จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 296 แค้นจนกัดฟันแตก

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 296 แค้นจนกัดฟันแตก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 296 แค้นจนกัดฟันแตก

ทั้งหยานหวูซวงและจังเฟิงหลิงต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเดียวกัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้

ศึกของ 2 คนนี้เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าอย่างแท้จริง

รอยหมัดเดือดดาล เงากระบี่เจิดจ้า

ตู้ม!

การปะทะกันของพวกเขาน่าหวาดกลัว พายุถล่มทลาย อย่าว่าแต่พื้นดินที่แตกเป็นเสี่ยงๆเลย แม้แต่ตึกสูงก็สั่นสะเทือนราวกับใกล้จะถล่มลงมาเต็มที

“จังเฟิงหลิง มอบดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมา ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะตัดหัวแก” คำพูดของหยานหวูซวงเย็นยะเยือก เขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม

จอมยุทธ์โดยรอบรวมทั้งฉู่ชวิ๋นและเหยาไป๋เยวี่ยล้วนมีท่าทีตกตะลึง ขณะเดียวกันก็ถึงบางอ้อ ที่แท้ตระกูลหยานโดนปล้นมานี่เอง

จังเฟิงหลิงเองก็ชะงักไปนิดหน่อยจากนั้นความโมโหก็ปะทุออกมา เขาคิดว่าหยานหวูซวงกำลังโกหกหน้าตาย

“หยานหวูซวง ไอ้คนต่ำช้า ดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หอหยานหลิง ถามหน่อยซิว่าใครจะเข้าไปได้”

จิตใจที่นิ่งเฉยมาตลอดของหยานหวูซวงเกิดอาการสั่นไหวด้วยความโกรธ เขาพูดอย่างเย็นชา “จังเฟิงหลิง อย่ามาปฏิเสธ อาวุธในมือแกคือหลักฐาน อย่างดี”

เมื่อจางเฟิงหลิงได้ยินเข้าก็ยิ่งโมโหไปใหญ่จนปอดแทบระเบิด เขาตะโกนเสียงแหลม “หยานหวูซวง แกปิดบังตัวตนไว้ได้ลึกดีเหลือเกินนะ นึกว่าแกเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็พวกต่ำช้าที่ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น โชคดีแล้วที่เทพธิดาเยวี่ยไม่คบกับคนอย่างแก”

เขาไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดนี้เหมือนราดน้ำมันบนกองเพลิง ทำให้จิตสังหารของหยานหวูซวงรุนแรงขึ้นไปอีก ไอ้สารเลวนี่บังอาจพูดถึงเหยาไป๋เยวี่ยในเวลาแบบนี้ ท่าทางจะคิดไม่ซื่อแน่ ๆ

“จังเฟิงหลิง ถ้าแกไม่ส่งดอกบัวจิตวิญญาณมา ต่อให้วันนี้จะพูดจนฟ้าถล่มดินทลายก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ย”

เชร้ง

กระบี่ถูกฟาดฟันลงไป รัศมีกระบี่เปร่งประกายแกร่งกล้าฉีกท้องฟ้ายามราตรีออก

“หยานหวูซวง แกคิดว่าไร้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันจริง ๆ งั้นเหรอ คิดจะรั้งฉันไว้ที่นี่ ไหนดูซิว่าแกมีความสามารถพอหรือเปล่า”

ตู้ม

หมัดเปร่งประกายราวกับสายรุ้งใต้แสงแดดและดุดัน

ฉู่ชวิ๋นเอียงหัวด้วยสีหน้าสงสัย “เทพธิดาเยวี่ย เธอว่าตกลงพวกเขาสู้เพราะดอกบัวจิตวิญญาณหรือเพราะเธอกันแน่น่ะ”

เหยาไป๋เยวี่ยเริ่มกัดฟันกรอดอีกครั้ง

“คุณชายหยาน เขาจะแย่งเทพธิดาเยวี่ยกับนาย จะให้ทนได้ยังไง ถ้าเป็นฉันทนไม่ได้เด็ดขาด” ฉู่ชวิ๋นตะโกนใส่หยานหวูซวง

จังเฟิงหลิงเกือบทนไม่ไหวพุ่งไปฆ่าฉู่ชวิ๋น ไอ้นี่พูดบ้าอะไรออกมา ถ้าพูดกับใครไม่เป็นก็หุบปากไป เขาแค่พูดไปงั้นๆ บอกตอนไหนว่าจะแย่งเหยาไป๋เยวี่ยกับหยานหวูซวง

จอมยุทธ์ทุกคนต่างรู้สึกว่าฉู่ชวิ๋นสมควรโดนอัดมากที่สุด นี่มันราดน้ำมันบนกองเพลิงชัด ๆ

“ว้าว ผู้หญิง 2 คนนั้นไม่ได้ใส่เสื้อผ้า” จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นก็ร้องเสียงหลง

เหล่าจอมยุทธ์มองตามสายตาเขาไป ทันใดนั้นก็ตาค้าง ที่ขอบหน้าต่างชั้น 22 สาวใช้ทั้ง 2 ของจังเฟิงหลิงนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ เท่านั้น บังอะไรไม่ได้เลย

สายตาของจอมยุทธ์ล้วนเฉียบคมมากย่อมมองเห็นทุกอย่างพวกเขาลวมลามสาวใช้ด้วยสายตาซะยกใหญ่ แถมยังมีคนแอบกลืนน้ำลายด้วย

สาวใช้ทั้งสองมีใจให้จังเฟิงหลิงพวกเธอย่อมยืนดูอยู่ริมหน้าต่างอย่างเป็นห่วงแต่เสียงของฉู่ชวิ๋นทำให้พวกนางสะดุ้งรู้ตัวจนรีบถอยออกไป

แต่เสียดายที่มีจอมยุทธ์จำนวนไม่น้อยเห็นไปแล้ว

จังเฟิงหลิงเองก็ตื่นตูมกับเสียงของฉู่ชวิ๋นจึงหันไปมองด้วยสัญชาตญาณ

การประมือของยอดฝีมือ เพียงมิลลิเมตรเสมือนกับพันลี้ รัศมีกระบี่ของ

หยานหวูซวงเฉียดคอเขาไป ถ้าไม่ใช่เขาตอบโตไว ป่านนี้หัวขาดไปแล้ว แต่ที่คอก็ยังปรากฏรอยเลือดรอยหนึ่งอยู่ดี

“ไอ้บ้านนอก แกหุบปากไปเลย” จังเฟิงหลิงรู้สึกปวดตับ ปวดไต และปวดหัวใจ ทำไมบนโลกถึงมีคนแบบนี้อยู่กันนะ

เขาตั้งสมาธิต่อสู้กับหยานหวูซวง ในใจกลับแค้นฉู่ชวิ๋นแทบตาย รอให้จบศึกนี้ไปก่อน เขาจะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี้ให้ได้

“ฉันพูดอะไรไม่ดีเหรอ” ฉู่ชวิ๋นสีหน้าท่าทางเสียใจ

ทุกคนหมดคำพูด แกพูดเยอะเลยละ คำพูดของแกทำให้คนมากมายขนาดนี้ ข่มขืนสาวใช้ 2 คนนั้นทางสายตายังไม่พออีกเหรอ

“จังเฟิงหลิง นายคิดว่าเมืองหยานเซวี่ยเป็นของนายหรือไง อยากจะด่าใครก็ได้ แน่จริงพวกเรา 2 คนมาสู้กันหน่อยดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นท้าทายเสียงดังด้วยใบหน้าไม่ยอมแพ้

จังเฟิงหลิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว แค่หยานหวูซวงคนเดียวเขาก็รับมือลำบากแล้ว ถ้ามีไอ้บ้านนอกเพิ่มเข้ามาอีกคน เขาอาจจะไม่ได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ยจริง ๆ ก็ได้

แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ความแข็งแกร่งของไอ้บ้านนอกนี้เป็นของจริงแต่ถ้าตัวต่อตัวเขาไม่แพ้แน่!

