คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 9 ไล่ตีเหมือนไล่สุนัข / 10 พูดมั่วหน้าตาเฉย

Now you are reading คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา Chapter 9 ไล่ตีเหมือนไล่สุนัข / 10 พูดมั่วหน้าตาเฉย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 9 ไล่ตีเหมือนไล่สุนัข

ไป๋จื่อประจันหน้ากับหลิวซื่อ เห็นอีกฝ่ายหยิบไม้กวาดเข้ามา เด็กสาวก็ก้มลงหยิบไม้ซักผ้าบนพื้นขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหวดมันกลับไปทางหลิวซื่อ บัดนี้หลิวซื่อสนใจแต่จ้าวซื่อ จึงมองไม่เห็นไป๋จื่อหยิบไม้ซักผ้า ยิ่งคาดไม่ถึงว่าไป๋จื่อที่ได้รับบาดเจ็บจะหวดไม้ตีนาง ครั้นไม้ซักผ้านี้กระทบตัวนางเข้า นางก็เจ็บปวดจนต้องร้องโอดโอยออกมา

“ท่านก็รู้จักเจ็บด้วยหรือ ก่อนหน้าที่แม่ข้าจะกลับมา ท่านใช้ไม้ซักผ้านี้ตีข้าไปกี่ครั้ง ท่านเคยนับบ้างหรือไม่” ตอนที่นางเพิ่งฟื้นขึ้นมา นางเจ็บไปทั้งตัวจนแทบจะแตกสลาย ตอนนี้ฮึดขึ้นมา จึงยิ่งเจ็บยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าต่างหาก คอยดูเถอะ วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย” ทั้งชีวิตนี้ของหลิวซื่อไม่เคยเสียเปรียบเช่นวันนี้ ก่อนหน้านี้นางโดนจ้าวซื่อตบหน้า บัดนี้ยังถูกนางเด็กเจ้าเล่ห์ใช้ไม้ซักผ้าตีอีก ช่างน่าอับอายเสียจริงๆ

ไป๋จื่อก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ แม้นางจะเป็นแค่หมอคนหนึ่งในศตวรรษที่ยี่สิบสาม แต่นางก็มีงานอดิเรกมากมาย ยูโด เทควันโด การต่อสู้ผสมผสาน นางล้วนชำนาญไปเสียทุกอย่าง แม้ตอนนี้นางจะไม่มีกำลังวังชาเท่าไร ทว่าชัยชนะอยู่ที่จิตใจ ต้องรับมือกับสตรีมุทะลุเช่นหลิวซื่อ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

เดิมทีหญิงชราเข้าไปในเรือนแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องของหลิวซื่อดังขึ้นอีก นางก็รีบพุ่งออกมา ทันทีที่เห็นสะใภ้ใหญ่ถูกนางเด็กเจ้าเล่ห์ไป๋จื่อไล่ตี นางพลันตกใจจนลูกตาแทบหลุด

ปกติหลิวซื่อผู้นี้เป็นคนกล้าหาญมาก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเสียเปรียบให้ผู้ใด คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกเด็กสาวคนหนึ่งไล่ตีเหมือนไล่สุนัข

หญิงชราค้นหาไม้ท่อนหนึ่งจากในบ้าน แล้วพุ่งเข้าไปช่วยหลิวซื่อ ไป๋จื่อเห็นว่าหญิงชราผู้นี้ไม่เข้าตา บาดแผลเหล่านี้บนตัวนาง เกินกว่าครึ่งเป็นฝีมือของท่านย่าผู้นี้ หากไม่ตีคืนสักสองสามครั้ง เช่นนั้นก็ไม่ยุติธรรมกับนางเลยกระมัง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ยกขาขึ้น ถีบหลิวซื่อล้มคว่ำลงกับพื้นเสียเลย จากนั้นค่อยยื่นมือออกไปดึงไม้ท่อนของหญิงชรา แน่นอนว่านางเป็นหมอ รู้ว่าตีส่วนไหนบนร่างกายคนให้เจ็บได้บ้าง ทว่าไม่ถึงชีวิต

