จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 420 ยืมดาบฆ่าคน

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter บทที่ 420 ยืมดาบฆ่าคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชื่อ​ของ​ห​ลี่​มู่ทำให้​คน​นับไม่ถ้วน​หนาวสะท้าน​

ขั้ว​อำนาจ​ บุคคล​ผู้ยิ่งใหญ่​ และ​ผู้​เยี่ยม​ยุทธ์​มากมาย​มอง​ห​ลี่​มู่คน​ผู้​นี้​ไม่ค่อย​ออก​แล้ว​

นับ​จาก​เด็กหนุ่ม​คน​นี้​ผงาด​ขึ้น​ที่​อำเภอ​ขาว​พิสุทธิ์​ ศึก​เล็ก​ศึก​ใหญ่​แทบจะ​ไม่พ่ายแพ้​ ทุกครั้งที่​สู้กับ​คน​มีชื่อเสียง​ ตำแหน่ง​อยู่​เหนือ​เขา​ คนนอก​ต่าง​คิด​ว่า​เขา​ต้อง​ตาย​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ทว่า​ผลสุดท้าย​ล้วน​เกิด​ปาฏิหาริย์​…

ใครก็ตาม​ที่​เป็น​ศัตรู​กับ​ห​ลี่​มู่ ทั้งหมด​ตาย​สิ้น​

เขา​คือ​ตำนาน​ไร้​พ่าย​

ชั่ว​ขณะที่​ไม่รู้ตัว​ หลาย​คน​เหมือน​มองเห็น​ตำนาน​ใหม่​แห่ง​ยุค​กำลัง​ก่อ​ร่าง​ขึ้น​ช้าๆ ประหนึ่ง​ดวงอาทิตย์​ใน​ทิศตะวันออก​เริ่ม​เปล่งแสง​ประกาย​ร้อนแรง​ของ​ตัวเอง​ สว่าง​พร่างพราย​จน​คนอื่น​ไม่อาจ​ลืมตา​ได้​

ใน​สายลม​เคล้า​กลิ่น​คาวเลือด​

ภายใน​เมืองร้าง​ที่​คนตาย​หมดสิ้น​เมือง​หนึ่ง​ เลือด​ไหล​นอง​ เยวี่ยกั๋วเซียง​เลีย​คราบเลือด​ตรง​มุมปาก​ หลังจาก​ได้รับ​ข่าว​หนึ่ง​มา เมื่อ​อ่าน​จบ​เหงื่อ​เย็น​ก็​ผุด​ซึมทั้ง​ร่าง​

“ห​ลี่​มู่คน​นี้​ แข็งแกร่ง​ถึงระดับ​นี้​เชียว​รึ​ จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​สืบทอด​วิชา​จาก​สำนัก​มาร​ฟ้า แม้แต่​วัง​ประสาน​ฟ้ายัง​ต้อง​หลีก​ให้​ เขา​กลับ​สังหาร​จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​ที่​ได้รับ​กลยุทธ์​มาร​ฟ้ามาโดยตรง​ได้​…แผน​ของ​ข้า​ใน​วันนั้น​นับว่า​หลักแหลม​ ออกจาก​เมือง​หลิน​อัน​มาเลย​ หาก​สู้กับ​เขา​จริงๆ​ เกรง​ว่า​ตอนนี้​คง​ถูก​ฆ่าตาย​ไป​แล้ว​”

เมื่อ​นึกถึง​วันนั้น​ที่​โดน​ห​ลี่​มู่ไล่​สังหาร​จน​จำต้อง​ใช้ ‘ธงเหลือง​ประตู​สวรรค์​’ หลบหนี​ ใน​ใจของ​เยวี่ยกั๋วเซียง​ก็​พลัน​ไม่พะ​ว้า​พะวง​อีกต่อไป​

อย่างไร​เสีย​จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​ที่​สำเร็จ​กลยุทธ์​มาร​ฟ้าขั้น​ที่หนึ่ง​สมบูรณ์​ยัง​ตาย​ เทียบ​กัน​แล้ว​ ตัวเอง​หนีรอด​มาได้​นับว่า​เป็น​ความสามารถ​อย่างหนึ่ง​ด้วยซ้ำ​

“ต้อง​รีบ​ฟื้นฟู​พลัง​แล้ว​”

