูดโกหก แล้วจะไม่เปิดโปงเขาแน่นอน แต่ที่น่าแปลกก็คือ พวกเขาทำราวกับว่าไม่ยี่หระข้า ตงฟางหว่านเอ๋อร์ผู้นั้นแม้กระทั่งเอ่ยว่าต้องการหย่ากับเผยชิงหานด้วยซ้ำ”
“หย่า?” หลิวซื่อเพิ่มเสียง “ตงฟางหว่านเอ๋อร์ต้องการหย่ากับท่านโหวหรือ” คำว่าหย่าถือเป็นคำศัพท์ใหม่สำหรับหลิวซื่อ แต่ก็ใช่ว่านางไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าในครอบครัวของผู้สูงศักดิ์จะปรากฏคำนี้ขึ้นมาด้วย
คนเหล่านี้ไม่ได้ต้องการรักษาเกียรติไว้อย่างถึงที่สุดหรือ เหตุใดยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เผยชิงหานผู้นั้นเป็นถึงโหวผู้สง่างามเชียวนะ
หลิวซื่อามว่า “เช่นนั้นตงฟางหว่านเอ๋อร์มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ถึงได้กล้าพูดเรื่องการหย่ากับท่านโถว”
ไป๋เจินจูส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ แต่ดูจากท่าทีของเผยชิงหานที่มีต่อนายใหญ่ตงฟางแล้ว ที่มาที่ไปย่อมไม่ธรรมดาแน่ เผยชิงหานเข้าไปในจวนนั้นตั้งนาน ทว่าไม่มีใครเชิญให้เขานั่ง ชาก็ไม่มีการยกมาให้ ให้เขายืนพูดจาอยู่เช่นนั้น”
“ท่าทางไม่ธรรมดาจริงๆ นั่นแหละ” หลิวซื่อพยักหน้า
“วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อพูดจาไร้สาระกับท่าน แค่มาเพื่อปรึกษาแผนการกับท่านต่างหาก หากเรื่องของไป๋จื่อเปิดเผยออกมาแล้ว ไม่เพียงข้าที่จะถูกเตะออกจากจวน พวกท่านเองก็เช่นกัน ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ต่อ มีอาหารเครื่องดื่มเลิศรส มีคนคอยรับใช้ เช่นนั้นก็ต้องทำอะไรสักอย่าง จัดการเรื่องนี้ให้ข้าที” ไป๋เจินจูเอ่ย
หลิวซื่อมุ่นคิ้ว “จัดการ? จัดการอย่างไร เจ้าพูดน่ะง่าย คิดว่าแค่ริมฝีปากบนและล่างกระทบกันแล้วก็สิ้นเรื่องรึ”
ไป๋เจินจูรู้ว่านางกำลังจะขอเงิน จึงนำสิ่งของที่นำติดตัวมาด้วยออกมา เป็นเงินตำลึงสองก้อน ปิ่นปักผมทองสองชิ้น และกำไลหยกอีกคู้หนึ่ง
“ตอนนี้ข้านำมาได้เท่านี้ แต่หากเสร็จเรื่องแล้ว ต่อไปจะต้องมีผลประโยชน์ในส่วนของพวกท่านไม่น้อยแน่” ไป๋เจินจูดันข้าวของไปตรงหน้าของหลิวซื่อ
หลิวซื่อมองตรงไปข้างหน้า สีหน้าปีติยิ่งนัก ก่อนจะรีบสวมกำไลหยกไว้บนมือตนเอง จากนั้นก็ปักปิ่นทองไว้ที่มวยผม ทั้งยังถามไป๋เจินจูด้วยว่างามหรือไม่
ไป๋เจินจูไหนเลยจะมีอารมณ์ชมว่านางงามหรือไม่ เพียงทำหน้าเคร่งกล่าวว่า “ท่านป้า ไม่ว่าพวกท่านจะใช้วิธีการอะไร จะต้องทำให้ไป๋จื่อหายไปให้ได้ หายไปตลอดกาล”
ตอนนี้หลิวซื่อเห็นเพียงเงินทองในสายตา จึงไม่ได้คิดเรื่องอื่นเท่าไรนัก นางตอบอย่างขอไปทีว่า “ได้สิ เรื่องนี้ไว้ใจข้าได้เลย แต่พวกเราต้องตกลงกันไว้ก่อนนะ ว่าของเหล่านี้เป็นแค่เงินมัดจำเท่านั้น เมื่อเสร็จงานแล้วเจ้าอย่าได้ลืมผลประโยชน์ของพวกข้าเสียละ”
ไป๋เจินจูรับปาก ไม่อยากมองใบหน้าหิวเงินของนางอีก จึงลุกขึ้นจากไป
เมื่อไป๋เจินจูไปแล้ว เจ้าใหญ่และบุตรชายสองคนก็รีบเข้ามา ฝ่ายเจ้าใหญ่ถามว่า “ว่าอย่างไรบ้าง”
คราวนี้หลิวซื่อถึงจะตื่นจากภวังค์ เล่าเรื่องที่ไป๋เจินจูฝากฝังรอบหนึ่ง
“แล้วคฤหาสน์สกุลตงฟางอยู่ที่ใดเล่า” เจ้าใหญ่ถาม
ทว่าหลิวซื่อกลับส่ายหน้า “ไม่ได้ถาม ไม่รู้เหมือนกัน”
“แล้วนายใหญ่ตงฟางเป็นใคร”
“ไม่รู้…”
“นี่เจ้ารู้อะไรบ้าง แล้วจะจัดการอย่างไรเล่า”
หลิวซื่อส่ายหน้าต่อ “ไม่รู้…”
เจ้าใหญ่ยื่นมือไปดึงปิ่นทองบนศีรษะนางออก แล้วยัดก้อนเงินตำลึงบนโต๊ะใส่ในอกเสื้อ จากนั้นก็ชี้ไปยังกำไลหยกบนมือนาง “เอามา”
หลิวซื่อส่ายหน้าอีก รีบซ่อนมือไว้ด้านหลัง “ไม่ได้ๆ เหลือสิ่งนี้ไว้ให้ข้าเถอะ”
เจ้าใหญ่เข้าไปแย่งเสียเลย ชุลมุนอยู่ไม่นานก็ได้กำไลหยกมาไว้ในมือ ก่อนจะถือสิ่งของเหล่านั้นหมุนกายจากไป ทำเอาหลิวซื่อโมโหจนหายใจไม่ทันเลยทีเดียว
Comments