หญิงชราจะไปคาดคิดได้อย่างไร เด็กคนนี้ไม่เพียงกล้าตีท่านป้าใหญ่ของนาง แม้กระทั่งท่านย่าผู้นี้ก็ไม่ปล่อยเช่นกัน นางเด็กคนนี้ฟาดตัวนางอยู่หลายไม้ เจ็บจนนางเกือบจะสลบไปภายในไม่กี่ครั้ง อีกทั้งเด็กสาวคนนี้หยิกนางตอนที่กำลังจะสลบไปอยู่ตลอด ทำให้นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง อยู่ไม่สู้ตายเสียจริงๆ

จ้าวหลานเห็นฉากนี้แล้ว แม้ในใจจะรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงห้ามปรามใดๆ นางรู้ว่าไป๋จื่อลำบากอยู่ในบ้านหลังนี้มามากเท่าใด เกือบจะเสียชีวิตด้วยน้ำมือของพวกนาง บัดนี้หากไม่ได้โกรธจนถึงขีดสุด ก็คงไม่ถึงกับต้องลงมือตีคน เพียงแต่ฝีมือของไป๋จื่อคล่องแคล่วขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องตีแล้ว อีกเดี๋ยวนางจะตายเอา” หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามาจากด้านนอก ร้องห้ามไป๋จื่อเสียงดัง เขามาถึงแล้วพักหนึ่ง ทว่าตั้งใจไม่เข้ามา เพราะอยากให้สตรีชั่วช้าสกุลไป๋สองคนนี้ได้รับความลำบากเสียบ้าง แต่เด็กสาวไป๋จื่อผู้นี้ทำให้เขาต้องมองใหม่จริงๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้าน คราวนี้ไป๋จื่อถึงได้หยุดหวดไม้ แขนของนางทั้งเมื่อย ทั้งเจ็บ นางโยนไม้ซักผ้าลงบนพื้น ก่อนจะชำเลืองมองพวกนางด้วยความเย็นชา แล้วกล่าวเรียบๆ ว่า “จำไว้ ต่อไปเห็นข้า ไป๋จื่อคนนี้ ก็หลบเลี่ยงหน่อยแล้วกัน”

หญิงชราชี้ไป๋จื่อ ร้องว่า “เจ้าๆๆ” อยู่หลายเสียง แต่กลับพูดออกมาไม่เต็มประโยค นางจึงหันไปกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านเสียเลย “หัวหน้าหมู่บ้าน เจ้าก็เห็นแล้ว นางเด็กนี่เนรคุณ ไม่มีขื่อมีแป กล้าตีพวกข้าเกือบตายกลางวันแสกๆ ข้าจะฟ้องร้อง ข้าจะให้นางนอนในคุก”

……….

ตอนที่ 10 พูดมั่วหน้าตาเฉย

หัวหน้าหมู่บ้างพิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นว่าบนตัวเจ้ามีบาดแผลนะ จะถูกตีตายได้อย่างไร กลับเป็นบาดแผลทั่วตัวของไป๋จื่อ ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนตี ไปศาลาว่าการก็ดีเหมือนกัน จะได้พูดเรื่องพวกนี้ให้ชัดเจน”

หลิวซื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้านางพลันขาวซีด รีบดึงแขนเสื้อของแม่สามี พยายามส่ายหน้าให้อีกฝ่าย

หญิงชรากวาดสายตามองเสื้อผ้าโชกเลือดของไป๋จื่อ บนใบหน้าที่เดิมทีสดใสมีแต่ร่องรอยเขียวๆ ม่วงๆ นี่ล้วนเป็นหลักฐาน เด็กสาวผู้นี้ตีพวกนางรอบหนึ่งเช่นกัน ทว่ากลับไม่เหลือร่องรอยใดบนร่างกายแม้สักนิด หากไปศาลาว่าการจริงๆ คนที่ต้องลำบากคงจะเป็นพวกนาง

หญิงชราตะโกนว่า “ก็ไม่จำเป็นต้องไปศาลาว่าการ ท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านหวงถัว ให้ท่านตัดสินก็พอแล้ว เมื่อครู่ท่านก็เห็นแล้วนี่! ให้พวกนางชดใช้เงินสี่ตำลึงให้ข้า!”

หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นสักหน่อย” เขาหันหน้าไปถามชาวบ้านที่อยู่ข้างนอก “พวกเจ้าเห็นหรือไม่”

ทุกคนพากันส่ายหน้า “ไม่เห็น ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

“เหอะ…พูดมั่วหน้าตาเฉยอย่างนั้นหรือ นี่มัน…” หญิงชราร้อนรนแล้ว

ไป๋จื่อรู้สึกยินดีนัก ชาวบ้านเหล่านี้น่าสนใจจริงๆ

หัวหน้าหมู่บ้านโบกมือ “อย่าพูดอะไรที่ไม่มีประโยชน์เลย นี่คือหลักฐานแยกบ้านที่เพิ่งเขียนเสร็จ และหนังสือตัดความสัมพันธ์ พวกเจ้ามาดูสิ ไม่มีปัญหาอะไรก็ประทับลายมือเถิด”

หญิงชรากับหลิวซื่อไม่รู้หนังสือ ทั้งไม่เคยเชื่อหัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่เบื้องหน้า พวกนางรู้สึกว่าเขาลำเอียงช่วยสองแม่ลูกจ้าวซื่ออยู่ตลอด จึงไปเรียกไป๋เสี่ยวเฟิงที่กำลังนอนหลับอยู่ในบ้านออกมา

ไป๋เสี่ยวเฟิงเข้าโรงเรียนได้สองปีแล้ว พอจะรู้จักตัวหนังสือบ้าง ก็ให้เขาอ่านแล้วกัน

เขารับหนังสือแยกบ้านมา สีหน้าดูดำคล้ำในทันที ตอนที่เขาไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน เพื่อนร่วมชั้นหลายคนล้วนมีสาวใช้คอยยกชาส่งน้ำปรนนิบัติพวกเขา

บ้านของพวกเขาไม่มีเงินและสาวใช้ ปกติในบ้านเห็นไป๋จื่อเป็นสาวใช้ และเห็นเขาเป็นนายน้อยมาโดยตลอด

ตอนนี้ไป๋จื่อไปแล้วใครจะคอยให้เขาเรียกใช้เล่า

เขาโมโหจนฉีกหนังสือทิ้งทันที แล้วมองท่านย่าไป๋ด้วยความโกรธเคือง “ท่านย่า ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร แยกบ้านแล้วผู้ใดจะคอยปรนนิบัติข้าตอนอ่านหนังสือเล่า ข้าต้องสอบจอหงวน บ้านใดจะสอบจอหงวนแล้วไม่มีคนคอยปรนนิบัติบ้าง”

แม้หญิงชราจะเป็นคนดุร้าย ทว่ากลับเห็นไป๋เสี่ยวเฟิงเป็นหลานรัก เขาจะเป็นจอหงวนในอนาคตของสกุลเลยทีเดียว!

“เอาล่ะๆ เสี่ยวเฟิงบอกไม่แยก เช่นนั้นพวกข้าก็ไม่แยก! เจ้ารีบกลับไปอ่านหนังสือ…” หญิงชราปลอบไป๋เสี่ยวเฟิงกลับห้อง ตอนที่นางกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นจ้าวซื่อกำลังโมโหจนตัวสั่น