เขา​ยืน​อยู่​บน​ท้องฟ้า​เหนือ​เมืองร้าง​นองเลือด​ ใน​ใจคิด​วางแผน​

“เมือง​เล็ก​ๆ แบบนี้​มีคน​แค่​หลาย​แสน​ กลืน​กิน​หมด​แล้ว​ยัง​ชดเชย​เลือด​ลม​ได้​ไม่เท่าไร​ ต้อง​ไป​เมือง​ที่​ใหญ่​ขึ้น​อีกหน่อย​ อืม​ ข้า​จำได้​ บน​แผนที่​บอ​กว่า​ห่าง​จาก​ที่นี่​ไป​พัน​ลี้​มีสำนัก​ยุทธ์​ระดับ​สามชื่อ​ ‘หอ​กระบี่​คลื่น​มรกต​’ อยู่​ เลือด​ของ​จอม​ยุทธ์​มีพลังงาน​มากกว่า​นี่​ ฮี่ๆๆ…ถึงอย่างไร​สิ่งมีชีวิต​ใน​โลก​ชั้นต่ำ​แบบนี้​ก็​ไร้ค่า​เหมือน​มด​ปลวก​ ฆ่าเท่าไหร่​ก็​ไม่เป็นไร​”

ร่าง​ของ​เขา​แปลง​เป็น​แสงสีเงิน​ บิน​มุ่งไป​ยัง​สำนัก​หอ​กระบี่​คลื่น​มรกต​

ข้าง​หลังเขา​ ใน​อาณาบริเวณ​หลาย​แสน​ลี้​รวมถึง​เมืองร้าง​ที่​ถูก​กัด​กิน​เมื่อ​ครู่​ เมือง​มนุษย์​ขนาดเล็ก​ทั้งหมด​กลายเป็น​นรก​โลหิต​ แต่ละ​เมือง​ตาย​หมดสิ้น​ กลายเป็น​ทาง​อาบ​เลือด​มรณะ​ยาวเหยียด​สาย​หนึ่ง​

ในขณะเดียวกัน​

ใน​หุบเขา​ร้อย​บุปผา​สำนัก​ระดับ​สอง​ของ​ซ่งเหนือ​ บุตร​บุตร​เท​วะ​เสีย​ไห่​บีบ​คอ​ของ​หญิง​ขั้น​เหนือ​มนุษย์​ที่​ร่าง​ยังคง​กระตุก​คน​หนึ่ง​ พลาง​อ้า​ปาก​สูบเลือด​นาง​ไป​จน​สิ้น​

หญิง​ขั้น​เหนือ​มนุษย์​ที่​หน้าตา​งดงาม​คน​นั้น​ ดวงตา​มีความเคียดแค้น​และ​ไม่ยอมจำนน​ ค่อยๆ​ กลายเป็น​ซากศพ​แห้ง​ๆ ด้วย​ความเร็ว​ระดับ​ตาเปล่า​เห็น​

“อา​ เลือด​ของ​หญิง​พรหมจรรย์​ขั้น​เหนือ​มนุษย์​ยัง​เลิศ​รส​เสมอ​เลย​”

เขา​โยน​ซากศพ​แห้ง​ทิ้ง​ไป​ด้าน​หนึ่ง​

สายลม​พัด​มา กลิ่น​คาวเลือด​ชวน​ขนลุก​

สำนัก​จอม​ยุทธ์​หญิง​หุบเขา​ร้อย​บุปผา​ตาย​ไม่มีเหลือ​

ลูกศิษย์​สาว​เกือบ​หมื่น​คน​กลายเป็น​ซาก​แห้ง​ประดุจ​ดอกไม้​งามพลัน​แห้งเหี่ยว​ ไม่หลงเหลือ​น้ำหนัก​ใดๆ​ เมื่อ​ลม​พัด​ต้อง​ แต่ละ​ร่าง​กลิ้ง​หลุนๆ​ ไป​บน​พื้น​ปาน​ดอกไม้แห้ง​ เสื้อผ้าอาภรณ์​งดงาม​ที่​หุ้ม​ซาก​แห้ง​ปลิว​สะบัด​ ดู​ไป​แล้ว​วิเวกวังเวง​ยิ่งนัก​