เพราะฉะนั้น เขาเลือกที่จะเงียบต่อคำพูดท้าทายของฉู่ชวิ๋น แล้วอดทนเอาไว้แม้จะปวดท้องปวดหัวไปหมด แต่ค่อยไปเก็บกวาดเอาทีหลังก็ได้

แต่ดูเหมือนฉู่ชวิ๋นไม่คิดจะปล่อยเขาไป เขาพูดต่อเสียงดัง “จังเฟิงหลิง ว่าแต่นายขโมยดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานจริงๆ เหรอ”

จังเฟิงหลิงแทบจะกระอักเลือดออกมา แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“ฉันเชื่อว่าคุณชายหยานไม่ได้โกหก อีกอย่าง ในที่นี้นอกจากนายจะมีใครมีความสามารถพอไปเป็นขโมยของที่ตระกูลหยาน” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมา

จังเฟิงหลิงกัดฟันกรอด ฉันจะอดทนไว้…. ฉันจะอดทนไว้….

“จังเฟิงหลิง เอาอย่างงี้มั้ย ฉันใช้โสมมังกรชื่อเสวี่ยแลกกับใบของดอกบัวจิตวิญญาณได้หรือเปล่า”

“ไปตายซะไป ฉันไม่มีดอกบัวจิตวิญญาณโว้ย!!” เจิงเฟิงหลิงโมโหจนคลั่งและด่าออกไป

“หยาบคาย” ฉู่ชวิ๋นเหล่มองเขา “ไม่แลกก็ไม่แลกสิ จะด่าทำไม พ่อแม่ฉันยังไม่เคยด่าฉันเลย นายมีสิทธิ์อะไร ฉันจะสู้กับนายสัก 800 ยก”

ฉู่ชวิ๋นไม่ได้แกล้งพูด เขาลงมือแล้วจริงๆ มีก้อนหินยักษ์ขนาดเท่าแท่นบดแถวนี้พอดี เขายกขึ้นมาและปาใส่จังเฟิงหลิง

หินยักษ์ขนาดแท่นบดกลายเป็นอุกกาบาต ส่งเสียงฟูฟ่าออกมา

จังเฟิงหลิงหน้าดำคร่ำเครียด หันไปต่อยหมัดใส่หินยักษ์จนระเบิดออก

พรวด

เลือดระเบิดออกจากไหล่เขา เป็นหยานหวูซวงฉวยโอกาสนี้ลงมือนั่นเอง

จังเฟิงหลิงตกใจกลัว คนนึงเป็นตัวหลัก คนนึงคอยสนับสนุน เขาไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้จริงๆ

“ส่งดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์คืนมา” หยานหวูซวงพูดเย็นๆ

“@#¥%……” จังเฟิงหลิงก่นด่าในใจเป็นชุดก่อนจะพูดออกมา “พี่หยาน เรื่องคืนนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ฉันยังไม่ได้ออกไปไหนเลย”

“เข้าใจผิด? อย่างที่สหายท่านนี้พูด นอกจากนายแล้ว ใครจะมีความสามารถบุกเข้าไปในตระกูลหยานของฉันอีก”

“พี่หยาน ต้องมีคนใส่ร้ายป้ายสีแน่นอน ฉันสาบาน หลังจากที่งานเลี้ยงคืนนี้เลิก ฉันก็อยู่ที่โรงแรมตลอด สาวใช้ของฉันเป็นพยานได้” จังเฟิงหลิงรู้สึกมีอะไรอัดอั้นอยู่ที่หน้าอก อยากจะกระอักเลือดออกมา คนทะนงตนอย่างเขามีวันที่ลดมาดลงและยอมอธิบายให้คนอื่นฟังด้วย

“ใครจะเชื่อละ สาวใช้ของนายเป็นพยานให้ ทำไมนายไม่เป็นพยานให้ตัวเองซะเลยล่ะ” ฉู่ชวิ๋นตะโกน

“แกหุบปากไปเลย ไอ้บัดซบ” จังเฟิงหลิงรู้สึกโกรธจนสั่นไปทั้งตับไตไส้พุง

“ก็ได้ ๆ”

ฉู่ชวิ๋นหุบปากจริง ๆ ก่อนที่จะขว้างหินก้อนยักษ์ใส่จังเฟิงหลิง

“อ๊าก” จังเฟิงหลิงคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ เขาเงยหน้ามองฟ้าและคำรามเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ คลื่นเสียงถล่มทลายจนแผ่นดินไหว

หินที่ฉู่ชวิ๋นขว้างออกไปไม่ใช่เล่น ๆ หรอกนะ อย่างกับระเบิดทั้งนั้น

กระบี่ของหยานหวูซวงฟาดฟันออกมากระบี่แล้วกระบี่เล่า รัศมีดาบแกร่งกล้าและเจิดจรัส

จังเฟิงหลิงไม่อาจแยกร่างได้ทำให้โดนการโจมตีนี้เข้าเต็มๆ เลือดสาดกระจาย เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวไม่หยุด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องจบตายอยู่ที่นี่แน่ ๆ

“พี่หยาน เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกันจริงๆ หยุดก่อนแล้วให้ฉันอธิบายได้ไหม ถ้าฉันทำจริงๆ ฉันยอมให้มัดมือแล้วสำเร็จโทษได้เลย”

“ยังมีอะไรต้องอธิบายอีก คุณชายหยานบอกว่าเป็นนายก็ต้องเป็นนาย หรือนายจะบอกว่าเขากล่าวหานายหรือไง” ขณะที่ฉู่ชวิ๋นขว้างก้อนหินไปก้อนเล็กบ้างก้อนใหญ่บ้างเขาก็ยังไม่ลืมที่แขวะ

“อ๊ากก แกกก ฉันจะฆ่าแก” จังเฟิงหลิงบ้าไปแล้วจริงๆ เขาพุ่งไปหาฉู่ชวิ๋นโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น

หยานหวูซวงฟาดกระบี่ รัศมีกระบี่ฟาดใส่หลังของจังเฟิงหลิง

เมื่อเห็นจังเฟิงหลังพุ่งใส่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่หลบ ฉู่ชวิ๋นชกหมัดออกไป ลมจากหมัดโหมกระหน่ำ

ตู้ม

แรงอันน่าสยองกระจายออกมา

พื้นใต้เท้าของฉู่ชวิ๋นระเบิดออก

จังเฟิงหลิงก็โดนแรงระเบิดจนถอยออกไป

พรืด

เลือดสาดกระจาย จังเฟิงหลิงไม่อาจหลบได้จึงถูกรัศมีกระบี่ของหยานหวูซวงฟาดเข้าให้ที่หลัง

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งยากจะทัดเทียม จังเฟิงหลิงคงโดนผ่าครึ่งไปแล้ว

แต่นี่ก็ทำให้จังเฟิงร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาคือจังเฟิงหลิงผู้เลิศเลอนะ จำไม่ได้ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้ว

จังเฟิงหลิงหันขวับไปมองหยานหวูซวงและตะโกนด้วยความโกรธ

“หยานหวูซวง แกก็จะฆ่าฉันให้ได้ใช่มั้ย จะให้ตระกูลหยานและตระกูลจังไม่ตายไม่ยอมเลิกราเลยใช่ไหม?”

