คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 657 ไม่แยกจากกันอีก / 658 ลูกกลับมาแล้ว
ตอนที่ 657 ไม่แยกจากกันอีก
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมากลางดึก นางลุกขึ้นนั่งทันทีที่ลืมตา ก่อนจะเลิกผ้าห่มลงจากเตียง พาให้ชุ่ยเอ๋อร์ที่ฟุบฟน้าหลับอยู่ข้างเตียงตื่นขึ้นด้วย เห็นเพียงฮูหยินเท้าแตะพื้นแล้ว เสื้อคลุมไม่ได้สวม สวมก็แต่เพียงเสื้อนอนตัวบาง พลางถลันออกไปข้างนอก
ชุ่ยเอ๋อร์เห็นดังนั้นก็ขวางฮูหยินเอาไว้ “ฮูหยิน ท่านจะไปที่ใด ข้างนอกอากาศหนาว ท่านออกไปไม่ได้นะเจ้าคะ”
ไหนเลยตงฟางหว่านเอ๋อร์จะสนใจ นางดันร่างชุ่ยเอ๋อร์ออก ก่อนจะสาวเท้าออกไปข้างนอก ชุ่ยเอ๋อร์จึงรีบหมุนกายกลับไปหยิบเสื้อคลุม ทว่าเมื่อนางออกมาอีกครั้ง กลับไม่เห็นเงาร่างของฮูหยินเสียแล้ว
จริงสิ นางต้องไปหาหมอไป๋แน่นอน ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ชุ่ยเอ๋อร์คิดได้แล้วก็นำเสื้อคลุมตัวนั้นวิ่งไปยังเรือนพักของไป๋จื่อ
ไป๋จื่อหลอมยาอยู่ในลานบ้าน บัดนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว นางหยิบผ้าออกมาซับเหงื่อ ทันใดนั้นพลันมีคนเปิดประตูลานบ้าน ตงฟางหว่านเอ๋อร์ปรี่เข้ามาพร้อมอาภรณ์น้อยชิ้น บนใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ยืนอยู่ที่หน้าประตูเช่นนั้น มองไป๋จื่อพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย พยายามอ้าปากเอ่ยวาจา แต่ไม่มีเสียงใดเปล่งออกมาเลยสักนิด
“ฮูหยิน ท่านตื่นแล้วหรือ” ขอบตานางร้อยผ่าว หัวใจรู้สึกวูบไหวเล็กน้อย ได้พบญาติที่แยกจากกันไปหลายปี เป็นความรู้สึกเช่นนี้นี่เองสินะ
“ลูกแม่…” ตงฟางหว่านเอ๋อร์เดินไปหาไป๋จื่อทีละก้าว มือที่ยื่นออกไปสั่นเทาอย่างต่อเนื่อง นางอยากลูบใบหน้าของบุตรี ทว่าก็กลัวจะทำให้รู้นางรู้สึกหนาว จึงรีบเป่าลมร้อนใส่ฝ่ามือของตนเองให้อบอุ่น แล้วค่อยจับหน้าของนาง บุตรีที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง ผู้แยกจากกันไปนานถึงสิบสามปี
ไป๋จื่อเห็นนางเป็นเช่นนั้น เห็นมือของนางแข็งจนกลายเป็นสีม่วงแล้ว คราวนี้ถึงได้พบว่านางไม่ได้สวมเสื้อคลุม เท้าก็เปลือยเปล่าด้วยเช่นกัน จึงเร่งพานางไปนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของนางไว้ จากนั้นค่อยใช้ผ้าเช็ดเท้านางจนสะอาด ขณะเช็ดก็น้ำตาร่วงผล็อย แต่ละหยดร่วงลงบนหลังเท้าของตงฟางหว่านเอ๋อร์ ส่วนน้ำตาของตงฟางหว่านเอ๋อร์นั้น ก็ร่วงลงบนกระหม่อมสีดำขลับของนางหยดแล้วหยดเล่าเช่นกัน
นางนึกถึงพ่อแม่ในยุคปัจจุบัน บุคคลที่ทิ้งนางไว้บนถนนใหญ่ตั้งแต่นางอายุได้เพียงสามขวบ
“ลูกแม่ ลำบากเจ้าแล้ว!” ตงฟางหว่านเอ๋อร์นั่งยองลง โอบนางไว้ในอ้อมกอด หยาดน้ำตาพาให้หัวไหล่ของไป๋จื่อเปียกชุ่มจนสิ้น
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ข้าไม่ลำบากเลย ไม่ลำบากเลยสักนิด ท่านแม่ดีกับข้ามาก ข้ามีชีวิตที่ดีมากเจ้าค่ะ ท่านต่างหาก ท่านลำบากมามากเพื่อข้า ข้าควรจะตามหาท่านพบตั้งนานแล้ว”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้าเช่นกัน ช่วยไป๋จื่อเช็ดน้ำตาบนใบหน้าด้วยมือที่กำลังสั่น “เด็กดี ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือข้าที่ลำบาก ทุกสิ่งก็ล้วนผ่านพ้นไปจนสิ้นแล้ว ต่อไปแม่จะชดใช้ให้เจ้าเป็นเท่าตัว พวกเราสองคนแม่ลูกจะไม่แยกจากกันอีกตลอดกาล”