“ฝ่าบาท​ เกรง​ว่า​ห​ลี่​มู่จะร่วม​ชิงสมบัติ​ใน​สุสาน​เทพ​ด้วย​ อย่างไร​เขา​ก็​มีคนรู้จัก​ใน​เมือง​หลิน​อัน​ น่ากลัว​ว่า​คงจะ​รู้​ข่าว​อะไร​บ้าง​แล้ว​” ‘จอม​มาร​จันทรา​โลหิต​’ ยืน​อยู่​ข้างๆ​

บุตร​เท​วะ​เสีย​ไห่​หัวเราะ​ พลัน​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ “เจ้าว่า​ เสือ​สอง​ตัว​สู้กัน​ ตัว​หนึ่ง​ตาย​ อีก​ตัว​หนึ่ง​จะเป็น​เช่นไร​?”

ดวงตา​ของ​ ‘จอม​มาร​จันทรา​โลหิต​’ วาววับ​ “บาดเจ็บ​?”

เสือ​สอง​ตัว​สู้กัน​ ต้อง​มีตัว​หนึ่ง​บาดเจ็บ​แน่นอน​

จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​ตาย​แล้ว​ เช่นนั้น​ห​ลี่​มู่จะไม่บาดเจ็บ​แม้แต่​น้อยหรือ​?

ดังนั้น​ อย่า​มองว่า​ยาม​นี้​ชื่อเสียง​และ​บารมี​ของ​ห​ลี่​มู่จะเลื่องลือ​ไป​ทั่ว​แผ่นดิน​ ใกล้​ระดับ​ไร้​พ่าย​ บางที​ตอนนี้​อาจ​เป็นช่วง​ที่​เขา​อ่อนแอ​ที่สุด​ก็​เป็นได้​

“ฝ่าบาท​ พวกเรา​ควร​ไป​หยั่งเชิง​สักหน่อย​หรือไม่​?” ‘จอม​มาร​จันทรา​โลหิต​’ อยาก​ลองดู​เต็มที​

บุตร​เท​วะ​เสีย​ไห่​มอง​เขา​แวบ​หนึ่ง​ ก่อน​เอ่ย​ “เรื่อง​ที่​ไม่มีประโยชน์​ไม่ต้อง​ทำ​”

จอม​มาร​จันทรา​โลหิต​ชะงัก​ “เช่นนั้น​เล่า​?”

“ปล่อยข่าว​ออก​ไป​ ใต้​ฟ้านี้​มีคน​มากมาย​อยาก​เคลื่อนไหว​ ถึงอย่างไร​ก็​ยิ่ง​สูงยิ่ง​หนาว​ มีใคร​บ้าง​ไม่อยาก​นั่ง​บัลลังก์​ที่หนึ่ง​ใน​แผ่นดิน​สักหน่อย​? ต่อให้​แตะ​ๆ รองเท้า​ของ​ที่หนึ่ง​นี้​ได้​ก็​ยัง​ดี​” บุตร​เท​วะ​เสีย​ไห่​กล่าว​

คราวนี้​จอม​มาร​จันทรา​โลหิต​เข้าใจ​ในทันที​

ยืม​ดาบ​ฆ่าคน​นี่เอง​ 

“เอาละ​ พวกเรา​ต้อง​ออกเดินทาง​แล้ว​ ไป​สำนัก​ต่อไป​ ตอนนี้​ข้า​เพิ่ง​ฟื้น​พลัง​ไป​ได้​ไม่ถึงครึ่ง​ ยัง​ต้อง​ใช้เลือด​พิสุทธิ์​ของ​ขั้น​เหนือ​มนุษย์​อย่าง​น้อย​พัน​คน​จึงจะฟื้นฟู​โดย​สมบูรณ์​ ตอนนั้น​ถึงค่อย​มีคุณสมบัติ​เข้า​ชิงสมบัติ​ใน​สุสาน​เซียน​”

บุตร​เท​วะ​เสีย​ไห่​ลอย​จากไป​

ไม่เหมือนกับ​เยวี่ยกั๋วเซียง​แห่ง​วัง​ประสาน​ฟ้า

เขา​เลือก​อาหาร​ จะไม่มีทาง​กิน​คนธรรมดา​

……

ห​ลี่​มู่แห่ง​ขาว​พิสุทธิ์​บาดเจ็บสาหัส​เกือบตาย​

ข่าว​ที่​เปรียบ​ดั่ง​สายฟ้า​ฟาด​นี้​แพร่​ไป​ใน​สามจักรวรรดิ​อย่าง​บ้าคลั่ง​

ไม่ต้องสงสัย​เลย​ ด้วย​กระแส​ของ​ข่าว​ที่​ห​ลี่​มู่สังหาร​จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​ก้าว​ขึ้น​บัลลังก์​ผู้​แข็งแกร่ง​อันดับ​หนึ่ง​ ความ​ร้อนแรง​ของ​ข่าว​นี้​ถึงขั้น​เล่าลือ​กัน​ไป​บ้าคลั่ง​กว่า​ข่าว​ก่อน​หน้าเสีย​อีก​