ตู้ม

หมัดนึงฉวยโอกาสซัดใส่หน้าเขา ซัดจนเขากระเด็นลอยออกไป

แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นเป็นคนซัดหมัดนี้ ฉู่ชวิ๋นลอบทำร้ายสำเร็จตอนที่จังเฟิงหลิงไขว้เขวไปเรื่องอื่น

“ไอ้บ้านนอกบัดซบ แกตายแน่” จังเฟิงหลิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด หน้าบวมไปครึ่งหน้า

“หนังหนาจริง ๆ ขนาดนี้ยังไม่เป็นไรอีกเหรอ” ฉู่ชวิ๋นตกใจมากก่อนจะพุ่งเข้าไป “แต่ยังกล้าโอหังอีกนะ ฉันจะอัดนายให้ตายเอง”

“สหาย โปรดหยุดก่อน” จู่ ๆ หยานหวูซวงก็เอ่ยปากขึ้น

ฉู่ชวิ๋นหยุดฝีเท้าลงและหันไปมองเขาอย่างสงสัย “คุณชายหยาน นายคงไม่ได้ใจอ่อนใช่ไหม?”

“ฉันแค่อยากให้เขาได้อธิบายก่อนตาย” หยานหวูซวงพูดอย่างเย็นชา

จอมยุทธ์รอบ ๆ พูดอะไรไม่ออกเหมือนเป็นใบ้ นี่จังเฟิงหลิงเลยนะ โดนอัดขนาดนี้ น่าหวาดกลัวจริงๆ

“จังเฟิงหลิง ฉันให้โอกาสนายอธิบาย” หยานหวูซวงชี้กระบี่ยาวไปที่จังเฟิงหลิงและพูดขึ้น “ถ้าอธิบายไม่ชัดเจน ต่อให้ต้องเกิดสงครามระหว่าง 2 ตระกูลขึ้น วันนี้ฉันก็จะฆ่านายให้ได้”

จังเฟิงหลิงรู้แก่ใจแล้วว่าหยานหวูซวงพูดจริงๆ

“พี่หยาน เรื่องนี้มีหลายจุดที่น่าสงสัย ฉันสงสัยว่ามีคนตั้งใจใส่ร้ายป้ายสี”

จังเฟิงหลิงเล่าเรื่องที่โดยลอบทำร้ายที่โรงแรมออกมา

“ใครจะมีความสามารถพอจะลอบทำร้ายจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7” เห็นได้ชัดว่าฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อเรื่องนี้

“แคร่ก”

ทุกคนมองจังเฟิงหลิงอย่างตื่นตระหนก

จังเฟิงหลิงกัดฟันจนฟันแตก ทุกคนมองฉู่ชวิ๋น ยอดคนจริง ๆ บีบคั้นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 จนกัดฟันตัวเองแตกแล้วได้แต่กลืนลงท้อง

จังเฟิงหลิงอยากจะสับฉู่ชวิ๋นให้เป็นชิ้นๆแล้วนึ่งกิน เขาไม่เคยเจอคนปากดี ขนาดนี้มาก่อน เขาสาบานในใจว่าจะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี่ให้ได้ ให้ได้…

ภาพนี้ทำให้หยานหวูซวงและเหยาไป๋เยวี่ยหมดคำจะพูด

“จังเฟิงหลิง ตอนนี้ฉันจะเชื่อคำพูดของนายก่อน แต่มีอย่างนึงที่นายปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็คือหมัดสายฟ้าที่เป็นวิชาเฉพาะของพวกนายตระกูลจัง คนที่ประมือกับฉันใช้หมัดสายฟ้าได้ นายจะอธิบายอย่างไร” หยานหวูซวงกล่าว

“หมัดสายฟ้า?” จังเฟิงหลิงเงยหน้าขวับด้วยสายตาตะลึง “เป็นไปไม่ได้ หมัดสายฟ้าไม่สอนคนนอกเด็ดขาด”

“นายยอมรับแล้วเหรอ?” กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงส่งเสียงออกมาทันที

“เดี๋ยวก่อน ฉันอยากไปดูที่ๆ พวกนายสู้กัน” จังเฟิงหลิงไม่สนแล้วว่า

หยานหวูซวงจะเชื่อไหม ที่เขาสนใจคือมีคนนอกได้วิชาหมัดสายฟ้าไปหรือเปล่า นี่มันเป็นรากฐานของตระกูลจังเชียวนะ เป็นเรื่องอันตรายต่อตระกูลมากๆ

ผ่านไปครู่หนึ่งคนทั้งหมดก็มาถึงนอกเมือง

จังเฟิงหลิงมองหลุมใหญ่ที่พื้น รอบ ๆ หลุมเป็นรอยไหม้เกรียม เหมือนกับ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะการต่อสู้ของจังเฟิงหลิงและฉู่ชวิ๋นที่งานเลี้ยงมาก

“จังเฟิงหลิง นายมีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นมา “ฉันเคยประมือกับวิชาของนายด้วยตัวเอง เหมือนกับอันนี้มากจริงๆ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 296 แค้นจนกัดฟันแตก

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 296 แค้นจนกัดฟันแตก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 296 แค้นจนกัดฟันแตก

ทั้งหยานหวูซวงและจังเฟิงหลิงต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเดียวกัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้

ศึกของ 2 คนนี้เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าอย่างแท้จริง

รอยหมัดเดือดดาล เงากระบี่เจิดจ้า

ตู้ม!

การปะทะกันของพวกเขาน่าหวาดกลัว พายุถล่มทลาย อย่าว่าแต่พื้นดินที่แตกเป็นเสี่ยงๆเลย แม้แต่ตึกสูงก็สั่นสะเทือนราวกับใกล้จะถล่มลงมาเต็มที

“จังเฟิงหลิง มอบดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมา ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะตัดหัวแก” คำพูดของหยานหวูซวงเย็นยะเยือก เขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม

จอมยุทธ์โดยรอบรวมทั้งฉู่ชวิ๋นและเหยาไป๋เยวี่ยล้วนมีท่าทีตกตะลึง ขณะเดียวกันก็ถึงบางอ้อ ที่แท้ตระกูลหยานโดนปล้นมานี่เอง

จังเฟิงหลิงเองก็ชะงักไปนิดหน่อยจากนั้นความโมโหก็ปะทุออกมา เขาคิดว่าหยานหวูซวงกำลังโกหกหน้าตาย

“หยานหวูซวง ไอ้คนต่ำช้า ดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หอหยานหลิง ถามหน่อยซิว่าใครจะเข้าไปได้”

จิตใจที่นิ่งเฉยมาตลอดของหยานหวูซวงเกิดอาการสั่นไหวด้วยความโกรธ เขาพูดอย่างเย็นชา “จังเฟิงหลิง อย่ามาปฏิเสธ อาวุธในมือแกคือหลักฐาน อย่างดี”

เมื่อจางเฟิงหลิงได้ยินเข้าก็ยิ่งโมโหไปใหญ่จนปอดแทบระเบิด เขาตะโกนเสียงแหลม “หยานหวูซวง แกปิดบังตัวตนไว้ได้ลึกดีเหลือเกินนะ นึกว่าแกเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็พวกต่ำช้าที่ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น โชคดีแล้วที่เทพธิดาเยวี่ยไม่คบกับคนอย่างแก”

เขาไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดนี้เหมือนราดน้ำมันบนกองเพลิง ทำให้จิตสังหารของหยานหวูซวงรุนแรงขึ้นไปอีก ไอ้สารเลวนี่บังอาจพูดถึงเหยาไป๋เยวี่ยในเวลาแบบนี้ ท่าทางจะคิดไม่ซื่อแน่ ๆ