เด็กสาวพยักหน้า “เจ้าค่ะ พวกเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว”
ชุ่ยเอ๋อร์เข้ามาถึงแล้ว เมื่อเห็นภาพฉากนี้ นางก็น้ำตาไหลลงมาเช่นกัน ร้องไห้อยู่เงียบๆ เช่นนั้น
ตงฟางหว่านเอ๋อร์กล่าวกับชุ่ยเอ๋อร์ว่า “เร็วเข้า นำเสื้อคลุมมาให้ข้า ข้าจะไปพบพี่จ้าว อยากจะโขกศีรษะให้นางสักครั้ง หากไม่มีนาง ข้าตงฟางหว่านเอ๋อร์คงไม่มีวันที่มีความสุขเช่นนี้”
ชุ่ยเอ๋อร์หันหน้าไปมองข้างนอก ก่อนจะเอ่ยว่า “ฮูหยิน ยามนี้แล้วนะเจ้าคะ ฮูหยินจ้าวเข้านอนไปตั้งนานแล้ว พรุ่งนี้เถิดเจ้าค่ะ”
ไป๋จื่อก็เห็นด้วย “พี่ชุ่ยเอ๋อร์พูดถูกเจ้าค่ะ วันนี้ดึกมาแล้ว พรุ่งนี้ค่อยไปพบก็ยังไม่สาย”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์จึงหลุดหัวเราะออกมา “จริงด้วย ที่แท้ก็ดึกป่านนี้แล้วหรือนี่ ข้านอนหลับมากเกินไปจนเลอะเลือน ลืมแม้กระทั่งโมงยาม”
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “นี่คือกลิ่นอะไรหรือ”
ไป๋จื่อพลันชะงัก ถึงจะนึกได้ว่าในหม้อยังหลอมยาอยู่…
“แย่แล้ว เสียเวลาทั้งคืนไปโดยเปล่าประโยชน์ ข้าหลอมยาชิงซินไปห้าชั่วยามเต็มๆ เชียว แต่ตอนนี้มันเสียหายหมดแล้ว” แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่นางก็ยังคงมีแต่ความปีติ ลมหนาวในเรือนก็ไม่ได้เย็นยะเยือกเช่นนั้นอีก กลับกลายเป็นลมอบอุ่นคล้ายยามฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน
……….
ตอนที่ 658 ลูกกลับมาแล้ว
แม้จะเป็นเวลากลางดึก สองแม่ลูกกลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด พวกนางนอนเคียงข้างกันอยู่บนเตียง ความรู้สึกตื้นตันไม่ยอมจางหายไปเสียที
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ถามว่า “จื่อเอ๋อร์ เล่าเรื่องที่หมู่บ้านหวงถัวให้แม่ฟังหน่อยสิ”
ไป๋จื่อกลัวว่านางจะโศกเศร้าเสียใจ จึงเลือกเรื่องดีและสนุกออกมาเล่า บอกนางว่าตนเรียนวิชาแพทย์ด้วยตนเองอย่างไร วางแผนพาจ้าวหลานออกจากสกุลไป๋อย่างไร พบฉู่เยี่ยนที่สูญเสียความทรงจำได้อย่างไร และใช้ชีวิตในหมู่บ้านอย่างสุขสบายอย่างไร
ตงฟางหว่านเอ๋อร์ยิ้มไม่หุบ “ที่แท้บุตรีของข้าก็เก่งกาจนัก ต้องเหมือนข้าเป็นแน่”
สองแม่ลูกผินหน้าไปสบตากัน ก่อนที่จู่ๆ จะหัวเราะขึ้นมา “ท่านแม่ ข้ามองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าท่านจะหลงตัวเองเช่นนี้ด้วย”
“ช่วยไม่ได้ จะโทษก็ต้องโทษตาของเจ้า ข้าเรียนรู้มาจากเขาทั้งนั้นแหละ” ตงฟางหว่านเอ๋อร์ยิ้มกล่าว
ทั้งสองคนสนทนากันไปเช่นนี้จนกระทั่งฟ้าสาง ทว่าพวกนางกลับยังคงไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด
ตงฟางหว่านเอ๋อร์จูงมือไป๋จื่อไปยังเรือนที่จ้าวหลานพักอยู่ ขณะนี้จ้าวหลานกำลังหวีผมให้หรูเอ๋อร์ ครั้นเห็นพวกนางจูงมือกันเข้ามา ก็รู้ได้โดยพลันว่าพวกนางรู้ฐานะกันแล้ว จึงรีบส่งหรูเอ๋อร์ให้สาวใช้ด้านข้าง แล้วรีบออกมาต้อนรับ
ครั้นตงฟางหว่านเอ๋อร์ปล่อยมือของไป๋จื่อ นางก็ก้าวไปหมายจะคุกเข่าลงบนพื้น ทว่าจ้าวหลานกลับประคองนางไว้ได้เสียก่อน “ฮูหยิน ท่านจะทำอะไร ทำเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ!”