ถึงแม้ข้อเท็จจริง​ของ​ข่าว​นี้​จะไม่มีหลักฐาน​ใด​พิสูจน์​ได้​ก็ตาม​

แต่ว่า​หลาย​คน​ก็​เลือก​ที่จะ​เชื่อ​ทันที​

อย่างไร​เสีย​เสือ​สอง​ตัว​สู้กัน​ ต้อง​มีตัว​หนึ่ง​บาดเจ็บ​แน่​

จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​เป็น​ถึงสุดยอด​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​สังหาร​บุคคล​ใน​เก้า​ยอด​คน​ เป็น​ข้อได้เปรียบ​ของ​จักรวรรดิ​ ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​ทหาร​รักษา​วัง​ใต้​บังคับบัญชา​มีนับไม่ถ้วน​ ห​ลี่​มู่ต่อให้​แข็งแกร่ง​ทรงพลัง​ แต่​หลังจาก​สังหาร​ผู้​แข็งแกร่ง​แบบนี้​ไป​ คง​ไม่มีทาง​ถอย​หนี​ได้​โดย​สมบูรณ์​และ​ไม่บาดเจ็บ​เลย​

อย่างไร​เสีย​ดู​จาก​วีรกรรม​ต่างๆ​ ที่ผ่านมา​ ถึงห​ลี่​มู่จะแข็งแกร่ง​ ทว่า​ไม่ได้​แข็งแกร่ง​จน​ถึงขั้น​พลิก​ชะตา​ได้​เช่นนี้​

พูดตาม​ตรรกะ​แล้ว​ ผู้​แข็งแกร่ง​สอง​คน​ต่อสู้​กัน​ ตาย​หนึ่ง​เจ็บ​หนึ่ง​จะสมเหตุสมผล​กว่า​

และ​หาก​พูด​จาก​ความรู้สึก​ ขั้ว​อำนาจ​และ​บุคคล​ยิ่งใหญ่​หลาย​คน​คาดหวัง​ผลลัพธ์​อย่าง​จักรพรรดิ​ฉิน​หมิง​ตาย​ ห​ลี่​มู่บาดเจ็บสาหัส​มากกว่า​

มิฉะนั้น​ เด็กหนุ่ม​ที่​อายุ​ยัง​ไม่ถึงสิบ​หก​คน​หนึ่ง​ร้ายกาจ​ได้ขนาด​นี้​ อีก​หลาย​พันปี​ข้างหน้า​ แผ่นดินใหญ่​นี้​ไม่แล้วแต่​ห​ลี่​มู่จะบีบ​จะคลาย​หรือ​ ใต้​ผืน​ฟ้านี้​ใคร​จะกล้า​ขัด​ประสงค์​ของ​เขา​?

ที่​ดี​ที่สุด​คือ​ตาย​ไป​ทั้งสอง​คน​เสีย​เลย​

คนอื่น​ที่​เหลือ​ถึงจะมีโอกาส​

ใน​ช่วง​กลียุค​ ใจใคร​ไม่มีไฟแห่ง​ความทะเยอทะยาน​ลุกโชน​บ้าง​?