นางไม่สนใจคนร่วมหมู่บ้านที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน บอกว่าจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนใจ “แยกบ้านรึ เจ้าฝันหวานเกินไปแล้ว หรือคิดจะหาผู้ชายป่าเถื่อนหลังจากแยกบ้านไปแล้ว เห็นสกุลไป๋ของพวกข้าเป็นคนเฮงซวย เจ้าจ้าวหลานในเมื่อแต่งเข้าสกุลไป๋แล้ว มีชีวิตอยู่ในสกุลไป๋ ก็ตายเป็นผีอยู่ในสกุลไป๋ แยกบ้านรึ เจ้าฝันไปเถิด”

“หัวหน้าหมู่บ้าน บ้านนี้ไม่แยกบ้านแล้ว เชิญท่านกลับไปเถิด!” หญิงชราพูดจบก็จะไป แต่นางรู้สึกได้ถึงสายตาเยือกเย็นที่มองนาง จึงหยุดหมุนตัว แล้วมองไปทางไป๋จื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ จ้าวหลาน ก่อนจะกลอกตาขาว “นางเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้ กินข้าวของสกุลไป๋มาสิบสองปี บอกว่าจะไปก็จะไปได้หรือ”

คนเหล่านี้สุดยอดจริงๆ บ้านนี้จะต้องแตกแยก ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องทำขอบเขตให้ชัดเจน! ไป๋จื่อลอบตัดสินใจ

นางยิ้มเย็นอยู่ในใจ ก่อนจะแบมือพร้อมใบหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ที่นี่มีอาหารให้กิน มีน้ำให้ดื่ม มีที่ให้นอนหลับ พวกข้าไม่ไปก็ได้! พวกท่านต่างหาก ถึงเวลาแล้วอย่ามาหาว่าพวกข้ากินเยอะทำงานน้อย จนอยากจะไล่พวกข้าไปก็แล้วกัน”

หญิงชราไม่อยากสนใจเด็กสาว และไม่สนใจคนร่วมหมู่บ้านที่กำลังดูความคึกคักอยู่เช่นกัน นางหมุนตัวพลางเรียกหลิวซื่อออกจากลานบ้าน กลับไปยังเรือนหลังใหญ่ของพวกนาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 9 ไล่ตีเหมือนไล่สุนัข / 10 พูดมั่วหน้าตาเฉย

Now you are reading คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา Chapter 9 ไล่ตีเหมือนไล่สุนัข / 10 พูดมั่วหน้าตาเฉย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 9 ไล่ตีเหมือนไล่สุนัข

ไป๋จื่อประจันหน้ากับหลิวซื่อ เห็นอีกฝ่ายหยิบไม้กวาดเข้ามา เด็กสาวก็ก้มลงหยิบไม้ซักผ้าบนพื้นขึ้นมาบ้าง ก่อนจะหวดมันกลับไปทางหลิวซื่อ บัดนี้หลิวซื่อสนใจแต่จ้าวซื่อ จึงมองไม่เห็นไป๋จื่อหยิบไม้ซักผ้า ยิ่งคาดไม่ถึงว่าไป๋จื่อที่ได้รับบาดเจ็บจะหวดไม้ตีนาง ครั้นไม้ซักผ้านี้กระทบตัวนางเข้า นางก็เจ็บปวดจนต้องร้องโอดโอยออกมา

“ท่านก็รู้จักเจ็บด้วยหรือ ก่อนหน้าที่แม่ข้าจะกลับมา ท่านใช้ไม้ซักผ้านี้ตีข้าไปกี่ครั้ง ท่านเคยนับบ้างหรือไม่” ตอนที่นางเพิ่งฟื้นขึ้นมา นางเจ็บไปทั้งตัวจนแทบจะแตกสลาย ตอนนี้ฮึดขึ้นมา จึงยิ่งเจ็บยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าต่างหาก คอยดูเถอะ วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย” ทั้งชีวิตนี้ของหลิวซื่อไม่เคยเสียเปรียบเช่นวันนี้ ก่อนหน้านี้นางโดนจ้าวซื่อตบหน้า บัดนี้ยังถูกนางเด็กเจ้าเล่ห์ใช้ไม้ซักผ้าตีอีก ช่างน่าอับอายเสียจริงๆ