เมื่อคุกเข่าลงไม่ได้ ตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็ทำได้เพียงจับมือของจ้าวหลายไว้จนแน่น “พี่หญิง ข้ารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ข้าไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณท่านเช่นไรดี ไม่ว่าจะใช้คำพูดใดก็อธิบายความรู้สึกของข้าไม่ได้”
จ้าวหลานตบหลังมือของนางเบาๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาให้นาง แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “เจ้าเรียกข้าว่าพี่หญิงแล้ว เช่นนั้นยังต้องพูดเรื่องเหล่านั้นอีกหรือไร จื่อเอ๋อร์นางไม่เพียงเป็นบุตรีของเจ้านะ แต่นางเป็นบุตรีของข้าด้วยเช่นกัน ทุกอย่างที่ข้าทำลงไปก็เป็นสิ่งที่ควรทำแล้ว”
ตงฟางหว่านเอ๋อร์พยักหน้า “จริงของท่าน ท่านพูดถูก จื่อเอ๋อร์เป็นบุตรีของพวกเราสองคนตั้งแต่นี้เป็นไป”
ไป๋จื่อก้าวเข้าไปกอดพวกนางสองคน จู่ๆ ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่
เมื่อก่อนนางอยากได้รับความรักจากแม่เหมือนคนอื่นๆ บ้าง แต่ไม่ว่านางจะอยากได้เพียงใด ก็เหมือนกับไม่มีวาสนาต่อความรักนั้นเลย
ทว่าตอนนี้นางไม่เพียงได้รับความรักเท่านั้น ยังมีแม่สองคนรุมรักนางในเวลาเดียวกันอีก
ยามที่มีความสุขขึ้นมา อะไรก็ขวางไม่ได้เลยจริงๆ!
…
วังฉู่
หลังจากหูเฟิงเข้าวัง เขาก็จัดหาที่พักให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาจนเรียบร้อย แล้วค่อยนำโจวกัง ฟู่เจิง และอาอู่สามคนเข้าวังไปด้วยกัน
ฮ่องเต้รออยู่ที่ห้องทรงอักษรตั้งนานแล้ว เมื่อได้ยินว่าจิ้นอ๋องกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ พระองค์จึงออกมาต้อนรับที่นอกตำหนักด้วยความตื่นเต้น
ครั้นเห็นเงาร่างสูงใหญ่และผึ่งผายเดินเข้ามา พระองค์ก็เดินเข้าไปหาอย่างอดไม่ได้ จนกระทั่งหยุดอยู่เบื้องหน้าของโอรส
หูเฟิงคุกเข่าลงทำความเคารพ ฝ่ายฮ่องเต้พลันรีบประคองเขาลุกขึ้น “เยี่ยนเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว พ่อรู้ว่าเจ้าจะต้องกลับมา จะช้าจะเร็วอย่างไรเจ้าก็จะกลับมา”
ฮ่องเต้ที่อยู่เบื้องหน้ากับฮ่องเต้เมื่อสิบปีก่อนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน เพียงแค่สิบปีเท่านั้น แต่พระองค์กลับชราลงไปมากถึงเพียงนี้ จอนผมที่เคยเป็นสีดำ บัดนี้กลายเป็นสีดอกเลา ริ้วรอยบนใบหน้าลึกและชัดเจน ไม่ใช่เสด็จพ่อในความทรงจำของเขาแล้ว
ทว่ายามที่ดวงเนตรคู่นั้นมองเขา มันยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังและรักใคร่ ยังคงเป็นเช่นเมื่อก่อนไม่มีผิดเพี้ยน
“เสด็จพ่อ ลูกกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เขารู้สึกใจสั่นเล็กน้อย เมื่อได้พิจารณาเสด็จพ่ออย่างละเอียดเช่นนี้ เขาถึงได้รู้สึกว่าราชาแห่งแคว้นตรงหน้าก็เป็นเพียงชายชราคนหนึ่ง ที่รอบุตรชายกลับมาก็เท่านั้นเอง
Comments