จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)บทที่ 459 ช่างน่าอายนัก
บทที่ 459 ช่างน่าอายนัก
เกาโม่หานพูดว่า “รวมทุกอย่างแล้วเพิ่งจะได้ 300 กำเท่านั้นเอง แต่ทุกคนคงทราบดีกระมังว่าสมุนไพรจิตวิญญาณระดับสูงเป็นของหายากขนาดไหน ของฉันยังขาดไปอีก 200 กำ เอาเป็นว่าฉันจะหาของอย่างอื่นมาทดแทนก็แล้วกัน และฉันจะใช้สมุนไพรจิตวิญญาณระดับปานกลาง 100 กำ ทดแทนสมุนไพรจิตวิญญาณระดับสูงหนึ่งกำ เนื่องจากคุณสมบัติของมันสามารถเทียบเท่ากันได้พอดี”
เมื่อพูดจบแล้ว เกาโม่หานก็โบกมือวูบหนึ่ง แล้วสมุนไพรจิตวิญญาณระดับปานกลางจำนวนมากมายมหาศาล ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน เมื่อนับดูแล้วก็จะได้ประมาณ 20,000 กำ กองรวมกันสูงใหญ่เป็นภูเขาเลากา
“น้องหลิว เชิญเก็บไปได้เลย” เกาโม่หานพูด
หลิวจิวหยวนเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง “ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่เกาย่อมเป็นลูกผู้ชายตัวจริง”
หลังจากนั้น หลิวจิวหยวนก็โบกมือเล็กน้อย แล้วสมุนไพรของเกาโม่หานก็หายวับเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของหลิวจิวหยวน
“ต่อไปเป็นคิวของฉัน” ค่งหลี่ฉุนขยับออกมาข้างหน้า
มนุษย์ส่งมอบสมุนไพรจิตวิญญาณออกมา สัตว์ร้ายกลายพันธุ์ส่งมอบสมุนไพรจิตวิญญาณออกมา สลับกันไปเช่นนี้นับว่ายุติธรรมดีแล้ว
กองสมุนไพรขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน และสิ่งของเหล่านั้นแล้วก็หายเข้าไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของหลิวจิวหยวนอีกครั้ง
ทุกคนนำของวิเศษออกมาใช้ทดแทนจำนวนสมุนไพรที่ขาดหายไป
ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าเป็นปกติ แต่แอบกลืนน้ำลายอย่างฝืดคออยู่หลายครั้ง
ในอดีตที่ผ่านมา เขาทำลายล้างสำนักมารร้ายมาไม่รู้กี่สำนัก และก็มีสมุนไพรวิเศษกองใหญ่อยู่ในการครอบครองเช่นกัน
แต่เมื่อเทียบกับสมุนไพรและของวิเศษที่จอมยุทธ์ขั้นเซียนเหล่านี้ครอบครองแล้ว เขามันก็ไม่ต่างไปจากยาจกที่หลงเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเศรษฐีเลยสักนิด
โดยเฉพาะในตอนนี้ ตอนที่เขากระเป๋าแบนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในชีวิตการฝึกตน ฉู่ชวิ๋นไม่เคยยากจนข้นแค้นถึงขนาดนี้
“ถึงตาแกแล้ว” หลิวจิวหยวนเดินเข้ามาหา
ทุกคนล้วนมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ผู้ที่ต้องส่งมอบสมุนไพรออกมาเป็นคนสุดท้ายคือฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นลุกขึ้นยืนและโบกมือวูบหนึ่งด้วยท่าทางองอาจ
แสงสว่างวูบวาบ แล้วสมุนไพรจิตวิญญาณของเขาก็มากองอยู่ตรงหน้าทุกคน
แต่เมื่อทุกคนได้เห็นจำนวนสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านั้นแล้ว ก็ถึงกับยืนนิ่งอึ้งตะลึงงัน บางคนเกือบจะกัดลิ้นตัวเองด้วยความตกใจด้วยซ้ำ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
สมุนไพรจิตวิญญาณของฉู่ชวิ๋นมีอยู่ทั้งหมดไม่เกินสี่พันกำ และส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรระดับธรรมดาอีกต่างหาก
ชายหนุ่มหน้าแดงระเรื่อ สมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้ เขาแย่งชิงมาจากพวกพังพอนปีศาจและหมาป่าปีศาจตอนที่เข้าไปช่วยเหลือพวกของจิ่วโยวเอาไว้นั่นเอง
“จะเล่นตลกอะไรอีก?” หลิวจิวหยวนมีสีหน้าเหยียดหยามชัดเจน
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองหลิวจิวหยวนด้วยความอับอายมากกว่าเดิม “อย่าเพิ่งได้ใจไป ฉันมีของอื่นมาทดแทนอยู่แล้ว”
ฉู่ชวิ๋นโบกมือหนึ่งครั้ง เกิดแสงสว่างวูบวาบขึ้นอีกหน แล้วอาวุธลึกลับกว่า 20 ชนิด ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน
ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องมองด้วยความประหลาดใจ หลุนหุยมีอาวุธลึกลับเยอะขนาดนี้เลยหรือนี่?
