คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 497 กรงงู / 498 จับงู
ตอนที่ 497 กรงงู
ไม่นานต้วนเฉิงก็กลับมาพร้อมกับไม้ไผ่กระดองเต่ากองหนึ่ง นายทหารผู้นั้นหยิบมีดพกขึ้นมาเริ่มเหลาต้นไผ่ จนมันกลายเป็นแผ่นไม้ไผ่บางๆ เส้นหนึ่ง
“ทำให้มากหน่อย พวกเราสานกรงสักสองสามอัน พรุ่งนี้จับงูกลับมาสักแปดถึงสิบตัว ไม่ใช่แค่ได้กินน้ำแกงงูข้นเท่านั้น ยังได้กินเนื้องูย่างด้วย ประเสริฐนัก!” ต้วนเฉิงก็ไม่ได้กินเนื้อสัตว์มานานแล้วเช่นกัน ครั้นนึกถึงรสชาติของน้ำแกงงูข้นเมื่อครู่นี้ เขาก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองด้วยความตะกละเสียจริงๆ
ตอนที่นายทหารกำลังสานกรงงูอยู่นั้น ไป๋จื่อกับต้วนเฉิงมองแล้วรู้สึกสนใจ จึงร่วมสานไปกับเขาด้วย ต่อมาหมอเฉินก็เข้ามาร่วมวงด้วยเช่นกัน นายทหารสองคนที่อาการบาดเจ็บทุเลาขึ้นแล้ว ทั้งยังเดินเหินได้สะดวกก็มาร่วมด้วยช่วยกัน คนเยอะกำลังมาก ไม่นานนักก็สานกรงออกมาได้รวดเดียวถึงสิบอัน
ไป๋จื่อยิ้มว่า “หากงูแถวนี้รู้ว่าพวกเราทำกรงงูมากมายถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงจะต้องเผ่นกันไปหมดแน่”
“เช่นนั้นข้าจะไปวางกรงไว้ พรุ่งนี้เช้าจะได้กินน้ำแกงงูข้น” ต้วนเฉิงกล่าว
นายทหารคนหนึ่งก็ยิ้มเช่นนั้น “นั่นไม่แน่หรอก การจับงูต้องอาศัยโชค ตอนนี้เขาฤดูหนาวแล้ว แม้งูจะยังไม่เริ่มจำศีล แต่ก็ออกมาเพ่นพ่านน้อยมาก อยากจะจับให้ได้สักสิบตัวในคราวเดียว เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายนะ”
“ถึงจะไม่ง่าย แต่ข้าก็โชคดีไม่หยอก” ต้วนเฉิงยิ้ม
ไป๋จื่อกล่าวต่ออีกว่า “เติมถั่วมันๆ ที่ผ่านการแช่น้ำแล้วลงไปในเหยื่อสักหน่อย กลิ่นของถั่วเป็นกลิ่นที่งูชอบมากที่สุด ขอเพียงพวกมันอยู่ใกล้ๆ จะต้องได้กลิ่นอย่างแน่นอน”
นายทหารคนนั้นมีสีหน้าประหลาดใจ “เจ้ารู้วิธีการนี้ได้อย่างไร นี่เป็นวิธีการจับงูที่ตกทอดกันในตระกูลของพวกข้า คนทั่วไปไม่มีทางรู้ได้”
‘ในยุคปัจจุบัน ไม่มีเรื่องอะไรที่คนอยากรู้ แล้วจะไม่สามารถรู้ได้ ยุคแห่งการแบ่งปันข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูมาถึงร้อยปี ด้วยต้องการที่จะพัฒนาโลกต่อไปเรื่อยๆ’ ไป๋จื่อกล่าวในใจ
เหตุผลที่ยุคโบราณมีแต่ความยากจนและขาดซึ่งองค์ความรู้ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับการที่ไม่สามารถแบ่งปันข้อมูลกันได้ ทุกคนต่างก็เก็บการประดิษฐ์และการค้นพบใหม่ไว้เป็นความลับของตระกูล จึงไม่มีทางที่จะแบ่งปันการประดิษฐ์และการค้นพบที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นกับโลกใบนี้ การพัฒนาระหว่างยุคสมัยจึงเกิดขึ้นได้ยากเช่นกัน
ไป๋จื่อยิ้มจาง “ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญ ครอบครัวของข้ารู้วิธีนี้กันทุกคน มันไม่นับว่าเป็นความลับอะไร”
ต้วนเฉิงตามหาถั่วที่มีความมันออกมาจากในวัตถุดิบยากองใหญ่อย่างรวดเร็ว เขานำมันไปแช่น้ำไว้ก่อน แล้วจึงผสมเข้ากับเหยื่อล่อ แบ่งใส่ในกรงหลายอัน ก่อนจะบังคับรถม้าของไป๋จื่อ นำกรงงูไปจัดวางอยู่ทั่วบริเวณ วุ่นวายจนกระทั่งฟ้าสว่าง…
เขาเหนื่อยล้าจนลืมตาแทบไม่ขึ้น จึงกลับไปนอนที่กระโจมหลังเล็ก
ไป๋จื่อกล่าวกับหมอเฉินว่า “ต้วนเฉิงพยายามมากทีเดียว เพื่อที่จะได้กินน้ำแกงงูข้น”
หมอเฉินส่ายหน้าอย่างจนใจ “เขาก็แค่ตะกละเท่านั้นแหละ ความจริงแล้วเป็นเพราะพ่อครัวของหน่วยเสบียงไม่มีฝีมือ ไม่ได้กินไขมันและเนื้อสัตว์นานถึงครึ่งเดือนจึงเป็นเรื่องปกติ ครั้งนี้นานเป็นพิเศษ ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว อย่าว่าแต่ต้วนเฉิงเลย ข้าเองก็รู้สึกเป็นทุกข์เช่นเดียวกัน”
“หากใกล้ๆ นี้มีตลาดก็คงดี พวกเราจะได้ไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารบ้าง” ไป๋จื่อถอนใจเช่นกัน
หมอเฉินโบกมือ “สถานที่เช่นนี้จะมีตลาดที่ไหนกัน แทบจะไม่มีใครอาศัยอยู่ละแวกนี้เลยด้วยซ้ำ ผักที่กินกันในค่ายทหารก็เป็นฝีมือการปลูกของเหล่าทหาร นอกจากปลูกผักกาดขาวแล้ว ก็ไม่ได้ปลูกอะไรอย่างอื่นอีก ทุกวันจึงมีแต่ผักกาดขาวกิน” หมอเฉินรู้สึกจนใจอย่างมาก รู้สึกว่าตนเองใกล้จะกลายเป็นผักกาดขาวแล้ว
“เหตุใดวันนี้ไม่มีผู้บาดเจ็บถูกส่งมาเลยเล่าขอรับ” ไป๋จื่อถาม
“ข้าได้ยินมาว่าวันนี้จอมพลหวังนำกองทัพหนึ่งแสนนายมาถึงชายแดน พวกเขาน่าจะปักหลักตั้งค่ายห่างออกไปห้าลี้ ก่อนที่ทั้งสองกองทัพจะรวมเป็นหนึ่ง ก็จะถือว่าพักรบชั่วคราว”
ไป๋จื่อถามอีกว่า “จอมพลหวังผู้นี้มาจากเมืองหลวงหรือขอรับ เขาต่อสู้เป็นหรือไม่”
……….
ตอนที่ 498 จับงู
หมอเฉินกล่าว “จอมพลหวังต่อสู้เป็นแน่นอน เจ้าอย่ามองว่าตอนนี้เขาอายุมากแล้วเชียว ปีนั้นเขาเป็นจอมพลด่านหน้าพิชิตสมรภูมิ ได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพสงคราม จิ้นอ๋องก็เป็นลูกศิษย์ของเขา เห็นเขาเป็นอาจารย์ของตนในด้านการต่อสู้ แต่น่าเสียดายที่…”
“น่าเสียดายอะไรหรือ” ไป๋จื่อถาม
อีกฝ่ายส่ายหน้า ก่อนจะเงยหน้ามองดวงอาทิตย์เจิดจ้าที่ลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้า สุดท้ายถอนใจเสียงหนึ่ง “โลกของเราก็เป็นเช่นนี้ คนดีอายุไม่ยืนยาว คนชั่วกลับอายุยืนเป็นพันปี ใครบอกโลกนี้มีเรื่องเวรกรรม แล้วไยคนดีต้องพบเจอเรื่องพรรค์นี้ โกหกทั้งเพ!”
ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น สีหน้าของหมอเฉินก็เริ่มดุดัน แทบจะปลดปล่อยความโกรธแค้นออกมาจากดวงตาได้แล้ว
เขากำลังโกรธแค้นอะไร และโกรธแค้นเช่นนี้เพราะใคร
คนดีอายุสั้นที่เขาพูดถึง หมายถึงหูเฟิงใช่หรือไม่
นางมีอะไรอยากถามมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าถามออกมา คำพูดบางคำ เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าจะพูดออกมาได้โดยง่าย หมอเฉินอยู่ฝ่ายใด ตอนนี้นางไม่แน่ใจเป็นอย่างยิ่ง
จอมทัพหวังผู้นั้นเป็นเช่นไร นางอยากจะเห็นเขาสักครั้งยิ่งนัก ในเมื่อเขาเป็นอาจารย์ในสนามรบของหูเฟิง ก็ต้องมีความผูกพันกับหูเฟิงที่ไม่ธรรมดาอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นแม่ทัพชั่วช้าเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบจัดการโจวกังและฟู่เจิงก่อนที่เขาจะมาถึงหรอก
พวกเขาทำเช่นนี้โดยมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนมาก นั่นก็คือไม่อยากให้จอมพลหวังรู้ว่าสามปีนี้พวกโจวกังอยู่ที่ทัพใหญ่ และผู้ใต้บังคับบัญชาของจิ้นอ๋องทำอะไรบ้าง
น่าเสียดายยิ่งนัก เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของจิ้นอ๋องไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองคน พวกเขาใช้เวลาสามปีช่วงชิงชีวิตของคนหลายหมื่น แต่คนที่เหลืออีกหลายหมื่นก็ยังมีชีวิตอยู่ คนเหล่านี้เป็นหลักฐานมีชีวิตที่ดีที่สุด
“จอมพลหวังท่านนี้อายุมากแล้ว ระหว่างทางจากเมืองหลวงมาที่นี่ เขาคงได้รับความลำบากไม่น้อย พวกเราต้องไปตรวจอาการหรือจับชีพจรให้เขาหรือไม่”
หมอเฉินส่ายหน้า “ไม่จำเป็น จอมพลหวังออกรบย่อมมีหมอทหารของตนเองมาด้วย พวกเราไม่ต้องลำบากหรอก”
จากนั้นจู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้ รีบกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าจอมพลหวังชอบกินของป่า หากจับงูได้จริงๆ ถึงเวลานั้นก็ส่งไปให้เขาสักถ้วยก็ได้”
เปลวไฟในใจไป๋จื่อที่เพิ่งดับมอดพลันลุกโชติช่วงอีกครั้ง นางรู้สึกขอบคุณต้วนเฉิงในทันที หากไม่ใช่เพราะเมื่อวานต้วนเฉิงอยากจะจับงูให้ได้ นางจะมีโอกาสเช่นนี้ได้หรือไร
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็พุ่งไปที่กระโจมหลังเล็ก ปลุกต้วนเฉิงที่เพิ่งนอนหลับไปได้ไม่นาน “รีบตื่นเร็ว”
ต้วนเฉิงขยี้ตาพลางมองนาง กล่าวเสียงงัวเงีย “ทำอะไรของเจ้า ข้าง่วงจะตายอยู่แล้ว!”
“เจ้าอยากกินน้ำแกงงูข้นไม่ใช่หรือ แล้วงูเล่า” ไป๋จื่อถาม
ต้วนเฉิงหรี่ตา ร่างกายเอนลงเบื้องล่าง “ตอนนี้ข้าคิดอะไรไม่ออก อยากนอนเท่านั้น”
ไป๋จื่อดึงให้เขาลุกขึ้นอีกครั้ง “เมื่อคืนพวกเราวุ่นวานกันอยู่นาน ไม่ใช่เพื่อกินน้ำแกงงูข้นหรอกหรือ ตอนนี้ไปเก็บกรงน่าจะพอใช้ได้แล้ว รีบไปเถอะ”
นางลากต้วนเฉิงลงจากเตียง แล้วนำผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้าให้เขา คราวนี้เขาถึงจะตื่นเต็มตา ตอนนี้เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ ทำได้เพียงออกไปเก็บกรงแล้ว
ยามต้วนเฉินกลับมา เขากระปรี้กระเปร่ากว่าตอนที่ออกไปนัก ขณะนี้เขานำกรงสามอันพร้อมกระโดดลงจากรถม้า ก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตาให้ไป๋จื่อและหมอเฉิน พร้อมกันนั้นก็เขย่ากรงไปมาราวกับได้รับของล้ำค่า “ดูสิว่านี่อะไร”
ในกรงทั้งสามต่างก็มีงูอยู่สามตัว กำลับขยับขยุกขยิกอยู่ข้างในด้วยความไม่สบายใจ
“มากเพียงนี้แล้ว ใช้ได้เลยนะ” ไป๋จื่อยกนิ้วโป้งให้ต้วนเฉิง
ต้วนเฉิงยิ่งได้ใจ “เจ้ารีบหน่อยแล้วกัน ตอนนี้ข้าอยากกินน้ำแกงงูข้นถ้วยใหญ่” เขาเหนื่อยมานานขนาดนี้ ย่อมรอไม่ได้อีกแม้แต่เค่อเดียวแล้ว!
Comments