ไป๋จื่อก็ไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ แม้นางจะเป็นแค่หมอคนหนึ่งในศตวรรษที่ยี่สิบสาม แต่นางก็มีงานอดิเรกมากมาย ยูโด เทควันโด การต่อสู้ผสมผสาน นางล้วนชำนาญไปเสียทุกอย่าง แม้ตอนนี้นางจะไม่มีกำลังวังชาเท่าไร ทว่าชัยชนะอยู่ที่จิตใจ ต้องรับมือกับสตรีมุทะลุเช่นหลิวซื่อ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

เดิมทีหญิงชราเข้าไปในเรือนแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องของหลิวซื่อดังขึ้นอีก นางก็รีบพุ่งออกมา ทันทีที่เห็นสะใภ้ใหญ่ถูกนางเด็กเจ้าเล่ห์ไป๋จื่อไล่ตี นางพลันตกใจจนลูกตาแทบหลุด

ปกติหลิวซื่อผู้นี้เป็นคนกล้าหาญมาก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเสียเปรียบให้ผู้ใด คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกเด็กสาวคนหนึ่งไล่ตีเหมือนไล่สุนัข

หญิงชราค้นหาไม้ท่อนหนึ่งจากในบ้าน แล้วพุ่งเข้าไปช่วยหลิวซื่อ ไป๋จื่อเห็นว่าหญิงชราผู้นี้ไม่เข้าตา บาดแผลเหล่านี้บนตัวนาง เกินกว่าครึ่งเป็นฝีมือของท่านย่าผู้นี้ หากไม่ตีคืนสักสองสามครั้ง เช่นนั้นก็ไม่ยุติธรรมกับนางเลยกระมัง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ยกขาขึ้น ถีบหลิวซื่อล้มคว่ำลงกับพื้นเสียเลย จากนั้นค่อยยื่นมือออกไปดึงไม้ท่อนของหญิงชรา แน่นอนว่านางเป็นหมอ รู้ว่าตีส่วนไหนบนร่างกายคนให้เจ็บได้บ้าง ทว่าไม่ถึงชีวิต

หญิงชราจะไปคาดคิดได้อย่างไร เด็กคนนี้ไม่เพียงกล้าตีท่านป้าใหญ่ของนาง แม้กระทั่งท่านย่าผู้นี้ก็ไม่ปล่อยเช่นกัน นางเด็กคนนี้ฟาดตัวนางอยู่หลายไม้ เจ็บจนนางเกือบจะสลบไปภายในไม่กี่ครั้ง อีกทั้งเด็กสาวคนนี้หยิกนางตอนที่กำลังจะสลบไปอยู่ตลอด ทำให้นางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง อยู่ไม่สู้ตายเสียจริงๆ

จ้าวหลานเห็นฉากนี้แล้ว แม้ในใจจะรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงห้ามปรามใดๆ นางรู้ว่าไป๋จื่อลำบากอยู่ในบ้านหลังนี้มามากเท่าใด เกือบจะเสียชีวิตด้วยน้ำมือของพวกนาง บัดนี้หากไม่ได้โกรธจนถึงขีดสุด ก็คงไม่ถึงกับต้องลงมือตีคน เพียงแต่ฝีมือของไป๋จื่อคล่องแคล่วขึ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องตีแล้ว อีกเดี๋ยวนางจะตายเอา” หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามาจากด้านนอก ร้องห้ามไป๋จื่อเสียงดัง เขามาถึงแล้วพักหนึ่ง ทว่าตั้งใจไม่เข้ามา เพราะอยากให้สตรีชั่วช้าสกุลไป๋สองคนนี้ได้รับความลำบากเสียบ้าง แต่เด็กสาวไป๋จื่อผู้นี้ทำให้เขาต้องมองใหม่จริงๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าหมู่บ้าน คราวนี้ไป๋จื่อถึงได้หยุดหวดไม้ แขนของนางทั้งเมื่อย ทั้งเจ็บ นางโยนไม้ซักผ้าลงบนพื้น ก่อนจะชำเลืองมองพวกนางด้วยความเย็นชา แล้วกล่าวเรียบๆ ว่า “จำไว้ ต่อไปเห็นข้า ไป๋จื่อคนนี้ ก็หลบเลี่ยงหน่อยแล้วกัน”