บุคคล​แข็งแกร่ง​ไร้​พ่าย​คน​หนึ่ง​ปรากฏ​กาย​ไม่ใช่สิ่งที่​พวกเขา​อยาก​เห็น​

นี่​คือ​ความคิด​ของ​นัก​ปกครอง​และ​คน​ใจทะเยอทะยาน​

ทว่า​สำหรับ​ผู้​แข็งแกร่ง​สาย​ยุทธ์​มากมาย​ พวกเขา​มองเห็น​ความหวัง​ที่จะ​ท้า​ชิงที่หนึ่ง​ใน​แผ่นดิน​

ฉวยโอกาส​ยาม​เจ้าป่วย​ ปลิด​ชีพ​เจ้ามอดม้วย​เสีย​

ต่อให้​ท้า​ประลอง​ห​ลี่​มู่แล้ว​พ่ายแพ้​ แต่​ขอ​แค่​มีชีวิตรอด​กลับมา​ได้​ ชื่อเสียง​ก็​จะขจร​ขจาย​ไป​ทั่ว​แน่นอน​ วันหน้า​ยัง​สามารถ​ตบ​อก​พูด​กับ​คนอื่น​ได้​ว่า​ ตอนนั้น​ข้า​ประมือ​กับ​ที่หนึ่ง​ใน​แผ่นดิน​ยืนหยัด​ได้​กี่​กระบวนท่า​ ยัง​รอด​ปลอดภัย​กลับมา​ได้​…

ถึงขนาด​มีคน​คิด​อุบาย​ว่า​หาก​ฉวยโอกาส​สังหาร​ห​ลี่​มู่ได้​ เช่นนั้น​ไม่ได้​หมายความว่า​ตัวเอง​ก็​นับว่า​เป็น​ที่หนึ่ง​ใน​แผ่นดิน​แล้ว​หรือ​?

ทางลัด​รวดเร็ว​ที่สุด​ที่​จอม​ยุทธ์​จะมีชื่อเสียง​คือ​อะไร​?

ไม่ใช่ทำดี​ผดุง​คุณธรรม​

แต่​เป็น​เหยียบย่ำ​ศพ​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​ลือนาม​แล้ว​โด่งดัง​ใน​รวดเดียว​

แน่นอน​ว่า​ยังมี​บุคคล​ผู้ยิ่งใหญ่​ที่​ปลีก​วิเวก​มากมาย​รัก​ชื่อเสียง​ ไม่ยอม​ฉวยโอกาส​ซ้ำเติม​คน​ แต่​บน​โลก​ใบ​นี้​ จอม​ยุทธ์​ที่​บ้าคลั่ง​เพื่อ​ชื่อเสียง​และ​ผลประโยชน์​ไม่ใช่แค่​มีไม่น้อย​ กลับ​มากมาย​มหาศาล​ด้วยซ้ำ​ไป​

ดังนั้น​ ภายใน​แวดวง​ยุทธ​จักร​ใน​ขอบเขต​พลัง​ระดับ​หนึ่ง​ จึงเริ่ม​เกิด​ทิศทาง​ลม​ที่จะ​ท้า​ชิงห​ลี่​มู่ขึ้น​มาอย่าง​เงียบงัน​

ผู้ฝึก​ไร้​สังกัด​ต่าง​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​ด่าน​เมือง​มังกร​ของ​ฉิน​ตะวันตก​

สำนัก​เก่าแก่​ ตระกูล​ และ​เหล่า​ตัว​ประหลาด​ชรา​บางส่วน​ก็​เริ่ม​แอบ​วางแผน​ คิด​ว่า​จะเพิ่ม​อัตรา​เอาชนะ​ห​ลี่​มู่ให้​สูงที่สุด​อย่างไร​ เพื่อให้​คนหนุ่มสาว​ที่​โดดเด่น​ใน​ตระกูล​ตน​สังหาร​ห​ลี่​มู่และ​แย่งชิง​ชื่อเสียง​มา นี่​เป็น​โอกาส​สร้าง​ชื่อ​ซึ่งยาก​จะพานพบ​เลย​ทีเดียว​

แผน​ชั่วร้าย​ที่​น่ารังเกียจ​บาง​แผน​ก็​เริ่ม​ดำเนินการ​อย่าง​เงียบงัน​แล้ว​เช่นกัน​

……

เมือง​ขาว​พิสุทธิ์​

“ข้า​จะไป​ด่าน​เมือง​มังกร​” ซ่างกวน​อวี่ถิง​เอ่ย​เน้น​ทีละ​คำ​

จากนั้น​นาง​เปลี่ยนสี​หน้าเป็น​อีก​แบบอย่าง​รวดเร็ว​ หัวเราะเยาะ​ก่อน​กล่าว​ “ไปหา​ผู้ชาย​น่าชัง​คน​นั้น​? เพื่อ​อะไร​กัน​ ปล่อย​ให้​เขา​ตาย​ๆ ไป​เถอะ​” วิญญาณ​ไป๋​ม่อ​โฉว​เข้ามา​ยึด​ร่าง​อีกแล้ว​