“พอหรือยัง?” ฉู่ชวิ๋นเชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิ
“ยังไม่พอ” หลิวจิวหยวนหัวเราะเยาะเย้ยหยัน
“มากมายขนาดนี้ยังไม่พอ แกคิดจะหาเรื่องฉันใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
“สหายน้อยหลุนหุย ได้โปรดใจเย็นก่อน” ค่งหลี่ฉุนขยับออกมาข้างหน้า ชำเลืองมองอาวุธลึกลับที่กองอยู่บนพื้นดิน แล้วกล่าวต่อ “ถึงแม้ว่าอาวุธลึกลับเหล่านี้จะประเมินค่าไม่ได้ก็จริง แต่ว่ามีอาวุธลึกลับระดับสูงอยู่แค่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น อาวุธอีกสามชิ้นเป็นระดับปานกลาง ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นอาวุธระดับธรรมดาสามัญทั้งสิ้น พวกเราเก็บเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ ถือว่ายังไม่พอจริง ๆ”
จอมยุทธ์ขั้นเซียน จะให้ความสำคัญกับอาวุธระดับสูงเท่านั้น ส่วนอาวุธระดับปานกลางและระดับธรรมดาสามัญ ไม่เคยได้สัมผัสมือของพวกมันเลยด้วยซ้ำ
ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างไม่พอใจว่า “มันจะไร้ประโยชน์ได้ยังไง? ไม่ว่าอาวุธชนิดใดก็สามารถฆ่าคนได้เหมือนกันหมดไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง ฉันแค่ฝากให้ไอ้คนแซ่หลิวนี่เก็บเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น เดี๋ยวฉันก็เอาคืน ที่สำคัญมันเป็นอาวุธของฉัน จะไร้ประโยชน์ยังไง มันก็เป็นเรื่องของฉันคนเดียว”
“แต่ทุกคนต้องนำของมีค่าออกมาวางกองกลางในจำนวนที่เท่ากันสิ สหายน้อยหลุนหุยทำแบบนี้ไม่ยุติธรรมกับพวกเราเลยนะ” ค่งหลี่ฉุนว่า
“…” ฉู่ชวิ๋นอยากจะตบหน้าตัวเองจริง ๆ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งชีวิตจะต้องมาถึงจุดที่ขาดแคลนสมุนไพรจิตวิญญาณ สุดท้ายก็ต้องพูดออกไปด้วยความจำใจว่า “ยังขาดอีกเท่าไหร่?”
“อาวุธลึกลับเหล่านี้นับได้เท่ากับสมุนไพรจิตวิญญาณระดับสูง 200 กำ ดังนั้น ยังขาดอยู่อีก 300 กำ” หลิวจิวหยวนพูดเสียงแข็ง
ฉู่ชวิ๋นสวนขึ้นทันควันด้วยความไม่พอใจ “ตีราคาต่ำขนาดนี้ ไม่เกินไปหน่อยหรือไง อาวุธลึกลับตั้งมากมาย ได้แค่สมุนไพรจิตวิญญาณระดับสูง 200 กำเองรึ?”
“อาวุธลึกลับไม่สามารถประเมินค่าได้ก็จริง แต่ถ้านำไปประมูล อาวุธลึกลับระดับสูงจะเริ่มเปิดราคาที่สมุนไพรจิตวิญญาณระดับสูง 200 กำกันทั้งนั้น ไม่มีใครให้ราคาที่สูงกว่านี้อีกแล้ว” หลิวจิวหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“จริงหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นหันมาถามเกาโม่หาน
เกาโม่หานพยักหน้า
“ฉันมีติดตัวมาแค่นี้แหละ” ฉู่ชวิ๋นพูด รู้สึกหมดหวัง
“สหายน้อยหลุนหุยลองตรวจสอบดูในแหวนอีกสักหน่อยดีไหม เผื่อยังมีอะไรที่พอเอามาทดแทนได้บ้าง” หลิวจิวหยวนยิ้มแย้มอย่างสบายอารมณ์
“ฉันบอกว่ามีติดตัวมาแค่นี้ไงล่ะ ถ้าฉันมีของมากกว่านี้ คงไม่ยืนให้แกพร่ำพูดอยู่แบบนี้หรอก” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความฉุนเฉียว
ในแหวนเก็บสมบัติของเขา เหลือแต่เพียงไม้เท้าหางมังกร ดาบเกล็ดทองคำ และเรือเหาะวิเศษที่แย่งมาจากพวกพังพอนปีศาจเท่านั้น ซึ่งของทั้งสามอย่างนี้ เป็นสิ่งที่นำออกมาแสดงให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด
“นี่มันยาจกเซียนชัด ๆ” หลิวจิวหยวนส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
ฉู่ชวิ๋นตวัดสายตาหันกลับมาจ้องมองหลิวจิวหยวนด้วยความไม่สมอารมณ์ เหมือนกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะตบฝ่ายตรงข้ามให้ลืมแก่เลยดีไหม
“ไม่เป็นไร สหายน้อยหลุนหุย ในยามที่เราฝึกวิชา การขาดสมุนไพรจิตวิญญาณย่อมเป็นเรื่องธรรมดา” เกาโม่หานเดินออกมาข้างหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับหลิวจิวหยวนว่า “เดี๋ยวฉันจะช่วยสมทบสมุนไพรส่วนที่สหายน้อยยังขาดอยู่เอง”
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
เกาโม่หานยิ้มกว้างแล้วตอบว่า “ฉันแค่ฝากทุกอย่างไว้กับน้องหลิวแค่นั้นเอง ไม่เห็นจะเป็นการรบกวนอะไรเลย”
เตียวซิงอี้กับเกอจ้านรีบหันมองหน้ากันทันที
“พี่เกา ของไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ นะครับ เอาเป็นว่าผมจะช่วยออกสมุนไพรจิตวิญญาณระดับสูงให้สหายน้อยหลุนหุย 100 กำก็แล้วกัน”
“ผมก็จะช่วยออกให้เขาอีก 100 กำด้วย” เกอจ้านรีบพูดอย่างไม่รอช้า
เกาโม่หานย่อมไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิวจิวหยวนยิ่งไม่กล้าหักหน้าทุกคน ไม่อย่างนั้น มันเองคงผิดใจกับพวกของเกาโม่หานเป็นแน่แท้
“ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสามคนมากมาย ครั้งนี้ถือว่าหลุนหุยติดหนี้น้ำใจทุกคนแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เกาโม่หานหัวเราะในลำคอ แล้วส่ายศีรษะบอกว่าไม่เป็นไร จอมยุทธ์ขั้นเซียนมักจะช่วยเหลือกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“เห็นไหมว่าเมื่อเป็นคนดี อยู่ที่ไหนก็มีคนคอยช่วยเหลือเสมอ” ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับมาพูดเย้ยหยันใส่หลิวจิวหยวน
หลิวจิวหยวนยิ้มอย่างอวดดี “ยาจกเซียนที่ไม่มีสมุนไพรจิตวิญญาณระดับสูงติดตัว ยังมีหน้ามาพูดดีอีกหรือ?”
“ไอ้แก่จะหาเรื่องกันให้ได้ใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล ทำท่าพร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
“สหายน้อยหลุนหุย ใจเย็นก่อน น้องหลิวแค่ล้อเล่นเท่านั้น” เกาโม่หานรีบเข้ามาห้ามศึก
“เหอะ ฉันพูดความจริงต่างหาก ไม่ได้ล้อเล่นแน่ ๆ” หลิวจิวหยวนคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฉู่ชวิ๋นดวงตาเบิกโตด้วยไฟโทสะ พับแขนเสื้อขึ้นมาขณะสบถว่า “ไอ้แก่นี่ เข้ามาเลย เดี๋ยวฉันจะสอนให้แกได้รู้เอง ว่าลูกผู้ชายตัวจริงมันเป็นยังไง”
หลิวจิวหยวนเค้นเสียงในลำคอ ปรายหางตามองฉู่ชวิ๋นด้วยความเหยียดหยาม แล้วจึงสะบัดหน้าหันไปทางอื่น
“เก่งจริงก็อย่าหนีสิวะ ฉันจะอัดแกให้เละเลย” ฉู่ชวิ๋นร้องตะโกน
เกาโม่หานดึงตัวฉู่ชวิ๋นกลับมาหาเตียวซิงอี้ แล้วยิ้มให้กันอย่างขมขื่น
ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกว่าหลุนหุยคนนี้ ยังเป็นคนหนุ่มเลือดร้อนจริง ๆ
ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าฉู่ชวิ๋นแอบยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจอยู่ไม่น้อย
“เอาละทุกคน ในเมื่อพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็มาสามัคคีกันไว้ดีกว่านะ” เกาโม่หานพูด
“ใช่ ๆ เราจะปล่อยให้ไอ้แก่นั่นคลาดสายตาไม่ได้เด็ดขาด เกิดมันหนีไปขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความไม่ไว้ใจ
หลิวจิวหยวนหันมาสบตาฉู่ชวิ๋นด้วยความดุร้าย ไม่มีใครเคยกล้าดูถูกมันอย่างนี้มาก่อน
ความจริง เรื่องนี้ฉู่ชวิ๋นไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ เนื่องจากว่าในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์หรือฝ่ายของมนุษย์ด้วยกันเอง ต่างก็ไม่มีใครยอมให้หลิวจิวหยวนคลาดสายตาไปไหนได้เด็ดขาดอยู่แล้ว
“ถ้าทุกคนไม่ว่าอะไร เรามานั่งร่ำสุรากันสักหน่อยดีกว่า” เกาโม่หานเชื้อเชิญกลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ด้วยความสุภาพ ในยามที่เป็นมิตรกันชั่วคราวอย่างนี้ ชายชราก็ไม่ลืมที่จะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษออกมาด้วย
“ขอบคุณมาก พวกเราต้องขอรบกวนแล้ว” ค่งหลี่ฉุนพูด
แล้วผู้มาเยือนทั้งหกคนก็เดินมานั่งลง พวกมันล้วนแต่เป็นสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ มีความแข็งแกร่งของร่างกายเหนือกว่าฝ่ายมนุษย์อยู่หลายส่วน จึงต้องทำตัวสุภาพเรียบร้อย เพื่อให้พวกของเกาโม่หานเชื่อใจว่าพวกมันมาอย่างสันติจริงๆ
ฝ่ายเกาโม่หานเองก็ไม่ใช่ตัวโง่งม รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทุกคนต่างมารวมกันที่นี่เพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น และว่ากันตามความจริงแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่มีทางเลยที่สัตว์ร้ายกลายพันธุ์กับมนุษย์ จะสามารถเชื่อใจกันได้อย่างสนิทใจ
แต่อย่างน้อย ทุกคนก็จำเป็นต้องปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กันด้วยความเป็นมิตร
“สหายหลุนหุย คุณวางแผนจะสลายม่านพลังเมื่อไหร่?” ค่งหลี่ฉุนถาม
อันที่จริง ทุกคนก็อยากรู้คำตอบของคำถามนี้อยู่เช่นกัน
“พรุ่งนี้เช้า” ฉู่ชวิ๋นตอบ
“เห็นว่ากันว่าม่านพลังจะอ่อนพลังมากที่สุดตอนกลางคืน” ค่งหลี่ฉุนกล่าว
“ตอนกลางคืนสามารถเกิดเหตุไม่คาดฝันได้เยอะเกินไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราอาจรับมือได้ไม่สะดวก” ฉู่ชวิ๋นว่า
กลุ่มมนุษย์และสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่อยู่ใกล้กับยอดเขาฮั่นหยางยังไม่ได้ล่าถอยไปไหน ทุกคนต่างก็หวังว่าจะอาศัยใบบุญของจอมยุทธ์ขั้นเซียนเหล่านี้ นำพาให้ตนเองโชคดีมากพอที่จะเข้าสู่ยอดเขาได้อย่างปลอดภัย
แต่แน่นอนว่าทุกคนก็ไม่อยากเชื่อสายตา ที่เห็นสัตว์ร้ายกลายพันธุ์และมนุษย์ขั้นเซียนกลุ่มนี้ สามารถนั่งพูดคุยกันได้อย่างเป็นมิตร
“จะว่าไป ฉันมีเรื่องหนึ่งสงสัยเกี่ยวกับพวกนายมาตลอด” ฉู่ชวิ๋นพลันโพล่งขึ้นมา
“โปรดถามมาได้เลย” ค่งหลี่ฉุนพยักหน้า
“ฉันสังเกตพบว่าพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ที่ตื่นจากการจำศีลช่วงหลัง มีแต่ตัวผู้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะได้เห็นตัวเมียสักเท่าไหร่ หรือว่าพวกนายมีปัญหาในเรื่องของการสืบพันธุ์? หรือเป็นเพราะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้วทำให้เกิดปัญหา? พวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ตัวเมียที่เปลี่ยนร่างเป็นผู้หญิง ยังสามารถตั้งท้องได้ตามปกติหรือไม่?”
หืม!
ผู้มาเยือนทั้งหกคนมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที พวกมันไม่เคยคิดเลยว่าหลุนหุยจะถามคำถามแบบนี้ออกมา ตัวผู้กับตัวเมียอย่างนั้นหรือ? ฟังดูไม่ค่อยลื่นหูสักเท่าไหร่
“สหายน้อยหลุนหุย ได้โปรดระมัดระวังคำพูดด้วย ความจริงแล้ว พวกเราก็เหมือนมนุษย์ทั่วๆ ไป โดยเฉพาะเมื่อฝึกปรือขึ้นมาจนมีพลังถึงขั้นเซียน ความต้องการทางเพศของพวกเราก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ต่างจากนักบวชของพวกมนุษย์นั่นแหละ” ค่งหลี่ฉุนตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เท่ากับว่าสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ขั้นเซียนไม่ต้องมีเซ็กส์ก็ได้เหรอ?” ฉู่ชวิ๋นยังสงสัยอยู่ไม่หาย
“สหายน้อยหลุนหุยช่างสงสัยเสียจริง อายุอานามระดับพวกเรา ไม่สนใจเรื่องทางโลกอีกแล้ว เราจะไม่ให้สิ่งใดมารบกวนเส้นทางสู่ชีวิตอมตะเด็ดขาด”
เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นทำท่าเหมือนจะถามอะไรออกมาอีกครั้ง ค่งหลี่ฉุนก็ชิงตัดบทก่อนว่า “สหายน้อยหลุนหุย ตอนนี้คุณควรคิดถึงเรื่องการสลายม่านพลังดีกว่าไหม? นั่นคือเรื่องที่สำคัญต่อพวกเรามากที่สุดนะ”
“จริงด้วย ฉันจะคิดเรื่องการสลายม่านพลังก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยมาคุยเรื่องปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของพวกนายทีหลัง”
ผู้มาเยือนทั้งหกคนปากกระตุกอย่างไม่รู้ตัว
พวกเกาโม่หานมีสีหน้าแปลกประหลาดพิกล ว่ากันตามความจริงคำถามนี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากรู้มานานแล้วเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะโดนตัดจบง่าย ๆ แบบนี้
Comments