“จังเฟิงหลิง ถ้าแกไม่ส่งดอกบัวจิตวิญญาณมา ต่อให้วันนี้จะพูดจนฟ้าถล่มดินทลายก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ย”

เชร้ง

กระบี่ถูกฟาดฟันลงไป รัศมีกระบี่เปร่งประกายแกร่งกล้าฉีกท้องฟ้ายามราตรีออก

“หยานหวูซวง แกคิดว่าไร้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันจริง ๆ งั้นเหรอ คิดจะรั้งฉันไว้ที่นี่ ไหนดูซิว่าแกมีความสามารถพอหรือเปล่า”

ตู้ม

หมัดเปร่งประกายราวกับสายรุ้งใต้แสงแดดและดุดัน

ฉู่ชวิ๋นเอียงหัวด้วยสีหน้าสงสัย “เทพธิดาเยวี่ย เธอว่าตกลงพวกเขาสู้เพราะดอกบัวจิตวิญญาณหรือเพราะเธอกันแน่น่ะ”

เหยาไป๋เยวี่ยเริ่มกัดฟันกรอดอีกครั้ง

“คุณชายหยาน เขาจะแย่งเทพธิดาเยวี่ยกับนาย จะให้ทนได้ยังไง ถ้าเป็นฉันทนไม่ได้เด็ดขาด” ฉู่ชวิ๋นตะโกนใส่หยานหวูซวง

จังเฟิงหลิงเกือบทนไม่ไหวพุ่งไปฆ่าฉู่ชวิ๋น ไอ้นี่พูดบ้าอะไรออกมา ถ้าพูดกับใครไม่เป็นก็หุบปากไป เขาแค่พูดไปงั้นๆ บอกตอนไหนว่าจะแย่งเหยาไป๋เยวี่ยกับหยานหวูซวง

จอมยุทธ์ทุกคนต่างรู้สึกว่าฉู่ชวิ๋นสมควรโดนอัดมากที่สุด นี่มันราดน้ำมันบนกองเพลิงชัด ๆ

“ว้าว ผู้หญิง 2 คนนั้นไม่ได้ใส่เสื้อผ้า” จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นก็ร้องเสียงหลง

เหล่าจอมยุทธ์มองตามสายตาเขาไป ทันใดนั้นก็ตาค้าง ที่ขอบหน้าต่างชั้น 22 สาวใช้ทั้ง 2 ของจังเฟิงหลิงนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ เท่านั้น บังอะไรไม่ได้เลย

สายตาของจอมยุทธ์ล้วนเฉียบคมมากย่อมมองเห็นทุกอย่างพวกเขาลวมลามสาวใช้ด้วยสายตาซะยกใหญ่ แถมยังมีคนแอบกลืนน้ำลายด้วย

สาวใช้ทั้งสองมีใจให้จังเฟิงหลิงพวกเธอย่อมยืนดูอยู่ริมหน้าต่างอย่างเป็นห่วงแต่เสียงของฉู่ชวิ๋นทำให้พวกนางสะดุ้งรู้ตัวจนรีบถอยออกไป

แต่เสียดายที่มีจอมยุทธ์จำนวนไม่น้อยเห็นไปแล้ว

จังเฟิงหลิงเองก็ตื่นตูมกับเสียงของฉู่ชวิ๋นจึงหันไปมองด้วยสัญชาตญาณ

การประมือของยอดฝีมือ เพียงมิลลิเมตรเสมือนกับพันลี้ รัศมีกระบี่ของ

หยานหวูซวงเฉียดคอเขาไป ถ้าไม่ใช่เขาตอบโตไว ป่านนี้หัวขาดไปแล้ว แต่ที่คอก็ยังปรากฏรอยเลือดรอยหนึ่งอยู่ดี

“ไอ้บ้านนอก แกหุบปากไปเลย” จังเฟิงหลิงรู้สึกปวดตับ ปวดไต และปวดหัวใจ ทำไมบนโลกถึงมีคนแบบนี้อยู่กันนะ

เขาตั้งสมาธิต่อสู้กับหยานหวูซวง ในใจกลับแค้นฉู่ชวิ๋นแทบตาย รอให้จบศึกนี้ไปก่อน เขาจะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี้ให้ได้

“ฉันพูดอะไรไม่ดีเหรอ” ฉู่ชวิ๋นสีหน้าท่าทางเสียใจ

ทุกคนหมดคำพูด แกพูดเยอะเลยละ คำพูดของแกทำให้คนมากมายขนาดนี้ ข่มขืนสาวใช้ 2 คนนั้นทางสายตายังไม่พออีกเหรอ

“จังเฟิงหลิง นายคิดว่าเมืองหยานเซวี่ยเป็นของนายหรือไง อยากจะด่าใครก็ได้ แน่จริงพวกเรา 2 คนมาสู้กันหน่อยดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นท้าทายเสียงดังด้วยใบหน้าไม่ยอมแพ้

จังเฟิงหลิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว แค่หยานหวูซวงคนเดียวเขาก็รับมือลำบากแล้ว ถ้ามีไอ้บ้านนอกเพิ่มเข้ามาอีกคน เขาอาจจะไม่ได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ยจริง ๆ ก็ได้

แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ความแข็งแกร่งของไอ้บ้านนอกนี้เป็นของจริงแต่ถ้าตัวต่อตัวเขาไม่แพ้แน่!

เพราะฉะนั้น เขาเลือกที่จะเงียบต่อคำพูดท้าทายของฉู่ชวิ๋น แล้วอดทนเอาไว้แม้จะปวดท้องปวดหัวไปหมด แต่ค่อยไปเก็บกวาดเอาทีหลังก็ได้

แต่ดูเหมือนฉู่ชวิ๋นไม่คิดจะปล่อยเขาไป เขาพูดต่อเสียงดัง “จังเฟิงหลิง ว่าแต่นายขโมยดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานจริงๆ เหรอ”

จังเฟิงหลิงแทบจะกระอักเลือดออกมา แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“ฉันเชื่อว่าคุณชายหยานไม่ได้โกหก อีกอย่าง ในที่นี้นอกจากนายจะมีใครมีความสามารถพอไปเป็นขโมยของที่ตระกูลหยาน” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมา

จังเฟิงหลิงกัดฟันกรอด ฉันจะอดทนไว้…. ฉันจะอดทนไว้….

“จังเฟิงหลิง เอาอย่างงี้มั้ย ฉันใช้โสมมังกรชื่อเสวี่ยแลกกับใบของดอกบัวจิตวิญญาณได้หรือเปล่า”

“ไปตายซะไป ฉันไม่มีดอกบัวจิตวิญญาณโว้ย!!” เจิงเฟิงหลิงโมโหจนคลั่งและด่าออกไป

“หยาบคาย” ฉู่ชวิ๋นเหล่มองเขา “ไม่แลกก็ไม่แลกสิ จะด่าทำไม พ่อแม่ฉันยังไม่เคยด่าฉันเลย นายมีสิทธิ์อะไร ฉันจะสู้กับนายสัก 800 ยก”

ฉู่ชวิ๋นไม่ได้แกล้งพูด เขาลงมือแล้วจริงๆ มีก้อนหินยักษ์ขนาดเท่าแท่นบดแถวนี้พอดี เขายกขึ้นมาและปาใส่จังเฟิงหลิง