“ข้า​จะไป​” เสียง​ของ​ซ่างเกิน​อวี่ถิง​เด็ดเดี่ยว​และ​สงบนิ่ง​ ไม่ใช่ปรึกษา​ แต่ว่า​ตัดสินใจ​แล้ว​

“ถิงเอ๋อร์​ น้องสาว​คนดี​ของ​ข้า​ เจ้าอย่า​ได้​วู่วาม​ไป​ เจ้าหมอ​นั่น​ร้ายกาจ​จะตาย​ จะบาดเจ็บ​หนัก​ได้​อย่างไร​?” ไป๋​ม่อ​โฉว​โน้มน้าว​ด้วย​ความอดทน​ “วิชา​ลับ​วิญญาณ​ของ​เจ้ายัง​ฝึกฝน​ได้​ไม่ดี​เลย​ ไม่ควร​เดินทางไกล​นะ​”

“พี่​ไป๋​ คราวหน้า​ท่าน​อย่า​ได้​ยั่วโมโห​พี่​มู่ และ​ก็​อย่า​พูดถึง​เขา​แย่​ๆ อีก​” เสียง​ของ​ซ่างกวน​อวี่ถิง​ค่อนข้าง​โกรธเคือง​ น้ำเสียง​เห็นชัด​ว่า​แข็งกระด้าง​

นาง​ไม่ใช่คน​คิดเล็กคิดน้อย​ ตลอดมา​ไม่แก่งแย่งชิงดี​กับ​ใคร​ แต่​ก็​ไม่ได้​หมายความว่า​นาง​จะอดทน​และ​ไม่สนใจ​กับ​ทุก​เรื่อง​

นาง​ก็​มีต่อม​โมโห​เหมือนกัน​

ก่อนหน้านี้​ไป๋​ม่อ​โฉว​ไม่เคารพ​ห​ลี่​มู่ นาง​แค่​ยิ้ม​ๆ เพราะ​รู้​ว่า​ห​ลี่​มู่ไม่สนใจ​ อีก​ทั้ง​ก็​เข้าใจ​ว่า​พี่​ไป๋​คิด​เพื่อ​ตน​

แต่​ตอนนี้​ห​ลี่​มู่ตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​อันตราย​ขนาด​นั้น​แล้ว​ ไป๋​ม่อ​โฉว​ยัง​หัวเราะ​คิกคัก​ ยุแยง​ให้​นาง​ไม่ต้อง​สนใจ​ จึงแตะ​ขีด​ความอดทน​ของ​นาง​เข้า​แล้ว​

ไป๋​ม่อ​โฉว​เปลี่ยน​น้ำเสียง​ทันที​

ด้วย​ใช้ร่าง​เดียวกัน​ นาง​จึงเข้าใจ​ซ่างกวน​อวี่ถิง​ดี​ นี่​คือ​สตรี​ที่​ข้างนอก​อ่อน​ข้างใน​แข็ง​ ปกติ​ดู​แล้ว​อ่อนโยน​ดั่ง​สายน้ำ​ งามสง่าราว​ภาพวาด​ เรื่อง​อะไร​ล้วน​ได้​หมด​ แต่​หาก​นาง​ตัดสินใจ​แล้ว​ เช่นนั้น​ต่อให้​ฟ้าถล่ม​ดิน​ทลาย​ก็​เปลี่ยนแปลง​ไม่ได้​

ดูท่า​คง​ต้อง​ไป​ลูก​เดียว​แล้ว​

“ได้​ๆๆ เช่นนั้น​ก็​ไป​ ไปดู​หน่อย​ก็ดี​ อันที่จริง​ข้า​ก็​เป็นห่วง​เจ้านั่น​เหมือนกัน​แหละ​” ไป๋​ม่อ​โฉว​ได้​แต่​ประนีประนอม​

ซ่างกวน​อวี่ถิง​เก็บ​สัมภาระ​ใน​เรือน​ดาบ​ ก่อน​พา​สตรี​คนอื่นๆ​ เช่น​สวี​หว่าน​เอ๋อร์​ ลู่​เซิ่งหนาน​ และ​หลง​เอ๋อร์​ออกเดินทาง​ไป​ด้วยกัน​