หญิงชราชี้ไป๋จื่อ ร้องว่า “เจ้าๆๆ” อยู่หลายเสียง แต่กลับพูดออกมาไม่เต็มประโยค นางจึงหันไปกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านเสียเลย “หัวหน้าหมู่บ้าน เจ้าก็เห็นแล้ว นางเด็กนี่เนรคุณ ไม่มีขื่อมีแป กล้าตีพวกข้าเกือบตายกลางวันแสกๆ ข้าจะฟ้องร้อง ข้าจะให้นางนอนในคุก”

……….

ตอนที่ 10 พูดมั่วหน้าตาเฉย

หัวหน้าหมู่บ้างพิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นว่าบนตัวเจ้ามีบาดแผลนะ จะถูกตีตายได้อย่างไร กลับเป็นบาดแผลทั่วตัวของไป๋จื่อ ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนตี ไปศาลาว่าการก็ดีเหมือนกัน จะได้พูดเรื่องพวกนี้ให้ชัดเจน”

หลิวซื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้านางพลันขาวซีด รีบดึงแขนเสื้อของแม่สามี พยายามส่ายหน้าให้อีกฝ่าย

หญิงชรากวาดสายตามองเสื้อผ้าโชกเลือดของไป๋จื่อ บนใบหน้าที่เดิมทีสดใสมีแต่ร่องรอยเขียวๆ ม่วงๆ นี่ล้วนเป็นหลักฐาน เด็กสาวผู้นี้ตีพวกนางรอบหนึ่งเช่นกัน ทว่ากลับไม่เหลือร่องรอยใดบนร่างกายแม้สักนิด หากไปศาลาว่าการจริงๆ คนที่ต้องลำบากคงจะเป็นพวกนาง

หญิงชราตะโกนว่า “ก็ไม่จำเป็นต้องไปศาลาว่าการ ท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านหวงถัว ให้ท่านตัดสินก็พอแล้ว เมื่อครู่ท่านก็เห็นแล้วนี่! ให้พวกนางชดใช้เงินสี่ตำลึงให้ข้า!”

หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหน้า “ข้าไม่เห็นสักหน่อย” เขาหันหน้าไปถามชาวบ้านที่อยู่ข้างนอก “พวกเจ้าเห็นหรือไม่”

ทุกคนพากันส่ายหน้า “ไม่เห็น ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

“เหอะ…พูดมั่วหน้าตาเฉยอย่างนั้นหรือ นี่มัน…” หญิงชราร้อนรนแล้ว

ไป๋จื่อรู้สึกยินดีนัก ชาวบ้านเหล่านี้น่าสนใจจริงๆ

หัวหน้าหมู่บ้านโบกมือ “อย่าพูดอะไรที่ไม่มีประโยชน์เลย นี่คือหลักฐานแยกบ้านที่เพิ่งเขียนเสร็จ และหนังสือตัดความสัมพันธ์ พวกเจ้ามาดูสิ ไม่มีปัญหาอะไรก็ประทับลายมือเถิด”

หญิงชรากับหลิวซื่อไม่รู้หนังสือ ทั้งไม่เคยเชื่อหัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่เบื้องหน้า พวกนางรู้สึกว่าเขาลำเอียงช่วยสองแม่ลูกจ้าวซื่ออยู่ตลอด จึงไปเรียกไป๋เสี่ยวเฟิงที่กำลังนอนหลับอยู่ในบ้านออกมา

ไป๋เสี่ยวเฟิงเข้าโรงเรียนได้สองปีแล้ว พอจะรู้จักตัวหนังสือบ้าง ก็ให้เขาอ่านแล้วกัน

เขารับหนังสือแยกบ้านมา สีหน้าดูดำคล้ำในทันที ตอนที่เขาไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน เพื่อนร่วมชั้นหลายคนล้วนมีสาวใช้คอยยกชาส่งน้ำปรนนิบัติพวกเขา

บ้านของพวกเขาไม่มีเงินและสาวใช้ ปกติในบ้านเห็นไป๋จื่อเป็นสาวใช้ และเห็นเขาเป็นนายน้อยมาโดยตลอด

ตอนนี้ไป๋จื่อไปแล้วใครจะคอยให้เขาเรียกใช้เล่า

เขาโมโหจนฉีกหนังสือทิ้งทันที แล้วมองท่านย่าไป๋ด้วยความโกรธเคือง “ท่านย่า ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร แยกบ้านแล้วผู้ใดจะคอยปรนนิบัติข้าตอนอ่านหนังสือเล่า ข้าต้องสอบจอหงวน บ้านใดจะสอบจอหงวนแล้วไม่มีคนคอยปรนนิบัติบ้าง”

แม้หญิงชราจะเป็นคนดุร้าย ทว่ากลับเห็นไป๋เสี่ยวเฟิงเป็นหลานรัก เขาจะเป็นจอหงวนในอนาคตของสกุลเลยทีเดียว!

“เอาล่ะๆ เสี่ยวเฟิงบอกไม่แยก เช่นนั้นพวกข้าก็ไม่แยก! เจ้ารีบกลับไปอ่านหนังสือ…” หญิงชราปลอบไป๋เสี่ยวเฟิงกลับห้อง ตอนที่นางกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นจ้าวซื่อกำลังโมโหจนตัวสั่น

นางไม่สนใจคนร่วมหมู่บ้านที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน บอกว่าจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนใจ “แยกบ้านรึ เจ้าฝันหวานเกินไปแล้ว หรือคิดจะหาผู้ชายป่าเถื่อนหลังจากแยกบ้านไปแล้ว เห็นสกุลไป๋ของพวกข้าเป็นคนเฮงซวย เจ้าจ้าวหลานในเมื่อแต่งเข้าสกุลไป๋แล้ว มีชีวิตอยู่ในสกุลไป๋ ก็ตายเป็นผีอยู่ในสกุลไป๋ แยกบ้านรึ เจ้าฝันไปเถิด”

“หัวหน้าหมู่บ้าน บ้านนี้ไม่แยกบ้านแล้ว เชิญท่านกลับไปเถิด!” หญิงชราพูดจบก็จะไป แต่นางรู้สึกได้ถึงสายตาเยือกเย็นที่มองนาง จึงหยุดหมุนตัว แล้วมองไปทางไป๋จื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ จ้าวหลาน ก่อนจะกลอกตาขาว “นางเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้ กินข้าวของสกุลไป๋มาสิบสองปี บอกว่าจะไปก็จะไปได้หรือ”

คนเหล่านี้สุดยอดจริงๆ บ้านนี้จะต้องแตกแยก ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องทำขอบเขตให้ชัดเจน! ไป๋จื่อลอบตัดสินใจ

นางยิ้มเย็นอยู่ในใจ ก่อนจะแบมือพร้อมใบหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ที่นี่มีอาหารให้กิน มีน้ำให้ดื่ม มีที่ให้นอนหลับ พวกข้าไม่ไปก็ได้! พวกท่านต่างหาก ถึงเวลาแล้วอย่ามาหาว่าพวกข้ากินเยอะทำงานน้อย จนอยากจะไล่พวกข้าไปก็แล้วกัน”

หญิงชราไม่อยากสนใจเด็กสาว และไม่สนใจคนร่วมหมู่บ้านที่กำลังดูความคึกคักอยู่เช่นกัน นางหมุนตัวพลางเรียกหลิวซื่อออกจากลานบ้าน กลับไปยังเรือนหลังใหญ่ของพวกนาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+