หินยักษ์ขนาดแท่นบดกลายเป็นอุกกาบาต ส่งเสียงฟูฟ่าออกมา

จังเฟิงหลิงหน้าดำคร่ำเครียด หันไปต่อยหมัดใส่หินยักษ์จนระเบิดออก

พรวด

เลือดระเบิดออกจากไหล่เขา เป็นหยานหวูซวงฉวยโอกาสนี้ลงมือนั่นเอง

จังเฟิงหลิงตกใจกลัว คนนึงเป็นตัวหลัก คนนึงคอยสนับสนุน เขาไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้จริงๆ

“ส่งดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์คืนมา” หยานหวูซวงพูดเย็นๆ

“@#¥%……” จังเฟิงหลิงก่นด่าในใจเป็นชุดก่อนจะพูดออกมา “พี่หยาน เรื่องคืนนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ฉันยังไม่ได้ออกไปไหนเลย”

“เข้าใจผิด? อย่างที่สหายท่านนี้พูด นอกจากนายแล้ว ใครจะมีความสามารถบุกเข้าไปในตระกูลหยานของฉันอีก”

“พี่หยาน ต้องมีคนใส่ร้ายป้ายสีแน่นอน ฉันสาบาน หลังจากที่งานเลี้ยงคืนนี้เลิก ฉันก็อยู่ที่โรงแรมตลอด สาวใช้ของฉันเป็นพยานได้” จังเฟิงหลิงรู้สึกมีอะไรอัดอั้นอยู่ที่หน้าอก อยากจะกระอักเลือดออกมา คนทะนงตนอย่างเขามีวันที่ลดมาดลงและยอมอธิบายให้คนอื่นฟังด้วย

“ใครจะเชื่อละ สาวใช้ของนายเป็นพยานให้ ทำไมนายไม่เป็นพยานให้ตัวเองซะเลยล่ะ” ฉู่ชวิ๋นตะโกน

“แกหุบปากไปเลย ไอ้บัดซบ” จังเฟิงหลิงรู้สึกโกรธจนสั่นไปทั้งตับไตไส้พุง

“ก็ได้ ๆ”

ฉู่ชวิ๋นหุบปากจริง ๆ ก่อนที่จะขว้างหินก้อนยักษ์ใส่จังเฟิงหลิง

“อ๊าก” จังเฟิงหลิงคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ เขาเงยหน้ามองฟ้าและคำรามเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ คลื่นเสียงถล่มทลายจนแผ่นดินไหว

หินที่ฉู่ชวิ๋นขว้างออกไปไม่ใช่เล่น ๆ หรอกนะ อย่างกับระเบิดทั้งนั้น

กระบี่ของหยานหวูซวงฟาดฟันออกมากระบี่แล้วกระบี่เล่า รัศมีดาบแกร่งกล้าและเจิดจรัส

จังเฟิงหลิงไม่อาจแยกร่างได้ทำให้โดนการโจมตีนี้เข้าเต็มๆ เลือดสาดกระจาย เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวไม่หยุด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องจบตายอยู่ที่นี่แน่ ๆ

“พี่หยาน เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกันจริงๆ หยุดก่อนแล้วให้ฉันอธิบายได้ไหม ถ้าฉันทำจริงๆ ฉันยอมให้มัดมือแล้วสำเร็จโทษได้เลย”

“ยังมีอะไรต้องอธิบายอีก คุณชายหยานบอกว่าเป็นนายก็ต้องเป็นนาย หรือนายจะบอกว่าเขากล่าวหานายหรือไง” ขณะที่ฉู่ชวิ๋นขว้างก้อนหินไปก้อนเล็กบ้างก้อนใหญ่บ้างเขาก็ยังไม่ลืมที่แขวะ

“อ๊ากก แกกก ฉันจะฆ่าแก” จังเฟิงหลิงบ้าไปแล้วจริงๆ เขาพุ่งไปหาฉู่ชวิ๋นโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น

หยานหวูซวงฟาดกระบี่ รัศมีกระบี่ฟาดใส่หลังของจังเฟิงหลิง

เมื่อเห็นจังเฟิงหลังพุ่งใส่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่หลบ ฉู่ชวิ๋นชกหมัดออกไป ลมจากหมัดโหมกระหน่ำ

ตู้ม

แรงอันน่าสยองกระจายออกมา

พื้นใต้เท้าของฉู่ชวิ๋นระเบิดออก

จังเฟิงหลิงก็โดนแรงระเบิดจนถอยออกไป

พรืด

เลือดสาดกระจาย จังเฟิงหลิงไม่อาจหลบได้จึงถูกรัศมีกระบี่ของหยานหวูซวงฟาดเข้าให้ที่หลัง

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งยากจะทัดเทียม จังเฟิงหลิงคงโดนผ่าครึ่งไปแล้ว

แต่นี่ก็ทำให้จังเฟิงร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาคือจังเฟิงหลิงผู้เลิศเลอนะ จำไม่ได้ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้ว

จังเฟิงหลิงหันขวับไปมองหยานหวูซวงและตะโกนด้วยความโกรธ

“หยานหวูซวง แกก็จะฆ่าฉันให้ได้ใช่มั้ย จะให้ตระกูลหยานและตระกูลจังไม่ตายไม่ยอมเลิกราเลยใช่ไหม?”

ตู้ม

หมัดนึงฉวยโอกาสซัดใส่หน้าเขา ซัดจนเขากระเด็นลอยออกไป

แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นเป็นคนซัดหมัดนี้ ฉู่ชวิ๋นลอบทำร้ายสำเร็จตอนที่จังเฟิงหลิงไขว้เขวไปเรื่องอื่น

“ไอ้บ้านนอกบัดซบ แกตายแน่” จังเฟิงหลิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด หน้าบวมไปครึ่งหน้า

“หนังหนาจริง ๆ ขนาดนี้ยังไม่เป็นไรอีกเหรอ” ฉู่ชวิ๋นตกใจมากก่อนจะพุ่งเข้าไป “แต่ยังกล้าโอหังอีกนะ ฉันจะอัดนายให้ตายเอง”

“สหาย โปรดหยุดก่อน” จู่ ๆ หยานหวูซวงก็เอ่ยปากขึ้น

ฉู่ชวิ๋นหยุดฝีเท้าลงและหันไปมองเขาอย่างสงสัย “คุณชายหยาน นายคงไม่ได้ใจอ่อนใช่ไหม?”

“ฉันแค่อยากให้เขาได้อธิบายก่อนตาย” หยานหวูซวงพูดอย่างเย็นชา

จอมยุทธ์รอบ ๆ พูดอะไรไม่ออกเหมือนเป็นใบ้ นี่จังเฟิงหลิงเลยนะ โดนอัดขนาดนี้ น่าหวาดกลัวจริงๆ

“จังเฟิงหลิง ฉันให้โอกาสนายอธิบาย” หยานหวูซวงชี้กระบี่ยาวไปที่จังเฟิงหลิงและพูดขึ้น “ถ้าอธิบายไม่ชัดเจน ต่อให้ต้องเกิดสงครามระหว่าง 2 ตระกูลขึ้น วันนี้ฉันก็จะฆ่านายให้ได้”

จังเฟิงหลิงรู้แก่ใจแล้วว่าหยานหวูซวงพูดจริงๆ

“พี่หยาน เรื่องนี้มีหลายจุดที่น่าสงสัย ฉันสงสัยว่ามีคนตั้งใจใส่ร้ายป้ายสี”

จังเฟิงหลิงเล่าเรื่องที่โดยลอบทำร้ายที่โรงแรมออกมา

“ใครจะมีความสามารถพอจะลอบทำร้ายจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7” เห็นได้ชัดว่าฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อเรื่องนี้

“แคร่ก”

ทุกคนมองจังเฟิงหลิงอย่างตื่นตระหนก

จังเฟิงหลิงกัดฟันจนฟันแตก ทุกคนมองฉู่ชวิ๋น ยอดคนจริง ๆ บีบคั้นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 จนกัดฟันตัวเองแตกแล้วได้แต่กลืนลงท้อง

จังเฟิงหลิงอยากจะสับฉู่ชวิ๋นให้เป็นชิ้นๆแล้วนึ่งกิน เขาไม่เคยเจอคนปากดี ขนาดนี้มาก่อน เขาสาบานในใจว่าจะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี่ให้ได้ ให้ได้…

ภาพนี้ทำให้หยานหวูซวงและเหยาไป๋เยวี่ยหมดคำจะพูด

“จังเฟิงหลิง ตอนนี้ฉันจะเชื่อคำพูดของนายก่อน แต่มีอย่างนึงที่นายปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็คือหมัดสายฟ้าที่เป็นวิชาเฉพาะของพวกนายตระกูลจัง คนที่ประมือกับฉันใช้หมัดสายฟ้าได้ นายจะอธิบายอย่างไร” หยานหวูซวงกล่าว

“หมัดสายฟ้า?” จังเฟิงหลิงเงยหน้าขวับด้วยสายตาตะลึง “เป็นไปไม่ได้ หมัดสายฟ้าไม่สอนคนนอกเด็ดขาด”

“นายยอมรับแล้วเหรอ?” กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงส่งเสียงออกมาทันที

“เดี๋ยวก่อน ฉันอยากไปดูที่ๆ พวกนายสู้กัน” จังเฟิงหลิงไม่สนแล้วว่า

หยานหวูซวงจะเชื่อไหม ที่เขาสนใจคือมีคนนอกได้วิชาหมัดสายฟ้าไปหรือเปล่า นี่มันเป็นรากฐานของตระกูลจังเชียวนะ เป็นเรื่องอันตรายต่อตระกูลมากๆ

ผ่านไปครู่หนึ่งคนทั้งหมดก็มาถึงนอกเมือง

จังเฟิงหลิงมองหลุมใหญ่ที่พื้น รอบ ๆ หลุมเป็นรอยไหม้เกรียม เหมือนกับ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะการต่อสู้ของจังเฟิงหลิงและฉู่ชวิ๋นที่งานเลี้ยงมาก

“จังเฟิงหลิง นายมีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นมา “ฉันเคยประมือกับวิชาของนายด้วยตัวเอง เหมือนกับอันนี้มากจริงๆ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) 296 แค้นจนกัดฟันแตก

Now you are reading จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) Chapter 296 แค้นจนกัดฟันแตก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 296 แค้นจนกัดฟันแตก

ทั้งหยานหวูซวงและจังเฟิงหลิงต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเดียวกัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้

ศึกของ 2 คนนี้เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าอย่างแท้จริง

รอยหมัดเดือดดาล เงากระบี่เจิดจ้า

ตู้ม!

การปะทะกันของพวกเขาน่าหวาดกลัว พายุถล่มทลาย อย่าว่าแต่พื้นดินที่แตกเป็นเสี่ยงๆเลย แม้แต่ตึกสูงก็สั่นสะเทือนราวกับใกล้จะถล่มลงมาเต็มที

“จังเฟิงหลิง มอบดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมา ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะตัดหัวแก” คำพูดของหยานหวูซวงเย็นยะเยือก เขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม

จอมยุทธ์โดยรอบรวมทั้งฉู่ชวิ๋นและเหยาไป๋เยวี่ยล้วนมีท่าทีตกตะลึง ขณะเดียวกันก็ถึงบางอ้อ ที่แท้ตระกูลหยานโดนปล้นมานี่เอง

จังเฟิงหลิงเองก็ชะงักไปนิดหน่อยจากนั้นความโมโหก็ปะทุออกมา เขาคิดว่าหยานหวูซวงกำลังโกหกหน้าตาย

“หยานหวูซวง ไอ้คนต่ำช้า ดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หอหยานหลิง ถามหน่อยซิว่าใครจะเข้าไปได้”

จิตใจที่นิ่งเฉยมาตลอดของหยานหวูซวงเกิดอาการสั่นไหวด้วยความโกรธ เขาพูดอย่างเย็นชา “จังเฟิงหลิง อย่ามาปฏิเสธ อาวุธในมือแกคือหลักฐาน อย่างดี”

เมื่อจางเฟิงหลิงได้ยินเข้าก็ยิ่งโมโหไปใหญ่จนปอดแทบระเบิด เขาตะโกนเสียงแหลม “หยานหวูซวง แกปิดบังตัวตนไว้ได้ลึกดีเหลือเกินนะ นึกว่าแกเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็พวกต่ำช้าที่ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น โชคดีแล้วที่เทพธิดาเยวี่ยไม่คบกับคนอย่างแก”

เขาไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดนี้เหมือนราดน้ำมันบนกองเพลิง ทำให้จิตสังหารของหยานหวูซวงรุนแรงขึ้นไปอีก ไอ้สารเลวนี่บังอาจพูดถึงเหยาไป๋เยวี่ยในเวลาแบบนี้ ท่าทางจะคิดไม่ซื่อแน่ ๆ

“จังเฟิงหลิง ถ้าแกไม่ส่งดอกบัวจิตวิญญาณมา ต่อให้วันนี้จะพูดจนฟ้าถล่มดินทลายก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ย”

เชร้ง

กระบี่ถูกฟาดฟันลงไป รัศมีกระบี่เปร่งประกายแกร่งกล้าฉีกท้องฟ้ายามราตรีออก

“หยานหวูซวง แกคิดว่าไร้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันจริง ๆ งั้นเหรอ คิดจะรั้งฉันไว้ที่นี่ ไหนดูซิว่าแกมีความสามารถพอหรือเปล่า”

ตู้ม

หมัดเปร่งประกายราวกับสายรุ้งใต้แสงแดดและดุดัน

ฉู่ชวิ๋นเอียงหัวด้วยสีหน้าสงสัย “เทพธิดาเยวี่ย เธอว่าตกลงพวกเขาสู้เพราะดอกบัวจิตวิญญาณหรือเพราะเธอกันแน่น่ะ”

เหยาไป๋เยวี่ยเริ่มกัดฟันกรอดอีกครั้ง

“คุณชายหยาน เขาจะแย่งเทพธิดาเยวี่ยกับนาย จะให้ทนได้ยังไง ถ้าเป็นฉันทนไม่ได้เด็ดขาด” ฉู่ชวิ๋นตะโกนใส่หยานหวูซวง

จังเฟิงหลิงเกือบทนไม่ไหวพุ่งไปฆ่าฉู่ชวิ๋น ไอ้นี่พูดบ้าอะไรออกมา ถ้าพูดกับใครไม่เป็นก็หุบปากไป เขาแค่พูดไปงั้นๆ บอกตอนไหนว่าจะแย่งเหยาไป๋เยวี่ยกับหยานหวูซวง

จอมยุทธ์ทุกคนต่างรู้สึกว่าฉู่ชวิ๋นสมควรโดนอัดมากที่สุด นี่มันราดน้ำมันบนกองเพลิงชัด ๆ

“ว้าว ผู้หญิง 2 คนนั้นไม่ได้ใส่เสื้อผ้า” จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นก็ร้องเสียงหลง

เหล่าจอมยุทธ์มองตามสายตาเขาไป ทันใดนั้นก็ตาค้าง ที่ขอบหน้าต่างชั้น 22 สาวใช้ทั้ง 2 ของจังเฟิงหลิงนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ เท่านั้น บังอะไรไม่ได้เลย

สายตาของจอมยุทธ์ล้วนเฉียบคมมากย่อมมองเห็นทุกอย่างพวกเขาลวมลามสาวใช้ด้วยสายตาซะยกใหญ่ แถมยังมีคนแอบกลืนน้ำลายด้วย

สาวใช้ทั้งสองมีใจให้จังเฟิงหลิงพวกเธอย่อมยืนดูอยู่ริมหน้าต่างอย่างเป็นห่วงแต่เสียงของฉู่ชวิ๋นทำให้พวกนางสะดุ้งรู้ตัวจนรีบถอยออกไป

แต่เสียดายที่มีจอมยุทธ์จำนวนไม่น้อยเห็นไปแล้ว

จังเฟิงหลิงเองก็ตื่นตูมกับเสียงของฉู่ชวิ๋นจึงหันไปมองด้วยสัญชาตญาณ

การประมือของยอดฝีมือ เพียงมิลลิเมตรเสมือนกับพันลี้ รัศมีกระบี่ของ

หยานหวูซวงเฉียดคอเขาไป ถ้าไม่ใช่เขาตอบโตไว ป่านนี้หัวขาดไปแล้ว แต่ที่คอก็ยังปรากฏรอยเลือดรอยหนึ่งอยู่ดี

“ไอ้บ้านนอก แกหุบปากไปเลย” จังเฟิงหลิงรู้สึกปวดตับ ปวดไต และปวดหัวใจ ทำไมบนโลกถึงมีคนแบบนี้อยู่กันนะ

เขาตั้งสมาธิต่อสู้กับหยานหวูซวง ในใจกลับแค้นฉู่ชวิ๋นแทบตาย รอให้จบศึกนี้ไปก่อน เขาจะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี้ให้ได้

“ฉันพูดอะไรไม่ดีเหรอ” ฉู่ชวิ๋นสีหน้าท่าทางเสียใจ

ทุกคนหมดคำพูด แกพูดเยอะเลยละ คำพูดของแกทำให้คนมากมายขนาดนี้ ข่มขืนสาวใช้ 2 คนนั้นทางสายตายังไม่พออีกเหรอ

“จังเฟิงหลิง นายคิดว่าเมืองหยานเซวี่ยเป็นของนายหรือไง อยากจะด่าใครก็ได้ แน่จริงพวกเรา 2 คนมาสู้กันหน่อยดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นท้าทายเสียงดังด้วยใบหน้าไม่ยอมแพ้

จังเฟิงหลิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว แค่หยานหวูซวงคนเดียวเขาก็รับมือลำบากแล้ว ถ้ามีไอ้บ้านนอกเพิ่มเข้ามาอีกคน เขาอาจจะไม่ได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ยจริง ๆ ก็ได้

แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ความแข็งแกร่งของไอ้บ้านนอกนี้เป็นของจริงแต่ถ้าตัวต่อตัวเขาไม่แพ้แน่!

เพราะฉะนั้น เขาเลือกที่จะเงียบต่อคำพูดท้าทายของฉู่ชวิ๋น แล้วอดทนเอาไว้แม้จะปวดท้องปวดหัวไปหมด แต่ค่อยไปเก็บกวาดเอาทีหลังก็ได้

แต่ดูเหมือนฉู่ชวิ๋นไม่คิดจะปล่อยเขาไป เขาพูดต่อเสียงดัง “จังเฟิงหลิง ว่าแต่นายขโมยดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานจริงๆ เหรอ”

จังเฟิงหลิงแทบจะกระอักเลือดออกมา แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“ฉันเชื่อว่าคุณชายหยานไม่ได้โกหก อีกอย่าง ในที่นี้นอกจากนายจะมีใครมีความสามารถพอไปเป็นขโมยของที่ตระกูลหยาน” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมา

จังเฟิงหลิงกัดฟันกรอด ฉันจะอดทนไว้…. ฉันจะอดทนไว้….

“จังเฟิงหลิง เอาอย่างงี้มั้ย ฉันใช้โสมมังกรชื่อเสวี่ยแลกกับใบของดอกบัวจิตวิญญาณได้หรือเปล่า”

“ไปตายซะไป ฉันไม่มีดอกบัวจิตวิญญาณโว้ย!!” เจิงเฟิงหลิงโมโหจนคลั่งและด่าออกไป

“หยาบคาย” ฉู่ชวิ๋นเหล่มองเขา “ไม่แลกก็ไม่แลกสิ จะด่าทำไม พ่อแม่ฉันยังไม่เคยด่าฉันเลย นายมีสิทธิ์อะไร ฉันจะสู้กับนายสัก 800 ยก”

ฉู่ชวิ๋นไม่ได้แกล้งพูด เขาลงมือแล้วจริงๆ มีก้อนหินยักษ์ขนาดเท่าแท่นบดแถวนี้พอดี เขายกขึ้นมาและปาใส่จังเฟิงหลิง

หินยักษ์ขนาดแท่นบดกลายเป็นอุกกาบาต ส่งเสียงฟูฟ่าออกมา

จังเฟิงหลิงหน้าดำคร่ำเครียด หันไปต่อยหมัดใส่หินยักษ์จนระเบิดออก

พรวด

เลือดระเบิดออกจากไหล่เขา เป็นหยานหวูซวงฉวยโอกาสนี้ลงมือนั่นเอง

จังเฟิงหลิงตกใจกลัว คนนึงเป็นตัวหลัก คนนึงคอยสนับสนุน เขาไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้จริงๆ

“ส่งดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์คืนมา” หยานหวูซวงพูดเย็นๆ

“@#¥%……” จังเฟิงหลิงก่นด่าในใจเป็นชุดก่อนจะพูดออกมา “พี่หยาน เรื่องคืนนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ฉันยังไม่ได้ออกไปไหนเลย”

“เข้าใจผิด? อย่างที่สหายท่านนี้พูด นอกจากนายแล้ว ใครจะมีความสามารถบุกเข้าไปในตระกูลหยานของฉันอีก”

“พี่หยาน ต้องมีคนใส่ร้ายป้ายสีแน่นอน ฉันสาบาน หลังจากที่งานเลี้ยงคืนนี้เลิก ฉันก็อยู่ที่โรงแรมตลอด สาวใช้ของฉันเป็นพยานได้” จังเฟิงหลิงรู้สึกมีอะไรอัดอั้นอยู่ที่หน้าอก อยากจะกระอักเลือดออกมา คนทะนงตนอย่างเขามีวันที่ลดมาดลงและยอมอธิบายให้คนอื่นฟังด้วย

“ใครจะเชื่อละ สาวใช้ของนายเป็นพยานให้ ทำไมนายไม่เป็นพยานให้ตัวเองซะเลยล่ะ” ฉู่ชวิ๋นตะโกน

“แกหุบปากไปเลย ไอ้บัดซบ” จังเฟิงหลิงรู้สึกโกรธจนสั่นไปทั้งตับไตไส้พุง

“ก็ได้ ๆ”

ฉู่ชวิ๋นหุบปากจริง ๆ ก่อนที่จะขว้างหินก้อนยักษ์ใส่จังเฟิงหลิง

“อ๊าก” จังเฟิงหลิงคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ เขาเงยหน้ามองฟ้าและคำรามเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ คลื่นเสียงถล่มทลายจนแผ่นดินไหว

หินที่ฉู่ชวิ๋นขว้างออกไปไม่ใช่เล่น ๆ หรอกนะ อย่างกับระเบิดทั้งนั้น

กระบี่ของหยานหวูซวงฟาดฟันออกมากระบี่แล้วกระบี่เล่า รัศมีดาบแกร่งกล้าและเจิดจรัส

จังเฟิงหลิงไม่อาจแยกร่างได้ทำให้โดนการโจมตีนี้เข้าเต็มๆ เลือดสาดกระจาย เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวไม่หยุด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องจบตายอยู่ที่นี่แน่ ๆ

“พี่หยาน เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกันจริงๆ หยุดก่อนแล้วให้ฉันอธิบายได้ไหม ถ้าฉันทำจริงๆ ฉันยอมให้มัดมือแล้วสำเร็จโทษได้เลย”

“ยังมีอะไรต้องอธิบายอีก คุณชายหยานบอกว่าเป็นนายก็ต้องเป็นนาย หรือนายจะบอกว่าเขากล่าวหานายหรือไง” ขณะที่ฉู่ชวิ๋นขว้างก้อนหินไปก้อนเล็กบ้างก้อนใหญ่บ้างเขาก็ยังไม่ลืมที่แขวะ

“อ๊ากก แกกก ฉันจะฆ่าแก” จังเฟิงหลิงบ้าไปแล้วจริงๆ เขาพุ่งไปหาฉู่ชวิ๋นโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น

หยานหวูซวงฟาดกระบี่ รัศมีกระบี่ฟาดใส่หลังของจังเฟิงหลิง

เมื่อเห็นจังเฟิงหลังพุ่งใส่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่หลบ ฉู่ชวิ๋นชกหมัดออกไป ลมจากหมัดโหมกระหน่ำ

ตู้ม

แรงอันน่าสยองกระจายออกมา

พื้นใต้เท้าของฉู่ชวิ๋นระเบิดออก

จังเฟิงหลิงก็โดนแรงระเบิดจนถอยออกไป

พรืด

เลือดสาดกระจาย จังเฟิงหลิงไม่อาจหลบได้จึงถูกรัศมีกระบี่ของหยานหวูซวงฟาดเข้าให้ที่หลัง

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งยากจะทัดเทียม จังเฟิงหลิงคงโดนผ่าครึ่งไปแล้ว

แต่นี่ก็ทำให้จังเฟิงร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาคือจังเฟิงหลิงผู้เลิศเลอนะ จำไม่ได้ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้ว

จังเฟิงหลิงหันขวับไปมองหยานหวูซวงและตะโกนด้วยความโกรธ

“หยานหวูซวง แกก็จะฆ่าฉันให้ได้ใช่มั้ย จะให้ตระกูลหยานและตระกูลจังไม่ตายไม่ยอมเลิกราเลยใช่ไหม?”

ตู้ม

หมัดนึงฉวยโอกาสซัดใส่หน้าเขา ซัดจนเขากระเด็นลอยออกไป

แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นเป็นคนซัดหมัดนี้ ฉู่ชวิ๋นลอบทำร้ายสำเร็จตอนที่จังเฟิงหลิงไขว้เขวไปเรื่องอื่น

“ไอ้บ้านนอกบัดซบ แกตายแน่” จังเฟิงหลิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด หน้าบวมไปครึ่งหน้า

“หนังหนาจริง ๆ ขนาดนี้ยังไม่เป็นไรอีกเหรอ” ฉู่ชวิ๋นตกใจมากก่อนจะพุ่งเข้าไป “แต่ยังกล้าโอหังอีกนะ ฉันจะอัดนายให้ตายเอง”

“สหาย โปรดหยุดก่อน” จู่ ๆ หยานหวูซวงก็เอ่ยปากขึ้น

ฉู่ชวิ๋นหยุดฝีเท้าลงและหันไปมองเขาอย่างสงสัย “คุณชายหยาน นายคงไม่ได้ใจอ่อนใช่ไหม?”

“ฉันแค่อยากให้เขาได้อธิบายก่อนตาย” หยานหวูซวงพูดอย่างเย็นชา

จอมยุทธ์รอบ ๆ พูดอะไรไม่ออกเหมือนเป็นใบ้ นี่จังเฟิงหลิงเลยนะ โดนอัดขนาดนี้ น่าหวาดกลัวจริงๆ

“จังเฟิงหลิง ฉันให้โอกาสนายอธิบาย” หยานหวูซวงชี้กระบี่ยาวไปที่จังเฟิงหลิงและพูดขึ้น “ถ้าอธิบายไม่ชัดเจน ต่อให้ต้องเกิดสงครามระหว่าง 2 ตระกูลขึ้น วันนี้ฉันก็จะฆ่านายให้ได้”

จังเฟิงหลิงรู้แก่ใจแล้วว่าหยานหวูซวงพูดจริงๆ

“พี่หยาน เรื่องนี้มีหลายจุดที่น่าสงสัย ฉันสงสัยว่ามีคนตั้งใจใส่ร้ายป้ายสี”

จังเฟิงหลิงเล่าเรื่องที่โดยลอบทำร้ายที่โรงแรมออกมา

“ใครจะมีความสามารถพอจะลอบทำร้ายจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7” เห็นได้ชัดว่าฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อเรื่องนี้

“แคร่ก”

ทุกคนมองจังเฟิงหลิงอย่างตื่นตระหนก

จังเฟิงหลิงกัดฟันจนฟันแตก ทุกคนมองฉู่ชวิ๋น ยอดคนจริง ๆ บีบคั้นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 จนกัดฟันตัวเองแตกแล้วได้แต่กลืนลงท้อง

จังเฟิงหลิงอยากจะสับฉู่ชวิ๋นให้เป็นชิ้นๆแล้วนึ่งกิน เขาไม่เคยเจอคนปากดี ขนาดนี้มาก่อน เขาสาบานในใจว่าจะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี่ให้ได้ ให้ได้…

ภาพนี้ทำให้หยานหวูซวงและเหยาไป๋เยวี่ยหมดคำจะพูด

“จังเฟิงหลิง ตอนนี้ฉันจะเชื่อคำพูดของนายก่อน แต่มีอย่างนึงที่นายปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็คือหมัดสายฟ้าที่เป็นวิชาเฉพาะของพวกนายตระกูลจัง คนที่ประมือกับฉันใช้หมัดสายฟ้าได้ นายจะอธิบายอย่างไร” หยานหวูซวงกล่าว

“หมัดสายฟ้า?” จังเฟิงหลิงเงยหน้าขวับด้วยสายตาตะลึง “เป็นไปไม่ได้ หมัดสายฟ้าไม่สอนคนนอกเด็ดขาด”

“นายยอมรับแล้วเหรอ?” กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงส่งเสียงออกมาทันที

“เดี๋ยวก่อน ฉันอยากไปดูที่ๆ พวกนายสู้กัน” จังเฟิงหลิงไม่สนแล้วว่า

หยานหวูซวงจะเชื่อไหม ที่เขาสนใจคือมีคนนอกได้วิชาหมัดสายฟ้าไปหรือเปล่า นี่มันเป็นรากฐานของตระกูลจังเชียวนะ เป็นเรื่องอันตรายต่อตระกูลมากๆ

ผ่านไปครู่หนึ่งคนทั้งหมดก็มาถึงนอกเมือง

จังเฟิงหลิงมองหลุมใหญ่ที่พื้น รอบ ๆ หลุมเป็นรอยไหม้เกรียม เหมือนกับ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะการต่อสู้ของจังเฟิงหลิงและฉู่ชวิ๋นที่งานเลี้ยงมาก

“จังเฟิงหลิง นายมีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นมา “ฉันเคยประมือกับวิชาของนายด้วยตัวเอง เหมือนกับอันนี้มากจริงๆ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+