ชิวอิ่น​แต่เดิม​จะตาม​ไป​ด้วย​ แต่​โดน​ไป๋​ม่อ​โฉว​ที่​ยึดครอง​ร่าง​ของ​ซ่างกวน​อวี่ถิง​ตะเพิด​ไป​ มีไป๋​ม่อ​โฉว​ดูแล​ก็​ไม่ต้อง​ห่วง​ว่า​จะเกิด​ปัญหา​อะไร​ อีก​ทั้ง​เขา​ต้อง​อยู่​ดูแล​เมือง​อำเภอ​ขาว​พิสุทธิ์​

เมื่อ​สตรี​ทั้งหลาย​จะออกเดินทาง​ ก็​พบ​องค์​ชาย​น้อย​ฉิน​เจิ้งเดินทาง​มาขอ​คำ​ชี้แนะ​เรื่อง​การฝึกฝน​ที่​หน้า​เรือน​ดาบ​พอดี​

“อาจารย์​จะเดินทางไกล​หรือ​?” ฉิน​เจิ้งถามอย่าง​ตกใจ​

หลาย​วัน​มานี้​ไป๋​ม่อ​โฉว​ให้ความสำคัญ​กับ​เขา​ ชี้แนะ​เขา​สามสี่ประโยค​โดยตลอด​ ไม่ใช่แค่​ด้าน​ฝึกฝน​ แต่​ด้าน​วิชา​กษัตริย์​และ​ประชาชน​ทั้งหลาย​ก็​ถก​ประเด็น​ได้​อย่าง​น่า​ตะลึง​ มีข้อมูล​เชิงลึก​จริงๆ​ ทำให้​ฉิน​เจิ้งได้​รับประโยชน์​มากมาย​

มีน้อย​คน​นัก​ที่​เคย​เห็น​บุคลิก​ท่า​ทางใน​เวลา​จริงจัง​ของ​ไป๋​ม่อ​โฉว​

และ​ฉิน​เจิ้งน่าจะเป็น​เพียง​สอง​คน​ที่​ได้​เห็น​

อีก​คน​หนึ่ง​คือ​องค์​หญิง​ฉิน​เจิน​

หลังจาก​ได้ยิน​เรื่อง​บุคคล​เช่น​ไป๋​ม่อ​โฉวจา​ก​ปาก​น้องชาย​ องค์​หญิง​ฉิน​เจิน​ก็​มุ่งหน้า​มาเรือน​ดาบ​ด้วยตัวเอง​เพื่อ​พบ​กับ​นาง​

สาวงาม​เช่น​ฉิน​เจิน​นี้​ ยาม​พบ​ไป๋​ม่อ​โฉว​ย่อม​ว่าง่าย​แสน​ง่าย​

ทั้งสอง​อยู่​ใน​ห้อง​ คุย​กัน​ถึงสามชั่ว​ยาม​เต็มๆ​ ไม่รู้​ว่า​คุย​อะไร​กัน​ แต่​ผลสุดท้าย​คือ​หลังจาก​พบกัน​ครั้งนั้น​ เมื่อ​ประมาณ​ครึ่ง​เดือนก่อน​ ฉิน​เจิ้งก็​เข้า​พิธี​กราบ​อาจารย์​ เข้า​สำนัก​ของ​ไป๋​ม่อ​โฉวอ​ย่าง​เป็นทางการ​แล้ว​

สำหรับ​ไป๋​ม่อ​โฉว​ องค์​ชาย​น้อย​ฉิน​เจิ้งใน​ตอนนี้​เคารพ​นางใน​ฐานะ​ลูกศิษย์​

“เอ๋​ เจิ้งเอ๋อร์​น้อย​ เจ้ามาได้​พอดี​เลย​ มิสู้เจ้าตาม​อาจารย์​ออก​ไป​ด้วย​ดีกว่า​ บน​ผิว​ทะเลสาบ​ราบเรียบ​ฝึกฝน​กะลาสี​ที่​เยี่ยมยอด​ออกมา​ไม่ได้​ จำต้อง​ออก​ไป​เห็น​มหาสมุทร​กว้างใหญ่​” ไป๋​ม่อ​โฉว​ตาลุ​กวาว​ คิด​พา​ฉิน​เจิ้งออกเดินทาง​ด้วย​ จะได้​ไป​สัมผัส​บรรยากาศ​ชายแดน​สักหน่อย​

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด